I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 13 ครึ่งก้าวขั้นซึมซับวิญญาณ

| GSDZ (盖世帝尊) | 1077 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทย : XiaoeyuGao

แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมา ทะลุผ่านหน้าต่างส่องไปที่ใบหน้าอ่อนวัยของมัน ใบหน้าของมันอมยิ้มขึ้น รู้สึกได้ถึงความสำเร็จที่ได้รับใช่ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ขณะนี้พลังที่อยู่ในร่างกายสงบนิ่งลง ‘เต้าหลิง’เปิดเปลือกตาขึ้น พลันเหล่เห็นสายตาของ’อาเป๋’ที่มองมา มันหันหน้าไปที่พ่อของมันก่อนจะกล่าวขึ้น

“ เตี่ยกำลังทำอะไร ? แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”

“ กระต่ายน้อย นี่เจ้าเริ่มฝึกวิชาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ”

‘อาเป๋’ส่งเสียงหึในลำคอก่อนจะพูดต่อ

“ เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าเจ้าฝึกวิชาไม่ได้หรอกหรือ ? แล้วทำไมตอนนี้พลังของเจ้าถึงได้เพิ่มขึ้นมาเร็วนัก ? เจ้าไปกินอะไรมา ? ”

“ ก็เมื่อหลายวันก่อน ข้าได้เรียนวิชาลึกลับวิชาหนึ่งมา ”

จากนั้น’เต้าหลิง’ก็กล่าวด้วยใบหน้าดีใจต่อว่า

“ จากนี้ท่านไม่ต้องขุดแร่อีกแล้วนะ ข้าจะหาเงินมาให้ได้ด้วยลำแข้งของข้าเอง  ”

“ ขุดแร่ ? ”

ทั่วใบหน้า’อาเป๋’เต็มไปด้วยความตกตะลึง ขุดแร่ที่ไหนกัน นั่นเรียกขุดสมบัติต่างหากเล่า ทว่าในตอนที่ได้ยินว่า’เต้าหลิง’พูดว่าได้วิชาหนึ่งมา ‘อาเป๋’ก็คิดว่าคงจะเป็นลิขิตแห่งสวรรค์ มันก็เลยไม่ได้ถามอะไรมาก

“ ก็ใช่ไงเตี่ย ว่าแต่แร่ที่อยู่ในบ้านเรามาจากไหนหรอ ? มันราคาสูงมากเลยนะ ! ”

นัยน์ตา’เต้าหลิง’ลุกโชนขึ้น แค่ผลึกหินทองแดงโลหิตก็มีค่าขนาดนั้นแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าของล้ำค่าที่เหลืออยู่จะมีค่ามากเท่าใด !

“ ในเหมืองน่ะมีเยอะมากเลยนะ ”

สีหน้าของ’อาเป๋’ดูภูมิใจขึ้นทันที เพราว่าแร่หินเหล่านี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถขุดมันขึ้นมาได้ แร่แต่ละชิ้นที่มันขุดขึ้นมาล้วนไม่ธรรมดา สามารถเจียระไนออกมาเป็นสมบัติล้ำค่าได้

“ ของเหล่านี้อย่าให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด มิเช่นนั้นคงได้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นไม่น้อยแน่  ”

‘อาเป๋’นำเข่งแร่ออกมา สายตามองสำรวจไปที่แร่หินจำนวนหลายสิบก้อนด้วยสีหน้ากังวลยิ่ง และที่มันนำแร่ทั้งหมดมาไว้ในบ้าน ก็เป็นเพราะว่ามันกลัวว่ามันจะต้องตายอยู่ในเหมืองและไม่ได้กลับมานั่นเอง

“ อันนั้นข้ารู้ ”

‘เต้าหลิง’พยักหน้าเข้าใจ ในตอนที่มันขายผลึกหินทองแดงโลหิตให้ร้านค้ามหาคลังสมบัตินั้น มันก็เกือบทำพลาดแล้วเหมือนกัน แร่หินเหล่านี้มันรู้ดีว่าล้ำค่ามากแค่ไหน  หากไม่ถึงขีดสุดจริงๆ มันก็ไม่มีทางขายเด็ดขาด เก็บเอาไว้ยังมีประโยชน์กว่าเลย

“ นี่เตี่ย อีกไม่กี่วันข้าก็จะไปเข้าสอบที่สำนักซิงเฉินแล้วนะ เตี่ยจะไม่ไปเมืองชิงโจวด้วยกันกับข้าจริงๆหรอ ? ”

‘เต้าหลิง’กล่าวอย่างมีความหวัง ในใจคิดเงินที่ขายแร่หินได้มานั้น สามารถไปซื้อห้องขนาดใหญ่ที่เมืองชิงโจวได้หนึ่งห้องเลย ‘อาเป๋’ใช้นิ้วแคะหู ในหัวพลางขบคิดไปด้วย ผ่านไปครู่หนึ่งมันก็พูดขึ้นว่า

“ ที่เมืองชิงโจวมีสถานที่หนึ่งชื่อว่าหอคอยทงหลิงซึ่งมันจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย หลังจากที่เจ้าไปถึงสำนักซิงเฉินแล้วก็ให้ไปฝึกที่หอทงหลิงเสีย และก็พยามไปให้ถึงชั้นที่เก้าให้ได้ แต่หากเจ้าไม่ไหวก็ให้หยุดเสียก่อน  ”

“ หอคอยทงหลิง ? มันคืออะไรหรอเตี่ย ? ”

‘เต้าหลิง’เกาหัวและขมวดคิ้วขึ้น

“ เป็นหอคอยศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ มีทั้งหมดสิบชั้น ”

ทั่วทั้งใบหน้า’อาเป๋’ฉายแววคิดถึงออกมา ที่นั่นเมื่อก่อนมันก็เคยไปเหมือนกัน ตามที่เล่าลือมาหอคอยทงหลิงเป็นสถานที่ที่มีของวิเศษล้ำค่าอยู่ ทว่าก็ไม่เคยมีใครสามารถหยิบมันออกมาได้เลย ประวัติความเป็นมาของหอคอยนี้ก็ลึกลับยิ่ง และคนที่สามารถก้าวเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดขึ้นไปได้ พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะ

ส่วนคนที่สามารถไปถึงชั้นที่เก้าได้ พวกมันล้วนเป็นดั่งมังกรในหมู่ชน ภายภาคหน้ามันต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงแน่ !

“ ทำไมต้องไปที่ชั้นเก้า ? แล้วชั้นสิบมันมีอะไรหรอเตี่ย ? ”

‘เต้าหลิง’ถามขึ้น เรื่องที่หอคอยทงหลิงอยู่มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์นั้นทำให้มันตกใจเป็นอย่างมาก และนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่ยากจะสืบเสาะข้อมูลด้วย แต่ว่าหอคอยนี้ก็ตั้งอยู่มาตั้งนาน มันก็น่าจะมีอะไรเจ๋งๆอยู่บ้างแหละ

“ ถึงตอนนั้นก็รู้เองแหละ และถ้าเจ้าอยากจะขึ้นไปชั้นที่สิบ ข้าขอบอกเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าตั้งแต่อดีตมาก็ยังไม่เคยมีใครขึ้นไปที่สิบได้มาก่อนเลย ”

‘อาเป๋’ส่ายหน้า การจะก้าวขึ้นไปที่ชั้นสิบนั้น มันเป็นได้แค่เพียงตำนานเท่านั้น ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนถึงตอนนี้ผ่านกาลเวลามาแล้วหลายหมื่นปี และโลกใบนี้ก็ถือกำเนิดเหล่าอัจฉริยะมามากมาย ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีใครขึ้นไปถึงชั้นสิบเลย ไม่แน่’เต้าหลิง’อาจจะทำได้ ?

แต่นี่ก็เป็นถึงตำนาน คงจะไม่ง่ายแน่ !

“ เช่นนั้นข้าจะไปดูมันซักหน่อย ”

‘เต้าหลิง’เกาหัวยิกๆ ในใจคิดว่าไปถึงที่นั่นก่อนค่อยว่ากัน ในเมื่อเตี่ยให้มันไปก็คงต้องมีเหตุผลอยู่แน่ๆ

จากนั้นมันก็มุ่งหน้าไปที่สำนัก คาดว่าคนที่ผ่านการทดสอบต้องมารวมกันแล้วแน่ๆ สำหรับการสอบเข้าสำนักซิงเฉินครั้งนี้ มันมีความมั่นใจตัวเองมากว่าต้องสอบผ่านแน่

“ ตอนนี้พละกำลังข้าจะเท่าไหร่กันนะ? ”

‘เต้าหลิง’กำหมัด และมันก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง มันสูดลมหายใจลึกก่อนจะกล่าว

“ ก็ต้องลองทดสอบดูอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะถึงหนึ่งแสนจินมั้ยนะ? ”

ในใจ’เต้าหลิง’ถูกจุดประกายไฟลุกโชนขึ้นมา หนึ่งแสนจินเลยนะ มันเคยได้อ่านตำราโบราณมาก่อนและก็ได้อ่านถึงตำนานของอินทรีปีกทองคำยักษ์ , เทาแท่ , เสือขาว เป็นต้น ซึ่งทายาทของพวกเทพสัตว์อสูรเหล่านี้สามารถมีพละกำลังได้ถึงหนึ่งแสนจิน !

พวกมันล้วนเป็นสายเลือดของเทพ แน่นอนในร่างกายพวกมันย่อมต้องมีโลหิตเทพไหลเวียนอยู่ภายในร่าง เมื่อพวกมันถือกำเนิดขึ้นมาก็จะได้เป็นราชา อีกทั้งมันยังชำนาญทางด้านพละกำลัง ในขั้นพลังกายมันนั้นล้ำหน้าเกินมนุษย์ไปหลายก้าวมาก  การที่มนุษย์จะมีพละกำลังถึงหนึ่งแสนจินนั้นเป็นสิ่งที่ยากมากๆ

“ หากหาเลือดเทพสัตว์อสูรมาได้ ก็น่าจะถึงอยู่ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะหามาได้ด้วย ”

‘เต้าหลิง’ถอนหายใจออกมา แม้แต่โลหิตสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่มันจะหามาได้ง่ายๆ ดังนั้นก็ไม่ต้องไปพูดถึงโลหิตแท้จริงเทพสัตว์อสูรเลย โลหิตแท้จริงเทพสัตว์อสูรนั้นเพียงนิดเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถนำออกมาขายได้ ถ้าเกิดไปยั่วยุให้เหล่าเชื้อสายของสัตว์เทพให้โมโหขึ้นมาเพียงตัวเดียว

ถึงตอนนั้นก็ต้องเกิดสงครามนองเลือดแน่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะหาซื้อมันไม่ได้  มันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็สะดุ้งขึ้นออกจากความคิด มันสงบจิตใจจนนิ่ง ก่อนจะคิดขึ้นในใจว่าต่อว่า

“ ข้าคงจะพึ่งแต่วิชากลืนฟ้าตลอดไปไม่ได้ ข้าต้องเชื่อมั่นในตัวข้าเอง หากมัวแต่พึ่งวิชากลืนฟ้า เช่นนั้นจะฝึกยุทธ์ไปเพื่ออะไร ? ”

“ ต้องไม่พึ่งวิชากลืนฟ้ามากเกินไป ข้าจะต้องเดินไปตามทางของข้าเอง ! ”

ใจของ’เต้าหลิง’เต้นระรัว เมื่อซักครู่มันเกือบจะหลงใหลในพลังของวิชากลืนฟ้าเข้าให้ หลังของมันโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้ว่าวิชากลืนฟ้าจะสุดยอดมากจริงๆ แต่ว่าการพึ่งพาพลังของตัวเองต่างหาก ถึงจะเป็นทางที่ดีที่สุด ! วิชาก็เป็นแค่ตัวช่วยเท่านั้น บัดนี้จิตใจของมันแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว

“ มันอยู่นั่น ไอ้ขยะมันอยู่นั่น ! ”

ปรากฏเสียงแหลมหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูสำนัก ทั่วทั้งใบหน้า’เฉียนหลิน’เต็มไปด้วยความโกรธแค้น หมัดทั้งสองกำแน่น มันโกรธเสียจนตัวสั่นสะท้าน มันถูก’เต้าหลิง’ซัดจนพิการ จากนี้ไปมันกับวิทยายุทธ์คงไม่มีวาสนาต่อกันอีกแล้ว ในโลกใบนี้คนที่ฝึกยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่ก้อนอุจจาระก็ยังมีค่ากว่า มันอยากใจจะขาดที่จะกัดกินร่างกายของเต้าหลิงให้ขาดเละให้หมด

ได้ยินดังนั้นสีหน้าของ’เต้าหลิง’ดูขึงขังเล็กน้อย สายตาจ้องไปที่’เฉียนหลิน’อย่างเยือกเย็น คาดว่ามันคงจะมาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแน่

“ ข้าว่าข้าก็อยู่ของข้าดีๆแล้วนะ ! ”

สายตา’เต้าหลิง’มองไปที่คนทั้งสามคนที่อยู่ด้านข้าง ท้ายที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าดูถูกของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง รู้สึกได้เลยว่าคนคนนี้แข็งแกร่ง

“ เฉียนหลิน ใช่มันหรือเปล่า ? ไอ้เด็กนี่ใจกล้าไม่เบากล้าเล่นงานเจ้าซะจนพิการ ? ”

‘เฉียนจิ่ง’ถามขึ้นด้วยใบหน้าหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง

“ มันนี่แหละ พี่น้องข้าขอเพียงช่วยข้าซัดมันจนพิการ เงินเก็บหลายปีมานี้ของข้าทั้งหมดจะเป็นของพวกเจ้า ! ”

‘เฉียนหลิน’ขบกรามอย่างโกรธเกรี้ยว มันไม่เสียดายเงินของมันทั้งหมดแม้แต่น้อย ขอเพียงทำให้’เต้าหลิง’พิการได้เท่านั้นก็พอ

“ เฉียนหลิน เจ้าวางใจเถิด ยังไงพวกเราก็อยู่ตระกูลเดียวกัน แค่ช่วยเจ้าทำให้ไอ้เด็กที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงพิการแค่นี้ มันเป็นเรื่องที่พวกข้าต้องทำอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเงินจะได้หรือไม่นั้น พวกข้ายังไงก็ได้อยู่แล้ว  ”

“ เต้าหลิง วันนี้เป็นวันตายของเจ้า ! ”

ใบหน้าของ’เฉียนหลิน’โกรธจนอัปลักษณ์ ชี้นิ้วไปที่’เต้าหลิง’ก่อนจะตะโกนออกมาว่า

“ ข้าไม่ให้เจ้าได้ตายง่ายๆแน่ ข้าจะทรมานเจ้าไปเรื่อยๆจนตาย คิดจะไปสำนักซิงเฉินอย่างนั้นหรอ ไปฝันเอาเถอะ ! ”

“ เก่งจริงก็เข้ามาสิ ”

‘เต้าหลิง’กล่าวขึ้นพลางใช้สายตามองสำรวจไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า

“ นี่เจ้าพูดอะไรนะ ? ”

สีหน้า’เฉียนจิ่ง’ขึงขังทันที คำพูดเมื่อซักครู่นี้ มันคงจะฟังผิดไปแน่

“ บัดซบไอ้ขยะ เจ้ารีบไสหัวมาโขกพื้นขอโทษเดี๋ยวนี้นะ กล้าล่วงเกินคุณชายเฉียนจิ่ง รนหาที่ตายจริงๆ !  ”

สองพี่น้อง’เฉียนลิน’ด่าออกมาด้วยสีหน้าที่โกรธจัดจนดำมืด ได้ยินดังนั้นในใจ’เต้าหลิง’ก็เข้าใจทันที มิน่าล่ะมันถึงได้รู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งออกมาจากคนคนนี้ ที่แท้มันก็คือ’เฉียนจิ่ง’ อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งแห่งเมืองชิงซาน ทั้งยังทะลวงไปถึงครึ่งก้าวขั้นซึมซับวิญญาณด้วย

ขั้นซึมซับวิญญาณนั้น คนปกติคิดจะทะลวงไปได้ต้องใช้เวลาครึ่งปี หากทะลวงเข้าสู่ครึ่งก้าวขั้นซึมซับวิญญาณจะสามารถกักเก็บพลังได้อย่างต่อเนื่องก่อนจะทะลวงเข้าขั้นซึมซับวิญญาณได้ ทว่าวิธีนี้จะต้องใช้เวลายาวนานหน่อยเท่านั้นเอง

“ หึ ข้าไม่สนใจหรอกว่ามันจะโขกหัวให้ข้าหรือไม่ พวกเจ้ารีบไปซัดมันให้เละเลยไป ”

‘เฉียนจิ่ง’กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าโอหัง

“ ใช่ รีบซัดมันให้พิการไปซะ ! ”

‘เฉียนหลิน’แผดเสียงออกมาด้วยความโกรธแค้น

“ เด็กน้อย เจ้ารนหาที่ตายเองนะ อย่ามาโทษข้าล่ะ ! ”

สองพี่น้อง’เฉียนลิน’ยิ้มเยาะออกมา นัยน์ตาฉายแววสังหารออกมา ก่อนที่พวกมันจะพาร่างพุ่งเข้ามา หวังจะซัด’เต้าหลิง’ให้พิการเสีย

“ หลีกไปซะ ! ”

สีหน้า’เต้าหลิง’ดูเย็นชา ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธแค้นขึ้น เส้นผมของมันสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ชายเสื้อสะบัดไปมา ผิวหนังมันเปล่งแสงสีทองบาดตาออกมา ทำให้ทุกที่ที่ใกล้ตัวมันถูกแสงสีทองอาบใส่ ดูแล้วทำให้ตาพร่ามัวได้ไม่น้อย

นี่เป็นพลังที่เปี่ยมล้นอย่างหนึ่ง มันปลดปล่อยออกมาจนทำให้มวลอากาศโดยรอบพลันสั่นสะเทือนส่งเสียงดังออกมา ราวกับอสูรร้ายที่พึ่งตื่นจากการหลับใหล !

ปรากฏเสียงระเบิดดังตูมขึ้น พลังรูปแบบหนึ่งระเบิดกระจายออกไปราวกับน้ำที่ไหลทะลักลงมาจากภูเขาก็มิปาน เงาทั้งสองที่พุ่งเข้ามานั้นพลันถูกคลื่นลมรุนแรงขนาดใหญ่พัดกระเด็นออกไป

“ อั๊คค..ปุ้ง.. ”

สองพี่น้อง’เฉียนลิน’ทั้งสองทั่วร่างสั่นสะท้าน กระดูกแตกร้าว มันถูกคลื่นลมพัดปลิวออกไปพุ่งชนกับกำแพง ก่อนจะล่วงลงมานอนกับพื้นพร้อมสำรอกโลหิตกองใหญ่ออกมา

“ อะไรกัน ? ”

‘เฉียนจิ่ง’มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สีหน้ามันขึงขังขึ้นทันใด มันไม่คิดเลยว่าพลังของไอ้ขยะนี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้  สายตา’เต้าหลิง’มองสำรวจไปที่ร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่นอนอยู่บนพื้น พวกมันทั้งสองรู้สึกเหมือนกับอยู่ในเตาหลอมที่กำลังไหม้คุโชน ทั่วร่างราวกับถูกไฟโอบล้อม

อวัยวะภายในก็เจ็บปวดประดุจไฟแผดเผา มันแผดเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด ในใจของสองพี่น้อง’เฉียนลิน’รู้สึกหวาดกลัวยิ่ง ไม่อยากจะเชื่อว่าคนคนนี้จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ มันใช้เพียงแค่พลังก็สามารถฆ่าพวกมันได้แล้ว นี่มันทำได้อย่างไรกัน

“ เป็นไปได้อย่างไร ! ”

‘เฉียนหลิน’ตกใจจนเกือบตาย ขาทั้งสองข้างสั่นสะท้าน นี่มันใช้แค่พลังอย่างเดียวก็สามารถทำให้สองพี่น้องเฉียนลินกระเด็นลอยออกไปได้ แล้วพละกำลังของมันจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้หรือไม่นะ ?

แปะแปะแปะ  ! ปรากฏเสียงปรบมือดังขึ้น

ก่อนที่’เฉียนจิ่ง’จะก้าวขายาวเข้ามา สายตามองเหล่ไปที่’เต้าหลิง’ ก่อนจะกล่าวด้วยอารมณ์ปกติว่า

“ ไม่เลวเลยนี่ มีความสามารถพอที่ทำให้ข้าต้องออกมือได้ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเจ้าจะถูกข้าฆ่าตายในกระบวนท่าเดียวหรือเปล่า? ”

นัยน์ตา’เฉียนจิง’เต็มไปด้วยความโอหัง มันเป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลเฉียน และก็กำลังจะได้เข้าสำนักซิงเฉินด้วย สำหรับไอ้กระจอกอย่าง’เต้าหลิง’ แค่ใช้เล็บมือบดมันตายแล้ว กระจอกอย่างมันจะไปทำอะไรได้เล่า  ?  ____________________________________________

ฝากคอมเม้นติชมด้วยนะครับ ^^ช่วงภาษาจีนตอนละนิดชีวิตประจำวัน ตอนนี้เสนอคำว่า

睡觉shuì jiào ( ซุ่ยเจี้ยว = นอนหลับ )

ตัวอย่างนำไปใช้ 你睡觉了吗? nǐshuìjiào le ma ( หนี่ซุ่ยเจี้ยวเลอมา )คุณนอนหรือยัง ?

我还没睡觉wǒháiméishuìjiào ( หว่อไหเหมยซุ่ยเจี้ยว ) ฉันยังไม่นอน

我睡不着wǒshuìbùzháo ( หว่อซุ่ยปู้จ๋าว ) ฉันนอนไม่หลับ

对不起,我睡懒觉duìbùqǐ wǒshuìlǎnjiào ( ตุ้ยปู้ชี่ หว่อซุ่ยหล่านเจี้ยว ) ขอโทษครับ/ค่ะ , ฉันนอนตื่นสาย

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments