I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 22 รางวัลมากมาย

| GSDZ (盖世帝尊) | 2836 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทย : XiaoeyuGao

นัยน์ตา’เต้าหลิง’จ้องไปที่ผู้อาวุโส ดวงตามันพลันหรี่ลง คนคนนี้น่ากลัวยิ่ง ภายในหอคอยที่มีแรงกดดันมากมายขนาดนี้

ทว่าพลังที่ผู้อาวุโสปล่อยออกมาแกร่งกล้ายิ่งสามารถทำให้แรงกดดันไม่มีผลต่อมัน และนี่ก็เป็นพลังของยอดฝีมือนั่นเอง มันเก็บโอสถเม็ดเหยินเอาไว้กับตัว สายตาก็มองสำรวจไปที่ชุดนักรบสีเงินของพวกมัน ดูท่าอักขระสีทองที่สลักอยู่บนชุดนักรบน่าจะสามารถต้านทานแรงกดดันของอากาศได้

เสื้อตัวนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และมีความเป็นไปได้สูงมากที่มันจะทำขึ้นจากของล้ำค่าหายาก อีกทั้งยังมีอักขระซับซ้อนที่สลักขึ้นโดยจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งอีกด้วย

“ คุณหนู ท่านเจ็บตรงไหนหรือไม่? ”

ผู้อาวุโสมองไปที่สภาพของ’กันเหยา’ที่กระเซอะกระเซิงด้วยสายตากระวนกระวาย เมื่อครู่มันได้รับสัญญาณจากนาง ก็เลยรีบขึ้นมาทันที ทว่าด้วยความสามารถของพวกมันยังไม่ถึงขั้นก็เลยทำให้ขึ้นมาเฉยๆมิได้ ด้วยหอคอยทงหลิงซึ่งมีความแปลกอย่างมากนั่นคือทุกคนจะถูกจำกัดพลังอยู่ที่ขั้นพลังกาย

จึงทำให้ต้องพึ่งชุดนักรบสองตัวนี้ มิเช่นนั้นก็คงไม่มีทางขึ้นมาได้

“ เจ้าเป็นใคร ? ”

ปรากฏชายหนุ่มลักษณะองอาจห้าวหาญคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายตาจ้องเขม็งไปที่เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้น ในมือปรากฏหอกอันหนึ่งกำลังชี้ไปทางเต้าหลิง มันปล่อยจิตสังหารอกมาทั่ว ‘เต้าหลิง’ขมวดคิ้วขึ้น

เหตุใดคนคนนี้ถึงได้อารมณ์ร้อนนัก ?  ผู้อาวุโสก็มองไปเช่นกัน นัยน์ตามันฉายประกายวิ้งสีทองออกมา คนที่มาถึงชั้นเจ็ดได้ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

“ หยุดเดี๋ยวนี้ ! ”

ใบหน้าสวยของ’กันเหยา’ขึงขังทันที คนคนนี้คือ ‘หวังชานอี้’ ในตอนที่ราชวงศ์กันสร้างอาณาจักรขึ้นมา ก็ได้ตระกูลหวังเป็นแม่ทัพใหญ่คอยติดตามคนจากราชวงษ์ยกทัพจับศึกไปทั่วใต้หล้า

ดังนั้นตระกูลหวังจึงได้ใกล้ชิดกับราชวงศ์กันมากเป็นพิเศษ อีกทั้ง’หวังชานอี้’ยังคอยตามนางตลอดอีกด้วย ได้ยินดังนั้นสีหน้าของ’หวังชานอี้’ก็ดูไม่สู้ดีนัก ไอ้เด็กนี่มันเป็นใครกัน ถึงทำให้’กันเหยา’โกรธมันถึงเพียงนี้ได้

“ กันเหยา ไอ้ขอทานนี่มันเป็นใคร ? ”

มันลดหอกลง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ‘กันเหยา’โมโหยิ่งนัก เมื่อครู่หากไม่ได้’เต้าหลิง’ช่วยชีวิตนางเอาไว้ ป่านนี้นางคงตายหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสไปแล้ว นางก็เลยกล่าวด้วยใบหน้าขึงขังว่า

“ มันเป็นคนที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เจ้าจะพูดอะไรก็หัดระวังปากหน่อย ”

“ ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่ช่วยเอาไว้ ขอบคุณมากๆ ”

‘กันชิงซาน’รีบพูดเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะพยักหน้าแสดงความขอบคุณให้’เต้าหลิง’

“ ท่านผู้อาวุโสมิต้องเกรงใจ ”

‘เต้าหลิง’พูดขึ้นพลางยิ้มแย้ม ในใจ’หวังชานอี้’เคร่งเครียดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับ’กันเหยา’แล้วพูดขึ้นว่า

“ กันเหยา เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ว่าแต่ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า?  ”

‘กันเหยา’ส่งเสียงหึขึ้น นางมิได้สนใจหรือเห็นมันในสายตาแม้แต่น้อย นางหันกลับไปมองที่’เต้าหลิง’ก่อนจะ พูดยิ้มๆว่า

“ ข้าไปก่อนนะ ”

‘เต้าหลิง’พยักหน้า ก่อนนางจะเดินจากไป สายตาของมันก็หันไปเห็นสายตาที่เคร่งขรึมของ’หวังชานอี้’กำลังมองมา ครู่เดียว’หวังชานอี้’ก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

“ น้องชาย อย่าคิดว่าช่วยกันเหยาแล้วตัวเองจะได้รับอภิสิทธ์ คิดจะทำอะไรหัดเจียมกะลาหัวตัวเองเสียบ้าง เข้าใจไหม?  ”

ในสายตาของ’หวังชานอี้’แล้ว ไอ้เด็กคนนี้มันก็แค่โชคดีเท่านั้นที่’กันเหยา’ให้ความสนใจแก่มัน คนธรรมดาอย่างมันมีหรือที่จะได้ใกล้ชิดกับ’กันเหยา’? แม้ว่ามันจะขึ้นมาชั้นเจ็ดได้ แต่ก็อย่างว่าอัจฉริยะก็มักจะตายเร็ว !

“ อนาคตใครเล่าจะรู้ ”

‘เต้าหลิง’เหล่มองมันแวบหนึ่ง ก่อนจะปิดเปลือกตาลง ในใจก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้’หวังชานอี้’ได้ตั้งมันเป็นศัตรูหัวใจไปแล้ว

“ เจ้า ! ”

‘หวังชานอี้’ระเบิดโทสะออกมา หอกในมือสั่นสะท้าน อยากจะฟันมันให้ตายในหอกเดียวเสีย

“ หวังน้อย รีบไปเถอะ อย่าให้คุณหนูต้องรอนาน ”

‘กันชิงซาน’ที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น หากไอ้เด็กนี่โมโหขาดสติจนพลั้งมือฆ่า’เต้าหลิง’ไป มันคงได้จบไม่สวยแน่ อีกอย่างมันก็เป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง มีเพียงปู่ของมันที่คอยช่วยเหลือเท่านั้น ‘หวังชานอี้’มองไปที่’เต้าหลิง’ด้วยแววตาเคร่งขรึมแวบหนึ่ง ก่อนจะควบคุมอารมณ์ที่ร้อนแผดเผาในใจของตน

จากนั้นจึงหันหลังแล้วเดินจากไปทันที ตามจริงมันก็กลัวที่จะพลั้งมือฆ่า’เต้าหลิง’จริงๆ หาก’กันเหยา’รู้ เรื่องนี้เข้า มันคงได้ซวยเพราะความโง่ของตัวเองแน่

โดยรอบพลันเงียบลง ‘เต้าหลิง’ดูดซับพลังจากโดยรอบครู่หนึ่ง ก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของมันฟื้นฟูกลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง เปลือกตาเปิดออกก่อนจะดื่มโลหิตแท้จริงของหานเจียวไป

โลหิตแท้จริงนี้ไม่ได้เพิ่มพลังของมันมากจนเกินไป ผลลัพธ์ของมันแค่เปิดพลังแฝงในร่างเท่านั้น และนี่ก็เป็นสิ่งที่มันต้องการพอดี มันรู้สึกได้ว่าร่างกายของมันนั้นจะต้องกลืนกินโลหิตแท้จริงจำนวนหลากหลายชนิดถึงจะเปิดพลังแฝงออกมาได้ โลหิตแท้จริงแล่นเข้าสู่ร่าง

ภายใต้การปรากฏตัวของอักษรวิชากลืนฟ้า ร่างกายของ’เต้าหลิง’ได้เกิดการผลัดเปลี่ยนขึ้น ความเร็วในการดูดซับพลังธาตุไม้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลังที่ล่องลอยอยู่โดยรอบล้วนแล่นเข้าสู่ร่างของมันอย่างบ้าคลั่ง

ภายใต้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ภายในร่างของ’เต้าหลิง’ค่อยๆขยายตัวออกจนปรากฏเป็นช่องว่าง ก่อนที่พลังสีเขียวมรกตจะพุ่งเข้ามาแทนที่จนเต็ม พลังทั่วร่างมันก็พลันแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ครึ่งวันผ่านไป ‘เต้าหลิง’ก็หยิบโอสถเม็ดเหยินกินเข้าไปอีก โอสถเม็ดนี้แล่นไหลเข้าสู่ร่างกายของมัน ไม่นานก็ปรากฏพลังสีทองไหลเชี่ยวกราดขึ้น ก่อนจะเริ่มเข้าไปหลอมรวมกับร่างกาย

ผ่านไปหนึ่งคืน พื้นพลันสั่นไหว ก้อนหินน้อยใหญ่ลอยขึ้นสู่อากาศ ปรากฏลมพายุสีทองสว่างจ้าขึ้นหอบเอาหินยักษ์ขนาดหนึ่งหมื่นจินลอยกลิ้งไปทั่ว ดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ไม่นานก็ปรากฏระลอกคลื่นขนาดมหึมาระเบิดขึ้น พร้อมกับเงาหนึ่งเดินออกมา พลังทั่วร่าง’เต้าหลิง’นั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก

“ โอสถเม็ดนี้เยี่ยมจริงๆ ”

‘เต้าหลิง’ตกใจเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าร่างกายของมันแข็งแกร่งขึ้นมามาก อีกทั้งมันยังทะลวงพลังไปจนถึงจุดสูงสุดของขั้นพลังกายแล้วด้วย !

มันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันอากาศโดยรอบเบาบางลงมาก ตอนนี้มันสามารถทนแรงกดดันในชั้นนี้ได้นานแล้วคาดว่าน่าจะขึ้นไปบนชั้นแปดได้เสียที !

“ อีกนิดเดียวเท่านั้น ! ”

‘เต้าหลิง’กำหมัด ก่อนจะรีบออกไปด้านนอก อีกไม่นานก็จะถึงเวลาสอบของสำนักซิงเฉินแล้ว รอให้สอบผ่านก่อนค่อยกลับมาตะลุยที่นี่ใหม่ ถึงตอนนั้นคงทะลวงไปถึงขั้นซึมซับวิญญาณแล้ว !

ในขณะที่เดินออกมาจากหอคอยทงหลิงนั้น ‘เต้าหลิง’ก็เห็น’เยว่อวิ้น’ที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกด้วยอาการร้อนรน จากนั้นนางก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าถมึงทึง

ทว่าพอนางเห็นรอยเลือดบนตัว’เต้าหลิง’แล้ว นางก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า

“ เกิดอะไรขึ้นในนั้น ? ”

“ ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่มีอะไรแล้ว ว่าแต่การสอบใกล้เริ่มแล้วล่ะสิ ? ”

‘เต้าหลิง’ยักไหล่ขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา ไม่คิดเลยว่า’เยว่อวิ้น’จะรอมันอยู่ตรงนี้ตลอด

“ พูดตรงๆเลยนะ เจ้าออกมาช้ามาก เกือบจะพลาดแล้วรู้ไหม ”

‘เยว่อวิ้น’กล่าวอย่างโมโห มองมันด้วยหางตา นางจะต้องรีบพามันไปที่สนามสอบให้เร็วที่สุด

“ ว่าแต่เจ้าขึ้นไปถึงชั้นไหนล่ะ? ”

‘เยว่อวิ้น’กล่าวด้วยสีหน้าดีใจ หากมันขึ้นไปถึงชั้นหกได้ การสอบครั้งนี้มันจะต้องได้ลำดับดีๆแน่

“ คิดว่าไปได้ถึงชั้นแปด ”

‘เต้าหลิง’ขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกไปตรงๆ ได้ยินดังนั้น ‘เยว่อวิ้น’ก็พยักหน้า มุมปากฉีกยิ้มขึ้นพร้อมกล่าวว่า

“ ข้าคิดว่าข้าน่าจะขึ้นไปถึงชั้นสิบได้เหมือนกัน ! ”

“ ขี้โม้ป่าว ? ”

‘เต้าหลิง’เหล่ตามองไปที่นาง ชั้นที่สิบไม่เคยมีใครขึ้นไปได้มาก่อน ตามคำเล่าขานมันเป็นตำนานที่ไม่มีทางพิชิตได้

“ แล้วเจ้าทำไม่ได้หรอ? ”

‘เยว่อวิ้น’ส่งเสียงหึดังขึ้น มันบอกน่าจะไปถึงชั้นแปดได้หรอ ? พูดออกไปใครจะเชื่อมัน นางรู้ดีว่าชั้นแปดเป็นยังไง มีอัจฉริยะไม่รู้กี่รายต่อกี่รายขึ้นไปบนนั้น สุดท้ายก็ถูกกดทับจนตายอยู่บนนั้น !

“ เฮ้อ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ”

‘เต้าหลิง’มองนางด้วยหางตา หากมันได้ฝึกพิเศษซักหน่อย การจะขึ้นไปชั้นเก้าย่อมมิใช่ปัญหา

ณ นอกเมืองชิงโจว ปรากฏผู้เข้าสอบจำนวนมากอยู่กันอย่างเนืองแน่น ด้านหน้าเป็นป่าเขาบุพกาล ซึ่งผู้เข้าสอบเหล่านี้จะแบ่งออกเป็นสิบกลุ่มด้วยกัน  และขณะนี้ก็มีคนจำนวนมากกำลังสะอึกสะอื้นอยู่ เพราะว่าในผู้เข้าสอบทั้งหมดจะมีแค่หนึ่งพันคนเท่านั้นที่ผ่าน ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าถูกคัดออกไปกี่คนเหมือนกัน

ทุกอย่างเงียบสงบ น้อยคนนักที่จะกล้าปริปาก  ขณะนี้’เต้าหลิง’ก็เดินมาถึงกลุ่มที่สิบจนได้  ภายในกลุ่มคนนั้นก็ปรากฏสายตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งมาที่มัน ‘หวังหลิ่ง’ส่งเสียงหึในลำคอขึ้นก่อนจะกล่าว

“ ในที่สุดก็มา ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่กล้ามาเสียอีก ”

‘หวังหลิ่ง’จะถือโอกาสตอนสอบนี้ในการฆ่ามันซะ แผนนี้มันต้องลงทุนไปไม่น้อยโดยให้คนแบ่งกลุ่มเอา’เต้าหลิง’กับตนไปอยู่สนามสอบเดียวกัน พอถึงตอนนั้นก็จะเป็นเวลาตายของมัน ‘เต้าหลิง’ก็สังเกตเห็นสายตาของ’หวังหลิ่ง’ได้เช่นกัน นัยน์ตามันฉายแววเย็นชาออกมา ในใจคิดขึ้นว่า

“ หวังว่าผลึกหินฟ้าจะอยู่ที่มัน ”

‘หวังหลิ่ง’ไม่ปล่อยให้’เต้าหลิง’รอดไปแน่ แต่ว่า’เต้าหลิง’เองก็จะไม่ปล่อยให้มันรอดไปเหมือนกัน !

เมื่อสองสามวัยก่อนมันไปถาม’เยว่อวิ้น’มา และก็รู้ด้วยว่าผลึกหินฟ้ามีมูลค่าสูงขนาดไหน แร่หินนี้เป็นของล้ำค่าที่ใช้หลอมเกราะหรือชุดนักรบได้ ขอเพียงผสมผลึกหินฟ้าลงไปนิดเดียวเท่านั้น ก็จะทำให้คุณภาพของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก  อีกทั้งผลึกหินฟ้ายังทนต่อการกัดกร่อนของเวลาอีกด้วย

พูดง่ายๆก็คือไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีมันก็ยังสามารถรักษาสภาพเดิมของมันได้ แค่นี้ก็พอจะเห็นได้แล้วว่าของล้ำค่าชิ้นนี้ ไม่ใช่ของล้ำค่าธรรมดาที่จะมีอะไรมาทัดเทียมได้ โดยเฉพาะผลึกหินฟ้าที่’หวังหลิ่ง’ช่วงชิงมา น้ำหนักของมันราวห้าจิน สามารถหลอมออกมาเป็นเสื้อเกราะในชั้นเยี่ยมตัวหนึ่งซึ่งสามารถต้านภัยยันอันตรายได้มากมาย

“ ดูท่าคนพวกนั้นน่าจะเข้าสำนักซิงเฉินได้เลย ”

‘เต้าหลิง’กวาดสายตามองไปเบื้องหน้า มันก็เห็น’กันเหยา’อยู่ในกลุ่มนั้น คนพวกนั้นล้วนแต่เป็นคนที่มีพลังแข็งแกร่งกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังไม่ต้องสอบพวกมันก็สามารถเข้าสำนักซิงเฉินได้ทันที ผู้บริหารระดับสูงของสำนักซิงเฉินรู้สึกปีติยิ่ง อัจฉริยะที่มาเข้าสอบในครั้งนี้มีมากกว่าปีก่อนๆหลายเท่าตัว

อีกทั้งยังมีคนที่แข็งแกร่งมากันมากมายอีกด้วย และแน่นอนพวกมันล้วนต้องการที่จะเข้าไปที่ห้องลับสำนักซิงเฉินซึ่งมีวิชาเปลี่ยนทิศดาราอยู่นั่นเอง

ทุกอย่างเงียบลงครู่หนึ่ง ก่อนจะปรากฏผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเงินขึ้นกลางลาน มันนั่งลงบนหินสีดำก้อนหนึ่ง สายตากวาดมองความพร้อมของผู้คนนับแสนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเรียบๆว่า

“ เอาล่ะข้าจะอธิบายรางวัลในการสอบครั้งนี้กันก่อน ”

“ ทุกคนที่ติดลำดับหนึ่งในร้อยจะได้โอสถเม็ดหยุนหลิงคนละหนึ่งเม็ด ! ”

เสียงของผู้อาวุโสชุดคลุมสีเงินทำให้บรรยากาศเงียบลงทันที จากนั้นก็ปรากฏเสียงพูดคุยกันดังสนั่นขึ้น โอสถเม็ดหยุนหลิงเป็นโอสถเม็ดชั้นสูงระดับสอง สามารถช่วยให้คนที่อยู่ขั้นพลังกายทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณได้ ไม่คิดเลยว่าในมือพวกมันจะมีโอสถเม็ดหยุนหลิงถึงหนึ่งร้อยเม็ด !

“ ส่วนคนที่ติดลำดับหนึ่งในสิบ จะได้โอสถเม็ดซึมซับวิญญาณจื่อซิน และมีสิทธิที่จะได้เข้าไปในหอคัมภีร์ลับแห่งสำนักซิงเฉิน ! ”

โอสถเม็ดซึมซับวิญญาณจื่อซิน ! มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนตาเป็นประกายขึ้นมา ทั้งยังเป็นโอสถเม็ดชั้นต่ำระดับสี่ โอสถเม็ดนี้มีชื่อต่างจากโอสถเม็ดซึมซับวิญญาณเพียงแค่สองตัวอักษร

ทว่าเพียงแค่สองตัวอักษรก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยโอสถเม็ดนี้จะนำเข้าไปผสมกับจื่อซินเหลว จนถือกำเนิดของล้ำค่าชิ้นนี้ขึ้นมา และทำให้ขุมพลังอำนาจใหญ่ต่างๆเห็นแล้วต้องจ้องตาเป็นมัน และหอคัมภีร์ลับแห่งสำนักซิงเฉิน มันเป็นสิ่งที่แม้แต่กันเหยาอัจฉิยะสาวยังต้องจ้องตาเป็นมัน

สำนักซิงเฉินเป็นขุมพลังที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ พวกมันล้วนสั่งสมอะไรต่อมิอะไรไว้มากมาย ในหอคัมภีร์ลับนั่นเต็มไปด้วยวิชามหัศจรรย์มากมายไม่ขาดซักวิชา

“ สิบลำดับแรก ! ”

‘เต้าหลิง’กำหมัดแน่น หากติดลำดับหนึ่งในสิบได้ ก็จะได้สิทธิประโยชน์มากมาย ไม่มีใครที่ไม่เกิดอารมณ์ฮึกเหิมหรอก ขั้นพลังกายทะลวงไปสู่ขั้นซึมซับวิญญาณนั้น จะต้องทำตามขั้นตอนซึ่งใช้เวลาที่ยาวนานราวครึ่งปีหรือไม่ก็สองสามปี

ดังนั้นโอสถเม็ดจะช่วยเพิ่มความเร็วได้ โดยเฉพาะโอสถเม็ดซึมซับวิญญาณจื่อซิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เต้าหลิงต้องการในตอนนี้พอดี เพราะว่าพลังแฝงในขั้นพลังกายของมันตอนนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว

หากมันมัวแต่ทำตามขั้นตอน คาดว่าคงอีกหลายปีกว่ามันจะทะลวงขึ้นไปได้ !

____________________________________

มีคนคอมเม้น บอกให้หาคนแปลต่อถ้าผมขี้เกียจเช่นนี้ ฝากถึงคนเม้นถ้ายังอ่านอยู่ ผมขี้เกียจแล้วจะทำไมวะ

รับไม่ได้ก็ไปอ่านraw จีนเองดิ โด่ววว ไม่ได้ขอร้องให้มาอ่านซักนิด (จะติขอให้มันเกี่ยวกับนิยาย)

ขอโทษนักอ่านที่ดีเห็นแล้วมันจี๊ดจริงๆ

ภาษาจีนวันละนิดจิตเริ่มไม่แจ่มใส 555

ตอนนี้เสนอคำว่า 滚(gǔn) กุ่น แปลว่า หลีกไป,ไปให้พ้น

ตัวอย่างใช้ในชีวิตประจำวัน 滚开(gǔn kāi) กุ่นไค แปลว่า ไสหัวไป !

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments