I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 11 โอสถเหลวจี๋เซียน

| GSDZ (盖世帝尊) | 1211 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทย : XiaoeyuGao

ภายในห้อง ขณะนี้’เต้าหลิง’กำลังใช้มือที่แข็งกระด้างถอดเสื้อออก หากคนที่สำนักชิงซานเห็นฉากนี้เข้า คาดว่าคงได้เป็นที่อิจฉาตาร้อนแน่ ‘เยว่อวิ้น’ควานหาบางสิ่งครู่หนึ่ง ก่อนที่ในมือของนางจะปรากฏขวดหยกสีแดงขึ้น นางยิ้มเบาๆแล้วกล่าว

“ นี่เป็นโอสถทิพย์ที่ข้าเคยปรุงเมื่อก่อน สามารถที่จะเปิดพลังแฝงในร่างได้ และนี่มันก็จะช่วยแก้ไขปัญหาของเจ้าได้ด้วย ”

ได้ยินดังนั้นนัยน์ตา’เต้าหลิง’พลันฉายแววตกใจออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าตกตะลึงว่า

“ ท่านเป็นนักหลอมโอสถหรือ ? ”

“ แน่นอนสิ ”

‘เยว่อวิ้น’กล่าวด้วยใบหน้าภูมิใจ และยังมีความอวดดีแฝงมาด้วยนิดๆ ‘เต้าหลิง’กำหมัดเบาๆ มันยอมรับเลยว่าตกใจเล็กน้อย เพราะว่านักหลอมโอสถนั้นหาได้ยากยิ่ง ทั่วทั้งสำนักชิงซานแม้แต่คนเดียวก็ยังไม่มี คนพวกนี้มีความสามารถที่สุดยอดมากๆ และจู่เจี้ยนเหลวระดับสี่ที่มันพึ่ง ซึมซับไปเมื่อหลายวันก่อน ก็ต้องเป็นนักหลอมโอสถเท่านั้นถึงจะสามารถหลอมมันขึ้นมาได้

นักหลอมโอสถในโลกนี้นับว่ามีน้อยมากๆ พวกมันสามารถหลอมได้ทั้งโอสถเม็ดและโอสถเหลวที่ทำให้ผู้คนต่างอิจฉาได้ ยกตัวอย่างเช่นจู่เจี้ยนเหลวระดับสี่ หากใครสามารถหลอมมันขึ้นมาได้ ไม่ว่ามันผู้นั้นจะไปที่ใดก็จะมีแต่พวกชนชั้นสูงมารอต้อนรับเสมอ ‘เต้าหลิง’เองก็ไม่คิดเลยว่า’เยว่อวิ้น’จะเป็นนักหลอมโอสถที่เล่าลือกันมา

คนพวกนี้จะมีความมั่งคั่งยิ่ง เพราะว่าไม่ว่ามันจะหลอมโอสถเหลวหรือโอสถเม็ดออกมา ก็สามารถเอาไปขายในราคาที่สูงได้ เพียงเห็นใบหน้าที่ที่ตกตะลึงของเต้าหลิง แก้มที่ชวนน่าหลงใหลของ’เยว่อวิ้น’พลันยกขึ้น ริมฝีปากแดงสวยฉีกขึ้นยิ้มออกมาเล็กน้อย นางรู้ดีว่าเรื่องที่นางเป็นนักหลอมโอสถนี้จะต้องทำให้ไอ้เด็กหัวอ่อนคนนี้ตกตะลึงไปไม่น้อยแน่

เพราะว่าแม้แต่สำนักซิงเฉินเองก็มีนักหลอมโอสถเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ‘เต้าหลิง’ถอนหายใจออกมาก่อนจะกล่าวด้วยแววตาลุกโชนว่า

“ ข้าจะเป็นนักหลอมโอสถได้หรือไม่ ? ”

ได้ยินดังนั้น ใบหน้าที่ขาวเนียนของ’เยว่อวิ้น’ก็เปลี่ยนเป็นเศร้าใจทันที ก่อนจะโบกมือแล้วกล่าว

“ เจ้าอย่าไปฝันเลย เจ้าคิดว่าการจะเป็นนักหลอมโอสถมันง่ายรักหรือไง? ทั่วทั้งทวีปชิงมีนักหลอมโอสถเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และแน่นอนส่วนใหญ่ก็เป็นแค่นักหลอมโอสถฝึกหัดด้วย ”

“ แล้วถ้าข้าอยากจะเป็นนักหลอมโอสถ มันยากมากไหมขอรับ ? ”

‘เต้าหลิง’ถามขึ้น หากตัวมันสามารถเป็นนักหลอมโอสถได้ คงไม่ต้องขัดสนเรื่องเงินแน่ นักหลอมโอสถแต่ละคนล้วนร่ำรวยยิ่ง หากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะไม่ต้องขาดแคลนทรัพยากรในการฝึกอีกต่อไป

“ จะว่ายากก็ไม่ยาก จะว่าง่ายมันก็ไม่ง่ายนะ ”

ขนตาของนางกระตุกอยู่ทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างยอมใจว่า

“ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติร่างกายที่พิเศษนิดนึง คือต้องมีคุณสมบัติธาตุไม้และไฟ และแน่นอนคนที่มีร่างกายที่พิเศษแบบนี้มีแค่หนึ่งในหมื่นเท่านั้น   ”

“ ไม้และไฟ ? ”

นัยน์ตา’เต้าหลิง’ลุกโชนขึ้นมาทันที คุณสมบัติร่างกายของมันไม่แน่บางทีอาจจะทำได้ก็ได้…

“ ตามนั้นแหละ เจ้าก็อย่าไปคิดอะไรให้เยอะเลย นักหลอมโอสถมีน้อยมากๆ ก็คงเป็นเพราะว่าไม่ผ่านเงื่อนไขนี้นั่นแหละ ”

‘เยว่อวิ้น’ยิ้มแห้งๆออกมา ก่อนจะเปิดขวดหยกนั้นออก ทันใดนั้นปรากฏกลิ่นรุนแรงอบอวนออกมาทันที ด้านในขวดหยกนี้เป็นโอสถเหลวสีแดง เหมือนกับหินหนืดก็มิปาน ทั้งยังปล่อยไอร้อนออกมาเต็มไปหมดอีกด้วย

‘เยว่อวิ้น’เม้มริมฝีปาก และใช้นิ้วแตะไปที่โอสถเหลวสีแดง ก่อนจะนำไปทาที่ผิวหนังของ’เต้าหลิง’แล้วกล่าวขึ้นว่า

“ เจ็บนิดนึง ทนเอาหน่อยนะ ”

นางกล่าวจบ โอสถเหลวสีแดงก็ซึมไปที่ผิวหนังของมันและเริ่มแผ่ไอร้อนประดุจไฟแผดเผาออกมา ร่างของ’เต้าหลิง’เริ่มปริออก รู้สึกว่ามีพลังที่เผ็ดร้อนกำลังรามไปทั่วแผ่นหลัง ราวกับว่าผิวหนังของมันนั้นกำลังถูกไฟแผดเผาก็มิปาน     ผิวหนังมันกลายเป็นสีแดงเผ็ดร้อน รูขุมขนขับเหงื่อสีแดงออกมา

มันรู้สึกราวกับว่ามีมดจำนวนมากกำลังเจาะเข้าไปในผิวหนังของมันอย่างรวดเร็ว

“ มันได้ผล ”

นัยน์ตา’เยว่อวิ้น’เป็นประกายขึ้นทันที ใบหน้าสวยฉายแววยินดีออกมา ราวกับว่าเห็นว่า’เต้านั้นหลิง’เป็นหนูทดลองของนาง จากนั้นนางก็เริ่มหยดโอสถเหลวลงบนผิวหนังมันอย่างรวดเร็ว ‘เต้าหลิง’รู้สึกว่าทั่วร่างมันกำลังลุกไหม้ เจ็บปวดไปทั้งกาย อวัยวะภายในราวกับว่าถูกแผดเผาทั้งหมด

มันขบกรามแน่น ไม่มีทางร้องโอดครวญออกมาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคงได้อับอายไม่น้อย ภายใต้การกระตุ้นของตัวยา พลังที่หลับใหลในร่างของมันก็ค่อยๆหลั่งไหลออกมา ทุกๆเส้นพลังจะมีพลังที่แฝงอยู่ในนั้นจำนวนมาก ทว่ามันก็ไม่ได้รุนแรงเท่าไรนัก เวลานี้ฤทธิ์ของโอสถเหลวก็เริ่มทำงาน

โดยการเปลี่ยนเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมพุ่งชอนไชเข้าไปในผิวหนังของมัน ผิวหนังของมันสั่นไหวและส่งเสียงดังออกมา มันรู้สึกว่าผิวหนังด้านนอกของมันจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วประดุจหินหนืดก็มิปาน   อีกทั้งพลังที่อยู่ในโอสถเหลวสีแดงมีความประหลาดยิ่ง มันชอนไชอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ผิวหนังชั้นในของ’เต้าหลิง’

ทำให้พลังที่ซ่อนอยู่ตามผิวหนังชั้นนอกทั่วทั้งร่างของมันขยายพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากจนถึงขีดสุด เพียงเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ‘เต้าหลิง’ดูตกใจเล็กน้อย มันคิดว่าผลลัพธ์ของโอสถเหลวชนิดนี้กับวิชากลืนฟ้ามีความคล้ายคลึงกันเล็กน้อย เพียงแค่โอสถเหลวมีความสุดยอดอยู่มากๆ

สามารถดึงพลังจำนวน มากออกมาได้ และยังสามารถนำพลังมาหลอมรวมกันไว้ในร่างได้อีกด้วย       พลังที่อยู่ในร่างนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งโอสถเหลวสามารถนำพลังนั้นมาเปลี่ยนเป็นพลังลึกลับเชื่อมเข้ากับพลังแฝงในร่างได้

แต่ทว่าหลังจากนี้จะต้องฝึกจิตดึงพลังออกมาใหม่ และนี่ก็เป็นข้อเสียของมันอย่างหนึ่ง

“ เจ้านี่ได้กำไรไปเยอะเลยนะ ”

สายตาของ’เยว่อวิ้น’นั้นมองดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมันตลอด และก็อดคิดขึ้นในใจไม่ได้ ส่วนประกอบของโอสถเหลวนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่ง มีเพียงขุมพลังอำนาจขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะได้เก็บรักษามันไว้ แม้ว่ามันจะมีข้อเสียนิดหน่อย ทว่าผลที่ได้ก็สามารถทำให้สั่นสะเทือนได้ทั้งปฐพีเลยทีเดียว

และแม้ว่าราคาของโอสถเหลวนี้จะไม่สูงมากนัก ทว่าผลลัพธ์ของมันกลับยอดเยี่ยมสุดๆ สามารถทะลวงขั้นพลังกายไปจนถึงขีดจำกัดได้ ! ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ มันสามารถทำให้ขุมพลังอำนาจใหญ่ๆจำนวนมากเกิดอาการน้ำลายสอกันเลยทีเดียว และแน่นอน ‘ขีดจำกัด’ ที่ว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ทางร่างกายของแต่ละคนด้วยว่าจะดีเพียงใด

ร่างกายของ’เต้าหลิง’นั้นมีการเปลี่ยนปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น พลังที่แกร่งกล้าในร่างมันเริ่มที่จะเปิดออก และหลอมรวมกันอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะแล่นเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง ทำให้มันรู้สึกได้ว่าร่างกายของมันนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นเอง

สามชั่วยามผ่านไป นัยน์ตา’เยว่อวิ้น’ฉายแววตกตะลึงเล็กน้อย นางมองไปที่ผิวหนังของมันที่บัดนี้ฟื้นฟูได้รวดเร็วยิ่ง คิ้วขมวดขึ้นก่อนจะกล่าว

“ พลังแฝงของเจ้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นนิดนึงนะ น่าจะยังพอทะลวงต่อไปได้อีก ”

จากนั้นนางก็นำโอสถเหลวที่เหลืออยู่เทลงไปจนหมด ก่อนจะปัดมือแล้วกล่าวว่า ( ไม่รู้ว่าเททิ้งหรือเทใส่หลัง เค้าแต่งมาแค่นี้ )

“ นี่น่าจะใกล้เคียงแล้วนะ คุณสมบัติร่างกายของคนปรกติแค่ครึ่งขวดก็ถึงขีดจำกัดแล้ว คุณสมบัติร่างกายเจ้าก็ไม่ได้พิเศษอะไร โอสถเหลวขวดนี้น่าจะช่วยให้ร่างกายของเจ้าทะลวงไปจนถึงขีดสุดแล้ว ถึงตอนนี้เจ้าก็สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณได้แล้วนะ  ”

โอสถเหลวนี้ถูกขุมพลังอำนาจใหญ่ต่างๆเรียกว่าโอสถเหลวจี๋เซียน เพราะว่าพรสวรรค์ของทุกคนนั้นมีขีดจำกัด และโอสถเหลวนี้ก็สามารถทำให้ร่างกายทะลวงไปจนถึงขีดจำกัดพรสวรรค์ของร่างกายได้ !

แต่ว่าขีดจำกัดของร่างกาย’เต้าหลิง’ จะมีแค่นี้จริงหรอ ? เวลานี้พลังที่อยู่ในร่างกาย’เต้าหลิง’ก็เริ่มที่จะทะลักออกมา และเปลี่ยนเป็นกระแสพลังบริสุทธิ์หลอมรวมเข้ากับร่างกาย จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่การฝึกจิต  ……..

ทั้วทั้งสำนักชิงซานเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นทันที ไม่ว่าจะที่ใดก็จะมีแต่การพูดคุยกันถึงเรื่องของไอ้เทพนิทรา พวกมันล้วนไม่คิดเลยว่า’เต้าหลิง’จะผ่านการทดสอบ ไอ้ขยะมันทดสอบผ่านได้อย่างไร ? นี่ทำให้พวกมันรู้สึก ราวกับฝันไป

ภายในป่าขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ปรากฏเด็กสาวชุดสีฟ้าคนหนึ่งเดินออกมา ทั่วร่างนางปลดปล่อยพลังที่แกร่งกล้าออกมา มวลกล้ามแต่ละมัดล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังที่พรั่งพรู ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนล้วนต้องทำให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน

จอมยุทธ์ที่ทะลวงไปถึงขั้นซึมซับวิญญาณนั้นแข็งแกร่งยิ่ง หากสามารถทะลวงได้สำเร็จ ร่างกายก็จะเปี่ยมล้นไปด้วยพลังที่แกร่งกล้า หรือแม้กระทั่งเชื่อมต่อกับพลังฟ้าดินได้ วรยุทธ์ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ขั้นพลังกายจะสามารถรับมือได้เลย ก็นับได้ว่าแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทวีปชิงอย่าง’ชิงอี้เฟย’ ที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นพลังกาย

ซึ่งมันสามารถรับมือกับจอมยุทธ์ที่พึ่งจะก้าวเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณได้แค่นั้น !

ศิษย์โดยรอบต่างมองไปที่’หวังย่า’ด้วยแววตาทั้งหวาดกลัวและเคารพ พวกมันต่างไม่คิดเลยว่า’หวังย่า’จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณได้ หากพวกมันสามารถทะลวงไปได้บ้าง การเข้าสำนักซิงเฉินก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงเห็นสายตาโดยรอบที่มองมา ใบหน้าสวยของหวังย่าก็ฉายแววภูมิใจออกมาทันที

ที่นางมีวันนี้ได้ ก็คงต้องขอบใจผลึกหินฟ้านั่นเป็นอย่างมากเลยล่ะ

“ ได้ข่าวเหมือนกันหรือป่าว ไอ้เทพนิทรามันทดสอบผ่าน ไม่น่าเชื่อจริงๆเลย หรือว่าสวรรค์จะคอยช่วยเหลือมัน ? ”

“ ใช่แล้ว ข้าก็ได้ข่าวมาเหมือนกัน แต่ข้าว้ามันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นะ มันก็คงจะโชคดีเท่านั้นแหละ เกณฑ์การรับศิษย์ของสำนักซิงเฉินสูงมากเลยนะ มันอยากจะเข้าสำนักซิงเฉินเหรอ เหอะ คงได้แต่เพ้อฝันเอานั่นแหละ ”

ทันทีที่คำพูดดังกล่าวแล่นเข้าไปในหู สีหน้า’หวังย่า’พลันดูแย่ลงทันที เทพนิทรามันยังไม่ตายงั้นหรอ ? ทำไมมันยังไม่ตาย ?

“ บัดซบ ! ”

‘หวังย่า’โกรธจนตัวสั่นสะท้าน มิน่าล่ะเมื่อหลายวันก่อนถึงไม่ได้ข่าวการตายของไอ้เทพนิทราเลย ที่แท้มันก็ซ่อนตัวอยู่นี่เอง ทั้งยังทดสอบผ่านอีกด้วย นางรับไม่ได้ ไอ้ขยะนี่มันทำได้ยังไงกัน ?

“ พี่ได้ข่าวหรือป่าว ? ”

‘หวังย่า’เดินเข้ามาด้วยสีหน้าสุขุม ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องตาย หากเรื่องของผลึกหินฟ้าแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของนางคงได้ป่นปี้ไม่น้อยแน่

‘หวังหลิ่ง’พยักหน้า ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า

“ คิดไม่ถึงจริงๆ ไอ้ขยะนี่มันยังไม่ตาย ทั้งยังกล้ากลับมาอีก ดูแล้วคงจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแน่ รนหาที่ตายจริงๆ ! ”

‘หวังหลิ่ง’ตัดสินโทษประหารให้มันทันที ก่อนจะกล่าวยิ้มเยาะว่า

“ ขยะยังไงก็เป็นขยะ คงไม่รู้ระดับความต่างระหว่างพวกเรา ในเมื่อมันกล้ามา ข้าก็จะให้มันได้ตายสมใจ !  ”

“ พี่ ไอ้ขยะนี่มันเงยหน้าอ้าปากได้แล้ว ทั้งยังผ่านการทดสอบอีกด้วย จะฆ่ามันก็ต้องหาวิธีดีๆหน่อยนะ  ”

‘หวังย่า’ขบฟันกล่าวออกมาอย่างเกลียดแค้น ‘หวังหลิ่ง’ขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วกล่าวว่า

“ เช่นนั้นมันก็ง่ายมาก มันใฝ่ฝันจะเข้าสำนักซิงเฉินให้ได้ใช่ไหมล่ะ หึ รอตอนสอบเข้าก่อน นั่นแหละเวลาตายของมัน !  ”

“ แต่ด้วยผลึกหินฟ้าของมัน ข้าจะให้มันตายสบายๆหน่อยล่ะกัน มันคิดจะเงยหน้าอ้าปากงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ !  ”

สีหน้า’หวังหลิ่ง’เขียวปัด ‘เต้าหลิง’ไม่ได้อยู่ในสายตาของมันแม้แต่น้อย ทว่าเรื่องของผลึกหินฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มีแต่ต้องฆ่ามันเท่านั้นเรื่องนี้ถึงจะไม่แพร่งพรายออกไป

หากไม่ระวังมีคนรู้เข้า คงได้เกิดการแย่งชิงกันขึ้นในตระกูลแน่ และพวกมันทั้งสองก็คงจะไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรเลย

“ พี่มีวิธีก็ดีแล้ว ”

ใบหน้าที่ขึงขังของหวังย่าพลันหายไปทันที ก่อนที่ใบหน้าปีติจะมาแทนที่ นางแสยะยิ้มออกมาแล้วกล่าว

“ ในเมื่อมันอยากขุดหลุมให้ตัวเองก็ปล่อยให้มันทำไป ”

_________________

ปล. จี๋เซียน มาจาก 极限 จี๋เซี่ยน แต่มันออกเสียงยากเลยเป็น จี๋เซียน แปลว่าขีดจำกัดครับ

ปล.2ตอนนี้เป็นตอนของเมื่อวาน ของวันนี้งดครับ เนื่องจากอารมณ์ไม่ปรกติ

ช่วงภาษาจีนตอนละคำ早上好 เจ่าซ่างห่าว – สวัสดีตอนเช้า

( ที่ทำช่วงนี้ขึ้นเพราะอยากเผยแพร่ภาษาจีนให้คนไทยได้รู้ครับ เพราะภาษาสมัยนี้สำคัญมาก แล้วเด็กในเว็บนี้เยอะด้วย ลองอ่านตามแล้วจำดูครับ ผู้แปลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหล่ารีดเดอร์ทั้งหลายจะพูดภาษาจีนได้ครับ )

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments