I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 5 โลหิตแท้จริงสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์

| GSDZ (盖世帝尊) | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

แปลไทย : XiaoeyuGao

( ขอแก้ไขตอนที่หนึ่งนะครับ ร่างกายที่พิเศษของพระเอกเปลี่ยนเป็นกายนักปราชญ์บุพกาล )

เพียงเห็นสภาพของ’หวังเชียน’ที่ดูน่าเวทนายิ่ง ‘เต้าหลิง’พลันใช้มือจับไปที่ผลึกหินทองแดงโลหิตอย่างอัศจรรย์ใจ ของสิ่งนี้ไม่ต้องธรรมดาแน่ มิเช่นนั้นผู้คุ้มกันคงไม่ทำถึงขั้นลงไม้ลงมือแน่

ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพลิด พวกมันต่างไม่คิดเลยว่าเฉินต้าไห่จะกล้าลงไม้ลงมือกับนาง นี่เป็นสิ่งที่เกินความคาดเดาของพวกมันจริงๆ

‘หวังเชียน’ระเบิดโทสะออกมาในทันที บริเวณแก้มของนางปรากฏโลหิตซึมออกมา ทั่วร่างสั่นสะท้านเดือด ดาลเป็นฟืนไฟ บริเวณด้านบนหัวของนางปรากฏควันสีเทาลอยขึ้นไป นางโกรธเสียจนใบหน้าผัน เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์น่าหวาดกลัวยิ่ง

และในขณะนั้นเอง ปรากฏผู้อาวุโสท่านหนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง สายตาจ้องมองไปที่เหตุการณ์เบื้องล่าง ใบหน้าที่เหี่ยวย่นเปลี่ยนเป็นขึงขังขมวดคิ้วขึ้นก่อนกล่าวว่า

“ ต้าไห่ เกิดอะไรขึ้น ? ”

“ ท่านผู้อาวุโส มันตบตีข้า ทั้งยังไม่มีเหตุผลอีกด้วย ”

‘หวังเชียน’เปลี่ยนท่าทีเป็นน่าสงสารทันใด ก่อนจะวิ่งเข้าหาผู้อาวุโสแล้วชี้นิ้วไปที่’เต้าหลิง’ ก่อนกล่าวต่ออีกว่า

“ ยังมีมันอีกคน มันกล้าเอาหินผุๆมาหลอกขายข้าในราคาสูง พอข้าบอกให้เฉินต้าไห่ไล่มันออกไป มันไม่เพียงจะไม่ไล่เจ้าคนบ้านั่นออกไป แต่มันยังตบตีข้า ท่านอาฝู๋ ท่านต้องรับผิดชอบให้ข้าด้วย ”

ได้ยินดังนั้นในใจ’เฉินต้าไห่’พลันยิ้มเยาะออกมา นี่เจ้าหาเรื่องตายเองนะ อย่ามาโกรธเคืองข้าแล้วกัน !

“ ต้าไห่ เกิดอะไรขึ้น ? ”

‘เฉินฝู๋’ชักสีหน้าลงทันที สายตายังคงจ้องไปที่’เต้าหลิง’ มันรู้ดีว่าต้าไห่ไม่ใช่คนที่กล้าบ้าบิ่นอะไรเช่นนั้น ทั้งนี้’ต้าไห่’ยังรู้จักกับมันมาร่วมสิบปี มันไม่มีทางฟังคำพูดของสตรีตรงหน้าแน่นอน

‘เฉินต้าไห่’เดินเข้ามาก่อนจะก้มหน้ากระซิบที่ข้างหู’เฉินฝู๋’ เมื่อ’เฉินฝู๋’เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด มันแทบจะระเบิด โทสะออกมาในทันที ผลึกหินทองแดงโลหิตอย่างนั้นหรือ มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีแต่ต้องไปขุดที่เหมืองโบราณในเหวลึกเท่านั้นถึงจะได้มันมา ! แต่ทว่าตอนนี้มันกับถูกนางผู้หญิงโง่คนนี่มองเป็นหินผุๆอย่างนั้นรึ ?

เพียงเห็นใบหน้าของเฉินฝู๋ที่โกรธเกรี้ยว จิตใจหวังเชียนพลันบานสะพรั่งออกทันที นางคิดว่าเฉินฝู๋จะต้อง จัดการเรื่องนี้ให้กับนางได้แน่

แต่ใครเล่าจะรู้ความจริง ทั่วร่างเฉินฝู๋ปลดปล่อยคลื่นพลังที่รุนแรงออกมาด้วยความโทสะ ทำให้พื้นเกิด การสั่นสะเทือนขึ้น มันจ้องมองไปที่หวังเชียนอย่างเคียดแค้น ผู้คนที่ยืนดูอยู่ด้านหลังต่างตัวสั่นเทา ล้วนรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของสิ่งที่เรียกว่าความตาย

“ นางสารเลว ไสหัวออกไปเลยนะ เจ้าถูกไล่ออกแล้ว ไสหัวไป ! ”

‘เฉินฝู๋’กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง ก่อนที่แขนเสื้อของมันจะสะบัดออกไปอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงลมหวืดดังขึ้น ทันใดนั้นร่างของหวังเชียนก็ถูกฟาดจนกระเด็นลอยออกไปในทันที

ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง สายตาของพวกมันล้วนจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มชุดขาวอย่างไม่วางตา สิ่งของที่มันนำมาจะต้องล้ำค่ามากแน่ ถึงขนาดที่ทำให้’เฉินฝู๋’เป็นเช่นนี้ได้ หวังเชียนนางคงจะดูพลาดจริงๆ !

“ ฮ่า ๆ สหายน้อยเจ้าอย่าไปถือสามันเลยนะ ”

‘เฉินฝู๋’พยามซ่อนความฉุนเฉียวเอาไว้ ก่อนจะเดินไปที่เต้าหลิงพลางกล่าวหัวเราะออกมา จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า

“ เด็กรับใช้เมื่อซักครู่มันตาไม่ถึง เจ้าอย่าไปสนใจเลย ตาแก่อย่างข้าจะชดใช้ให้แก่เจ้าเอง ”

“ ใช่แล้ว ความรู้นางยังน้อยนิด ดีที่ข้าเข้ามาเห็นทันพอดี ”

‘เฉินต้าไห่’พยักหน้าก่อนจะกล่าวต่ออย่างเรียบๆแกมหัวเราะว่า

“ ข้าพูดตรงๆเลยนะ ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของล้ำค่าธรรมดา มีแต่ร้านมหาคลังสมบัติของพวกข้าเท่านั้นที่สามารถรับซื้อมันไว้ได้ และอีกอย่างพวกข้าจะได้มีโอกาสชดใช้ให้เจ้าด้วย ”

“ ถูกต้อง ต้องชดใช้แน่นอน สหายน้อยเชิญมาทางด้านนี้ก่อน ! ”

ใบหน้า’เฉินฝู๋’เต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบานสะพรั่งเหมือนดอกเบญจมาศ วัตถุล้ำค่าที่ถูกขุดขึ้นมาจากเหมืองโบราณในเหวลึกอย่างนั้นรึ ต้องเอามาให้ได้เลย !

‘เต้าหลิง’ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า ใช่แล้วพวกมันพูดถูก วัตถุนี้นอกจากร้านมหาคลังสมบัติแล้ว คงจะไม่มีใครรับซื้อมันได้แน่
ในขณะเดียวกันก็ปรากฏสายตาที่เคียดแค้นคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมา ‘หวังเชียน’กำหมัดทั้งสองแน่น ในใจนางคิดขึ้นอย่างเคียดแค้นว่า

“ รอข้าก่อนเถอะ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ ข้ารับรองชีวิตของเจ้าอยู่ไม่ถึงเย็นนี้แน่ ! ”

ขณะนี้’เต้าหลิง’ก็เดินขึ้นมาบนชั้นสอง และมันก็พบว่าบนชั้นนี้ไม่มีคนอยู่เลย ทุกห้องล้วนตกแต่งออกมาได้อย่างสวยงาม เดาว่าคงจะมีไว้รับรองแขกพิเศษแน่

สายตาของ’เฉินฝู๋’จ้องเขม็งไปที่ผลึกหินทองแดงโลหิตอย่างไม่วางตา มันมองอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าอย่างพอใจ ของสิ่งนี้ไม่ผิดแน่ ! จากนั้นมันก็รีบพูดขึ้นต่ออีกว่า

“ ไม่ทราบว่าท่านจะขอแลกเป็นของล้ำค่าชื้นไหนหรือ หรือว่าต้องการจะขายมัน ? ”

“ ให้ข้าก่อนห้าแสนเหรียญทอง ส่วนที่เหลือข้าต้องการเลือดสัตว์อสูรหลากชนิด ยิ่งล้ำค่ามากเท่าไหร่ยิ่งดี และสัตว์อสูรจะต้องแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆตามลำดับ จะให้ดีเอาไปจนถึงขวดที่ล้ำค่าที่สุดเลย ”

‘เต้าหลิง’พูดขึ้น

ได้ยินดังนั้นนัยน์ตาเฉินฝู๋พลันส่องประกายออกมา ก่อนจะรีบพูดขึ้นทันทีว่า

“ ท่านเป็นนักหลอมโอสถอย่างนั้นรึ ? ”

“ อาจารย์ข้าเป็น ”

‘เต้าหลิง’กล่าวคำโป้ปดออกไป นักหลอมโอสถนั้นเป็นอาชีพที่สูงส่งยิ่ง มีเพียงนักหลอมโอสถเท่านั้นถึงจะซื้อโลหิตจำนวนมากมายแบบนี้ไป เพราะว่าโลหิตสัตว์อสูรนั้นสามารถนำไปหลอมโอสถได้นั่นเอง

“ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ”

‘เฉินฝู๋’พยักหน้าเข้าใจ เดาว่าอาจารย์ของมันจะต้องเป็นนักหลอมโอสถที่เก่งกาจแน่ เพราะว่าคนที่สามารถอยู่ในเหมืองโบราณในเหวลึกได้ ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ จากนั้นมันจึงพูดต่ออีกว่า

“ ต้าไห่ เจ้ารีบไปนำเลือดสัตว์อสูรอันล้ำค่าในห้องคลังออกมาเร็ว อย่าลืมล่ะ ต้องให้ตรงกับความต้องการของคุณชายท่านนี้ด้วย ”

“ ขอรับ ”

‘เฉินต้าไห่’รีบพยักหน้าเข้าใจทันที ในใจมันรู้สึกเบิกบานยิ่ง หากการเจรจาค้าขายครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ มันจะต้องได้ส่วนแบ่งไม่น้อยแน่

“ ตามข้ามา ท่านนั่งรอที่ห้องนี้ก่อน ”

‘เต้าหลิง’เดินเข้ามาในห้องที่ตกแต่งสวยงามดูหรูหราโอ่อ่าห้องหนึ่ง ก่อนที่’หลี่ฝู๋’จะชงชาแล้วยื่นให้มันพร้อมกล่าวแกมขบขันว่า

“ นี่คือชาเขียวมรกตที่พึ่งเก็บเกี่ยวมา ท่านลองชิมดู ”

‘เต้าหลิง’พยักหน้าก่อนจะรับชาดังกล่าวมาแล้วดื่มลงไปอึกหนึ่ง ทันใดนั้นมันรู้สึกได้พลังที่นุ่มนวลกำลังแผ่กระจายไปทั่วร่าง ภายในร่างอบอุ่นขึ้นและพลังกายก็เพิ่มพูนขึ้นมาเล็กน้อยด้วย มันอดไม่ได้เลยที่จะชมออกมาว่า

“ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะช่วยเสริมระดับพลังกายด้วย ”

“ ท่านผู้อาวุโส โลหิตสัตว์อสูรในห้องคลังเรามีไม่พอขอรับ ”

‘เฉินต้าไห่’ก้าวฉับฉับเข้ามา พร้อมด้วยในมือประคองถาดอันหนึ่ง ภายในถาดปรากฏเป็นขวดหยกสองขวด ขวดแรกเป็นสีแดงโลหิตประดุจหยก ขวดที่สองเป็นสีฟ้าครามเข้ม นอกจากนี้ยังมีบัตรสีทองอีกหนึ่งใบ

“ นี่คือโลหิตของสัตว์อสูรเกล็ดเลือด ส่วนนี่ก็ของสัตว์อสูรหินฟ้า แม้ราคามันจะไม่สูงนัก แต่พวกมันก็เป็น สัตว์อสูรที่พบเจอได้ยากยิ่ง และนี่ก็ยังมีบัตรห้าแสนเหรียญทองอีกหนึ่งใบด้วย ”

‘เต้าหลิง’ใช้สายตามองแวบหนึ่ง ในใจมันพลันคึกคักขึ้นทันที สัตว์อสูรสองตัวนี้มันเคยได้ยินชื่อมาก่อน ซึ่ง แน่นอนระดับสูงกว่ากิเลนไฟถึงหนึ่งขั้นเลยทีเดียว

“ แต่นี่มันไม่น้อยไปหรอกหรือ ? ”

‘เต้าหลิง’ขมวดคิ้วขึ้นทันที ในใจมันคิดว่าของแค่นี้จะเหมาะสมกับราคาแล้วอย่างนั้นหรือ

“ ท่านไม่ต้องรีบร้อน นี่เป็นเพียงของกำนัลที่มอบให้เท่านั้น อีกประเดี๋ยวของที่ท่านต้องการก็จะมาแล้ว ”

จากนั้น’เฉินฝู๋’ก็รีบพูดต่ออีกว่า

“ ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวไปเอาโลหิตแท้จริงสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ก่อน ”

ได้ยินดังนั้น ในใจ’เต้าหลิง’พลันเต้นระรัวอย่างรุนแรง สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ ! มันเป็นสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง สัตว์อสูรทั่วไปย่อมไม่ใช่คู่มือของมันแน่นอน ดังนั้นโลหิตแท้จริงสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์จึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก ยากที่ใครจะเทียบได้
อีกทั้งมันยังเป็นสิ่งที่หามาได้ยากสุดๆ เพราะว่ามีน้อยคนนักที่จะกล้าประมือกับสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ จึงทำให้โลหิตแท้จริงที่อยู่ในตัวมันเป็นสิ่งล้ำค่ามากนั่นเอง

“ ประเมินมันต่ำไปจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าผลึกหินทองแดงโลหิตจะมีมูลค่าสูงเช่นนี้ ถึงกับแลกเป็นโลหิตแท้จริงสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ได้ ! ”

‘เต้าหลิง’คิดในใจพลางสูดลมหายใจเข้าไปหนึ่งเฮือก ก่อนจะกล่าวต่อด้วยท่าทีเรียบนิ่งไม่กระโตกกระตากว่า

“ ต้องใช้เวลากี่วัน ? ”

“ ข้าต้องรีบไปเมืองชิงโจว ไปกลับประมาณหนึ่งถึงสองชั่วยามได้ ยังไงรบกวนท่านรอข้าก่อนซักครู่ ”

‘เฉินฝู๋’กล่าวอย่างร้อนรน กลัวว่า’เต้าหลิง’จะไม่ยอมรอมัน

“ เมืองชิงโจว ”

‘เต้าหลิง’กำหมัดหลวมๆพลางขบคิด จากที่มันได้ยินมาเมืองชิงโจวนับได้ว่าเป็นเมืองที่ ใหญ่ที่สุดในทวีปชิง ทั้งยังเป็นเมืองโบราณที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีเหล่าจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ที่นั่นอีกด้วย

“ เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้พักผ่อนซักหน่อย ”

พูดจบภายในห้องพลันเงียบลงทันที ‘เต้าหลิง’นั่งรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบโลหิตของสัตว์อสูรเกล็ดเลือดกลอกเข้าปากไป
โลหิตไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว พลังที่แข็งกล้าทะลวงไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ทั่วร่างเต้าหลิงพลันสั่นสะท้าน มันรู้สึกราวกับว่าร่างกายของมันกำลังจะระเบิดออกอย่างไรอย่างนั้น

มันพยามสงบจิตใจลงพร้อมกันกับที่พลังวิชากลืนฟ้าเริ่มโคจรไปทั่วร่างของมัน พริบตาเดียวพลังที่กล้าแกร่งนั้นก็ถูกกำราบลงอย่างง่ายดาย และเริ่มที่จะผันเปลี่ยนเป็นพลังที่สุดยอดกระจายแทรกซึมเข้าไปตามมวลกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อทั่วร่างมันบิดกันอย่างต่อเนื่อง หากสังเกตดีๆ ก็จะเห็นได้ว่าโลหิตสัตว์อสูรนั้นกำลังชำระล้างมวลกล้ามเนื้อของมันอยู่

‘เต้าหลิง’รู้สึกได้ถึงความเร็วของพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งราวกับเหาะได้ พลังทั่วร่างมันปะทุขึ้นก่อนจะทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง

เปรี๊ยะ!

ปรากฏเสียงถั่วทอดระเบิดขึ้นในร่างของมัน มวลกล้ามเนื้อทุกมัดรวมทั้งโลหิตต่างปริออกจนพลังทะลักออกมาอย่างมหาศาลและหลอมรวมเข้าด้วยกัน จนปรากฏเป็นพลังที่กล้าแกร่งออกมากระจายไปทั่วร่าง

ราวครึ่งชั่วยามใหญ่ผ่านไป ในที่สุดพลังที่อยู่ภายในร่างก็ถูกซึมซับเข้าไปจนหมดสิ้น ไม่รอช้า’เต้าหลิง’ก็หยิบขวดที่สองกระดกตามไปในทันที ครู่เดียวโลหิตก็แล่นเข้าสู่ร่างกาย ทว่าผลลัพธ์กลับแสดงออกมาไม่ค่อยชัดเจนซักเท่าไร ดูแล้วพลังคงจะเพิ่มขึ้นไม่มาก

“ เป็นอย่างนี้นี่เอง พลังสัตว์อสูรช่างน่ากลัวจริงๆ แต่ด้วยวิชากลืนฟ้าคงจะดึงพลังที่ซ่อนเร้นของมันเข้าสู่ร่างข้าได้ ”

‘เต้าหลิง’สูดลมหายใจลึก ในใจพลางคิดมันต้องหาโลหิตสัตว์อสูรระดับสูงมาให้ได้ อยากจะรู้นักว่าโลหิตสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์จะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน ?

ปัง !

‘เต้าหลิง’สะบัดหมัดออกไปกลางอากาศจนปรากฏเสียงระเบิดดังขึ้น มวลอากาศโดยรอบระเบิดออกเป็นวงกว้างอย่างรุนแรงจนถึงขั้นสามารถบิดเบือนมวลอากาศจนกลายเป็นสภาวะสุญญากาศได้เลยทีเดียว

“ แข็งแกร่ง พลังกายข้าเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก ความเร็วเช่นนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ ! ”

ใบหน้าของ’เต้าหลิง’ดูยินดียิ่ง ใจมันเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น ใครกันนะที่เป็นคนมอบวิชากลืนฟ้าให้แก่มัน ?

“ กายนักปราชญ์บุพกาล ? มันเป็นแบบไหนกัน ”

‘เต้าหลิง’เม้มปากพร้อมกับใบหน้าที่ดูตกใจเล็กน้อย มันเคยได้ยินแต่ กายจิต กายนักรบและกายจักรพรรดิซึ่งกายเหล่านี้จะมีคุณสมบัติร่างกายที่พิเศษ ส่วนกายนักปราชญ์มันก็เคยได้ยินมาบ้างเล็กน้อย แต่กายนักปราชญ์บุพกาลนี้มันพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

“ ก็คงต้องสืบหาข้อมูลบ้างแล้ว ไม่รู้ว่าคนที่ให้วิชาแก่ข้าจะออกมาเมื่อไหร่ ”

‘เต้าหลิง’กำหมัด ในใจมันรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก และก็หวังว่าซักวันหนึ่งจะได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณเขาคนนั้น
‘เต้าหลิง’ยืนขึ้นพร้อมบิดกายไปด้วย สายตาจ้องมองไปทั่วห้อง จนพบเข้ากับแผ่นไม้หยกอันหนึ่ง หากมองดูแล้วแผ่นไม้หยกนี้จะดูเก่ามาก ทั้งนี้ด้านบนแผ่นไม้ยังมีการคุมตราประทับอยู่ด้วยพร้อมกับลวดลายตัวอักษรที่ส่องประกายแสงออกมา ‘เต้าหลิง’อ่านมันแล้วพูดขึ้นว่า

“ หมัดแยกดารา มันเป็นวิชาระดับไหนกัน ? ”

วิชาต่างๆเหล่านี้สามารถเสริมความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้ ซึ่งที่สำนักชิงซานนับได้ว่ามีน้อยมากๆ มันไม่คิดเลยว่า’เฉินฝู๋’จะนำมันมาวางไว้บนโต๊ะแบบนี้

เพียงมองแวบเดียว ‘เต้าหลิง’ก็รู้สึกสนใจมันเป็นอย่างมาก มันจ้องไปที่ตราประทับนิ้วมือ พลันรู้สึกได้ถึงความแกร่งกล้าของพลังอบอวนอยู่เต็มไปหมด เดาว่าแผ่นไม้หยกนี้คงต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งเอามากๆแน่ที่สลักมันขึ้นมา

ผ่านไปไม่นานประตูห้องก็เปิดออก ก่อนที่’เฉินฝู๋’จะเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กสาวชุดสีม่วงคนหนึ่ง คิ้วสีดำโค้งสวย ลักษณะท่าทางดูอ่อนหวานสวยสดงดงาม ทั่วเรือนร่างนางให้ความรู้สึกที่งดงามและละเอียดอ่อนยิ่ง เพียงเห็นแวบแรกก็ยากที่จะลืมได้ลงจริงๆ

“ หือ ? ”

เพียงเห็น’เต้าหลิง’ที่กำลังมองไปที่แผ่นหยกวิชาหมัดแยกดารา สีหน้าของ’เฉินฝู๋’พลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึง ไม่คิดเลยว่ามันจะสนใจวิชานี้ด้วย

ในขณะที่’เฉินฝู๋’กำลังจะพูดขึ้นนั้น เด็กสาวชุดม่วงก็สะบัดกำไลหยกของนาง ดวงตาคู่โตจ้องมองไปที่’เต้าหลิง’ นัยน์ตานางสั่นไหวเล็กน้อยและแฝงไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

“ เจ้าคนนั้นน่ะ ”

‘เฉินฝู๋’ยื่นปากออกไปโดยปากล่างยื่นออกไปมากกว่า มันสงสัยอยู่ว่านางจะทำอะไรกันแน่ ?

ตามจริงแล้วหมัดแยกดารานั้นก็ไม่ใช่วิชาที่รุนแรงมากมายอะไรนัก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นวิชา ระดับสูง หากคิดจะสำเร็จวิชานี้ในเวลาอันสั้นหละก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่ศึกษามันมาตั้งครึ่ง เดือนแล้วก็ยังใช้มันออกมาได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เว้นเสียแต่จะเป็นยอดอัจฉริยะที่เก่งกาจเท่านั้นถึงจะ สามารถสำเร็จมันได้ในเวลาอันสั้นไม่กี่วัน
_________________________________________________
สำหรับใครที่อยากทราบความเคลื่อนไหวของนิยายแปลเรื่องนี้อย่างแนบชิด สามารถกดติดตามได้ที่เพจ

เพราะบางทีผมติดธุระ ไม่ว่างหลายวันไรงี้
นิยายเรื่องนี้ไม่มีประกาศคั่นระหว่างเนื้อเรื่องนะครับ เพราะบางทีผมก็แอบเซ็งนึกว่ามีตอนใหม่ ที่ไหนได้ประกาศ โอเคตามนี้ครับ

_________________________________________________

ที่มา : http://my.dek-d.com/Xiaoeyugao/writer/viewlongc.php?id=1482468&chapter=5

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments