ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลไทย : XiaoeyuGao
เด็กหนุ่มคนนี้มีส่วนสูงราวสามเมตร มันเป็นคนของตระกูลยักษ์ ซึ่งคนในตระกูลนี้แต่ละคนล้วนมีรูปร่างที่สูงใหญ่ หากโตเต็มวัยก็จะมีส่วนสูงถึงสามสิบกว่าเมตร พละกำลังมากสุดหาที่เปรียบมิได้ เป็นตระกูลหนึ่งที่ค่อนข้างจะหาได้ยากยิ่ง และตามคำเล่าลือที่ว่าผู้แข็งแกร่งในตระกูลยักษ์มีหัวไหล่เปรียบดั่งขุนเขา ขาทั้งสองข้างประดุจเสายักษ์สูงไม่สามารถปีนป่ายขึ้นไปได้
มันเป็นสิ่งที่ยากจะจินตนาการได้ว่า เด็กหนุ่มตระกูลยักษ์คนหนึ่งสวมอาภรณ์สวยโออ่าจะมายืนอยู่ด้านข้างของตน อีกทั้งยังถูกเรียกว่า ‘ นายน้อย ’ สีหน้าของ’อู่เผิงไห่’ดูโอหังยิ่ง มันชำเรืองมองมาที่’เต้าหลิง’ด้วยใบหน้าที่ไม่ยินดีนัก ไอ้เด็กขอทานคนนี้มันขึ้นมาที่ห้าได้ด้วยอย่างนั้นหรือ ?
สิ่งนี้ทำให้มันประหลาดใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นไอ้ขอทานนี่ก็มาได้ไกลเท่านี้
“ ข้าขวางทางของพวกเจ้าหรือ ? ”
สีหน้าของ’เต้าหลิง’ดูเย็นชาทันที เมื่อครู่มันก็มิได้ล่วงเกินพวกมันแม้แต่น้อย นี่มันหาเรื่องกันชัดๆ ได้ยินดังนั้นสีหน้าของ’อู่เผิงไพ่’ก็ฉายแววขึงขังเล็กน้อย นัยน์ตาใหญ่เหมือนกระดิ่งทองแดงจ้องเขม็ง มันคิดว่าตัวมันจะต้องฟังผิดไปแน่ จึงตะโกนออกมาว่า
“ ปากดี รีบเอาหัวโขกพื้นรับผิดซะ ! ”
‘อู่เผิงไห่’กล่าวจบ ปรากฏฝ่ามือของเด็กหนุ่มยักษ์คนหนึ่งพุ่งเข้าไป เส้นเลือดปูดโปนออกมาจากแขนหยาบหนาเป็นลวดลายคล้ายอสรพิษน้ำขดตัวนอน พลังที่แข็งแกร่งเอ่อล้นออกมาเต็ม ก่อนจะกดไปที่หัวไหล่ของเต้าหลิงให้มันคุกเข่าลงรับผิดเสีย ท่าทีของมันดูบ้าอำนาจยิ่ง
‘เต้าหลิง’กำหมัดแน่นจนกระดูกกระทบกันส่งเสียงดังออกมา ก่อนจะปล่อยหมัดของมันพุ่งออกไปด้วยพลังเต็มร้อย เพียงเด็กหนุ่มยักษ์เห็น’เต้าหลิง’ออกมือ สีหน้ามันพลันฉายแววเคร่งขรึม ก่อนจะคำรามเสียงต่ำว่า
“ ใจกล้าดี หากไม่คุกเข่าก็ต้องตาย ! ”
สีหน้าของมันดูเหยียดหยาม ไม่มีใครไม่รู้ว่าตระกูลคนยักษ์นั้นมีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุด กับอีแค่ขอทานคนหนึ่งย่อมมิใช่เรื่องยาก มันกล้าขัดขืนก็เท่ากับรนหาที่ตาย มือและหมัดเข้าปะทะกันอย่างแรง ทำเอามวลอากาศระเบิดออก ระลอกคลื่นขนาดใหญ่แผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง
ทั้งยังมีเสียงกระดูกหักสอดแทรกออกมาด้วย ปรากฏเสียงตูมดังขึ้นพร้อมกับที่แขนของเด็กหนุ่มคนยักษ์บิดเบี้ยวลง มันรู้สึกว่าเบื้องหน้าของมันมีพลังที่น่ากลัวพุ่งเข้าใส่ สีหน้ามันพลันเปลี่ยนไป ฝ่าเท้ารีบก้าวถอยหลังทันที ‘เต้าหลิง’ส่งเสียงหึในลำคออย่างเยือกเย็น
เหตุใดถึงได้ให้อภัยมันง่ายนักเล่า เมื่อครู่ยังมิเห็นมีท่าทีเช่นนี้ มันง้างหมัดไปด้านหลังพร้อมกับระเบิดพลังที่หนาแน่นออกมา ทั่วทั้งหมัดโอบล้อมไปด้วยแสงสีทองจ้า ก่อนจะพุ่งหมัดเข้าใส่
“ แย่แล้ว ! ”
สีหน้า’อู่เผิงไห่’ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความโอหังที่อยู่บนใบหน้ามลายหายไป มันพาร่างของมันพุ่งเข้ามาพร้อมกับปล่อยหมัดเข้าปะทะตรงๆ ปรากฏเสียงตูมระเบิดทั้งลั่นทั่วฟ้าดินราวกับเสียงของกลองสวรรค์ ร่างของพวกมันทั้งสองพลันสั่นสะท้าน ในตอนที่หมัดทั้งสองเข้าปะทะกัน พลังที่ระเบิดออกมานั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนท้ายที่สุดก็ปรากฏเสียงเคร๊งดังออกมาลั่นราวกับเสียงกระทบกันของเหล็ก สีหน้าของ’อู่เผิงไห่’ดูเย็นชา มันดึงหมัดออกมาสายตาจ้องเขม็งไปที่’เต้าหลิง’ ก่อนจะคำรามออกมาว่า
“ เจ้าใจกล้าดี มีพลังเพียงน้อยนิด แต่กลับกล้าทำร้ายผู้ติดตามของข้า เจ้าคงจะเบื่อชีวิตตัวเองมากสินะ ! ”
นัยน์ตาของเด็กหนุ่มคนยักษ์เต็มไปด้วยความเคียดแค้น มันเดินเข้ามาพร้อมขบกรามคำรามออกไปว่า
“ ไอ้เดรัจฉาน กล้าออกมือกับนายน้อยของข้า ไม่รู้หรือว่านายน้อยของข้าเป็นใคร ? ”
“ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร หากอยากประมือก็เข้ามา ”
สายตา’เต้าหลิง’มองไปที่พวกมัน ก่อนจะยิ้มเยาะออกมาแล้วกล่าวต่อว่า
“ หากไม่กล้าก็ไสหัวไป ! ”
ที่นี่คือหอคอยทงหลิง พลังของทุกคนล้วนถูกควบคุมเหลือแค่ขั้นพลังกาย มันไม่สนใจอยู่แล้วว่าพวกมันจะยิ่งใหญ่มาจากไหน
“ บัดซบ ! ”
‘อู่เผิงไห่’โกรธเกรี้ยวยิ่ง กำหมัดแน่นพร้อมคำรามออกมาว่า
“ ตาย ! ”
ปรากฏเสียงดังสนั่นเลือนลั่น พลังทั่วร่างมันเอ่อล้นทะลักออกมาเป็นแสงสีดำโอบล้อมร่างเอาไว้ดูน่าหวาดกลัวยิ่ง ฝ่ามือทั้งสองข้างแผ่คลุมด้วยพลังหนาแน่นราวกับหินหนืด ก่อนจะฟาดลงมาตรงๆ
พลังของ’เต้าหลิง’โคจรไปทั่วร่าง ชายเสื้อกระพือขึ้น ผมยาวปลิวไสว มันพลันใช้ฝ่าเท้ากระทืบลงบนพื้น พลังทั่วร่างระเบิดออก ทั่วทั้งฝ่ามือเปล่งแสงสีทองแวววาวพร้อมกับปล่อยฝ่ามือออกไป ปรากฏเสียงตูมดังขึ้นราวกับสายฟ้าระเบิดลงมา ฝ่ามือทั้งคู่ประสานตัดสลับกัน ทำเอามวลอากาศสั่นสะเทือน เต้าหลิงคำรามออกมาหนึ่งครั้ง พลังทั่วร่างมันพลันเพิ่มพูนเอ่อทะลักออกมา
“ อ๊าคคค ! ”
‘อู่เผิงไห่’ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มุมปากของมันปรากฏธารโลหิตไหลออกมา อีกทั้งมันยังรู้สึกได้ถึงพลังที่ร้อนแรงไหลเข้าสู่ร่างกายของมัน ทำให้พลังทั่วร่างมันเริ่มจะเหือดแห้ง ! มันอยากจะโหมพลังในร่างเข้าประมือใจจะขาด ทว่าด้วยแรงกดดันในชั้นห้านี้รุนแรงเกินไป อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บหนัก จึงทำให้มันซวนเซก่อนจะล้มลงบนพื้น
“ อะไรกัน ? ”
เด็กหนุ่มคนยักษ์ตกใจสะดุ้งเฮือก ‘อู่เผิงไห่’เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งในวิหารยุทธ์ ในขั้นพลังกายของมันก็มีพละกำลังสูงยิ่ง อีกทั้งมันยังรู้จักกับ’อู่ตี้’ !
‘อู่ตี้’เป็นเด็กหนุ่มที่เหมือนดั่งพระเจ้า แม้ว่ามันจะใช้แค่นิ้วโป้งบดขยี้’อู่เผิง’ไห่ได้ก็ตาม ทว่าวรยุทธ์ของ’อู่เผิงไห่’ก็ไม่ได้อ่อนแอ มิน่าจะพ่ายแพ้ได้ง่ายดายเช่นนี้ สีหน้าของ’อู่เผิงไห่’ดูทั้งโกรธและทั้งอับอายเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้พลังในร่างของมันฟื้นฟูกลับมาแล้ว มันยันกายขึ้นมา ก่อนจะทำการเรียกหอคอยสีม่วงขนาดเล็กขึ้นในมือ
“ อะไร? ของวิเศษหรือ! ”
เพียงเห็นหอคอยม่วง ใบหน้าของ’เต้าหลิง’ฉายแววปีติ มันไม่ปล่อยให้’อู่เผิงไห่’ได้มีโอกาสใช้ของวิเศษเด็ดขาด ฝ่ามือฟาดผ่าอากาศลงไปอย่างรวดเร็วเข้าที่แขนของ’อู่เผิงไห่’
‘อู่เผิงไห่’หัวใจจะวาย รู้สึกราวกับข้อมือของมันถูกดึงขาดออกไป หอคอยสีม่วงที่อยู่ในมือมันพลันตกลงไปที่พื้น ก่อน’เต้าหลิง’จะหยิบมันขึ้นมา หอคอยสีม่วงนี้เปล่งแสงแวววาวราวกับแกะสลักขึ้นจากหยกม่วง หมุนเป็นเกรียวขึ้นไปสูงเก้าชั้น ดูแล้วเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง
เพียงเห็นสายตาที่มองสำรวจไปที่หอคอยม่วงฉายแววปีติและตกใจออกมา ‘อู่เผิงไห่’แทบจะสำรอกโลหิตออกมา นี่คือของล้ำค่าพิเศษของมัน ทว่าตอนนี้กลับถูกชิงไปแล้ว ! มันโมโหจนแทบจะบ้า ของสิ่งนี้มีมูลค่าสูงมาก ทั้งยังเป็นของที่ผู้อาวุโสในวิหารยุทธ์มอบให้เป็นรางวัลแก่ตัวมัน หากมันทำหายไปคงต้องถูกทำโทษแน่
“ ส่งมันคืนมาเดี๋ยวนี้ ! ”
กล่าวจบมันก็ไอออกมาเป็นโลหิตกองหนึ่ง ก่อนจะขบกราบแล้วกล่าวอย่างเคียดแค้นว่า
“ เจ้ามันรนหาที่ตาย ของจากวิหารยุทธ์ยังกล้าขโมย เอาคืนมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ! ”
ผู้ติดตามร่างยักษ์ก็หัวใจจะวายเหมือนกัน ไอ้เด็กคนนี้มันจะบ้าบิ่นเกินไปแล้ว ของล้ำค่าจากวิหารยุทธ์ยังกล้าช่วงชิง
“ หึ ยังไงข้าก็จะเอาสมบัติของเจ้าทั้งหมด ”
‘เต้าหลิง’จ้องเขม็งไปที่’อู่เผิงไห่’อย่างไม่วางตา ราวกับเห็นทองคำอยู่เบื้องหน้า นัยน์ตาเบิกกว้างพร้อมกล่าวว่า
“ รีบเอาพวกมันออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ! ”
“ เจ้า… ”
‘อู่เผิงไห่’โกรธจนตัวสั่นสะท้านพูดไม่ออก ก่อนชี้นิ้วไปที่’เต้าหลิง’ ไอ้คนชั่วช้า แม้แต่ของล้ำค่าจากวิหารยุทธ์มันยังกล้าช่วงชิง มันตายแน่ ใครก็ช่วยมันไม่ได้ !
ในขณะนั้นเองมันก็มองไปเห็นแววตาที่ลุกโชนของ’เต้าหลิง’ ใจมันพลันสะดุ้งเฮือก ไอ้ชั่วช้านี่มันคิดจะขโมยของล้ำค่าของมันไปจริงๆด้วย มันขบกรามแน่นพร้อมกับหยิบแผ่นเวทย์แผ่นหนึ่งออกมา ก่อนจะฉีกมันออก ทันใดนั้นปรากฏพายุหมุนขนาดใหญ่ขึ้นโอบล้อมร่างของมันเอาไว้
“ รอก่อนเถอะ ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แน่ ! ”
‘อู่เผิงไห่’ทิ้งท้ายคำพูดเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น หากไม่ใช่เพราะว่าหอคอยทงหลิงลดขั้นพลังของมันล่ะก็ มันคงจะใช้พลังของขั้นซึมซับวิญญาณจัดการกับไอ้ชั่วช้านี่ไปแล้ว
“ บ้าเอ้ย! ”
‘เต้าหลิง’รู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แผ่นเวทย์เมื่อครู่นั่นจะต้องเป็นของดีที่ทำให้สามารถหลบหนีได้แน่ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะหลุดมือข้าไปได้
ในขณะนี้’เต้าหลิง’ก็มองไปที่เด็กหนุ่มยักษ์ที่ถูกทิ้งเอาไว้ สีหน้ามันพลันเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม เมื่อเห็นดังนั้นเด็กหนุ่มยักษ์ก็สะดุ้งโหยง ขาก้าวไม่ออก ไม่รู้ว่าจะรอดจากเงื้อมมือของ’เต้าหลิง’ไปได้อย่างไร ‘เต้าหลิง’ไม่รอช้ารีบค้นตัวของเด็กหนุ่มยักษ์หาของที่ต้องการ จากนั้นก็จับมันเหวี่ยงกระเด็นลอยออกไป
ณ ตอนนี้สายตาของ’เต้าหลิง’ก็มองไปที่ขวดหยกขวดหนึ่ง หลังจากเปิดฝาออกมาแล้วก็ปรากฏโอสถเม็ดสีโลหิตเม็ดหนึ่งอยู่ในนั้น
“ โอสถเม็ด ! ”
ใบหน้าเล็กของ’เต้าหลิง’ฉายแววดีใจยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันเห็นโอสถเม็ด เมื่อก่อนก็แค่เคยได้ยินเท่านั้น
“ นี่หรือว่าจะเป็นโอสถเม็ดเสว่โพ่ ? ”
มันพลิกมองดูอยู่สองสามครั้ง ‘เต้าหลิง’ก็พูดกับตัวเองออกมาเบาๆ โอสถเม็ดชนิดนี้มันเคยอ่านเจอในคัมภีร์โบราณ สามารถเสริมร่างกายได้และตอนนี้มันก็เป็นสิ่งที่’เต้าหลิง’ต้องการพอดี เต้าหลิงเดินเตร่ไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปที่ชั้นหก แรงกดดันในชั้นหกนี้รุนแรงกว่าชั้นห้าถึงสองสามเท่าเลยทีเดียว !
ราวกับภูเขาขนาดเล็กทับตัวมันเอาไว้ ร่างกายของมันหนักอึ้งเล็กน้อย ฝ่าเท้าย่ำลงพื้นแต่ละก้าวล้วนปรากฏลอยยุบลงไปบนพื้น พลังชีวิตในชั้นนี้เปี่ยมล้นอย่างยิ่ง หมอกสีเขียวมรกตลอยฟุ้งอยู่ทั่วบริเวณ ในชั้นหกนี้มีคนอยู่จำนวนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิทำการดูดซึมพลังเพื่อเสริมสร้างร่างกายอยู่ด้วย เพียงเห็นมีคนเดินเข้ามา
คนกลุ่มนั้นก็หันมามองแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปทางเดิม ในช่วงสองสามวันมานี้มียอดฝีมือจำนวนมากมาที่หอคอยทงหลิง เป็นธรรมดาที่จะต้องมีคนขึ้นมาถึงชั้นหกได้ ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
‘เต้าหลิง’เดินห่างจากคนพวกนั้นมา ก่อนจะหาที่ที่ไม่มีคนแล้วนั่งลงไป มันคิดเอาไว้ว่าจะใช้แรงกดดันชั้นนี้ในการดูดซับพลังของโลหิตแท้จริงสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ให้เสร็จสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นแล้วค่อยขึ้นไปชั้นต่อไป ! เมื่อครู่ตอนอยู่ชั้นล่างๆ มันได้ยินบางสิ่งมา นั่นก็คือหอคอยทงหลิงนั้นตั้งแต่ชั้นที่หกลงไปจะเป็นชั้นโล่งๆธรรมดา
ทว่าตั้งแต่ชั้นเจ็ดขึ้นไปจะมีของล้ำค่าที่ยอดเยี่ยมอยู่ น้อยคนนักที่จะสามารถนำมันออกไปได้ เพราะว่าการจะทนต่อแรงกดดันในนี้ได้นานๆเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นก็ไม่ต้องไปพูดถึงการตามล่าสมบัติล้ำค่าเลย แรงกดดันถาโถมเข้าใส่ร่างอย่างต่อเนื่อง เต้าหลิงนั่งขัดสมาธิลง ไม่นานผิวหนังของมันก็ขับโลหิตออกมา
ภายในร่างของมันเกิดความผิดปกติขึ้น ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้พลังที่โคจรอยู่ภายในร่างบิดเบี้ยวอย่างต่อเนื่อง จนแตกสลายไปรวมกันกลายเป็นพลังมหาศาลโหมทะลักหลอมรวมกับร่างกายของมัน เส้นพลังสีเขียวมรกตแล่นเข้าสู่ร่างกาย ไหลเวียนไปตามส่วนต่างๆภายในร่าง เส้นพลังนี้มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายดีเยี่ยม มันเข้าไปหลอมรวมกับร่างกายและพลัง ‘เต้าหลิง’พลันรู้สึกได้เลยว่าร่างกายของมันค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
คนที่อยู่ในหอคอยนี้ล้วนมาเพื่อเส้นพลังสีเขียวนี้กันทั้งสิ้น พวกมันรู้ดีว่าพลังชีวิตสามารถเสริมสร้างร่างกายของพวกมันให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไรพลังก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น อีกทั้งยังไม่มีคนมาแย่งซึมซับพลังด้วย เพราะว่าตั้งแต่ชั้นห้าลงไปนั้นพลังจะไม่เข้มข้น จึงทำให้ต้องแบ่งพลังกับคนอื่น ร่างกายของมันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ผิวหนังฟื้นฟูกลับมาประดุจวัยแรกเริ่มเป็นมันขลับ ราวกับหยกล้ำค่าก็มิปาน อีกทั้งร่างกายยังทำการผลัดเปลี่ยน พลังที่แทรกอยู่ตามกล้ามเนื้อรุนแรงมากขึ้น จนถึงตอนนี้คลื่นพลังชีวิตธาตุไม้ได้เพิ่มพูนขึ้นมา ! มันดูดซับพลังชีวิตธาตุไม้จากโดยรอบเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกได้เลยว่าพลังนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างยิ่ง
และมันก็ทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปสามวัน ทั่วทั้งร่างของมันล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังชีวิต ผู้คนจำนวนหนึ่งที่ฝึกอยู่ในนี้ล้วนขมวดคิ้วขึ้นตาจ้องมองไป’เต้าหลิง’ พวกมันคิดว่าเต้าหลิงดูดซับพลังชีวิตในชั้นนี้ได้อย่างรวดเร็วยิ่ง
และในตอนนั้นเองก็ปรากฏเสียงฟ้าผ่าระเบิดดังขึ้นสะเทือนแก้วหูพวกมัน ราวกับเสียงของกลองสวรรค์ก็มิปาน ทำให้ทั่วร่างพวกมันล้วนสั่นเทา
เปิดรับสมัครคนแปลเรื่องนี้ คุณสมบัติมีพื้นฐานภาษาจีนไม่ว่าจะระดับไหนก็ตามรับหมด อ่านหนี่หว่อได้ก็พอ ไม่มีแปลอิ้ง หากใครจะใช้กูเกิ้ลแล้วมาเกลาเลิกคิดมันอ่านไม่รู้เรื่อง วิธีการแปลจะเลือกแปลคนละตอนไปเลย ส่วนเวลาในการแปลของผมตอนหนึ่งใช้เวลา7-8 ชม. ถือว่ากินเวลาชีวิตส่วนตัวพอสมควร สามารถเลือกแปลได้ตั้งแต่ ตอนที่ 21-1950 สนใจทัก !
( สามารถทดลองแปลดูได้ ลิ้งแปะไว้หน้าบทความ )
_____________________________________________________
ภาษาจีนวันละนิดชีวิตประจำวัน ตอนนี้เสนอคำว่า 看 (kàn) ค่าน แปลว่า มอง ดู
ตัวอย่างการใช้ในชีวิต 我在看电视(wǒ zài kàn diàn shì)หว่อไจ้ค่านเตี้ยนอื่ง แปลว่า ฉันกำลังดูทีวี
我想去看电影(wǒ xiǎng qù kàn diàn ying3) หว่อเสี่ยงชวี้ค่านเตี้ยนอิ่ง ฉันอยากไปดูหนัง
我在看书(wǒ zài kàn shū) หว่อไจ้ค่านซวู ฉันกำลังอ่านหนังสือ
ที่มา:
(0 votes) 0/5