I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 20 เสียงกลองแห่งสวรรค์

| GSDZ (盖世帝尊) | 925 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทย : XiaoeyuGao

ปรากฏเสียงฟ้าร้องระเบิดลั่นทั่วฟ้าดิน พลังฟ้าดินโดยรอบล้วนสั่นไหวอย่างชัดเจน หากคลื่นเสียงนี้รุนแรงมากกว่านี้ ก็อาจจะทำให้ผู้คนตกใจตายได้ในทันที !

เด็กหนุ่มคนหนึ่งทั่วเรือนร่างปรากฏเป็นสีแดงเปลวเพลิง แขนทั้งสองข้างของมันโอบล้อมไปด้วยแสงสีเปลวเพลิง มันเปิดปากขึ้นแล้วพูดว่า

“ เสียงกลองแห่งสวรรค์ มันเกิดจากร่างกายที่ผิดปกติ ช่างน่าทึ่งจริงๆ ”

“ ไม่ผิด ข้าเคยได้ยินผู้อาวุโสในตระกูลข้าพูดว่า ในขั้นพลังกายถ้าเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ภายในร่างกายก็จะเกิดความผิดปกติขึ้น ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเห็นกับตา  ”

“ ข้าได้ยินมาว่าโลกใบนี้มีวิชามหัศจรรย์อยู่วิชาหนึ่ง ก็คือเสียงกลองแห่งสวรรค์ ตามที่ได้ยินมามันเป็นคลื่นเสียงหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นวิชาที่หาได้ยากยิ่ง ไม่รู้ว่ามันจะทำสำเร็จหรือไม่  ”

ผู้คนกลุ่มหนึ่งจากหลากหลายตระกูลเดินเข้ามามุงดู พวกมันล้วนมองไปที่เงาหนึ่งซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาตกตะลึง บริเวณโดยรอบร่างเงานั้นโอบล้อมไปด้วยหมอกควัน ทั่วร่างปรากฏพลังชีวิตระเหยลอยขึ้นพร้อมกับมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นภายในร่าง นี่เป็นสภาพที่น่าทึ่งอย่างหนึ่ง คือเมื่อร่างกายฝึกจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาออกมาเป็นความผิดปกติเช่นนี้

‘เต้าหลิง’ตกตะลึงเล็กน้อย เปลือกตาเปิดออกพร้อมกับความผิดปกติภายในร่างมลายหายไป มันกำหมัดแน่นพลันรู้สึกได้ถึงพลังที่เปลี่ยนไป !

“ สุดยอด กายนักปราชญ์บุพกาลเยี่ยมจริงๆ สามารถซึมซับพลังธาตุในหอคอยทงหลิงได้ ! ”

‘เต้าหลิง’กำหมัดแน่น คิดขึ้นในใจอย่างขอบคุณ คุณสมบัติร่างกายนี้มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ มันรู้สึกได้เลยว่าพลังที่อยู่ภายในหอคอยทงหลิงนี้สงบนิ่งลง มันลองตรวจสอบดูอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ก็พบว่าพลังที่อยู่รอบตัวนั้นมีการตอบสนองต่อมัน อีกทั้งแรงกดดันโดยรอบยังเบาบางลงมากอีกด้วย !

“ หากเป็นเช่นนี้ มิใช่ว่าข้าสามารถหลอมโอสถได้แล้วหรอกหรือ ! ”

นัยน์’ตาเต้าหลิง’เบิกกว้าง นักหลอมโอสถจำเป็นต้องมีสองธาตุคือไม้และไฟ และตอนนี้มันก็มีพร้อมแล้วด้วย

“ หากเสริมความแข็งแกร่งของธาตุไม้ให้มากขึ้น จะต้องเป็นนักหลอมโอสถได้ง่ายขึ้นแน่ ”

‘เต้าหลิง’ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มเล่น ก่อนจะยันกายขึ้นสายตามองไปเบื้องหน้า ถึงตอนนี้ก็ได้เวลาตามหาผู้เฝ้าประตูชั้นเจ็ดแล้ว ขณะนี้แรงกดดันโดยรอบก็ไม่ได้กดทับร่างของมันมากมาย พลังธาตุไม้ชั้นเจ็ดนั้นจะต้องเปี่ยมล้นกว่าชั้นหกหลายเท่าแน่ ผู้คนกลุ่มเดิมมองหน้าสลับกันไปมา

จนเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ทั่วร่างโอบล้อมด้วยแสงเปลวเพลิงก็กล่าวขึ้นอย่างไม่มั่นใจว่า

“ นั่นมันจะขึ้นไปชั้นเจ็ดหรือ ? ”

“ เป็นไปไม่ได้ แรงกดดันชั้นเจ็ดรุนแรงยิ่ง เมื่อหลายวันก่อนข้าขึ้นไปอยู่รอบหนึ่ง ตอนนั้นข้าได้แต่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบลงมา ข้าทนกับแรงกดดันระดับนั้นไม่ไหวจริงๆ ”

“ ไม่ผิด ชั้นเจ็ดไม่ใช่ว่าใครก็จะขึ้นไปได้ มีแต่องค์หญิงน้อยกันเหยาเท่านั้นที่สามารถเดินขึ้นไปได้ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ”

ผู้คนโดยรอบล้วนพยักหน้า การจะขึ้นไปที่ชั้นเจ็ดนั้นเป็นสิ่งที่ยากมากๆ  ขณะนี้’เต้าหลิง’กำลังเดินอยู่ภายในชั้นหก ในชั้นนี้ยังคงเต็มไปด้วยหมอกควันจำนวนมาก ทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดนัก อีกทั้งพื้นที่ในชั้นนี้ยังกว้างใหญ่ ทำให้มันต้องใช้เวลามากถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆถึงจะหาผู้เฝ้าประตูเจอ ในตอนที่ฝ่าเท้าของมันย่ำขึ้นมาถึง ทั่วทั้งร่างของมันพลันหนักอึ้ง

ขาทั้งสองยุบลงพื้นทันที ปรากฏแรงอัดขึ้นในร่าง กระดูกทั่วร่างส่งเสียงกรอบแกรบออกมาราวกับว่าร่างกายกำลังจะระเบิดออก

“ แรงกดดันรุนแรงอะไรเช่นนี้ ! ”

‘เต้าหลิง’ตกตะลึงยิ่ง แรงกดดันในชั้นนี้ช่างรุนแรงเหลือเกิน บริเวณโดยรอบปรากฏเป็นเหมือนคลื่นขนาดใหญ่โหมซัดสาดเข้าใส่ร่างของมันอย่างบ้าคลั่ง  มันสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมกับโคจรพลังไปทั่วร่าง

ทันใดนั้นภายในร่างก็ปรากฏพลังธาตุไม้พุ่งทะลักออกมา ทำให้ความเจ็บปวดของร่างกายนั้นเบาบางลงไม่น้อย และด้วยแรงกดดันโดยรอบนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก จึงทำให้การหายใจของมันในแต่ละเฮือกนั้นดูลำบากยิ่งนัก

โดยรอบปรากฏพลังวิญญาณแผ่คลุมไปอย่างหนาทึบ บนพื้นก็ยุบลงไปเป็นหลุมบ่อ ราวกับว่าที่แห่งนี้เคยมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ในเวลานี้มันก็เดินมาถึงสวนโอสถโบราณแห่งหนึ่ง ทว่าก็น่าผิดหวังยิ่ง เพราะว่าในนี้ไม่มีอะไรเลย เมื่อหลายวันก่อนจะต้องมีโอสถวิญญาณล้ำค่าอยู่แน่ แต่ก็น่าเสียดายเพราะว่าพวกมันล้วนถูกขุดไปหมดแล้ว

“ อืมม ถ้าชั้นนี้มันมีของล้ำค่าอยู่แต่กลับถูกคนขุดไปหมดแล้ว เช่นนั้นก็ต้องไปชั้นเก้าหรือไม่ก็ชั้นสิบ ใช่แล้ว ชั้นสิบ !  ”

นัยน์ตา’เต้าหลิง’ลุกโชนขึ้นมาทันที ชั้นที่สิบยังไม่เคยมีใครขึ้นไปได้มาก่อนเลย ไม่แน่ว่าบนนั้นอาจจะมีสมบัติล้ำค่าที่สุดยอดอยู่ก็ได้ ! เต้าหลิงก็เดินเข้ามาเรื่อยๆ ระหว่างทางมันก็เห็นแปลงปลูกโอสถจำนวนมาก อีกทั้งยังมีพระราชวังขนาด เล็กๆอยู่สองสามหลัง มันจินตนาการไม่ออกเลยว่าที่แห่งนี้เมื่อก่อนคือที่ใดกันแน่

เดาว่ามันจะต้องเป็น พระราชวังของคนที่แข็งแกร่งเอามากๆแน่นอน แต่ก็น่าเสียดายที่ว่าทุกอย่างถูกลื้อค้นนำของล้ำค่าออกไป หมดแล้ว เต้าหลิงเดินสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง ทั่วร่างมันล้วนเต็มไปด้วยเหงื่อ จากนั้นมันนั่งขัดสมาธิลงพร้อมกับดูดซับพลังที่เปี่ยมล้นโดยรอบเพื่อชดเชยพลังงานที่เสียไปและเตรียมตัวสำหรับการฝึกพลังในชั้นนี้

ราวครึ่งชั่วยามผ่านไป

มันขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะว่ามันได้ยินเสียงของสตรีดังขึ้นไกลๆ ซึ่งทำให้มันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่อย่างว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่สำนักซิงเฉินเปิดรับสมัครศิษย์ใหม่ เป็นธรรมดาที่จะมีคนจำนวนมากเข้ามาที่นี่ มันยันกายขึ้นแล้วเดินไปทันที นัยน์ตาแฝงไปด้วยความตกใจเล็กน้อย

ที่แท้สตรีนางนั้นก็คือ ‘กันเหยา’

‘กันเหยา’มีสภาพกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย เส้นผมพันกันมั่ว เสื้อคลุมเป็นรอยขาดเห็นบาดแผลอยู่ข้างใน คิ้วนางขมวดขึ้น ริมฝีปากปรากฏคราบธารโลหิตไหลลง นัยน์ตาจ้องเขม็งไปที่อสูรดึกดำบรรพ์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสองตน ปรากฏเด็กหนุ่มเสื้อคลุมยาวสีเงินคนหนึ่ง ทั่วร่างมันปลดปล่อยไอหนาวเยือกออกมา

บนหน้าผากมีเขางอกออกมาสองอัน รูปร่างกำยำ พลังทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่ง

“ กันเหยา นำมันออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ! ”

เรื่องที่’กันเหยา’ได้รับของล้ำค่าจากศิลามหาเทพยุทธ์นั้นทำให้ทั่วทั้งเมืองชิงโจวสั่นสะเทือน มีคนจำนวนมากอยากจะรู้ว่านางได้ของล้ำค่าอะไรกันแน่ ถึงขั้นมีบางคนคิดทำเรื่องชั่วช้าขึ้น เฉกเช่นมังกรเหมันต์ตัวนี้ มันได้รวบรวมสหายของมันสามตนเพื่อทำการช่วงชิงของสิ่งนั้นไป ทว่าสหายของมันตนหนึ่งกลับถูกนางฆ่าตายไป

“ ฝันไปเถอะ ทำเช่นนี้พวกเจ้าอยากมีปัญหากับตระกูลข้าหรือ ?  ”

‘กันเหยา’โมโหเป็นอย่างยิ่ง นางกำหมัดแน่น พร้อมกับดูดซับพลังชีวิตโดยรอบมารักษาบาดแผลของนาง ‘หานเจียว’ส่งเสียงหึขึ้นในลำคอ แขนทั้งสองข้างมันกางออก ปรากฏพลังมหาศาลขึ้นทันที ฝ่ามือทั้งสองข้างของมันบิดลงพลันปรากฏสายน้ำขนาดใหญ่ขึ้น ก่อนจะเข้าไปหลอมรวมกับไอเยือกแข็ง

แล้วพุ่งเข้าไป ด้านหน้าตรงๆ  ปรากฏก้อนน้ำแข็งยักษ์ขึ้นตรงหน้าของ’กันเหยา’ มือของ’กันเหยา’ยืดออกไป ฝ่ามืองุ้งขึ้นเป็นดั่งกรงเล็บมังกรที่แหลมคม พลันปรากฏเสียงของมังกรดังขึ้น  พร้อมกับกรงเล็บมังกรหนึ่งพุ่งทะยานฝ่ามวลอากาศออกไป ทั่วกรงเล็บอัดแน่นไปด้วยคลื่นพลังน่าหวาดกลัวยิ่ง

ก่อนจะพุ่งอัดเข้าใส่ก้อนน้ำแข็งยักษ์อย่างจัง ก้อนน้ำแข็งยักษ์แตกสลายกลายเป็นเศษลอยเคว้งอยู่กลางอากาศจำนวนมาก  วิชามหัศจรรย์นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก มันคือวิชากงเล็บมังกรขย้ำสวรรค์ ตามคำเล่าลือมันเป็นวิชาที่ลอกเลียนแบบมาจากมังกร

แท้จริง ซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่    เสียงชิ้งดังขึ้นพร้อมลำแสงหนึ่งพุ่งเข้ามา ปรากฏเป็นชายสามตาคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหานเจียวด้วยสีหน้าที่เย็นเฉียบ ดวงตาที่สามของมันเปิดออกครึ่งหนึ่งพร้อมปล่อยลำแสงพุ่งเข้าใส่ร่างของกันเหยาราวกับกระบี่วิเศษที่พุ่งยาวออกไป

“ หึ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมดีๆ ข้าก็ต้องทำเช่นนี้ ! ”

‘หานเจียว’ยิ้มเยาะออกมา มันคิดมาตลอดว่าอยากจะจับเด็กสาวที่เก่งกาจมาให้ได้ซักคนหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวที่ว่านั่นจะเป็นกันเหยา หากจับตัว’กันเหยา’มาได้ล่ะก็ ชื่อเสียงของมันจะต้องโด่งดังไปทั่วแน่

ชายสามตาแข็งแกร่งยิ่ง ดวงตาที่สามของมันสามารถจับกุมตัว’กันเหยา’ได้ นางไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้แม้แต่น้อย จึงทำให้’หานเจียว’สามรถทำอะไรกับนางก็ได้ในตอนนี้

ขณะนี้’เต้าหลิง’กำลังมองไปที่ฉากการประมือเบื้องหน้า สายตาของมันมองไปที่ชายสามตาแวบหนึ่ง ก็รู้สึกได้เลยว่าความสามารถของคนคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

“ ใครแอบมอง ! ”

ดวงตาที่สามของชายสามตาเปิดออกทั้งหมด เปล่งแสงจ้าละลานตาออกมา มันสัมผัสได้ทันทีเลยว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่ มันจึงตะโกนออกมา

ได้ยินดังนั้นในใจ’กันเหยา’ก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมา ดวงตาเบิกกว้างมองไปที่’เต้าหลิง’ ก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า

“ สหายช่วยข้าหน่อย เจ้ารีบไปรายงานเรื่องนี้ที ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม ”

สีหน้าของ’หานเจียว’ขึงขังทันที ก่อนจะตะโกนออกไปว่า

“ ไอ้น้อง ข้าขอเตือนว่าอย่าสอดมือ นี่มันเป็นเรื่องของข้าเจ้าอย่ามายุ่ง !  ”

แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดได้ ทว่าสำหรับพวกมันทั้งสองแล้วยังห่างไกล ‘หานเจียว’เชื่อมั่นว่าเพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถบดขยี้มันได้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้มันแค่ยังไม่อยากจะลงไม้ลงมือเท่านั้นเอง

“ รางวัลอะไร ? ”

‘เต้าหลิง’เหล่ตามองไปที่นาง ดูท่าองค์หญิงน้อยน่าจะร่ำรวยมิใช่น้อย มุมปากกันเหยากระตุกเล็กน้อย เวลาอย่างนี้ยังจะถามว่ารางวัลอะไรอีกหรือ ? เจ้านี่มันผีขี้งกจริงๆ !

“ ใจกล้าไม่เบา น้องสามตาเจ้าช่วยไปฆ่ามันหน่อย ประเดี๋ยวข้าจะคุมตัวกันเหยาไว้เอง !  ”

สีหน้า’หานเจียว’ดูเย็นเรียบ มันเสกตาข่ายอันหนึ่งออกมา เป็นตาข่ายขนาดใหญ่สีเงินเปล่งแสงประกายดาวออกมา อีกทั้งยังมีกลิ่นไอโบราณแฝงเอาไว้ด้วย นี่ก็คือของล้ำค่าพิสดารชิ้นหนึ่ง ซึ่งทำขึ้นจากการหลอมสะเก็ดดาว  ตาข่ายสีเงินลอยขึ้นสู่อากาศ มันลู่ลมพร้อมกับเปล่งแสงจ้าออกมา

ตาข่ายแต่ละเส้นล้วนมีแรงกดดันถึงสามแสนชั่ง มวลอากาศระเบิดกระจายออกทันที ก่อนตาข่ายจะกดทับลงไปที่ร่างของนาง   ‘เต้าหลิง’ลอบมองตาข่ายใหญ่นั่นอยู่หลายครั้ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นของล้ำค่าที่ไม่ธรรมดาแน่ และก็คงไม่ง่ายที่จะขยับมันออกในที่แห่งนี้ มิเช่นนั้นคงต้องสูญเสียพลังงานไปมากโขแน่

อีกทั้งแรงกดดันชั้นเจ็ดนี้ก็รุนแรงถึงขั้นสามารถทำให้ตายได้เลย

“ น้องชาย เจ้ามันรนหาที่ตายเอง อย่ามาอาฆาตข้าแล้วกัน  ”

ชายสามตายิ้มเยาะพร้อมกับเดินเข้ามา ตามจริงมันไม่ได้เห็น’เต้าหลิง’อยู่ในสายตาของมันแม้แต่น้อย

“ ไอ้สามตาประหลาด มีอะไรดีก็งัดออกมาได้เลย ”

เต้าหลิงส่งเสียงหึขึ้นในลำคอ สีหน้าชายสามตาพลันอัปลักษณ์อย่างยิ่ง ภายในร่างมันระเบิดเปลวเพลิงคุโชนออกมาอย่างโกรธแค้น ในโลกภายนอกตระกูลสามตานั้นเป็นตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ไอ้เด็กนี่มันช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถึงได้กล้าพูดว่าข้าเป็นไอ้สามตาประหลาด มันช่างรนหาที่ตายจริง !

“ มอบชีวิตของเจ้ามาให้ข้าซะ ! ”

ชายสามตาตะโกนออกมาลั่น มวลอากาศพลันสั่นไหว ทั่วร่างปลดปล่อยคลื่นพลังที่รุนแรงออกมา ฝ่ามือฟาดลงไป ใจหวังจะขยี้มันให้แหลกเสีย

แขนเหวี่ยงตามลงมาพร้อมกับพลังที่เอ่อทะลัก ในใจเต้าหลิงสั่นระรัวครู่หนึ่ง มันรู้สึกได้เลยว่าพลังรอบตัวของชายสามตาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ฝ่ามือมันยกขึ้น ก่อนจะเข้าปะทะกับแขนของชายสามตา

ปรากฏเสียงตูมดังขึ้นสนั่นลั่นฟ้าดิน ราวกับเสียงฟ้าร้องก็มิปาน ร่างของคนทั้งสองต่างสั่นสะท้าน ขาทั้งสองข้างยุบลงไปบนพื้น        นัยน์ตาชายสามตาฉายแววตกตะลึงออกมา ก่อนจะกล่าวเรียบๆว่า

“ มิน่าเจ้าถึงได้อวดดีเช่นนี้ ที่แท้ก็ซ่อนพลังเอาไว้ แต่ว่ายังไงวันนี้เจ้าก็ต้องตาย ! ”

กล่าวจบดวงตาที่สามของมันก็เปล่งแสงสว่างจ้าออกมา ปรากฏเป็นพลังหนึ่งรูปร่างคล้ายสายฟ้าแลบ ลักษณะดูน่ากลัวยิ่ง ราวกับกระบี่แหลมคมพุ่งออกไป

 

เนื่องจากแฟนผมติดตามเรื่องนี้อยู่เหมือนกันจะพยามไม่ขี้เกียจแล้วกันนะครับ( เห็นใจคนรอด้วย )

แต่ช่วงนี้รู้สึกผู้แต่งแกเล่นศัพท์สูงหรือเกิน ถ้า งง ต้องขออภัยเพราะบางทีก็งงเหมือนกันว่าผู้แต่งจะสื่ออะไร มันแปลได้หลายความหมายมาก ขนาดให้เพื่อนไต้หวันช่วยแกยังต้องอ่านหลายรอบกว่าจะเข้าใจ  – -”

ตอนนี้ยังรับสมัครคนแปลอยู่นะ แต่ยังไม่มีวี่แววมาซักคนเลย TT

ภาษาจีนวันละนิดชีวิตประจำวัน ตอนนี้เสนอคำว่า 卖 ม่าย แปลว่า ขาย

ตัวอย่างใช้ในชีวิตประจำวัน 这个怎么卖?(zhè ge zěn me mài) เจ้อ เกอะ เจื่น เมอ ม่าย แปลว่า อันนี้ขายอย่างไร ?

一共多少钱 ? (yí gong duō shǎo qián) อี๋ ก้ง ตัว ส่าว เฉียน แปลว่า ทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่

这个多少钱?(zhè ge duō shǎo qián) เจ้อ เกอะ ตัว ส่าว เฉียน แปลว่า อันนี้เป็นเงินเท่าไหร่ ?

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments