I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 25 ชะตาขาด

| GSDZ (盖世帝尊) | 976 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทย : XiaoeyuGao

ป่าไผ่สั่นไหวโอนเอน ใบไม้ปลิวขึ้นสู่อากาศกันว่อน ปรากฏพายุพัดกระพือฮือโหมขึ้น ต้นไผ่จำนวนมากเริ่มที่จะโค่นตัวลง ไม่เว้นแต่ก้อนหินที่ยังถูกหอบลอยขึ้น !

‘เต้าหลิง’ยืนอยู่ท่ามกลางประกายแสงสีดำ ทว่าบริเวณศีรษะของมันกลับเปล่งแสงสีทองออกมา ทุกๆเส้นแสงล้วนร้อนแผดเผาไร้ที่เปรียบ อีกทั้งภายในร่างมันยังปรากฏพลังธาตุไม้กำลังแผ่ขยายตัวออกมาอย่างไม่ขาดสาย ฝ่าเท้ามันกระทืบลงพื้นอย่างแรง ปรากฏเสียงดังลั่นขึ้นจากผืนดิน

ก่อนจะเริ่มแตกร้าวเป็นแนวยาวอย่างรวดเร็ว พลังของมันแกร่งกล้ายิ่งขึ้น ประกายแสงสีดำที่กดทับลงมาจากรอบทิศพลันบิดเบี้ยว ก่อนจะระเบิดกระจายออก ! พลังที่พรั่งพรูเข้ามาจากรอบทิศพลันสะท้อนกลับไป

ทันใดนั้น’หวังหลิ่ง’ที่กำลังควบคุมพลังฟ้าดินอยู่นั้นก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากรอบทิศที่หนักหน่วงยิ่งนัก เหมือนกับระลอกคลื่นสีทองได้ทะลวงเข้ามาอย่างรุนแรง ร่างของมันสั่นสะท้าน ฝ่าเท้าค่อยๆก้าวถอยออกไป

‘หวังหลิ่ง’ตกใจยิ่ง มุมปากมันปรากฏธารโลหิตค่อยๆไหลลงมา สีหน้าที่เคร่งขรึมของมันปรากฏความหวาดกลัวขึ้นเล็กน้อย มันรู้สึกราวกับว่ามีเตาไฟที่กำลังลุกไหม้คุโชนอยู่เบื้องหน้าของมัน !

“ หึ โอหังยิ่งนัก คิดจะลอบกัดข้าหรือ ? ”

ปรากฏเงาสีทองหนึ่งเดินเข้ามา นัยน์ตาทั้งสองข้างจ้องไปที่สภาพอันน่าทุเรศของหวังหลิ่ง มุมปากฉีกขึ้นเหมือนดั่งพระจันทร์เสี้ยว ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

“ หากกระจอกก็อย่าแสร้งทำเก่งเสียดีกว่า มันน่าขายหน้า ! “

“ บัดซบ ! ”

สีหน้าของ’หวังหลิ่ง’เปลี่ยนเป็นสีตับหมู เมื่อครู่มันต้องการจะใช้พลังฟ้าดินจากรอบทิศกดทับ’เต้าหลิง’ให้แหลก ทว่ามันไม่คิดเลยว่า’เต้าหลิง’จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดสามารถทำลายพลังฟ้าดินจากรอบทิศได้ จึงทำให้การควบคุมพลังของมันนั้นสั่นคลอน ท้ายที่สุดมันก็ถูกพลังตีย้อนกลับเข้าตัวเอง !

จิตใจ’เต้าหลิง’วูบวาบ มันกำลังครุ่นคิดถึงแนวทางของตัวเองอยู่ แม้ว่าขั้นซึมซับวิญญาณจะสามารถควบคุมพลังฟ้าดินมาขยี้ศัตรูได้ ทว่าถึงที่สุดแล้วมันก็มิใช่พลังของตัวเอง ร่างกายต่างหากคือที่สุด !

“ ข้าจะต้องพัฒนาร่างกายให้แข็งแกร่งถึงขีดสุดให้ได้ ! ”

มันกำหมัดแน่นครุ่นคิดขึ้นในใจ ต้องเคารพ ร่างกายของตัวเอง ต้องฝึกร่างกายให้เป็นนักรบ ร่างกายจักได้แข็งแกร่งจนสามารถทำลายได้แม้กระทั่งกำแพงเหล็กที่แกร่งกล้า ถึงตอนนี้มันได้มองเห็นแนวทางในอนาคตของมันแล้ว !

ทว่าในเส้นทางสายนี้นั้นมันจำเป็นต้องทำตามเงื่อนไขหนึ่ง นั่นก็คือจะต้องอยู่ในขั้นพลังกายต่อไปเพื่อทำการเสริมสร้างร่างกายให้แกร่งกล้า !

‘เต้าหลิง’รู้ดีว่ามันกับบุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์ที่อยู่ชั้นแนวหน้าของโลกใบนี้ยังห่างไกลกันนัก ยกตัวอย่างเช่นกันเหยานางแข็งแกร่งและน่ากลัวยิ่ง อีกทั้งยังมีอันดับหนึ่งแห่งศิลามหาเทพยุทธ์….’อู่ตี้’ ! นี่ต่างหากเล่าคือเป้าหมายของมัน !

‘เต้าหลิง’สูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาจ้องไปที่’หวังหลิ่ง’ หมัดของมันกำแน่น หวังหลิ่งนั้นมั่นใจในพลังของขั้นซึมซับวิญญาณมากเกินไป และสุดท้ายพลังของมันก็ถูก’เต้าหลิง’ทำลายลงอย่างง่ายดาย

‘หวังหลิ่ง’เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนร่างกายจะเริ่มขยับตัว แม้ว่าตอนนี้มันจะควบคุมพลังฟ้าดินไม่ได้ชั่วคราว ทว่าหากทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณแล้วนั้น ร่างกายก็จะปลุกพลังจำนวนมหาศาลขึ้น ซึ่งไม่มีทางที่ครึ่งก้าวขั้นซึมซับวิญญาณอย่าง’เต้าหลิง’จะเทียบได้อย่างแน่นอน

“ ตายยย ! ”

‘เต้าหลิง’คำรามลากเสียงยาว ฝ่าเท้าพลันกระทืบลงพื้น ปรากฏเสียงผืนดินระเบิดดังตูมขึ้น ก่อนร่างของ’เต้าหลิง’จะพุ่งทะยานเข้าไป  พลังพรั่งพรูเอ่อล้นทะลักออกมาทั่วร่าง จากนั้นจึงปล่อยหมัดที่กำแน่นออกไป

“ เจ้าต่างหากที่ต้องตาย ! ”

‘หวังหลิ่ง’คำรามออกมาลั่น ก่อนพุ่งทะยานเข้าไปเช่นกัน พลังที่อยู่ภายในกล้ามเนื้อไหลไปรวมกันที่กำปั้น ใจคิดจะซัด’เต้าหลิง’ให้แหลกเพื่อที่จะได้ลบล้างความอัปยศของมันเสีย

เปรี้ยง ! ปรากฏเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น

ผืนฟ้าผืนดินล้วนสั่นสะเทือนเลือนลั่น ราวกับเสียงของกลองสวรรค์ก็มิปาน ร่างของทั้งสองล้วนสั่นสะท้านอยู่ครู่หนึ่ง หัวใจ’เต้าหลิง’บีบรัดแน่น  ท้ายที่สุดแล้วขั้นซึมซับวิญญาณก็มิใช่สิ่งที่ขั้นพลังกายจะต้านทานได้ มันรู้สึกว่าหมัดของมันเริ่มที่จะไร้ความรู้สึก แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้มันก็ได้เข้าใจในพลังของขั้นซึมซับวิญญาณมากขึ้นแล้ว

เพราะขนาดหวังหลิ่งตอนอยู่ขั้นพลังกายนั้นมีพละกำลังสองหมื่นจิน แล้วหากเป็นคนอื่นเล่า? เช่น’อู่ตี้’ คาดว่ามันคงถูกพลัง’อู่ตี้’บดจนแหลกได้ในพริบตาเดียวแน่ !

มุมปากของ’หวังหลิ่ง’กระตุกขึ้น รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงง่ามนิ้วมือระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง ในใจหวาดผวาเล็กน้อย มันสัมผัสได้ถึงแรงหมัดเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจนว่าจะต้องมีพละกำลังประมาณห้าถึงหกหมื่นจินแน่นอน !

จิตใจมันระแวดระวังขึ้นมาทันใด ไอ้เด็กคนนี้มันจะผิดมนุษย์เกินไปแล้ว เพราะว่ามันสัมผัสได้ว่า’เต้าหลิง’นั้นยังมิได้ก้าวเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณ ทว่ามันกลับมีพละกำลังที่แกร่งกล้าถึงเพียงนี้ หากมันทะลวงเข้าสู้ขั้นซับซับวิญญาณเมื่อไหร่ ชีวิตของมันคงจะหาไม่

พอคิดถึงตรงนี้ ‘หวังหลิ่ง’ก็ยิ้มเยาะออกมาก่อนกล่าวว่า

“ น้องชาย ตายซะเถอะ ข้าไม่อยากจะเสียเวลากับเจ้าอีกแล้ว ! ”

กล่าวจบพลังทั่วร่างแล่นไหลเข้าไปรวมที่ฝ่ามือของมันอย่างบ้าคลั่ง ปรากฏสัตว์อสูรขนาดเล็กสีทองแดงค่อยๆก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือ พลังที่ปลดปล่อยออกมานั้น ดุดันยิ่งนัก !

“ นี่มันวิชามหัศจรรย์ เป็นการใช้พลังในการก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของสัตว์อสูร ! ”

นัยน์ตา’เต้าหลิง’ฉายประกายออกมา หมัดทั้งสองเริ่มกำแน่นพร้อมเปล่งพลังแสงสีทองออกมาโอบล้อมทั่วหมัดราวกับดวงดาวที่ส่องแสงแวววาวและปกคลุมไปด้วยพลังที่ดุดัน แม้ว่านี่จะเป็นวิชามหัศจรรย์

ทว่า’หวังหลิ่ง’ก็ควบคุมมันได้แค่ผิวเผินเท่านั้น มันยังใช้วิชามหัศจรรย์นี้ออกมาได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าไรนัก

“ กระทิงคลั่ง ! ”

‘หวังหลิ่ง’แผดเสียงคำรามออกมา ก่อนฝ่ามือของมันจะผลักออกไป ปรากฏกระทิงคลั่งในฝ่ามือมันเริ่มขยับร่างเล็กน้อย จากนั้นจึงทะยานออกจากฝ่ามือพุ่งกระโจนเข้าใส่ร่างของ’เต้าหลิง’

“ หมัดแยกดารา ! ”

‘เต้าหลิง’คำรามลั่น กำหมัดแน่น ผมยาวปลิวไสว พลังทั่วร่างเอ่อทะลักออกมามากมาย ก่อนปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว หมัดพุ่งทะยานเข้าไปดั่งพายุที่ทะลายได้ทุกสิ่ง แหลมคมประดุจกระบี่ที่พุ่งออกจากฝัก มวลอากาศล้วนบิดเบี้ยวกลายเป็นสภาวะสุญญากาศ ก่อนจะพุ่งปะทะเข้าใส่ร่างของกระทิงคลั่งอย่างจัง

ตูม !   ปรากฏเสียงตูมดังขึ้นสนั่นลั่นไปทั่วทั้งผืนป่า

ผืนฟ้าผืนดินล้วนสั่นสะเทือนขึ้นมา มวลอากาศโดยรอบล้วนฉีกแตกออก ก่อนระเบิดพลังอันมหาศาลออกมา ด้านข้างปรากฏหินยักษ์ขนาดหมื่นจินหลายก้อนถูกหอบลอยขึ้นสู่อากาศ ปรากฏพายุหมุนขนาดใหญ่ขึ้นฝุ่นปลิวว่อน คลื่นลมซัดสาดอย่างรุนแรงโอบล้อมพวกมันทั้งสองเอาไว้ พลังแผ่กระจายออกซัดสาดเข้าใส่ป่าไผ่โดยรอบจนแหลกเป็นเศษซาก !

คลื่นลมโหมซัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่องมาราวสิบช่วงหายใจก่อนจะค่อยๆมลายหายไป ทุกอย่างโดยรอบพลันกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง จากนั้นก็ปรากฏฝีเท้าที่ก้าวซวนเซไปมา ร่างของ’หวังหลิ่ง’ค่อยๆถอยหลังออกไปพร้อมด้วยใบหน้าที่ขาวซีดไร้โลหิต บนเรือนร่างของมันเต็มไปด้วยร่องลอยของบาดแผลและปรากฏโลหิตกำลังทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง

“ ไอ้เด็กนี่มันตายหรือยัง ? ”

‘หวังหลิ่ง’เช็ดคราบโลหิตที่ไหลออกมาจากมุมปากพร้อมคิดขึ้นในใจ เมื่อครู่มันยอมใช้วิชามหัศจรรย์กระทิงคลั่งไปก็เพื่อสังหารเต้าหลิงในกระบวนท่าเดียว

ทว่าตัวมันเองก็ได้รับผลกระทบของวิชาเช่นกัน สำหรับวิชามหัศจรรย์นั้น หากยังควบคุมการใช้มันได้ไม่ดีพอแต่กลับเร่งรัดใช้มันออกไป ผลสุดท้ายก็จะถูกมันย้อนกลับมาทำร้ายจนบาดเจ็บเช่นนี้อย่างแน่นอน สายตาของมันมองเข้าไป เห็นพียงฝุ่นที่ตลบฟุ้งเหมือนกับหมอกควันกำลังร่อนลงสู่พื้น

ปรากฏเงาหนึ่งขึ้นกลางนัยน์ตาของมัน และเงานั้นก็กำลังใช้นัยน์ตาที่เรียบเฉยมองมาที่มันเช่นกัน

“ เจ้า ! ”

‘หวังหลิ่ง’ตกใจเสียจนใจสั่นระรัว นี่มันทำอะไรไอ้เด็กนี่ไม่ได้แม้แต่รอยขีดข่วนหรือ มันคิดจะพุ่งทะยานเข้าไปฆ่า’เต้าหลิง’เสียเดี๋ยวนั้น ทว่าเพียงเห็นสีหน้าที่เรียบเฉยของ’เต้าหลิง’ ‘หวังหลิ่ง’ก็บังเกิดความกลัวสุดขีดขึ้น มิต้องลังเลอันใดอีกแล้ว มันหมุนร่างก่อนจะวิ่งหนีไปทันที

“ คิดจะหนีรึ ? ”

‘เต้าหลิง’ส่งเสียงหึในลำคอขึ้นมา ก่อนพุ่งทะยานเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ฝ่ามือจับไปที่ไหล่ของมันก่อนจะหักขึ้น พร้อมกับคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“ อั๊คคค ! ”

“ บัดซบ เต้าหลิงนี่เจ้าจะอาจหาญเกินไปแล้ว ข้าเป็นคนของตระกูลหวัง หากเจ้ากล้าทำร้ายข้าอีก เจ้าได้ตายแน่ ! ”

จากนั้น’หวังหลิ่ง’ก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวปนโกรธแค้นต่อว่า

“ อีกอย่างเมื่อครู่นายน้อยเฟยก็เห็นเจ้าแล้ว หากข้าตาย ยังไงเจ้าก็ต้องตาย ! ”

‘เต้าหลิง’ไม่พูดไม่จา จับร่างของ’หวังหลิ่ง’ยกขึ้นสูงก่อนจะทุ่มลงกับพื้น !

“ อ๊าค ! ”

ภายในป่าไผ่ปรากฏเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น พร้อมกับเสียงแตกหักของกระดูก หวังหลิ่งแทบจะสิ้นใจในการทุ่มครั้งเดียว ทั่วร่างนอนสั่นเทาทุเรศอยู่บนพื้น

“ เมื่อครึ่งเดือนก่อนเจ้าขโมยผลึกหินฟ้าข้าไป ตอนนี้มันได้เวลาแล้วที่เจ้าจะต้องชำระหนี้ ! ”

‘เต้าหลิง’ขบกรามคำรามเสียงต่ำ หากมิใช่วิชากลืนฟ้า ป่านนี้มันคงตายไปนานแล้วและก็คงจะไม่มีวันนี้ด้วย สำหรับหวังหลิ่ง มันจะไม่ใจอ่อนให้เด็ดขาด !

“ เจ้าอย่ามาโทษข้า เป็นนางสารเลวหวังย่าต่างหาก หากมันไม่บอกข้าเรื่องผลึกหินฟ้า ข้าคงไม่ไปหาเจ้าหรอก ”

สีหน้า’หวังหลิ่ง’เต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ก่อนจะทำใจดีสู้เสือกล่าวข่มออกไปว่า

“ เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก หากเจ้าฆ่าข้าเจ้าได้ซวยแน่ ”

“ หึ ถึงตอนนี้ยังขู่ข้าอีกงั้นรึ ! ”

‘เต้าหลิง’ยิ้มเยาะออกมา หมัดกำแน่น กระดูกเสียดสีกันส่งเสียงกรอบแกรบประดุจนาฬิกาชีวิต ก่อนพุ่งหมัดลงไปที่หน้าอกของ’หวังหลิ่ง’อย่างรุนแรง ลำคอ’หวังหลิ่ง’กระตุกขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับโลหิตที่ไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย มันนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น นัยน์ตาของมันบอกไม่ถูกเลยว่าอาฆาตแค้นหรือว่าเสียใจที่ได้กระทำผิดไปกันแน่ มันคิดไม่ถึงเลยว่าชีวิตของมันจะมาจบลงเช่นนี้ …

“ เฮ้อ.. ”

‘เต้าหลิง’ซวนเซจนเกือบล้ม มันหอบออกมาเฮือกใหญ่ ทั่วร่างเต็มไปด้วยเม็ดหงื่อประดุจฝนตกลงมา นัยน์ตามันสั่นคลอนเล็กน้อย เมื่อครู่หาก’หวังหลิ่ง’ไม่คิดหนีไป แต่กลับบุกเข้ามาโจมตีมันล่ะก็ ถึงตอนนั้นใครจะอยู่ใครจะไปก็ยังไม่รู้

“ วิชามหัศจรรย์แข็งแกร่งเกินไปแล้ว นี่มันไม่ใช่สิ่งที่วิชาระดับสูงจะรับมือได้จริงๆ  ”

‘เต้าหลิง’คิดขึ้นในใจอย่างหวาดผวา มือก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากไปพลางๆ ภายภาคหน้าหากต้องรับมือกับวิชามหัศจรรย์อีก ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีก มิเช่นนั้นคงได้เสียเปรียบไม่น้อยแน่

“ พลังของข้าในตอนนี้พอจะเอาชนะคนที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณได้ แต่หากแข็งแกร่งกว่านี้หน่อยคงจะชนะไม่ได้แน่ อีกทั้งในตอนที่ประมือกับหวังหลิ่ง มันก็ประมาทข้าไป มิเช่นนั้นคงจะฆ่ามันไม่ได้ง่ายๆแน่  ”

ใบหน้าเล็กของ’เต้าหลิง’ดูเคร่งเครียดเล็กน้อย หากไปเจอกับยอดฝีมือที่สามารถใช้พลังของขั้นซึมซับวิญญาณได้อย่างเต็มที่ล่ะก็ คงจะสร้างปัญหาให้มันไม่น้อย

“ ช่างมันก่อนแล้วกัน พักฟื้นก่อนค่อยว่ากันอีกที ”

‘เต้าหลิง’สูดลมหายใจเข้าลึก ภายใต้ประสิทธิภาพของโอสถเม็ดเสว่โพ่ที่มันกินตอนอยู่ที่หอคอยทงหลิง ภายในร่างกายของมันก็เริ่มขับพลังที่เปี่ยมล้นออกมา และเข้าไปฟื้นฟูส่วนต่างๆของร่างกายที่อ่อนแอ กล้ามเนื้อที่อ่อนแอภายในร่างเริ่มดูดซับพลังของโอสถเม็ดเสว่โพ่อย่างตระกะตระกราม

ฤทธิ์ยาแผ่กระจายไปตามส่วนต่างๆของร่างกายประดุจสายน้ำเชี่ยวกราด ส่วนต่างๆของร่างกายที่อ่อนแอพลันแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงสิบช่วงหายใจร่างกายของมันก็ฟื้นฟูกลับมาได้มาก

“ โอสถเม็ดนี่เยี่ยมจริงๆ หากมีซักหลายสิบเม็ด ก็น่าจะสู้กับพวกขั้นซึมซับวิญญาณได้ ”

‘เต้าหลิง’ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้มันได้เห็นถึงความสำคัญของโอสถเม็ดแล้ว ของสิ่งนี้สามารถช่วยชีวิตในจุดชี้เป็นชี้ตายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

หลังจากพักฟื้นอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตา’เต้าหลิง’ก็หรี่ลงเล็กน้อย ฝ่ามือของมันฉีกกระเป๋าหนังสัตว์อสูรของ’หวังหลิ่ง’ออก ก่อนเทของที่อยู่ด้านในออกมา เพียงของชิ้นแรกที่ออกมาก็ส่องแสงหนึ่งสะท้อนเข้าสู่ม่านตา

ปรากฏเป็นหินสีฟ้าก้อนหนึ่งกำลังเปล่งแสงสีฟ้าสวยงาม

“ ผลึกหินฟ้า ! ”

ใบหน้าเล็กของ’เต้าหลิง’ดูประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาดังลั่น

“ หวังหลิ่งนะหวังหลิ่ง ผลึกหินฟ้าที่เจ้ากับหวังย่าใช้แผนสกปรกขโมยมันมา ตอนนี้มันได้กลับคืนสู่เจ้าของแล้ว  ”

จิตใจของมันสับสนเล็กน้อย มันสั่นศีรษะอยู่ครู่หนึ่งก่อนนำผลึกหินฟ้าเก็บไว้กับตัว จากนั้นมันจึงตรวจหาของในกระเป๋าหนังสัตว์อสูรของ’หวังหลิ่ง’ และก็พบกับโอสถเม็ดสีเลือดเม็ดหนึ่ง ซึ่งมันก็คือโอสถเม็ดเสว่โพ่นั่นเอง

“ ไม่เลว ได้โอสถเม็ดนี้มาแล้วตอนไปเจอกับอีกสองคนที่เหลือ จะได้มีแรงปะทะกับพวกมัน ! ”

สีหน้าของ’เต้าหลิง’ฉายแววปีติออกมา   มันใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามในการฟื้นฟูร่างกายจนเต็มเปี่ยม เปลือกตาทั้งสองข้างเปิดออก ก่อนจะพุ่งทะยานร่างเข้าไปในป่าไผ่อย่างรวดเร็ว

___________________

ภาษาจีนวันละนิดชีวิตประจำวัน ตอนนี้เสนอคำว่า 有(yǒu) โหย่ว แปลว่า มี

ตัวอย่างการใช้ในชีวิต

你有…..吗? (nǐ yǒu ma) หนีโหย่ว…มา แปลว่า คุณมี…ไหม

我没有 (wǒ méi yǒu) หว่อเหมยโหย่ว แปลว่า ฉันไม่มี

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments