I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 15 สำนักเจียลั่ว

| GSDZ (盖世帝尊) | 1026 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทย : XiaoeyuGao

ยอดฝีมือขั้นซึมซับวิญญาณระเบิดโทสะออกมาทันที อีกทั้งพลังของมันยังแกร่งกล้า ราวกับมังกรวายุที่กำลังคลุ้มคลั่ง ทำให้ตอนนี้ยอดฝีมือแห่งสำนักชิงซานต้องตกตะลึงยิ่ง

“ เจ้าอยากให้ข้าคุกเข่าให้เจ้าอย่างนั้นรึ ? ”

‘เต้าหลิง’จ้องมองไปที่มันด้วยนัยน์ตาเย็นเฉียบ ก่อนจะกล่าวต่ออย่างเรียบๆว่า

“ เจ้ายังไม่คู่ควร ”

“ บัดซบ ตายซะเถอะ ! ”

‘เฉียนหลง’โมโหยิ่ง มันเป็นถึงคนของสำนักซิงเฉิน และครั้งนี้ที่มาก็เพราะต้องดูแลเรื่องการรับศิษย์ใหม่ ไอ้เด็กคนนี้จะใจกล้ามากเกินไปแล้ว ถึงได้กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า

ตูม ! ปรากฏพลังที่น่ากลัวและรุนแรงสุดๆกระจายออกมากลายเป็นหมอกควันสีขาวลอยฟุ้งไปทั่ว

‘เต้าหลิง’รู้สึกราวกับว่ากำลังมีภูเขาใหญ่กดทับหลังมันเอาไว้ กระดูกทั่วร่างมันส่งเสียงเปรี๊ยะดังออกมา ราวกับว่าร่างมันกำลังจะระเบิดก็มิปาน

‘เต้าหลิง’รู้สึกได้ถึงพลังที่ติดขัดภายใน แต่ทว่าภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ กล้ามเนื้อมันกลับสั่นขึ้น คลื่นพลังดุร้ายที่ถูกกดทับเอาไว้พลันปรากฏ พลังที่เปี่ยมล้นก็พุ่งทะลักออกมา จากนั้นด้วยภายใต้แรงกดดันนี้ทำให้พลังระเบิดออกกลายเป็นกระแสพลังที่ไหลเชี่ยวกราด

เพียงเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ในใจ’เต้าหลิง’ก็รู้สึกดีใจยิ่ง มันรู้สึกได้เลยว่าภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ พลังแฝงในร่างมันจะถูกบีบออกมา

“ แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ! ”

หมัดทั้งสองกำแน่น มันโคจรพลังทั่วร่างอย่างต่อเนื่อง และใช้แรงกดดันนั้นในการหลอมรวมพลังทั่วร่าง !

“ หึ เจ้าคิดจะฆ่ามันอย่างนั้นรึ ? ”

ปรากฏเสียงเรียบๆดังขึ้น ชายเสื้อของ’เยว่อวิ้น’ปลิวไสว ใบหน้าสวยดูเย็นชา และเดินเข้ามาด้วยท่าทีเคร่งขรึม ด้วยระยะทางหนึ่งร้อยจ้าง ทำให้พริบตาเดียวนางก็เดินมาถึง

(1จ้าง  = 3 เมตร)

เพียงเห็นคนที่เดินเข้ามา ใบหน้า’เฉียนหลง’พลันหดลงทันที มันรู้จักสตรีนางนี้ นางเป็นคนดังแห่งสำนักซิงเฉิน ทั้งยังเป็นยอดฝีมือและมีพลังที่แข็งแกร่งสุดๆ นอกจากนี้ยังมีคำเล่าลือมาอีกว่านางเป็นผู้หญิงของ’ชิงอี้เฟย’ !

‘ชิงอี้เฟย’ ? มันคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทวีปชิงในยุคสมัยใหม่ ทั้งยังเป็นแนวหน้าของคนหนุ่มสาวสมัยนี้ ความน่าเกรงขามของมันแผ่กระจายไปทั่วทั้งทวีปชิง แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสก็ยังให้ความเคารพแก่มันสูงมาก และตามที่ได้ยินมาการฝึกพลังของมันลึกล้ำเสียจนไม่สามารถทดสอบได้

นอกจากนี้มันยังเป็นคนที่คนใหญ่คนโตในทวีปใหญ่หลายๆทวีปต่างแย่งชิงตัว แน่นอน’เฉียนหลง’ไม่มีทางเทียบกับมันได้เลย !

‘เฉียนหลง’ไม่ตอบคำถามนั้นออกไป เพราะ’เยว่อวิ้น’นั้นไม่ใช่คนที่มันจะไปมีปัญหาด้วยได้ พลังทั่วร่างของมันสลายไปทันที ก่อนจะพูดยิ้มๆว่า

“ ที่แท้ก็เป็นศิษย์พี่หญิงเยว่อวิ้น เมื่อครู่ก็แค่การเข้าใจผิดกัน โปรดท่านอย่าใส่ใจ ”

“ ศิษย์พี่หญิง ? ”

มุมปาก’เยว่อวิ้น’เผยรอยยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะมองไปที่’เต้าหลิง’ที่ตอนนี้สภาพดูกระ เซอะกระเซิงเล็กน้อย นัยน์ตานางพลันฉายแววโกรธเกรี้ยวออกมาทันที ก่อนที่สายตานางจะมองไปรอบก็พบกับคนสองสามคนที่นอนร้องครวญครางอยู่ ในใจก็เข้าใจทุกสิ่งว่าเกิดอะไรขึ้น

นางเดินมาใกล้’เต้าหลิง’แล้วถามขึ้น

“ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ”

“ ข้าไม่เป็นไร ”

‘เต้าหลิง’ยักไหล่เล็กน้อย ในใจคิดนางช่างมาได้ผิดเวลาจริงๆ เมื่อครู่มันเกือบจะสามารถใช้แรงกดดันที่’เฉียนหลง’ปล่อยออกมาหลอมรวมพลังในร่างกายมันทั้งหมดได้แล้ว ทว่านางกลับมาขัดเสียก่อน

“ ไม่เป็นไรก็ดี พวกเราไปกันเถอะ ”

‘เยว่อวิ้น’พยักหน้าเล็กน้อย ผิวนางขาวเนียนละเอียดอ่อน ผมสะบัดไปมา สายตาเหล่มอง’เฉียนหลง’ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันกลับแล้วเดินจากไปทันที

เพียงเห็นเงาทั้งสองที่เดินจากไปแล้ว สีหน้า’เฉียนหลง’พลันเปลี่ยนเป็นสีตับหมู ขบกรามคิดขึ้นในใจอย่างเคียดแค้นว่า

“ เดรัจฉาน เจ้ารอข้าก่อน ชีวิตของเจ้าอยู่ได้ไม่กี่วันแน่ ! ”

สีหน้าของ’เฉียนหลิน’ดูทั้งตกใจและสงสัย ‘เยว่อวิ้น’นางเป็นใครกันแน่ ถึงทำให้’เฉียนหลง’แสดงท่าทีหวาดกลัวเช่นนี้ ? ‘เต้าหลิง’มองไปที่ใบหน้าสงบนิ่งของ’เยว่อวิ้น’ด้วยสายตาแปลกใจ ก่อนจะถามขึ้น

“ ทำไมมันถึงเรียกท่านว่าศิษย์พี่หญิง ? ท่านกับมันเป็นอะไรกัน ? ”

“ คืออย่างนี้นะ แม้ข้าจะเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ก็จริง แต่ว่าในขณะเดียวกันข้าก็เป็นคนของสำนักซิงเฉินเช่นกัน ”

นัยน์ตาของ’เยว่อวิ้น’ดูซับซ้อนเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำว่า

“ คนเมื่อครู่ข้าก็ไม่เคยเห็นมันเหมือนกัน แต่ว่ามันก็น่าจะเป็นคนของสำนักซิงเฉินเช่นเดียวกับข้า ภายภาคหน้าเจ้าต้องระวังตัวให้ดี เจ้ายังไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณ ย่อมไม่ใช่คู่มือของมันแน่ ”

“ เรื่องนั้นข้ารู้ แต่ว่าหากข้าเข้าสำนักซิงเฉินได้แล้ว เช่นนั้นข้าก็สามารถเรียกท่านว่าศิษย์พี่หญิงได้ใช่หรือไม่ ? ”

สีหน้า’เต้าหลิง’ดูดีใจยิ่ง จนรีบพูดออกมา ทว่าในใจก็ยังมีความสงสัยเล็กน้อย ‘เยว่อวิ้น’นั้นเป็นคนของสำนักซิงเฉิน แล้วเหตุใดนางถึงมาที่นี่ ?

ได้ยินดังนั้น สีหน้า’เยว่อวิ้น’ดูตกตะลึงเล็กน้อย และมองไปทาง’เต้าหลิง’ที่อยู่ด้านหลังตน ก่อนจะย่นจมูกแล้วกล่าวว่า

“ ศิษย์น้องเล็ก ไปกันเถอะ ”

“ ขอรับ ศิษย์พี่หญิงเล็ก ”

‘เต้าหลิง’กล่าวอย่างหน้าหนา ก่อนจะรีบเดินไปอยู่ที่ด้านข้างของนาง

“ ศิษย์พี่หญิงเล็ก ? ”

‘เยว่อวิ้น’จ้องเขม็ง มือที่เรียวสวยกำแน่น คำพูดของไอ้เด็กคนนี้ไม่ใช่ว่ามันกำลังพูดแทะโลมข้าอยู่หรอกหรือ ?    ปรากฏความหนาวเยือกซัดสาดเข้าใส่ร่าง ‘เต้าหลิง’ตกใจสะดุ้งเฮือกตัวสั่น ก่อนจะเกาหัวแล้วพูดว่า

“ เช่นนั้นศิษย์พี่หญิงใหญ่ล่ะ ? ”

“ ข้าแก่มากไหม ? ”

‘เยว่อวิ้น’ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย

“ ก็มาก… ”

‘เต้าหลิง’เบนสายตาไปทางอื่นก่อนจะกล่าวขึ้นเบาๆอย่างไม่ใส่ใจนัก นัยน์ตาที่แคบและยาวของ’เยว่อวิ้น’ขยายขึ้นเป็นวงกลม นี่ข้าแก่มากเลยหรือ ?

นางใช้สายตามองไปที่’เต้าหลิง’ พลางคิดย้อนถึงคำพูดเมื่อซักครู่ ใบหน้าของนางก็แดงขึ้นทันที

“ รอก่อน ถึงเวลาแล้วเดี๋ยวข้าจะมีอะไรสนุกๆให้เจ้าดู ”

‘เยว่อวิ้น’นางส่งเสียงหึขึ้นในใจ จากนั้นพวกมันทั้งสองก็เดินไปที่ลานแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นี่มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังรออยู่  ในลานแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยดังอย่างต่อเนื่อง ผู้คนราวสี่สิบคนล้วนมีใบหน้าที่ตื่นเต้น เมืองชิงโจวเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งแห่งทวีปชิง ทั้งยังมีความเจริญรุ่งเรืองที่หาที่เปรียบมิได้ และพวกมันก็ล้วนแต่ยังไม่เคยไปที่นั่นทั้งสิ้น

อีกทั้งใต้ปฐพีของเมืองชิงโจวยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานหลากชนิดทั้งห้าสาย ทำให้พลังฟ้าดินในเมืองชิงโจวเปี่ยมล้นยิ่ง ตามคำเล่าลือหากฝึกพลังที่เมืองชิงโจวหนึ่งวัน จะเทียบเท่ากับฝึกพลังที่อื่นหลายวันเลยทีเดียว

ทว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถไปได้ ตามที่ได้ยินมาจะต้องทำการชำระเงินก่อนถึงจะสามารถเข้าไปได้ หรือไม่ก็ต้องเข้าสำนักซิงเฉินถึงจะสามารถอยู่ที่เมืองชิงโจวได้ ในโลกนี้มีการแบ่งชนชั้นกันจำนวนมาก ยิ่งพลังแข็งแกร่งเท่าไหร่การได้รับการดูแลจากคนอื่นๆก็จะดีขึ้นเท่านั้น

หากผู้ใดที่แม้แต่เมืองชิงโจวก็ไปไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปพูดถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆหรือโบราณสถานต่างๆ เพราะที่นั่นเป็นพื้นที่ที่ไว้สำหรับคนที่แข็งแกร่งต่อสู้แย่งชิงกันเท่านั้น !

เพียงเห็นเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามา คนจำนวนไม่น้อยก็เกิดอาการแตกตื่นทันที สีหน้าพวกมันล้วนประหลาดใจยิ่ง ใครเล่าจะไปคิดว่าไอ้เทพนิทราก็ทดสอบผ่านเช่นกัน

“ หึ ไอ้เทพนิทราถึงมันจะทดสอบผ่านก็จริง แต่ตอนสอบมันต้องตายแน่ๆ ”

“ ข้าได้ยินมาว่าการสอบนั้นอันตรายมาก อัตราที่จะสอบผ่านก็น้อยมาก แต่ก็มีบางคนที่ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ”

คนเหล่านั้นหัวเราะเยาะออกมา พวกมันล้วนไม่พอใจที่ไอ้เทพนิทราได้มายืนรวมกับพวกมัน เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นการแบ่งชนชั้นอย่างหนึ่ง  เบื้องหน้าของกลุ่มคนปรากฏสายตาที่เยือกเย็นของ’หวังย่า’กำลังมองมาที่’เต้าหลิง’

ฝ่ามือเริ่มกำแน่น นางไม่คิดเลยว่าไอ้เทพนิทราจะยังไม่ตาย และอีกอย่างเรื่องที่นางเก็บผลึกหินฟ้าเอาไว้ก็ทำให้นางคิดว่า’เต้าหลิง’ยังคงคิดเพ้อฝันที่จะขอคืนดีกับนางอยู่แน่    เพียงสัมผัสได้ถึงสายตาหนึ่งที่มองมา นัยน์ตาที่เฉยชาของ’เต้าหลิง’ก็มองสวนกลับไป

ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น แค้นนี้มันจะต้องชำระด้วยมือของมันเองเท่านั้น

“ หึ ยังคิดให้ข้าไปเป็นผู้หญิงของเจ้าอีกรึ เพ้อฝันจริงๆ ! ”

‘หวังย่า’ยิ้มเยาะขึ้นในใจ สำหรับท่าทีที่ดูเย็นชาของ’เต้าหลิง’ นางมั่นใจว่ามันจะต้องแสร้งทำแน่ๆ ‘หวังหลิ่ง’เองก็คิดขึ้นในใจว่า

“ ไม่ปากมากพูดเรื่องผลึกหินฟ้าก็ดี คงจะกลัวตระกูลหวังข้าแน่ ถ้าคิดจะเอาเรื่องความลับมาขู่ข้าล่ะก็ คงได้แค่ฝัน เพราะข้าจะปิดปากเจ้าไปตลอดกาล  ”

“ รอก่อนเถอะ ถึงตอนสอบเมื่อไหร่นั่นคือเวลาตายของเจ้า ชีวิตของเจ้าอยู่ไม่ถึงสองสามวันนี้แน่ ”

ฝ่ามือ’หวังหลิ่ง’คลำไปที่เข็มขัดมิติที่อยู่บนเอวมัน ในใจถูกจุดประกายไฟขึ้นร้อนแรง ในเข็มขัดนี้มีสมบัติล้ำค่าอยู่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งมันสามารถใช้ผลึกหินฟ้าล้ำค่านี้ในการเพิ่มพลังแบบก้าวกระโดดได้ !

ภายในลานพลันเงียบลงทันที นัยน์ตาสีดำของ’เต้าหลิง’มองทอดออกไป ก็พบกับคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามา มันเดาว่าน่าจะเป็นคนของสำนักเจียลั่วแน่ ซึ่งสำนักนี้จะไปที่เมืองชิงโจวด้วยกันกับสำนักชิงซานนั่นเอง

ปรากฏผู้อาวุโสใบหน้าเคร่งขรึมคนหนึ่งเดินเข้ามา นัยน์ตาเปล่งประกายกวาดสายตามองไปที่ศิษย์สำนักชิงซานราวสามสิบกว่าคน หลังจากที่มันยิ้มเยาะออกมาแล้ว สายตามันก็มองไปที่รองเจ้าสำนักก่อนจะหัวเราะดังขึ้น

“ ฮ่าๆ น้องเถา ไม่ได้เจอกันปีนึง สำนักชิงซานยังเหมือนเดิมเลยนะ ”

“ นี่คือสำนักชิงซานรึ ? ดูเหมือนว่าจะมีแค่สามสิบกว่าคน เทียบกับพวกเราสำนักเจียลั่วแล้วยังห่างไกลกันอีกมากโข  ”

“ ไม่ผิด พวกเราสำนักเจียลั่วผ่านการทดสอบตั้งสี่สิบกว่าคน สำนักพวกมันกับสำนักพวกเรายังห่างไกลกันอีกเยอะ ”

ทันทีที่’หัวจื้อเฉิง’พูดจบ ศิษย์ที่อยู่ด้านข้างมันก็แสดงท่าทีเหยียดหยามออกมา กลุ่มศิษย์ของสำนักชิงซานล้วนมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก แม้แต่สีหน้าของรองเจ้าสำนักเองก็ดูย่ำแย่เหมือนกัน มันส่งเสียงหึขึ้นอย่างเย็นชาก่อนจะกล่าวว่า

“ ไอ้ผีอัปลักษณ์หัว คนเยอะแล้วยังไง ? ความสามารถสำคัญกว่ากระมัง  ”

‘หัวจื้อเฉิง’มองอย่างเหยียดหยามยิ่ง ก่อนจะพูดต่อ

“ ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่เช็ดหน้าเช็ดตารอได้เลย ครั้งนี้พวกข้าสำนักเจียลั่วจะพาศิษย์ของข้าสิบคนขึ้นไปเข้าสำนักซิงเฉินให้ได้ ปีก่อนเหมือนกับว่าพวกเจ้าสำนักชิงซานจะมีแค่คนเดียวที่ผ่านหนิ ?  ”

‘หัวจื้อเฉิง’จงใจพูดเสียงดังขึ้น ทำให้ศิษย์สำนักชิงซานโดยรอบล้วนมีใบหน้าที่ตกตะลึงยิ่ง สิบคนเชียวหรือ ความคิดของพวกมันส่วนใหญ่เริ่มสั่นคลอน ดูท่าคงต้องย้ายสำนักเสียแล้วกระมัง

“ ครั้งนี้ข้าจะต้องติดลำดับหนึ่งในร้อยแน่นอน ! ”

ปรากฏเด็กหนุ่มชุดขาวยืนขึ้น ทั่วร่างมันปลดปล่อยคลื่นพลังที่น่ากลัวออกมา ระลอกคลื่นสีดำแผ่กระจายไปทั่วทำเอาโดยรอบสั่นสะเทือน ก่อนที่คลื่นพลังจะซัดสาดเข้าใส่กลุ่มศิษย์ของสำนักชิงซาน ศิษย์สำนักชิงซานหลายคนรู้สึกจุกอก ร่างกายล้วนใกล้จะระเบิดออก สีหน้าดูตกใจพร้อมก้าวถอยหลังไป คนคนนี้แข็งแกร่งยิ่ง

ปรากฏเด็กสาวรูปร่างหน้าตางดงามดั่งดอกไม้คนหนึ่ง ใบหน้าสวยของนางขาวซีด ฝีเท้านางยืนหยัดเอาไว้ไม่ได้จนถอยออกไปจนเกือบล้ม  ในใจนางรู้สึกอับอายและโมโหเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะว่านางอยากจะรวบรวมพลังในขั้นพลังกายให้มากกว่านี้หน่อย ป่านนี้นางคงก้าวเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณไปแล้ว

และทันใดนั้น ปรากฏแขนอันหนึ่งเหวี่ยงเข้ามา ด้านในแขนเสื้อปรากฏฝ่ามือเรียวขาวยืดออกมา ก่อนจะทาบบนไหล่ของเด็กสาว ฝ่ามือแข็งนั้นได้ปล่อยพลังที่อ่อนนุ่มออกมา ทำให้ร่างของเด็กสาวที่กำลังได้รับอันตรายอยู่นั้น พลันหยุดนิ่งทันที

นัยน์ตาทั้งสองข้างของ’เฉิงเมี่ยวฝู๋’ฉายประกายขอบคุณออกมา เม้มริมฝีปากแดง ในตอนที่สายตาของนางมองไป ในใจนางรู้สึกตกตะลึงยิ่ง เพราะว่าคนที่ช่วยนางไว้ก็คือ เทพนิทราของสำนัก…

_______________________________

จากนี้จะหายไปซักพัก ไม่นาน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและฝากเม้นติชมให้กำลังใจกันด้วยครับ ^^ ________________________________

ช่วงภาษาจีนตอนละนิดชีวิตประจำวัน ตอนนี้เสนอคำว่า 起床(qǐ chuáng) ฉี่ฉวง แปลว่า ตื่นนอน

ตัวอย่างนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

今天你几点起床 ?(jīn tiān nǐ jǐ diǎn qǐ chuáng) จินเทียนหนี่จี๋เตี่ยนฉี่ฉวง วันนี้คุณตื่นนอนกี่โมง ?

快起床 ! ( kuài qǐ chuáng ba) คว้ายฉี่ฉวง รีบตื่นนอนได้แล้ว !

该起床了(gāi qǐ chuáng le) ไกฉี่ฉวงเลอ ได้เวลาตื่นนอนแล้ว

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments