I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 8 : ทดสอบ

| GSDZ (盖世帝尊) | 838 | 2377 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ขั้นพลัง

1.ขั้นพลังกาย

2.ขั้นซึมซับวิญญาณตอนที่

 

แปลไทย : XiaoeyuGao

 

ภายในห้องแห่งหนึ่งในอยู่ส่วนลึกที่สุดของเขตผู้ยากไร้ มันทั้งเตี้ยและเล็ก แสงสว่างก็ยากที่จะเข้าถึง อากาศภายในก็เปียกชื้น ทันใดนั้นปรากฏแสงสว่างสีทองเปล่งประกายทิ่มแทงออกมาจากห้องแห่งนั้น มองดูแล้วแสบตาไม่น้อย  ภายในห้องปรากฏเงาหนึ่งกำลังปลดปล่อยระลอกคลื่นสีทองออกมา ทั้งยังห่อหุ้มด้วยพลังที่หนาแน่นและแข็งแกร่งยิ่ง ทำเอามวลอากาศโดยรอบต่างสั่นสะเทือน

“ ตั้ม ! ”

ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับที่พลังที่อยู่ในร่างของ’เต้าหลิง’ระเบิดออกมา ระลอกคลื่นสีทองพลันแผ่ขยายตัวออกเป็นวงกว้างหลายเท่าตัว ทำเอาผืนฟ้าผืนดินต่างสั่นสะเทือน ทั่วห้องโอนเอนสั่นไหว ราวกับว่ามันจะถล่มลงมา  เปลือกตาทั้งสองข้างของมันเปิดออก ฉายประกายสีทองโอบล้อมภายในดวงตา พลังทั่วร่างหลั่งทะลักออกมามากมาย ก่อนที่ใบหน้าเล็กของมันจะฉายแววยินดียิ่ง

แข็งแกร่ง ! ความรู้สึกแรกที่เต้าหลิงรู้สึกได้เลยก็คือร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นและพลังที่พรั่งพรูอยู่ภายในมวลกล้ามเนื้อ ราวกับสามารถทำลายภูเขาเล็กให้แหลกได้ในหมัดเดียว บัดนี้ร่างกายมันได้ทำการผลัดเปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อย

และความรู้สึกที่สองก็คือความปั่นป่วน ! พลังที่อยู่ในร่างมันเหมือนกับม้าป่าที่กำลังคลุ้มคลั่ง มันมีความรู้สึกที่ว่าไม่สามารถควบคุมมันได้ อีกทั้งแค่มันบิดกล้ามเนื้อก็รู้สึกเจ็บแล้ว

“ คงจะทะลวงต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ ”

ในเวลานี้พลังของมันทะลวงขึ้นเร็วเกินไป จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนร่างกายเพื่อรองรับพลัง หากยังคงฝืนทะลวงพลังต่อไป ร่างกายมันได้ปั่นป่วนกว่านี้แน่ !

‘เต้าหลิง’ยันกายขึ้น พลางคิดขึ้นในใจว่า มันนั้นเร่งฝืนทะลวงพลังในเวลาอันสั้นมากเกินไป  ซึ่งแน่นอนร่างกายที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อน เป็นธรรมดาที่จะควบคุมพลังได้ไม่ดีนัก แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของมันก็ยังปีติยิ่ง พลังของจู๋เจี้ยนเหลวระดับสี่นั้นแสดงผลได้เกินความคาดหมายของมันจริงๆ

รู้สึกได้เลยว่าร่างกายของมันนั้นราวกับได้เกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น  แม้จะไม่ค่อยมั่นคงซักเท่าไหร่ ทว่าหากฝึกฝนร่างกายให้ดีขึ้นก็จะสามารถใช้พลังนั้นออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

“ จื่ออวี้ ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ  ”

‘เต้าหลิง’หัวเราะเหอะเหอะออกมา และก็คิดย้อนไปถึงช่วงเวลาที่มันทำการซึมซับพลังของจู๋เจี้ยนเหลว นัยน์ตามันฉายประกายออกมาก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วที่มันทำการซึมซับพลังและก็เป็นอีกสามวันที่มันยังไม่เริ่มฝึกวิชาฝ่ามือสุริยันจันทราเลย

วิชาฝ่ามือนี้ให้ความรู้สึกแก่มันอย่างหนึ่งก็คือ ‘ ไม่มีทางฝึกสำเร็จ ’ เพราะว่าจะต้องใช้พลังหยินและพลังหยางสองพลังนี้ในการฝึก ทว่าพลังที่อยู่ในร่าง’เต้าหลิง’นั้นร้อนแบบสุดขั้ว

การจะฝึกวิชานี้ให้สำเร็จได้นั้นจำเป็นต้องจับคู่พลังที่ร้อนแรงสุดๆกับพลังที่หนาวเยือกสุดๆเข้าด้วยกันเท่านั้น และนี่เองก็เป็นสิ่งที่ทำให้เต้าหลิงปวดหัวเอามากๆ  เพราะว่าทั้งสองพลังนี้เดิมทีก็ต่างกันแบบสุดขั้ว และการที่จะเอามันทั้งสองมาบรรจบกันได้นั้น ‘เต้าหลิง’เองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงเช่นกัน

“ คงต้องหาสัตว์อสูรธาตุเยือกแข็งล่ะมั้ง ”

‘เต้าหลิง’เม้มริมฝีปากอย่างครุ่นคิด ตอนนี้มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น บางทีความสามารถของกายนักปราชญ์บุพกาลอาจจะเปลี่ยนคุณสมบัติร่างกายได้ตามต้องการก็ได้ !

“ ตอนนี้ร่างกายของข้าก็คงถึงขีดสุดแล้ว ”

มันคิดเกี่ยวกับร่างกายตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดในใจว่า ‘ บางทีวิชากลืนฟ้าอาจจะช่วยให้ข้าทะลายขีดจำกัดไปก็ได้ ! ‘

“ ต้องรอให้พลังสงบกว่านี้ก่อน แล้วค่อยกินเลือดสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ ! ”

คิดได้ดังนั้นใบหน้า’เต้าหลิง’ก็ฉายแววตื่นเต้นออกมา ก่อนจะพาร่างของมันมุ่งไปที่สำนัก เพราะนี่มันก็ขาดเรียนมาสามวันแล้ว

วันนี้ที่สำนักชิงซานดูครึกครื้นเป็นพิเศษ บางส่วนก็ตื่นเต้นดีใจ แต่ทว่าส่วนใหญ่นั้นจะกังวลจนหน้านิ่วคิ้วขมวดกัน เพราะว่าวันนี้เป็นวันเปิดรับสมัครศิษย์ใหม่เข้าสำนักซิงเฉิน หากแม้แต่การทดสอบในรอบสมัครนี้ยังไม่ผ่านก็ไม่ต้องไปพูดถึงการไปสอบที่สำนักซิงเฉินเลย

สำนักซิงเฉินนั้นเป็นหนึ่งในสำนักที่ใหญ่ที่สุดในทวีปชิง ทั้งยังตั้งอยู่ในเมืองชิงโจวอีกด้วย และด้วยเหตุนี้เองก็ทำให้ผู้คนมากมายต่างอยากจะเข้าเป็นศิษย์สำนักซิงเฉิน ทั้งนี้ในเมืองชิงโจวยังเป็นพื้นที่ที่มีจอมยุทธ์และเหล่าอัจฉริยะเก่งๆมากมายไปรวมกันอยู่ที่นั่น แล้วจะมีที่ไหนในโลกนี้อีกเล่าที่มีทั้งความเจริญและความรุ่งเรืองแบบนี้

ขณะนี้ภายในห้องฝึกดูครึกครื้นยิ่ง เสียงพูดคุยกันดังอย่างต่อเนื่อง ทว่าเพียงพวกมันเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ปรากฏกายขึ้นตรงประตูห้อง ทุกอย่างโดยรอบพลันเงียบลง ก่อนที่เสียงหัวเราะจะระเบิดดังออกมาลั่นห้อง

“ ไอ้ขยะนี่มันไม่ได้มาสำนักหลายวัน ข้าคิดว่ามันจะรู้ตัวเองและลาออกไปแล้วนะ ”

“ ข้าล่ะอยากจะขำให้ฟันร่วงจริงๆ หลายวันมานี้มันไม่มา แต่ตอนสมัครมันกลับมา นี่มันคิดเหรอว่าจะผ่านรอบคัดเลือก ? ”

“ ฮ่าๆ ไอ้เทพนิทรามันยังคิดจะสมัครสอบเข้าอีกเหรอ ? ข้าว่าวันนี้มันต้องเดินละเมอมาแน่ ! ”

“ ดี ไอ้ขยะ ! ”

‘เฉียนอี้’รู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก สายตาที่เย็นเฉียบจ้องเขม็งไปที่’เต้าหลิง’อย่างไม่วางตา ก่อนที่สีหน้ามันจะฉายแววปีติออกมา ตอนแรกมันก็คิดว่าไอ้ขยะนี่คงจะกลัวมันจนไม่กล้ามาเสียอีก ทว่าตอนนี้มันกลับมา คงได้เวลาแก้แค้นแล้ว !

” รอข้าก่อนเถอะ ข้าฆ่าเจ้าแน่ ! ”

จากนั้น’เฉียนอี้’ก็แผดเสียงดังออกมาในใจต่อว่า

“ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายดีแน่ บังอาจมาล่วงเกินข้า เจ้าต้องตาย ! ”

‘เฉียนหลิน’เองก็มองมาที่’เต้าหลิง’ด้วยสายตาเย็นเฉียบ แม้มันจะไม่รู้ว่าไอ้ขยะนี่มันมีพลังขึ้นมาได้อย่างไร ทว่ามันกล้าตบตี’เฉียนอี้’ ก็เท่ากับว่ามันรนหาที่ตายเช่นกัน

หลังจากที่ได้ยินคำดูถูกและเหยียดหยามจากโดยรอบ ‘เต้าหลิง’ก็ใช้มือของมันลูบไปที่คางอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น ทว่าทันใดนั้นมันรู้สึกได้ถึงสายตาที่หนาวเยือกคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมา นี่ทำให้มันรู้สึกหนาวสั่นราวกับหิมะตก ใบหน้าเล็กดูหนักอึ้ง เพราะว่าสายตาคู่นั้นมันคุ้นชินเป็นอย่างดี

‘เต้าหลิง’หันหน้าไปทาง’เยว่อวิ้น’ที่ตอนนี้ใบหน้าของนางแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ ในใจมันหัวเราะแห้งๆออกมาครั้งหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อดเชยชม’เยว่อวิ้น’ไม่ได้ว่าขนาดตอนโกรธนางยังดูน่ามองยิ่งนัก  รูปร่างของเยว่อวิ้นนั้นดูสูงเรียว ผิวขาวละเอียดอ่อน และยังให้ความรู้สึกที่งดงามหยดย้อย ทว่ายามนี้นางกลับโมโหโทสะยิ่ง นี่มันกล้าไม่มาสำนักอย่างนั้นเหรอ ?

นี่เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันไม่สนใจดูแลตัวเองเลย จากนั้นนางก็กล่าวด้วยใบหน้าเย็นชาว่า

“ มานี่ ”

“ อาจารย์ หลายวันนี้ข้ามีธุระ ”

‘เต้าหลิง’กล่าวพลางใช้มือเกาหัวของมัน ตามจริงการไม่มาสำนักนั้นเป็นเรื่องที่ปกติเอามากๆ ทว่ามันกลับไม่คิดเลยว่า’เยว่อวิ้น’จะใส่ใจขยะเช่นมันถึงขนาดนี้ ในใจมันไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือซึ้งใจดี เพราะว่าในสำนักนี้ มีแค่’เยว่อวิ้น’คนเดียวที่เอาใจใส่ตัวมัน

“ ดูที่เจ้าทำสิ ข้าล่ะผิดหวังจริงๆ ”

‘เยว่อวิ้น’ว่าก่อนจะใช้นิ้วเรียวสวยของนางจิ้มไปที่ไหล่ของ’เต้าหลิง’เบาๆ นางไม่กล้าใช้แรงมากนัก หากไม่ระวังแล้วมันกระเด็นไปไกลนางจะทำอย่างไรเล่า ? ทว่าจากนั้นสีหน้าของนางพลันตกตะลึงทันที    ผมสวยของนางแกว่งไหว นิ้วที่ขาวใสของนางจิ้มเข้าไปที่ไหล่ของ’เต้าหลิง’สองสามครั้ง

ทันใดนั้นสีหน้านางพลันฉายแววตกตะลึงประหลาดใจยิ่ง คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย นางรู้สึกได้ถึงมวลกล้ามเนื้อของเต้าหลิงที่บีบรัดกันแน่น ทั้งยังแกร่งกล้าอีกด้วย

“ เต้าหลิง นี่เจ้าพัฒนาขึ้นงั้นเหรอ ? ”

สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นตื้นตันใจทันที เพราะว่านางรู้สึกได้ถึงร่างกายของ’เต้าหลิง’ที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับคนที่ไร้ซึ่งพลังอีกต่อไปแล้ว

“ อืม ข้าพัฒนาขึ้นแล้ว ”

‘เต้าหลิง’พยักหน้าให้นาง ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ

ได้ยินดังนั้น นัยน์ตาเยว่อวิ้นพลันเบิกกว้าง สายตาเพ่งมองไปที่ใบหน้าที่เชื่อมั่นในตัวเองของเด็กหนุ่มตรงหน้า สีหน้าดูยินดียิ่ง นางพยักหน้าก่อนจะกล่าวอย่างดีใจว่า

“ พัฒนาแล้วก็ดี สู้ๆ พยามเข้า ปีหน้าเจ้าต้องเข้าสำนักซิงเฉินให้ได้ ! ”

‘ ไม่ต้องถึงปีหน้าหรอก ปีนี้แหละข้าจะต้องสอบผ่านให้ได้ ’

‘เต้าหลิง’คิดขึ้นในใจ ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวต่อว่า

“ ข้าจะพยามให้มาก ”

“ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าเจ้าจะพัฒนาขึ้น ”

ทั่วทั้งใบหน้าของ’เยว่อวิ้น’เต็มไปด้วยรอยยิ้ม การที่มันพัฒนาขึ้นทำให้นางรู้สึกดีใจและตกใจยิ่ง จากนั้นนางก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะกล่าวว่า

“ แต่ก็น่าเสียดาย ข้าจะต้องกลับสำนักซิงเฉินแล้ว คงจะอยู่ยินดีกับเจ้าได้ไม่นานนัก ทำไมเจ้าไม่มาให้เร็วกว่านี้นะ ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะพาเจ้าไปสำนักซิงเฉินด้วยแล้วแท้ ๆ ”

เพียงเห็น’เต้าหลิง’ที่เดินเข้ามาอย่างสบายใจ คนที่อยู่ในห้องฝึกล้วนตกตะลึงยิ่ง เหตุใดอาจารย์ถึงปล่อยมันไปเล่า ? ‘เฉียนหลิน’ก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชา พร้อมมอง’เต้าหลิง’ด้วยหางตาก่อนจะกล่าว

“ ระวังเถอะ วันนี้เจ้าได้ตายแน่ ใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มซะล่ะ เพราว่านี่จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเจ้าที่เหลืออยู่ ”

“ หรอ ข้าก็กำลังรออยู่เลย ”

‘เต้าหลิง’กล่าวพลางยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะเดินไปที่นั่งของตัวเอง

“ กล้าพูดจาเช่นนั้นกับข้าเรอะ ! ”

‘เฉียนหลิน’กำหมัดแน่น สีหน้าเขียวปัด ก่อนจะคิดในใจขึ้นว่า

‘ ไอ้ขยะ มันกล้าแสดงท่าทีแบบนั้นกับข้างั้นเหรอ คงอยากตายมากล่ะสิ ! รอก่อนเถอะ มีโอกาสเมื่อไหร่ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายอย่างทรมาน ! ’

‘เฉียนหลิน’สูดหายใจลึก ก่อนจะขบกรามคิดในใจต่อว่า

‘ คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้างั้นเหรอ หึ รอก่อนเถอะ ’

ขณะนี้เวลาก็ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามใหญ่ๆ ทันใดนั้นปรากฏผู้อาวุโสท่านหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางฮึกเหิม สีหน้าของรองเจ้าสำนักดูปีติ เพราะว่าบัดนี้ห้องฝึกห้องอื่นๆก็ทำการทดสอบเสร็จเป็นที่เรียบร้อย และที่สำคัญในปีนี้มีศิษย์อยู่สองคนในสำนักที่ทะลวงไปถึงขั้นซึมซับวิญญาณ !

ทว่าที่ทำให้มันประหลาดใจยิ่งก็คือ ‘หวังย่า’ เด็กสาวที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย กลับก้าวเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีใจยิ่ง เพราะว่าคนที่ทะลวงไปถึงขั้นซึมซับวิญญาณแล้ว การจะเข้าสำนักซิงเฉินนั้นเป็นเรื่องที่สบายมาก

“ ศิษย์ทุกคน การทดสอบครั้งนี้เกี่ยวโยงไปถึงคุณสมบัติในการเข้าร่วมการสอบเข้าสำนักซิงเฉินด้วย ดังนั้นใครที่พลังหมัดถึงหนึ่งหมื่นจินถือว่าผ่าน ”

ทันทีที่รองเจ้าสำนักกล่าวจบผู้คนโดยรอบพลันเงียบลงทันที พวกมันล้วนแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะว่าในห้องฝึกนี้มีแค่สองสามคนเท่านั้นที่มีพละกำลังถึงหนึ่งหมื่นจิน การสมัครสอบครั้งนี้คงจะยากเกินไปจริงๆ

“ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ใครรู้ตัวว่ามีพละกำลังไม่ถึง ก็ไม่ต้องมาทดสอบ ”

รองเจ้าสำนักกล่าวจบ ก่อนจะเดินไปนั่งที่นั่งของตนและเริ่มทำการทดสอบทันที    ขณะนี้ภายในห้องฝึกปรากฏคนห้าคนที่กล้าทำการทดสอบกำลังนั่งอยู่ ‘เยว่อวิ้น’มองไปที่พวกมันทั้งห้าแล้วก็รู้สึกผิดหวังยิ่งนัก นางคงล้มเหลวจริงๆ นางสอนศิษย์ตั้งหลายสิบคน

ทว่าแม้แต่คนเดียวก็ไม่มีเลยที่จะทะลวงไปถึงขั้นซึมซับวิญญาณ  จากนั้นนางก็มองไปที่’เต้าหลิง’ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกยินดี สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าขาวสะอาดของเด็กหนุ่ม ในใจก็คิดขึ้นอย่างดีใจว่า

“ แต่ก็ยังดีที่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับมัน นี่ก็ถือว่ายังไม่ล้มเหลวซะทีเดียวหรอก ”

“ ปัง ! ”

ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น หินขนาดใหญ่พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง สายตา’เยว่อวิ้น’จ้องมองไปก็พบว่า’เฉียนหลิน’สามารถผ่านการทดสอบครั้งนี้ได้สำเร็จ แต่ทว่าด้วยพละกำลังแค่นี้ คงจะสอบเข้าสำนักซิงเฉินได้ไม่ง่ายแน่

“ เฉียนหลิน หนึ่งหมื่นหนึ่งพันจิน ! ”

รองเจ้าสำนักพยักหน้าเบาๆ ในใจมันรู้สึกหยาม’เยว่อวิ้น’เล็กน้อย แม้ว่านางจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในสำนักซิงเฉิน อีกทั้งวรยุทธ์นางยังสูงส่ง ทว่าเรื่องการสั่งสอนศิษย์นั้น นางยังอ่อนไปหน่อย

ใบหน้า’เฉียนหลิน’เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มันรู้สึกภูมิใจยิ่งเมื่อทุกคนโดยรอบต่างมองมาที่มันด้วยแววตาอิจฉา ทั่วร่างมันระเบิดพลังออกมาเป็นคลื่นลม ราวกับว่าตัวมันนั้นเป็นเทพเจ้าที่กำลังมองต่ำลงไปที่ผู้คนโดยรอบก็มิปาน  ในขณะที่มันกำลังภูมิใจอยู่นั้น เปลือกตามันพลันกระตุกขึ้นทันใด

สายตาจ้องเขม็งไปที่’เต้าหลิง’ ไอ้ขยะนี่มันจะยืนทำไมกัน ทั้งยังเดินไปที่หินยักษ์อีกด้วย มันคิดจะทำอะไร ?  ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง ทุกสายตาล้วนจ้องไปที่เต้าหลิง ไอ้เทพนิทรา มันคิดจะทำอะไร ?

“ เต้าหลิงนี่เจ้าละเมออยู่หรือเปล่า ? รีบลงไปเร็ว นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า ”

“ ใช่แล้ว รีบลงไปซะ อย่ามาทำให้ห้องฝึกของพวกข้าต้องขายหน้า ทั้งๆที่พละกำลังเจ้าเป็นศูนย์ยังจะกล้ามาอีก ระวังจะตายเอาล่ะ  ”

ทันใดนั้นผู้คนโดยรอบต่างหัวเราะเยาะออกมาลั่น ‘เยว่อวิ้น’ขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ สายตาจ้องมองไปที่ใบหน้าของ’เต้าหลิง’ที่ดูมั่นใจในตัวยิ่ง มันจะทำได้จริงๆหรอ? หรือว่ามันจะเป็นม้ามืดกันนะ ?

“ เจ้าขึ้นมาทำอะไร ? รีบลงไปซะ ”

สีหน้ารองเจ้าสำนักดูขึงขังทันที ไอ้เด็กคนนี้มันใช่เทพนิทราหรือเปล่านะ ? แล้วมันมาทำอะไร ? นี่มันฝันว่ากำลังทดสอบอยู่หรือเปล่า ?

“ ท่านรองเจ้าสำนัก ข้ามาทดสอบพลังหมัด ”

‘เต้าหลิง’มองไปที่มันก่อนจะกล่าวขึ้น ผู้คนโดยรอบพลันเงียบลงทันที พวกมันต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ไอ้ขยะนี่มันกินยาผิดขวดหรือเปล่า ถึงได้กล้าขึ้นมาทดสอบพละกำลัง มันไม่กลัวว่าท่านรองเจ้าสำนักจะเห็นพลังศูนย์จินของมันหรอกหรือ อย่างมันโดนแค่ฝ่ามือเดียวก็ตายแล้ว

“ อย่างเจ้ายังจะทดสอบอีกเรอะ รีบลงไปได้แล้ว ข้าไม่ว่างที่จะมาเล่นกับ…. ”

ในขณะที่รองเจ้าสำนักกำลังพูดอยู่นั้นใบหน้ามันพลังขึงขังทันที ไอ้เจ้าเด็กนี่ไม่ยอมฟังเลย ยังดื้อดึงจะทดสอบให้ได้    บางคนก็ทำใจไม่ได้ใช้มือปิดตาไว้ เพราะไม่อยากจะเห็นเลือดที่ทะลักออกมา….

‘เต้าหลิง’กำหมัดแน่น สายตาจ้องไปที่หินยักษ์อย่างแน่วแน่ ก่อนจะปล่อยหมัดพุ่งอัดเข้าใส่หินอย่างจัง หินทั่วทั้งก้อนพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่หินยักษ์ พละกำลังนี่มันอะไรกัน !?

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments