I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 24 ปะทะหวังหลิ่ง

| GSDZ (盖世帝尊) | 1015 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทย : XiaoeyuGao

ป่าไผ่สะบัดไปมา ใบไผ่บินขึ้นสู่อากาศปลิวว่อน ปรากฏคนสี่คนยืนอยู่ด้านในป่า พวกมันล้วนเป็นคนของตระกูลหวัง โดยเฉพาะคนที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่หน้าคนทั้งสาม สีหน้ามันหยิ่งผยองเล็กน้อย

คนทั้งสามที่อยู่ด้านข้างล้วนเคารพมันอย่างยิ่ง มันเป็นสายเลือดของผู้นำตระกูลหวังโดยตรง ซึ่งมีอำนาจล้นพ้น ทว่าหวังหลิ่งกับอีกสองคนที่เหลือเป็นเพียงแค่สายเลือดที่มาจากตระกูลหวังเท่านั้น ตระกูลหวังนั้นเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงในราชวงษ์กัน ดังนั้นมันถึงได้มีอำนาจกว้างใหญ่ไพศาลนัก

เวลานี้ใบหน้าของหวังหลิ่งดูคึกคักยิ่งนัก ฝ่ามือคีบใบไผ่ที่กำลังปลิวว่อนอยู่มาได้ใบหนึ่ง ก่อนมันจะบี้ใบไผ่จนแหลกเป็นผุยผง ราวกับมองเห็น’เต้าหลิง’ที่จะต้องถูกมันบดขยี้จนแหลกเหมือนใบไผ่เยี่ยงนี้

เมื่อครึ่งเดือนก่อนมันได้กรอกโลหิตสัตว์อสูรใส่ปาก’เต้าหลิง’เองกับมือ ตอนแรกก็คิดว่ามันตายไปแล้ว ทว่าไม่คิดเลยว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังมาที่สำนักชิงซานราวกับไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น นี่เป็นสิ่งที่หวังหลิ่งยากจะรับได้ รู้สึกได้เลยว่า’เต้าหลิง’กำลังยั่วโทสะมันอยู่

อีกทั้งเรื่องของผลึกหินฟ้ามันจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นคงได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ ‘หวังจวิ้นเฟย’ขมวดคิ้วมองไปที่’หวังหลิ่ง’แล้วถามขึ้นว่า

“ ไอ้เด็กนี่เป็นใคร คนรู้จักเจ้าหรือ ? ”

ได้ยินดังนั้น ‘หวังหลิ่ง’ก็รีบยิ้มเข้าสู้พร้อมกล่าวว่า

“ นายน้อยเฟย ไอ้เด็กนี่มันเป็นศัตรูของข้า ขยะแบบนี้ข้าจะไปรู้จักมันได้อย่างไร ? ”

“ เช่นนั้นก็ดี ”

สีหน้าของ’หวังจวิ้นเฟย’ดูค่อนข้างพอใจ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

“ พวกเจ้าสองคนไปฆ่ามันซะ เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด รีบจัดการซะอย่ามัวแต่ชักช้า ”

‘เต้าหลิง’กำหมัดแน่น ก่อนจะพาร่างพุ่งถอยออกมาอย่างรวดเร็ว มันรู้สึกได้เลยว่า’หวังจวิ้นเฟย’แข็งแกร่งอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมี’หวังหลิ่ง’ที่ทะลวงเข้าขั้นซึมซับวิญญาณไปแล้ว หากลุยเข้าไปในตอนนี้ ก็เท่ากับว่าต้องเจอกับยอดฝีมือขั้นซึมซับวิญญาณถึงสองคน ทำเช่นนั้นมันเท่ากับการฆ่าตัวตายชัดๆ

“ หรือว่าพวกมันจะรู้ว่าที่นี่มีโลหิตเทพสัตว์อสูร ? ”

นัยน์ตา’เต้าหลิง’สั่นคลอนฉายแววความสงสัยออกมา หากเป็นเช่นนั้นจริง การจะช่วงชิงมันมาจะต้องเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยแน่   โลหิตเทพสัตว์อสูรนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับ’เต้าหลิง’อย่างยิ่ง ของสิ่งนี้มันจำเป็นต้องได้มา นานๆครั้งจะถึงมีโอกาสดีๆเช่นนี้ให้มันได้ไขว่คว้า

“ มาได้จังหวะพอดี ! ”

ในตอนที่เห็น’หวังหลิ่ง’และอีกคนหนึ่งไล่ตามมา นัยน์ตามันฉายประกายออกมา ขอเพียงฆ่าพวกมันทั้งสองได้ การจะชิงโลหิตเทพสัตว์อสูรมานั้นก็จะง่ายขึ้นมาก

“ ฮ่าฮ่า เต้าหลิงเจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ใด ? ”

ปรากฏน้ำเสียงเคร่งเครียดดังขึ้นเป็นพักๆ’หวังหลิ่ง’กล่าวออกมาอย่างเหยียดหยามว่า

“ เจ้าคิดว่าจะรอดพ้นจากเงื้อมมือข้าไปได้หรอ? ฝันไปเถอะ ! ”

‘เต้าหลิง’หันหน้ากลับมามอง ความเร็วของ’หวังหลิ่ง’เพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกนิดเดียวก็จะตามมันมาทันแล้ว ‘เต้าหลิง’ส่งเสียงหึในลำคอ ฝ่าเท้าพลันกระทืบลงพื้น พลังปลดปล่อยออกมาทั่วร่าง ก่อนจะพุ่งทะยานไปที่ถนนสายเล็กที่อยู่เบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

“ หืม? ความเร็วของไอ้เด็กนี่เพิ่มขึ้นอีกแล้ว ต้องรีบจับมันให้ได้อย่าให้มันหนีไปได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นได้โดนนายน้อยเฟยเล่นงานแน่ !  ”

คนในกลุ่มหวังหลิ่งตะโกนดังออกมา

“ หึหึ วางใจเถอะ มันหนีไม่พ้นเงื้อมมือข้าแน่ ! ”

‘หวังหลิ่ง’กล่าวขึ้น สายตาก็มองอย่างเหยียดหยามไปที่เงาหนึ่งที่กำลังพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง พลังที่อยู่ในร่างมันเอ่อทะลักออกมา ขาทั้งสองข้างอัดแน่นไปด้วยพลังพรั่งพรู พริบตาเดียวความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ป่าไผ่สั่นไหว ใบไม้ปลิวว่อนไปทั่ว เต้าหลิงกระทืบเท้าลงพื้น ก่อนพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าไปยืนอยู่บนก้อนหินขนาดยักษ์ก้อนหนึ่ง  ทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบลงที่หิน พลันเกิดรอยร้าวขึ้นเป็นแนวยาวที่หินยักษ์ทันที

“ น้องชาย เจ้าจะไปที่ไหนได้ ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าเจ้าหนีพ้นเงื้อมมือของข้าหรอก ยอมจำนนซะดีๆ ”

‘หวังหลิ่ง’ยิ้มเยาะออกมา ก่อนคนอีกคนจะตามมาขนาบข้างซ้าย มันเชื่อว่ายังไง’เต้าหลิง’ก็หนีมันไม่พ้นแน่ ได้ยินดังนั้น นัยน์ตา’เต้าหลิง’ก็มองไปรอบๆตัวของ’หวังหลิ่ง’ ก่อนจะยิ้มมุมปากขึ้นแล้วพูดว่า

“ เหตุใดข้าต้องหนี ? ”

ได้ยินดังนั้นสีหน้า’หวังหลิ่ง’เคร่งขรึมทันที ทั่วร่างปลดปล่อยจิตสังหารออกมา มันขบกรามก่อนตะโกนออกมาว่า

“ ปากดีนัก ไปฆ่ามันซะ อย่ามัวเสียเวลา ! ”

“ หึ เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายดีแน่ ! ”

สีหน้าของเด็กหนุ่มชุดเหลืองขึงขังทันที ไอ้สวะที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกล้ากล่าวาจาอวดดีเช่นนี้ออกมา ทำให้มันบังเกิดโทสะยิ่งนัก ทว่าสีหน้ามันก็ต้องเปลี่ยนเป็นตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อมันเห็นเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาที่ตัวมันอย่างรวดเร็ว มันคิดว่าตัวมันจะต้องตาฝาดแน่ ผลออกมาเช่นนี้แล้วมันยังคิดจะสู้อีกหรือ ?

“ ไอ้สวะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ! ”

เด็กหนุ่มชุดเหลืองกำหมัดแน่นพร้อมยิ้มมุมปาก ปรากฏเป็นเงาแสงสีเหลืองออกมาทั่ว พลังฟ้าดินกำลังปลุกปั่น มวลอากาศถูกอัดจนสั่นไหว ก่อนจะพุ่งหมัดเข้าที่หน้าอกของ’เต้าหลิง’

“ ครึ่งก้าวขั้นซึมซับวิญญาณ ”

นัยน์ตา’เต้าหลิง’สั่นไหว หากเป็นเมื่อห้าวันก่อนมันมั่นใจเลยว่าเด็กหนุ่มชุดเหลืองนี่ย่อมมิใช่คู่มือมันแน่ ทว่าตอนนี้มันเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว แต่ก็ดีจะได้ทดสอบพลังเสียหน่อยว่าไปถึงระดับไหนแล้ว

มันกำหมัดแน่นจนปรากฏเสียงกระทบกันของกระดูกระเบิดดังขึ้น ในขณะที่หมัดของเด็กหนุ่มชุดเหลืองพุ่งเข้ามาเรื่อยๆ พลังบริสุทธิ์เอ่อล้นทะลักออกมา หมัดเปล่งแสงสีทองจ้าพร้อมอัดแน่นไปด้วยพลังที่แกร่งกล้า

“ ฮ่าฮ่า เจ้านี่รนหาที่ตายจริงๆ ! ”

เด็กหนุ่มชุดเหลืองกล่าวอย่างเหยียดหยาม เป็นแค่มดที่อยู่ขั้นพลังกายตัวหนึ่ง ยังคิดที่จะปะทะกับข้าอีกหรือ ? ‘หวังหลิ่ง’เองก็หัวเราะออกมาราวกับเห็นภาพที่เต้าหลิงถูกซัดจนเละ ขอเพียงฆ่ามันได้ปัญหาเรื่องผลึกหินฟ้าก็จะไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป มันอดไม่ได้ที่จะคลำไปที่กระเป๋าของมัน ในนี้มันซ่อนของล้ำค่าเอาไว้ชิ้นหนึ่ง

“ ปัง ! ”

ปรากฏเสียงปังดังขึ้น หมัดทั้งสองตัดสลับกัน พลังที่ดุดันพุ่งทะลักออกมา ใบไผ่โดยรอบล้วนถูกหอบขึ้นก่อนจะถูกอัดจนแหลกเป็นผุยผง

“ อะไร ? ”

ไม่ทันที่เด็กหนุ่มชุดเหลืองจะได้ประหลาดใจ มันก็รู้สึกว่ามือของมันนั้นได้หักไปเสียแล้ว หรือว่าคนคนนี้จะเป็นขั้นครึ่งก้าวขั้นซึมซับวิญญาณเหมือนกัน ?

‘เต้าหลิง’พุ่งทะยานตามเข้าไป พลังในร่างโคจรไปทั่ว หมัดเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ก่อนจะเริ่มรัวหมัดเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง เงาทั้งสองปะทะกันอย่างรวดเร็ว ต้นไผ่โดยรอบหลายต้นถูกแรงอัดจนแหลกเป็นเศษซาก คลื่นลมที่ดุดันกระจายออกมาเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง

ปรากฏเป็นพายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงฝุ่นปลิวว่อนหินก็กลิ้งไล่กัน สีหน้าของ’หวังหลิ่ง’ค่อยๆเคร่งเครียดขึ้น มันคิดขึ้นในใจว่า

“ มิน่าเล่าไอ้เด็กนี่ถึงได้มีพละกำลังมากเช่นนี้ ที่แท้มันก็ทะลวงสู่ครึ่งก้าวขั้นซึมซับวิญญาณ ขยะเช่นมันพัฒนาได้รวดเร็วเช่นนี้เลยหรือ หรือว่ามันจะได้ของดีมา ?  ”

เด็กหนุ่มชุดเหลืองปล่อยหมัดออกไป ภายในกล้ามเนื้อมันระเบิดพลังแฝงทะลักออกมา ก่อนจะเข้าไปหลอมรวมกับพลังฟ้าดินกระจายไปทั่วร่าง ทำให้การโจมตีในแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นมากโข และนี่ก็เท่ากับว่ามัน ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณแล้ว ภายในร่างกายมันได้ปลุกพลังลึกลับออกมา ทำให้ขอบเขตพลังมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทว่าพลังที่ถูกปลุกขึ้นมาในขั้นซึมซับวิญญาณจะอ่อนหรือแข็งนั้น ล้วนเกี่ยวโยงถึงพละกำลังในขั้นพลังกายทั้งสิ้น และมันจะเป็นตัวชี้วัดถึงการพัฒนาในอนาคต !

“ เกะกะ ! ”

‘เต้าหลิง’คำรามออกมาพร้อมปล่อยหมัดพุ่งออกไป พลังอันมหาศาลพรั่งพรูเอ่อล้นทะลักออกมา ก่อนหมัดจะพุ่งทะยานปะทะเข้ากับหมัดของอีกฝ่าย

“ บ้าเอ้ย ! ”

เด็กหนุ่มชุดเหลืองขบกรามแน่น มันรู้สึกได้ว่าหมัดของมันชาไปพักหนึ่ง ในใจทั้งโกรธทั้งอับอาย ไอ้เด็กคนนี้อายุอ่อนกว่ามันตั้งสองสามปี ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะยังมิใช่คู่มือของไอ้เด็กนี่อีก ถือเป็นความอัปยศจริงๆ !

“ ข้ายอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่ง ทว่ามันก็ต้องจบแค่ตรงนี้ ! ”

ฝ่ามือของเด็กหนุ่มชุดเหลืองพลันหมุนไปรอบๆ ปรากฏคลื่นพลังขนาดมหึมาไหลทะลักออกมา ราวกับทะเลสาบแห่งหนึ่งที่ซัดสาดลูกคลื่นขนาดใหญ่ ก่อนจะหอบคลื่นพลังนี้ขึ้นมาด้วยแรงโทสะ

คลื่นลมสีเหลืองขนาดมหึมาพุ่งเข้าใส่หัวของเต้าหลิง แรงบีบอัดระเบิดมวลอากาศออกรอบทิศ หากถูกคลื่นพลังนี้เข้า คาดว่าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่

“ คนที่จบสิ้นคือเจ้าต่างหาก ”

‘เต้าหลิง’ส่งเสียงหึในลำคอ ใบหน้าที่ดูอ่อนวัยเล็กน้อยเผยจิตสังหารออกมา หมัดของมันพลันบีบรัดแน่น พลังแฝงในกล้ามเนื้อพลันระเบิดออกมา ทั่วทั้งหมัดล้วนเปล่งแสงจ้าละลานตา

“ แหลกไปซะ ! ”

มันคำรามออกมาลั่น พลังในร่างโคจรไปทั่ว ผมยาวปลิวไสวราวกับอสูรร้ายที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภา เพียงแค่สะบัดแขนเบาๆก็สามารถทะลายหินยักษ์ขนาดหลายหมื่นจินได้อย่างสบาย ในเวลานี้เหมือนกับแส้เส้นหนึ่งที่หวดลงไป !

“ ปังปัง ”

แขนของ’เต้าหลิง’ปะทะเข้ากับคลื่นพลังสีเหลืองอย่างจัง ทั่วทั้งแขนมันราวกับเป็นหอกศักดิ์สิทธิ์ก็มิปาน อีกทั้งร่างกายยังปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมาต้านพลังสีเหลืองเอาไว้จนมันระเบิดกระจายออกทั่วทิศ !

“ อะไร ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ”

สีหน้าเด็กหนุ่มชุดเหลืองเปลี่ยนเป็นตกใจยิ่ง มันรู้สึกได้ถึงพลังที่ดุดันพุ่งตรงเข้ามาด้วยแรงโทสะ ใจมันสั่นระรัว ก่อนจะยกขาขึ้นเตรียมวิ่ง

“ คิดหนีหรือ ? ”

‘เต้าหลิง’มองไปที่มันด้วยแววตาเฉยเมย ก่อนใช้แขนเหวี่ยงฟาดเข้าที่กระดูกสันหลังของมัน ร่างของเด็กหนุ่มชุดเหลืองพลันหนักอึ้ง บริเวณส่วนหลังของมันทั้งหมดล้วนระเบิดออกแตกกระเจิง เพียงแค่กระบวนท่าเดียวมันก็ถูกเต้าหลิงซัดจนร่างเละ !

“ ไร้ประโยชน์ ! ”

‘หวังหลิ่ง’ยิ้มเยาะออกมา เมื่อครู่ตามจริงแล้วมันสามารถช่วยเด็กหนุ่มชุดเหลืองได้ ทว่ามันเลือกที่จะไม่ทำ เพราะว่ามันรู้สึกได้ว่า’เต้าหลิง’กำลังซุกซ่อนความลับอะไรบางอย่างเอาไว้และมันจะต้องรู้ให้ได้ว่าความลับนั้นคืออะไร

มันเดินเข้ามาทีละก้าว พร้อมมองไปที่เต้าหลิงด้วยแววตาร้อนแผดเผาราวกับเห็นสมบัติล้ำค่าอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า

“ เต้าหลิง เจ้านี่นำพาความประหลาดใจมาให้ข้าได้ทุกเมื่อ ครั้งที่แล้วก็เป็นผลึกหินฟ้าแล้วครั้งนี้อะไรดีล่ะ ? ”

‘เต้าหลิง’หันหน้ากลับมา นัยน์ตาพวกมันทั้งสองจ้องประสานกันพร้อมปล่อยไอสังหารออกมา ‘เต้าหลิง’ยิ้มเยาะออกมาก่อนจะกล่าวขึ้นว่า

“ เช่นนั้นเจ้าลองเดาดูหน่อยว่ามันเป็นของล้ำค่าชิ้นใด? ”

ได้ยินดังนั้น’หวังหลิ่ง’ก็ขมวดคิ้วขึ้น มันไม่ค่อยพอใจท่าทีของ’เต้าหลิง’ซักเท่าไหร่ มันหันไปมองร่างของเด็กหนุ่มชุดเหลืองที่กลายเป็นเศษเนื้อแวบหนึ่ง ก่อนส่งเสียงหึแล้วกล่าวขึ้นว่า

“ ดูท่าเจ้ายังรู้จักขั้นซึมซับวิญญาณไม่ดีพอ ในสายตาของข้าเจ้าก็เป็นแค่ก้อนอุจจาระก้อนหนึ่งเท่านั้น ! ”

กล่าวจบ ‘หวังหลิ่ง’ก็ระเบิดพลังที่แกร่งกล้าขึ้นภายในร่าง พลังนี้ดุดันและแข็งแกร่งยิ่งนัก ต้นไผ่โดยรอบล้วนหักงอ ตัวมันเหมือนกับพายุหมุนขนาดเล็กที่กำลังก่อตัวขึ้นในป่าไผ่อย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งพลังฟ้าดินโดยรอบล้วนเคลื่อนที่ มวลอากาศที่อยู่รอบตัวมันในระยะสิบจ้างแผ่คลุมไปด้วยพลังที่ดุดันและแกร่งกล้า

ผืนฟ้าผืนดินราวกับอยู่ในกำมือมัน พลังจำนวนมากมายมหาศาลกดทับเข้าใส่ร่างของ’เต้าหลิง’ ก่อนหวังหลิ่งจะระเบิดเสียงคำรามออกมาว่า  (1จ้าง = 3 เมตร)

“ คุกเข่าให้ข้า ! ”

ปรากฏเสียงวิ้งดังขึ้น ร่างของ’เต้าหลิง’พลันหนักอึ้งเล็กน้อย รู้สึกได้เลยว่ามวลอากาศรอบตัวนั้นเต็มไปด้วยอันตรายทั้งสิ้น และนี่ก็คือความน่ากลัวของขั้นซึมซับวิญญาณ สามารถดึงพลังฟ้าดินมาใช้สังหารศัตรูได้

ตอนนี้’หวังหลิ่ง’ทะลวงไปแค่ขั้นซึมซับวิญญาณระดับหนึ่งชั้นฟ้า สามารถควบคุมมวลอากาศได้ไกลถึงสิบจ้าง ตามคำเล่าลือที่ว่าหากฝึกจนถึงจุดสูงสุดของขั้นซึมซับวิญญาณจะสามารถควบคุมมวลอากาศได้ไกลถึงหลายร้อยจ้าง !

อีกทั้งก็มีบางคนที่เข้าใจในฟ้าดินอย่างลึกซึ้งที่สุด ทำให้พลังฟ้าดินที่ควบคุมได้นั้นยิ่งขยายพื้นที่ออกไปอีก ลองจินตนาการดูเสียหน่อยว่า หากไปได้ถึงขั้นนั้นจริง ก็จะมีพลังมหาศาลที่สามารถใช้ออกมาได้อย่างไม่ขาดสายและก็จะทำให้มันผู้นั้นกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

“ มันคู่ควรกับเจ้าหรือ ? ”

‘เต้าหลิง’กำหมัดทั้งสองแน่น ปรากฏพลังสีทองที่เปี่ยมล้นระเบิดปะทุขึ้นภายในร่างพร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเปรี้ยงเปรี้ยง  แสงสีทองรุนแรงอย่างยิ่ง ต้นไผ่โดยรอบล้วนอาบไปด้วยแสงสีทองจ้า

ร่างของ’เต้าหลิง’ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสีทองที่เปล่งปลั่งออกมา เห็นเพียงเงาของมันมองดูช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก

“ แหลกไปซะ ! ”

มันคำรามออกมาลั่น พลังเอ่อทะลักออกมาจนถึงขีดสุด พลังสีทองที่เปี่ยมล้นพุ่งทะยานเข้าใส่อากาศราวกับแม่น้ำสายยาวที่กลับตาลปัตรด้าน บริเวณโดยรอบล้วนถูกแรงอัดจนสั่นสะเทือนเลือนลั่น  !

______________________

#ขอสารภาพยังไม่ได้ตุนเนื่องจากติดการ์ตูน คิดว่าแปลไปลงไปดีกว่า ขี้เกียจ ส่วนเวลาลงแต่ละตอนไม่แน่นอน แล้วแต่อารมณ์

ภาษาจีนตอนละนิดชีวิตประจำวัน ตอนนี้เสนอคำว่า 去qù ชวี่ แปลว่า ไป

ตัวอย่างการใช้ในชีวิต 去哪里?(qù nǎ lǐ) ชวี่หนาหลี่ แปลว่า ไปไหน

我去…  (wǒ qù) หว่อชวี่.. แปลว่า ฉันไป…

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments