ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลไทย : XiaoeyuGao
เบื้องหน้าคือป่าเขาบุพกาลผืนใหญ่ มีต้นไม้เก่าแก่สูงใหญ่ องุ่นเลื้อยไปมาดั่งมังกร ภูผาตั้งตระหง่าน มีวานรส่งเสียงหวีดร้องดังขึ้นอย่างสนุกสนาน ปรากฏเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นเป็นพักๆ ทำให้ผู้เข้าสอบจำนวนมากล้วนวิตกกังวลอย่างยิ่ง
นัยน์ตาของ’เต้าหลิง’ฉายประกายออกมา รางวัลที่มากมายถึงเพียงนั้นหากใครไม่สนใจก็แย่แล้ว
ทว่าตอนนี้มันยังไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณ หากอยากจะได้ลำดับดีๆคงต้องลำบากมากแน่ ในเขตการสอบเขตที่สิบ มีคนที่แข็งแกร่งยิ่งอยู่สองสามคน พวกมันล้วนยังไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณ
ทว่าร่างกายพวกมันกลับแข็งแกร่งยิ่ง นอกจากนี้ก็ยังมียอดฝีมือที่ทะลวงเข้าขั้นซึมซับวิญญาณไปแล้วอีกไม่น้อยด้วย ยังมีอัจฉริยะอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทะลวงขั้นพลังนี้ เพราะว่าความแข็งและอ่อนในขั้นพลังกายนั้นจะเกี่ยวโยงถึงการพัฒนาในอนาคตด้วย
‘เต้าหลิง’เองก็เป็นเช่นนั้น หากไม่พัฒนาร่างกายให้แข็งแกร่งถึงขีดสุดเสียก่อน ก็จะไม่คิดทะลวงขั้นพลังไปเด็ดขาด
เวลานี้ก็ปรากฏชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา มันสวมอาภรณ์สีดำ นัยน์ตาเฉียบคม พลังที่ปล่อยออกมาทั่วร่างมุทะลุดุดันยิ่ง ด้านหลังปรากฏคนสองคนเดินตามมา และหนึ่งในสองคนนั้นก็’เฉียนหลง’ สายตากวาดมองไปที่ใบหน้าที่วิตกของผู้เข้าสอบจำนวนมาก
พลังทั่วร่างของชายวัยกลางคนพลันระเบิดออกมาราวกับทะเลแดงที่ขึ้นๆลงๆ ป่าเขาที่อยู่โดยรอบมันล้วนสั่นสะเทือน ระลอกคลื่นที่รุนแรงซัดสาดเข้าใส่ ปรากฏเป็นฉากใบไม้จำนวนมากปลิวว่อน ภายใต้คลื่นพลังที่โหมซัดกระหน่ำเหล่านั้น
‘เต้าหลิง’รู้สึกได้ถึงความอึดอัดและหายใจไม่สะดวก ในใจมันสั่นระรัว พลังของชายวัยกลางคนคนนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เดาว่าเพียงแค่พลิกฝ่ามือก็สามารถสยบผู้เข้าสอบในเขตสิบได้ทั้งหมด ! นี่ก็คือผู้แข็งแกร่ง !
คลื่นพลังที่น่ากลังยังคงปล่อยออกมาเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนล้วนหายใจติดขัด มีบางคนถึงกับทนกับแรงกดดันไม่ไหวจนต้องหวีดร้องออกมา ภายในเขตสิบดูวุ่นวายเหลือเกิน ปรากฏเงาของผู้เข้าสอบจำนวนมากล้มลงนอนกับพื้นกันอย่างต่อเนื่อง รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้ามา
พวกขี้ขลาดส่วนหนึ่งขาทั้งสองข้างล้วนสั่นระริก และก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่กลัวเสียจนปัสสาวะราดรดกางเกง ชายวัยกลางคนใช้แววตาที่เรียบเฉยมองไปยังภาพที่เลวร้ายเบื้องหน้า ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มว่า
“ พลังแค่นี้ก็ยังทนไม่ได้ยังคิดที่จะเข้าไปในป่าบุพกาลอีกหรือ ตอนนี้หากข้าให้พวกเจ้าเข้าไปก็ถือว่าเป็นการทำร้ายพวกเจ้าทางอ้อม เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ไหวให้กลับไปซะ ! ”
แขนเสื้อของชายวัยกลางคนสั่นไหวครู่หนึ่ง ก่อนจะปรากฏคลื่นพลังขนาดใหญ่และงดงามพรั่งพรูออกมา หอบเอาคนที่นอนอยู่บนพื้นลอยออกไปทันที ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนที่เหลืออยู่ใจสั่นระริก เพราะว่านี่เป็นแค่การทดสอบเล็กๆเท่านั้น
ทว่าผู้เข้าสอบในเขตสิบกลับหายไปแล้วครึ่งหนึ่งใหญ่ๆ ทำให้เหลือผู้เข้าสอบอีกประมาณหลายพันคนที่ต้องต่อสู้แย่งชิงลำดับกันต่อไป การสอบในครั้งนี้มันโหดร้ายเกินไปหน่อยจริงๆ ‘เฉียนหลง’และอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ในมือของอีกคนหนึ่งปรากฏเหรียญสีดำจำนวนมาก ก่อนจะเริ่มแจกจ่ายให้แก่ผู้เข้าสอบที่อยู่เบื้องหน้า
“ นี่คือเหรียญสอบ ในตอนที่พวกเจ้าสอบอยู่นั้น หากเหรียญของใครถูกขโมยไป จะถือว่ามันผู้นั้นสอบตก ! และในตอนที่สิ้นสุดการสอบ ใครที่ได้เหรียญเยอะก็จะได้เข้าสำนักซิงเฉินไป จำเอาไว้มีแค่หนึ่งร้อยคนที่ผ่านเท่านั้น ! ”
ผู้เข้าสอบทั้งหลายเริ่มระวังตัวกันขึ้นมาทันที บัดนี้พวกมันล้วนเห็นคนข้างๆตนเป็นศัตรูไปเสียแล้ว นี่คือสงครามโลหิต หากอยากผ่านก็ต้องเรียนรู้ที่จะขโมยเหรียญมาให้ได้ ‘เฉียนหลง’เดินมาถึง’เต้าหลิง’ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ในใจล้วนอัดแน่นไปด้วยโทสะ
ตัวมันนั้นเป็นถึงศิษย์สำนักซิงเฉิน ทว่ากับเด็กหนุ่มที่มาจากที่เล็กๆอย่าง’เต้าหลิง’มันกลับสู้ไม่ได้ นี่ถือเป็นความอัปยศอันใหญ่หลวงของมันเลยทีเดียว
“ หวังว่าตอนที่เจอกัน เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่นะ ”
‘เฉียนหลง’ยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะยื่นเหรียญสอบให้
“ ข้าจะรับคำอวยพรของเจ้าไว้แล้วกัน ”
‘เต้าหลิง’ยิ้มเยาะขึ้นในใจ พร้อมกับปรากฏเหรียญสีดำขึ้นฝ่ามือเรียวยาว นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว คนที่เป็นศัตรูกับมันทั้งสองคนมาอยู่ในเขตสิบที่เดียวกับมัน คาดว่าหวังหลิ่งจะต้องเกี่ยวพันกับเรื่องนี้แน่
ได้ยินดังนั้นใบหน้าของ’เฉียนหลง’พลันหนักอึ้งเล็กน้อย นัยน์ตาทั้งสองข้างฉายประกายเดือดดาลออกมา ก่อนจะยิ้มเยาะขึ้น
“ เจ้ารอดออกมาให้ได้ก่อนค่อยพูด ! ”
‘เฉียนหลง’ได้ตัดสินโทษประหารมันเป็นที่เรียบร้อย ตอนแรกมันก็ยังกลัวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง’เต้าหลิง’กับ’เยว่อวิ้น’ ทว่าพอมันได้รู้ความจริงว่า’เต้าหลิง’เป็นเพียงศิษย์ของ’เยว่อวิ้น’เท่านั้น จิตใจมันก็เบิกบานขึ้นมาทันที
เพียงอาศัยมือคนอื่นฆ่ามันเสีย เท่านี้’เยว่อวิ้น’ก็ไม่มีทางสืบสาวราวเหตุมาถึงตัวมันได้แน่
“ เอาล่ะ ตามข้ามา ”
ชายวัยกลางคนเห็นทุกคนได้รับเหรียญกันหมดแล้ว ฝีเท้าก็ย่ำเดินไปข้างหน้า ผู้เข้าสอบในเขตสิบต่างลุกฮือขึ้นเหมือนดั่งลูกคลื่นขนาดใหญ่ ก่อนจะเดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่าบุพกาล ป่าเขาผืนนี้เป็นเขตควบคุมของสำนักซิงเฉิน
สัตว์อสูรที่ดุร้ายจำนวนมากล้วนถูกขับไล่ไปหมดแล้ว ดังนั้นจะเหลือเพียงสัตว์อสูรธรรมดาๆที่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายนัก ส่วนกฎในการสอบนี้นั้นก็ง่ายมาก คนที่ได้เหรียญมากที่สุดในแต่ละเขตก็จะติดลำดับหนึ่งในสิบคนแรกนั่นเอง
หลังจากที่เดินผ่านถนนเส้นเล็กที่คดเคี้ยวไปมา ก็จะมองเห็นป่าเขาขึ้นๆลงๆเป็นคลื่น อากาศโดยรอบล้วนอบอวนไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต ให้ความรู้สึกที่อึดอัดยิ่งนัก เสียงของสัตว์อสูรก็ค่อยๆดังกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ แขนเสื้อของชายวัยกลางคนสะบัดขึ้นอีกครั้ง พลันปรากฏคลื่นลมขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้น
ผู้เข้าสอบที่ยืนอยู่ข้างๆมันค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆ ‘เต้าหลิง’รู้สึกได้ว่าตัวมันกำลังถูกคลื่นลมที่อ่อนนุ่มห่อหุ้มร่างเอาไว้ จากนั้นร่างของมันก็มาปรากฏอยู่ในพื้นที่ที่มีหินอยู่เต็มไปหมด
“ เป็นวิชาที่สุดยอดจริงๆ ! ”
‘เต้าหลิง’ตกตะลึงครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนเมื่อครู่เป็นยอดฝีมือแท้จริง เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อเล็กน้อยก็สามารถพาผู้เข้าสอบคนแล้วคนเล่าไปยังที่อื่นได้
“ ก๊าซ ! ”
ปรากฏเสียงคำรามของสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ๆดังขึ้น ทำเอาป่าเขาสั่นสะเทือน ทั้งยังมีกลิ่นคาวโลหิตลอยมาอีกด้วย ภาพที่เห็นคือเงาลางของร่างขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นอยู่ด้านในป่า ‘เต้าหลิง’มองสำรวจไปรอบๆครู่หนึ่ง และในขณะที่มันกำลังจะเดินต่อนั้น ก็ปรากฏเงาคนสองคนพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ เอาเหรียญมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ! ”
สีหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองดูปีติยิ่ง พวกมันนี่ช่างโชคดีเสียจริงที่บังเอิญได้อยู่เขตเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นคนในตระกูลเดียวกันอีกด้วย เมื่อครู่ชายวัยกลางคนได้ประกาศแค่ว่าต้องช่วงชิงเหรียญมาให้ได้ แต่ก็มิได้พูดว่าห้ามร่วมมือกัน การสอบครั้งนี้สำหรับพวกมันแล้วเป็นเรื่องที่หมูมาก
“ จ้งฮู่ พวกเรานี่ช่างโชคดีจริงๆ แค่พวกเราทำแบบนี้อีกซักสองสามครั้งแล้วก็หาที่ซ่อนเหรียญพวกนี้ แค่นี้พวกเราก็สอบผ่านแล้ว ”
“ ใช่ๆ ขอแค่ไม่เจอคนที่แข็งแกร่งมาก พวกเราจะต้องได้เข้าสำนักซิงเฉินแน่ ”
เด็กหนุ่มทั้งสองคุยโวโอ้อวดกันโดยที่ไม่ได้เห็น’เต้าหลิง’อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ไอ้เด็กคนนี้อายุอ่อนกว่าพวกมันทั้งสอง อีกทั้งยังแต่งตัวเรียบๆดูไม่ได้เก่งกาจอะไร แล้วเหตุใดพวกมันจะต้องหวาดกลัวไอ้เด็กนี่ด้วยเล่า ?
เด็กหนุ่มทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกปากได้ไม่กี่ประโยค สายตาก็ชำเรืองไปเห็นเต้าหลิงที่กำลังเดินเข้ามา สีหน้าของ’จ้งฮู่’ดูย่ำแย่เล็กน้อย ก่อนจะด่าทออกไปว่า
“ บัดซบ ! ข้าสั่งให้เจ้าเอาเหรียญออกมาไง เจ้าคิดจะถ่วงเวลาอย่างนั้นหรอ ? หากเจ้ายังชักช้าเช่นนี้ คงได้เห็นดีกันแน่ ! ”
“ หากยังไม่อยากตายก็รีบส่งเหรียญมาซะ ”
เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง’จ้งฮู่’กล่าวขึ้นก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า
“ มิเช่นนั้นก็จงระวังชีวิตของเจ้าไว้ให้ดี รีบตัดสินใจซะ ! ”
‘เต้าหลิง’กระพริบตาสองสามครั้ง ก่อนใบหน้าจะเกิดรอยยิ้มมุมปากขึ้น มันใช้นิ้วแตะไปที่จมูกพร้อมแสยะปากยิ้มออกมา
“ เอาเหรียญของพวกเจ้ามา มิเช่นนั้นตาย ! ”
“ อะไรนะ ? ”
‘จ้งฮู่’พลั้งปากออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ คิดว่าตัวเองคงฟังผิดไป มันจะให้พวกข้าเอาเหรียญออกมาให้มันหรือ ? ไอ้เด็กนี่มันกินยาผิดมาหรือป่าว ?
“ ไอ้เด็กปากดี เห็นทีคงต้องสั่งสอนเจ้าเสียหน่อยแล้ว ! ”
‘จ้งเป้า’ทั้งโกรธทั้งอายยิ่ง มันพุ่งทะยานเข้ามา พร้อมปล่อยหมัดเข้าที่หน้าอกของ’เต้าหลิง’ ‘เต้าหลิง’เม้มริมฝีปากหนา นัยน์ตาที่สงบนิ่งมองหมัดที่พุ่งเข้ามาเรื่อยๆ ฝ่ามือเรียวยาวยืดออกไป พริบตาเดียวก็วางทาบลงบนไหล่ของ’จ้งเป้า’ ฝ่ามือพลันออกแรงกดมันลงพื้นอย่างง่ายดาย
ราวกับถูกหินยักษ์หนักราวสามสี่หมื่นจินกดทับ ผืนดินสั่นสะเทือนเศษดินกระจายออก ‘จ้งเป้า’นอนหวีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทั่วร่างสั่นเทา รู้สึกราวกับหัวไหล่ถูกฉีกขาดออกอย่างไรอย่างนั้น ฝ่าเท้า’เต้าหลิง’กระทืบลง พื้นพลันยุบตัว ปรากฏคลื่นพลังซัดสาดหินจำนวนมากลอยพุ่งเข้าใส่’จ้งฮู่’..
“ เสร็จกัน… ”
เด็กหนุ่มทั้งสองหัวใจจะวายตาย ไอ้เด็กนี่ราวกับกับอสูรร้ายก็มิปาน มีร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่ง เพียงใช้ฝ่าเท้ากระทืบลงพื้น ก็บังเกิดคลื่นพลังที่รุนแรงถึงขนาดหอบหินขึ้นมาได้ ……….
“ นั่นมันกำลังทำอะไร ? ”
‘จ้งฮู่’ที่ถูกค้นตัวเสร็จแล้วพูดขึ้นเบาๆ หัวใจสั่นระรัว นัยน์ตามองไปที่เด็กหนุ่มที่กำลังทำอะไรแปลกๆอยู่เบื้องหน้า
“ ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนว่ามันกำลังฉีกเสื้ออยู่นะ ”
ใบหน้า’จ้งฮู่’พลันหดลงทันที
“ แคร๊กๆ… ”
‘เต้าหลิง’ฉีกเสื้อที่อยู่บนตัวมันให้ขาดออก ก่อนจะหาขี้ดินมาทาบนตัวของมัน มองดูแล้ว เหมือนขอทานยิ่งนัก จากนั้นมันก็เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย ทิ้งให้เด็กหนุ่มทั้งสองมึนงงอยู่อย่างนั้นต่อไป ‘เต้าหลิง’เดินเตร่ไปรอบๆอยู่พักหนึ่ง มันก็จับสัตว์อสูรตัวหนึ่งมาได้
จากนั้นก็ทำการละเลงเลือดสัตว์อสูรลงไปทั่วตัว ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึกลับด้วยท่าเดินที่ดูองอาจ
“ ฮ่าฮ่า ไอ้ขอทาน รีบส่งเหรียญที่เอวเจ้ามาให้ข้าซะ ! ”
พอเดินเข้ามาในป่าได้ไม่นาน ก็ปรากฏไอ้อ้วนน้อยคนหนึ่งพุ่งตัวขึ้นมา พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะดังขึ้น ไอ้อ้วนน้อยคนนี้แอบซุ่มสำรวจอยู่ตรงนี้นานแล้ว มันจะคอยเล่นงานผู้เข้าสอบที่ได้รับบาดเจ็บแล้วหลบหนีมาทางนี้
แต่หากเจอกับคนที่ดูน่าจะแข็งแกร่ง มันก็จะเอาแต่หดหัวอยู่แต่ในกระดองเท่านั้น เพียงเห็นเด็กหนุ่มที่เสื้อขาดหลุดลุ่ย อีกทั้งใบหน้ายังมีคราบโลหิตติดอยู่ด้วย ไอ้อ้วนน้อยก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขยิ่ง
“ ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ เร็วๆเข้า ! ”
ไอ้อ้วนน้อยยิ้มอย่างไร้เดียงสา มันยิ้มกว้างจนแก้มย้วยๆของมันปรากฏเป็นร่องขึ้น พอมองดีๆแล้ว นี่มันดวงตาหรือป่าว? ‘เต้าหลิง’มองไปที่มันพร้อมกับแสยะปากยิ้มออกมา ไอ้อ้วนน้อยตกใจเล็กน้อย ก่อนจะทำใจดีสู้เสือกล่าวออกไปว่า
“ เจ้ายิ้มอะไร ? รีบส่งเหรียญมาให้ข้าเร็ว มิเช่นนั้นได้เห็นดีกันแน่ ”
‘เต้าหลิง’เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม ก่อนพลิกฝ่ามือแล้วกดไออ้วนน้อยลงไปนอนกับพื้นอย่างง่ายดาย ฝ่ามือควานหาของในอกเสื้อไอ้อ้วนน้อยครู่หนึ่ง ก็หยิบเหรียญออกมาสองเหรียญแล้วเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
“ กรอด !! ”
ไอ้อ้วนน้อยโกรธจนตัวสั่นเทา สายตามองไปยังเงาที่ค่อยๆเลือนหายไป ก่อนจะตะโกนออกไปว่า
“ ไอ้คนชั่ว ! ”
คนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่านั้นมีจำนวนมาก คนที่ฉลาดนั้นจะเลือกซ่อนตัวก่อนและจะคอยลงมือกับคนที่ดูอ่อนแอหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บมา แค่ทำเช่นนี้อัตราในการสอบผ่านก็เพิ่มขึ้นมากแล้ว และด้วยเหตุนี้เองเต้าหลิงจึงเดินเข้ามาพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยโลหิต ผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อนคนแล้วคนเล่า ราวสามชั่วยามผ่านไป เต้าหลิงก็สะสมเหรียญได้แล้วสามสิบเหรียญ..
“ ครืดด!”
ผืนป่าพลันสั่นไหว ปรากฏคลื่นพลังที่แข็งแกร่งและดุดันพุ่งเข้ามา ต้นไม้โบราณทุกต้นโอนเอน ใบไม้ปลิวว่อน ก่อนจะถูกคลื่นลมซัดสาดจนแหลกเป็นเศษ
“ ตายซะ ! ”
ปรากฏเป็นอมนุษย์สีเงินตัวหนึ่ง พลังดุดันและน่าเกรงขาม มันฟาดกงเล็บเข้าใส่เต้าหลิง พลันเกิดคลื่นลมพายุที่น่าหวาดหวั่นขึ้น หอบเอาก้อนหินขนาดใหญ่บนพื้นกระเด็นลอยออกไป
ปรากฏเสียงตูมดังขึ้น ฝ่ามือของเต้าหลิงเปล่งแสงสีทองออกมาราวกับหลอมขึ้นมาจากทองคำ มันส่องแสงแวววาวละลานตา ก่อนจะต้านการโจมตีของอมนุษย์สีเงินเอาไว้ ผืนผ่าสั่นไหวรุนแรงยิ่งขึ้น ต้นไม้โบราณต่างโค่นลง หินกรวดบนพื้นถูกคลื่นลมหอบลอยขึ้นฟ้า โดยรอบค่อยๆปรากฏพายุหมุนขนาดเล็กขึ้นจำนวนมาก
“ ย่าหหหห์ ! ”
‘เต้าหลิง’คำรามลากเสียงยาว ผมดำขลับปลิวไสว พลังในร่างโคจรอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำ พร้อมระเบิดประกายแสงสีทองจ้าออกมาราวกับเทพสงครามตัวน้อย ก่อนจะใช้หัวพุ่งชนเข้าใส่ร่างของอมนุษย์สีเงินด้วยความเร็วสูง
อมนุษย์สีเงินเจ็บปวดจนหวีดร้องออกมา โลหิตพุ่งทะลักออกมาจากปาก สีหน้ามันดูตกใจเล็กน้อย ร่างกายของเด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเหลือเกิน มันรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ก่อนจะหันหลังเตรียมวิ่งหนี
“ จะรีบไปไหน ! ”
ฝ่ามือเต้าหลิงยืดออกไป พริบตาเดียวก็จับไปที่กงเล็บของอมนุษย์สีเงินเอาไว้ได้ โลหิตซัดสาดกระเซ็นออกมา แขนของอมนุษย์สีเงินแทบจะถูกมันกระชากจนฉีกขาดออก
“ ไว้ชีวิตข้าเถอะ ! ”
อมนุษย์สีเงินร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะร้องขอชีวิตหน้าด้านๆ หากมันมาตายที่นี่ ก็คงได้ไม่คุ้มเสียแน่ มันเริ่มอ้อนวอนออกมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีว่า
“ พ่อยอดฝีมือ ปล่อยข้าไปเถอะ ! ”
เพียงเห็นมันส่งกระเป๋าหนังสัตว์อสูรมาให้พร้อมกับท่าทีที่ดูซื่อสัตย์ ‘เต้าหลิง’ก็พยักหน้า ก่อนเปิดกระเป๋าหนังสัตว์อสูรก็พบกับเหรียญสอบจำนวนสิบอัน ในใจก็ถูกจุดประกายไฟขึ้น ก่อนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“ ไม่เลว มีเหรียญสอบเยอะดี ”
อมนุษย์สีเงินแทบจะสำรอกโลหิตที่คั่งค้างออกมา เมื่อครู่การตบตาว่าอ่อนแอของไอ้เด็กนี่ช่างแนบเนียนจริงๆ ทั่วร่างละเลงไปด้วยโลหิตสัตว์อสูร ตอนแรกมันก็คิดว่าจะใช้เวลาในการปล้นของเพียงครู่เดียว
ทว่าใครเล่าจะไปรู้ว่าเพียงแค่ประมือกันไม่กี่กระบวนท่ามันก็ถูกจัดการลงอย่างง่ายดาย
“ ถ้าหากระเป๋ามิติมาได้ซักใบก็คงดี ”
‘เต้าหลิง’พูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมใช้มือคลำไปที่เหรียญสอบ จำนวนมากที่อยู่ในอกเสื้อ กระเป๋ามิตินั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่ง ภายในกระเป๋ามีห้วงมิติหนึ่งสามารถเก็บของได้จำนวนมาก และจนกระทั่งถึงตอนนี้เต้าหลิงก็ยังไม่เคยเห็นมันกับตาซักใบ
ขณะนี้’เต้าหลิง’ก็เดินฝ่าดงป่าลึกเข้าไปได้ซักพัก มันก็เริ่มระวังตัวขึ้นมาทันที มันรู้สึกได้ว่าแถวนี้มีพลังที่แข็งแกร่งจำนวนมากอยู่ ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไร คนเก่งๆก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ มันเดินมาเรื่อยๆจนถึงทะเลสาบแห่งหนึ่ง และในขณะที่มันกำลังมองหาทางที่จะเดินต่อไปนั้น หัวคิ้วของ มันพลันขมวดเข้าหากัน
เวลานี้วิชากลืนฟ้าทำงานเองโดยไร้ซึ่งการควบคุม ปรากฏเสียงสวดคัมภีร์ดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นไอของความกระหายปรากฏออกมา….
“ อะไร ? ”
หัวใจ’เต้าหลิง’เริ่มเต้นระรัว ฝ่ามือทั้งสองกำแน่น ใบหน้าปรากฏความปีติอย่างยิ่งขึ้น มันคือโลหิตเทพสัตว์อสูร !
ในตอนที่เจอกับโลหิตชั้นสูง วิชากลืนฟ้าก็จะทำงานเองโดยไร้ซึ่งการควบคุม เพราะว่าวิชากลืนฟ้าเองก็ต้องการโลหิตสัตว์อสูรจำนวนหลากหลายชนิดมาเสริมความแข็งแกร่งของมันเองเช่นกัน และยิ่งในตอนที่เจอกับโลหิตสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
อีกทั้งโลหิตนั้นยังไม่มีเจ้าคอยของดูแลอยู่ด้วยล่ะก็ มันก็จะยิ่งเป็นที่สนใจแก่วิชากลืนฟ้าเข้าไปอีก !
“ ไม่อยากจะเชื่อว่าที่นี่จะมีโลหิตเทพสัตว์อสูรอยู่ ฮ่าฮ่า ข้านี่มันโชคดีจริงๆ ! ”
‘เต้าหลิง’หัวเราะขึ้นในใจอย่างมีความสุข หากได้โลหิตเทพสัตว์อสูรมา ก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณได้ในเวลาอันสั้น ! ตอนแรกเสียงลึกลับที่ดังขึ้นในหัวมันเคยพูดว่า ตัวมันจะมีพละกำลังอย่างน้อยที่สุดหนึ่งแสนจินในขั้นพลังกาย
หากมันทำตามเงื่อนไขที่ว่าสำเร็จนั่นก็คือจะต้องกินโลหิตเทพสัตว์อสูร !
หากมันมีพละกำลังถึงหนึ่งแสนจินในขั้นพลังกายแล้วล่ะก็ มันจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
“ ใจเย็น ต้องใจเย็นก่อน ! ”
‘เต้าหลิง’สูดลมหายใจเข้าลึก พยามดับไฟที่ลุกไหม้คุโชนในใจ ฝ่าเท้าย่ำไปด้านหน้า ตอนนี้มันยังมั่นใจไม่ได้ว่าจะมีโลหิตเทพสัตว์อสูรอยู่จริงหรือไม่
มันเดินไปตามการเรียกหาของโลหิต ฝีเท้าย่ำเดินไปข้างหน้า จนพบกับป่าไผ่แห่งหนึ่ง หากเทียบกับด้านนอกแล้วมันดูเงียบสงบกว่ามาก อีกทั้งยังดูลึกลับยิ่ง
‘เต้าหลิง’รู้สึกได้เลยว่าด้านในนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ เพราะว่าเมื่อครู่มันต้องเดินเข้ามาลึกอยู่มากกว่าจะมาถึงที่แห่งนี้
“ พลังในนี้เปี่ยมล้นจริงๆ ”
นัยน์ตามองสำรวจโดยรอบ ทุกๆที่ในนี้ล้วนมีแต่ต้นไผ่ อีกทั้งพลังฟ้าดินยัง ค่อนข้างมากอีกด้วย พลันปรากฏเสียงฝีเท้าดังซาซาขึ้น พร้อมกับคนสี่คนที่เดินออกมาจากป่าไผ่ และในตอนที่พวกมันเห็นว่ามี คนอยู่ด้วย
สีหน้าหนึ่งในสี่คนนั้นฉายแววเคร่งขรึมทันที ก่อนตะโกนออกไปว่า
“ ไปฆ่ามัน เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด ! ”
“ เป็นเจ้านี่เอง ! ”
ในตอนที่เด็กหนุ่มชุดขาวหนึ่งในสี่คนนั้นมองมาที่เต้าหลิงด้วยแววตาเย็นเรียบนั้น สีหน้ามันพลันดูคึกคักขึ้นทันใด
“ หวังหลิ่ง ! ”
นัยน์ตา’เต้าหลิง’ฉายแววคมกริบออกมา ทั่วร่างปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง ผมยาวปลิวไสว ____________________
ประกาศ สำคัญ ! (ไปหนึ่งปี) (ใครทวงใครโวยวายเพิ่มเวลาลงเม้นละหนึ่งวัน)
ภาษาจีนละนิดชีวิตประจำวัน ตอนนี้เสนอคำว่า 来(lái) ไหล แปลว่า มา
ตัวอย่างใช้ในชีวิตประจำวัน 你一个人来的吗?(nǐ yí ge rén lái de ma) หนี่อี๋เกอเหรินไหลเตอมา แปลว่า คุณมาคนเดียวหรอ ?
我来了(wǒ lái le) หว่อไหลเลอ แปลว่า ฉันมาแล้ว 来这里吧(lái zhè lǐ ba) ไหลเจ้อหลี่ปา แปลว่า มานี่เถอะ
ที่มา:
(0 votes) 0/5