ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลไทย : XiaoeyuGao
‘เต้าหลิง’กลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก มาอุตส่าห์ถึงชั้นเก้าด้วยความยากลำบาก แม้ว่าจะฝึกพลังจนสำเร็จ ทว่ากลับยังหาของสืบทอดไม่เจอ ตอนนี้มันก็เจอสถานที่หนึ่งซึ่งอยู่ในส่วนลึกที่สุดของชั้น ทว่าก็ไม่วายมีคนชิงของตัดหน้าไปเพียงก้าวหนึ่ง ทำให้มันเป็นทุกข์อย่างมาก
แต่ถึงกระนั้นมันกลับเจอตำราสีทองเล่มหนึ่งในหม้อหลอมโอสถท่ามกลางห้องโล่งที่ถูกขโมยของออกไปหมดแล้ว ทำให้มันดีอกดีใจเป็นอย่างมาก ทว่าในช่วงเวลาสำคัญนั้น กลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่น่ากลัวเข้า บางสิ่งที่ว่ารุนแรงเป็นอย่างมาก ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา
‘เต้าหลิง’พึ่งจะเคยสัมผัสพลังแห่งความตายที่น่ากลัวเช่นนี้เป็นครั้งแรก เมื่อครู่ตอนที่เดินเข้าประตูชั้นสิบยังไม่รู้สึกถึงขนาดนี้ ! มันถูกเปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่ ทั่วทั้งร่างล้วนถูกเผาไหม้ เปลวเพลิงสีเคลือบนี้รุนแรงถึงขีดสุด เสื้อผ้าของมันถูกแผดเผาจนมอดหายไป เส้นผมล้วนหมดหัว
กลายเป็นคนหัวล้าน อีกทั้งทั่วทั้งร่างถูกแผดเผาจนเกรียมดำ ภายในร่างขับเปลวไฟที่แลบเลียออกมา
“ บัดซบ ! ”
‘เต้าหลิง’คำรามดังขึ้นในใจ รู้สึกใกล้ตายเต็มที เจ็บปวดลึกไปถึงดวงวิญญาณ ประดุจถูกไฟแห่งทวยเทพแผดเผา กล้ามเนื้อแต่ละมัดล้วนแตกร้าว แม้ว่าร่างกายของมันจะแข็งแกร่ง
ทว่าเพียงเข้าใกล้เปลวไฟร่างก็ถูกเผาไหม้พินาศหมด เห็นได้ชัดเลยว่าเปลวไฟเหล่านี้น่ากลัวขนาดไหน มันหยิบเซิงมิ่งเหลวล้ำค่าออกมา เปลือกกายที่ไหม้เกรียมพลันเปล่งคลื่นพลังชีวิตออกมา
ก่อนจะเริ่มฟื้นฟูบาดแผลตามร่างกายอย่างบ้าคลั่ง พลังชีวิตพรั่งพรูโอบล้อม ทว่าพริบตาเดียวก็ถูกเปลวเพลิงสีเคลือบแผดเผาจนสิ้นไป ‘เต้าหลิง’กินเซิงมิ่งเหลวลงไปรวดเดียวอีกสามเม็ด มันคำรามลั่นก่อนตะเกียกตะกายขึ้นมานั่งขัดสมาธิ โคจรพลังเพื่อต้านเปลวเพลิงเอาไว้
นี่เป็นวิกฤติครั้งแรกที่อันตรายถึงชีวิต หัวใจ’เต้าหลิง’บีบรัดแน่นจนถึงขีดสุด ขบกรามยืนหยัดสู้ต่อไป ใบหน้าเล็กบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ดูดซับพลังโดยรอบเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องเพื่อต้านทานเปลวเพลิง ใจอยากจะหลอมร่างกายขึ้นมาใหม่ เปลวเพลิงสีเคลือบชนิดนี้ ร้อนแรงดั่งพระอาทิตย์ มวลอากาศโดยรอบแต่ละชั้นล้วนถูกเผาไหม้
ห้องหลอมโอสถปรากฏรูสีดำขนาดใหญ่ขึ้น เปล่งแสงสีดำที่น่ากลัวออกมา
“ หยินหยางปะทะกัน ! ”
นัยน์ตา’เต้าหลิง’ฉายประกาย พลังหยินที่อยู่ภายในร่างปะทุขึ้นต้านทาน ปรากฏไอหนาวเยือกที่น่ากลัวทะลักออกมา มันรู้สึกได้ว่าร่างกายที่ไหม้เกรียมดีขึ้นเล็กน้อย ทว่าการจะฟื้นฟูก็มิใช่เรื่องง่าย ร่างกายของมันเสียหายอย่างยิ่ง เว้นแต่จะขับไล่เปลวเพลิงออกไปได้
ถึงจะค่อยๆฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ทีละนิด อีกทั้งมันยังต้องใช้เวลานานพอสมควร ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม’เต้าหลิง’ก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ร่างของมันปริแตกออก เหลือเพียงจิตใจที่แกร่งกล้ายื้อชีวิตเอาไว้ สภาพของมันในตอนนี้ตายเสียยังดีกว่า
“ จะมานั่งรอความตายไม่ได้ ”
‘เต้าหลิง’ร้อนใจดั่งไฟรนก้น นัยน์ตาฉายประกายวูบวาบออกมาอย่างฉับพลัน ก่อนจะมองไปยังตำราสีทองที่อยู่ในเตาหลอมโอสถ !
“ คัมภีร์หลอมโอสถโบราณ ! ”
อักษรตัวใหญ่ทำให้ทั่วใบหน้าของมันตกตะลึง เบื้องหน้าของมันคือคัมภีร์หลอมโอสถ ทว่าตอนนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรกัน ! ในขณะนั้นเอง นัยน์ตาของมันก็ฉายประกายออกมา ก่อนคิดขึ้นในใจว่า
“ นักหลอมโอสถสามารถนำเปลวเพลิงมาทำเป็นเปลวเพลิงโอสถได้ ขอแค่กำราบเปลวเพลิงนี้ได้ ข้าก็จะแก้ปัญญาพวกนี้ได้ ! ”
‘เต้าหลิง’เข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้ดี มีแต่ต้องขับไล่เปลวเพลิงสีเคลือบนี้ออกไปให้ได้ มิเช่นนั้นก็จะไม่มี ทางฟื้นฟูบาดแผลได้ และตอนนี้มันก็มองเห็นความหวังแล้ว จิตใจที่ฮึกเหิมของมันร้อนแรงถึงขีดสุด สายตามองไปยัง (คัมภีร์โอสถโบราณ)
ก่อนเริ่มศึกษาวิธีการควบคุมเปลวเพลิงโอสถ หลังจากอ่านจบ เต้าหลิงถอนหายใจออกมาก่อนพูดขึ้นว่า
“ มิน่าล่ะในตอนที่นักหลอมโอสถควบคุมเปลวเพลิงโอสถถึงได้ตกตายกันมากมายถึงเพียงนั้น ที่แท้ก็ต้องควบคุมแหล่งต้นกำเนิดเปลวเพลิงโอสถ และจะต้องใช้มันในการหล่อหลอมกับร่างกายด้วย นี่มันบ้าชัดๆ ! ”
ตอนนี้ก็เท่ากับว่า’เต้าหลิง’ได้หลอมรวมกับเปลวเพลิงแล้ว มันก็ยังรู้สึกได้ถึงอันตรายอยู่ดี เพราะว่าหลังจากที่เปลวเพลิงโอสถหลอมรวมกับร่างกายแล้ว ร่างกายกับเปลวเพลิงโอสถก็จะมีระดับที่ตรงกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะสามารถควบคุมเปลวเพลิงโอสถได้นั่นเอง
ก็เพราะว่ามันอันตรายมาก ในตอนที่นักหลอมโอสถเตรียมตัวจะควบคุมเปลวเพลิงโอสถนั้น ถึงได้เตรียมของช่วยชีวิตเอาไว้มากมาย ซึ่งจะทำให้อัตราในการรอดชีวิตสูงขึ้นเล็กน้อย ‘เต้าหลิง’สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างหวาดระแวง ในตัวมันตอนนี้ยังมีเซิงมิ่งเหลวล้ำค่าอยู่อีกห้าหยด
พวกมันน่าจะช่วยยื้อได้ซักระยะหนึ่ง เซิงมิ่งเหลวล้ำค่าหยดหนึ่งหลอมละลาย ปรากฏออกมาเป็นพลังบริสุทธิ์ไหลพุ่งทะลัก คอยฟื้นฟูบาดแผล ตามร่างกายของมัน จากนั้นมันก็ยืดหยัดกัดฟันสู้จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
เซิงมิ่งเหลวอีกสามหยดก็ค่อยๆทยอยตามกันเข้าไป ‘เต้าหลิง’ยืดหยัดจนเวลาผ่านไปครึ่งวัน มันก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายได้หลอมละลายไปแล้ว เหลือเพียงแต่ดวงวิญญาณยังคงอยู่
ขณะนี้ เห็นได้ชัดว่าเปลวเพลิงสีเคลือบได้เข้าสู่ช่วงอ่อนแรงลงแล้ว นัยน์ตา’เต้าหลิง’ฉายแววปีติ เวลานี้มันง่ายต่อการควบคุมแล้ว หากเปลวเพลิงเข้าสู่ช่วงอ่อนแรง อานุภาพของมันก็จะลดลงส่วนหนึ่งใหญ่ๆ
นิ้วชี้ที่ไหม้เกรียมของมันปาดออกไป บังเกิดคลื่นพลังลึกลับออกมา ดีที่มันคิดการณ์ไกล มิเช่นนั้นคงจะไม่สามารถบรรลุเคล็ดลับในการควบคุมเปลวเพลิงได้เลย เคล็ดลับของ(คัมภีร์โอสถโบราณ) นั้นลึกล้ำยิ่ง บังเกิดคลื่นพลังประหลาดถักขึ้นเป็นตาข่ายขนาดใหญ่อันหนึ่ง
ราวกับตาข่ายหาปลาอย่างไรอย่างนั้น พริบตาเดียวมันลากเปลวเพลิงสีเคลือบมารวมอยู่ด้วยกัน ก่อนดึงพวกมันเข้าไปในร่างกายของ’เต้าหลิง’ เปลวเพลิงถูกหุ้มเอาไว้ ร่างกายที่ไหม้เกรียมหลั่งคลื่นพลังชีวิตออกมา
ก่อนจะกั้นระหว่างร่างกายกับเปลวเพลิงเอาไว้เป็นชั้นๆ อุณหภูมิค่อยๆลดต่ำลง ร่างกายของ’เต้าหลิง’ดูดีขึ้นมาก ก่อนมันจะเริ่มดูดซับพลังจากโดยรอบเพื่อรักษาเปลือกผิวหนังของมัน และในขณะเดียวกันก็ใช้เคล็ดลับขับเปลวเพลิงสีเคลือบออกมา
ทั้งหมดดำเนินการไปอย่างเชื่องช้า พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือน มันต้องใช้เวลาครึ่งเดือนเต็มๆถึงจะรักษาบาดแผลต่างๆให้หายดีได้
ร่างกายของมันได้ผลัดเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าร่างของมันจะยังไหม้เกรียมอยู่ ทว่าพลังที่แฝงอยู่ภายในร่างกลับน่ากลัวอย่างยิ่ง แข็งแกร่งจนถึงขีดสุด !
วันที่สอง ปรากฏเสียง ‘แครกแครก’ ดังออกมาจากด้านในห้องหลอมโอสถ เปลือกหนังที่ไหม้เกรียมของเต้าหลิงปริแตกออก ก่อนเปล่งปลั่งแสงสีทองจ้าละลานตา ราวกับตัวมันเป็นพระอาทิตย์ขนาดเล็กที่ลุกไหม้คุโชน
พลังชีวิตที่น่ากลัวได้ตื่นขึ้นมา สภาพโดยรอบสั่นสะเทือน ผิวหนังของมันเปล่งแสงจ้าออกมา ผิวหนังทุกส่วนแกร่งขึ้นในระดับเดียวกับโลหะ ก่อนทุกส่วนจะเริ่มฟื้นฟูกลับมา
ผมของ’เต้าหลิง’ก็งอกยาวออกมา ทุกเส้นสีดำขลับมันเงา เปล่งแสงสีทองออกมา ทั่วทั้งร่างของมันได้ผลัดเปลี่ยนราวกับถอดผิวหนังอันเก่าทิ้งไป ! นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับผลัดเปลี่ยนผิวหนัง หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะต้องตกตะลึงไปทั่วทั้งดินแดนแน่ เพราะการผลัดเปลี่ยนผิวหนังเป็นขั้นตอนระดับสูง
จะต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ระดับสูงมากถึงจะทำได้ ทว่าเต้าหลิงกลับลองผิดลองถูก โดนเปลวเพลิงสีเคลือบแผดเผาจนเกือบตาย จากนั้นมันก็ทำสำเร็จได้ผลัดเปลี่ยนผิวหนังไปโดยไม่รู้ตัว ร่างกายของ’เต้าหลิง’บริสุทธิ์ผุดผ่อง อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจรุงใจ นี่คือกายล้ำค่าในตำนาน !
มันรู้สึกเหมือนตนเป็นหินขนาดใหญ่ ทุกส่วนหลอมรวมกันเป็นเตาหลอม ! ใบหน้าเล็กฉายแววดีอกดีใจออกมา สิ่งที่มันได้ในครั้งนี้ยิ่งใหญ่หรือเกิน ไม่เพียงแต่ร่างกายจะได้หลอมรวมกับเปลวไฟแล้วเท่านั้น มันยังทะลวงไปจนถึงขีดจำกัดอีกด้วย !
มันไม่ได้ฟื้นฟูร่างกาย แต่กลับฝึกฝนพลังต่อไป หลังจากนี้อีกสามวันมันคิดว่ามันจะต้องทะลวงไปอยู่จุดสูงสุดของขั้นพลังได้แน่ เปลือกตาของมันเปิดขึ้นครึ่งหนึ่ง ปรากฏแสงสว่างแตกประกายออกมา นัยน์ตาทั้งสองดั่งพระอาทิตย์ที่ลุกโชน ร่างกายที่สงบนิ่งพลันระเบิดพลังจำนวนมหาศาลออกมา !
เสียงตูมดังลั่น ปรากฏพลังหนึ่งอัดขึ้นฟ้า ผืนฟ้าดินพลันระเบิดแตกออก มันแหงนหน้ามองฟ้าแล้วคำรามลั่นว่า
“ แหลกไปซะ ! ”
ผืนฟ้าผืนดินสั่นสะเทือน ทั่วทั้งผืนดินพังพินาศย่อยยับ ราวกับย้อนเวลามายุคบุกเบิกฟ้าดิน ทุกอย่างสั่นสะเทือนดูโกลาหล ปรากฏเงาที่น่ากลัวเงาหนึ่ง พลังที่ปลดปล่อยออกมารุนแรงยิ่ง ราวกับเป็นเทพเจ้า เต้าหลิงยันกายขึ้น ทั่วร่างระเบิดระลอกคลื่นสีทองกระจายออกเป็นวงกว้าง
ราวกับมันมีชีวิตใหม่ ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เพียงมันขยับมือขึ้นเท่านั้น บังเกิดความน่าเกรงขามแผ่กระจายออกมาจำนวนมหาศาล ! ความรู้สึกเช่นนี้มันเหมือนกับโลกที่ใหม่เอี่ยมอ่อง ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีขอบเขต และนี่คือระดับสูงสุดเก้าชั้นฟ้า !
‘เต้าหลิง’ไม่รู้ว่าตอนนี้พลังเพิ่มขึ้นไปเท่าไหร่แล้ว แต่ตอนนี้มันรู้สึกดีมาก รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งสุดๆ
“ ทำลายขีดจำกัดได้แล้ว โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังอย่างอื่น แต่เป็นพลังของตัวเอง ! ”
‘เต้าหลิง’กำหมัด ก่อนพึมพำกับตนเองว่า
“ นี่จะใช่กายนักปราชญ์หรือไม่นะ ? ”
เวลานี้ปลายนิ้วมือของมันสั่นไหว ปรากฏเปลวเพลิงโอสถสีเคลือบที่อยู่ภายในร่างลอยขึ้นมา มันสั่นไหวเปล่งแสงอยู่กลางอากาศ อัดแน่นไปด้วยคลื่นพลังที่ร้อนแรง แผดเผามวลอากาศโดยรอบจนแตกร้าว
แม้ว่าเปลวเพลิงสีเคลือบนี้จะไม่ได้ใหญ่อะไรเป็นพิเศษ ทว่าอานุภาพของมันรุนแรงเป็นอย่างมาก เต้าหลิงรู้สึกได้ว่าแหล่งต้นกำเนิดเปลวเพลิงนี้น่ากลัวเล็กน้อย ภายภาคหน้ามันคงใหญ่ขึ้นอีกมาก เปลวเพลิงโอสถจะเติบโตขึ้นได้อีก
แต่จะต้องให้มันดูดกลืนเปลวเพลิงหลากหลายชนิด ในโลกใบนี้ยังมีเปลวเพลิงที่ยอดเยี่ยมอยู่อีกหลายชนิด เช่น เปลวเพลิงสัตว์ เปลวเพลิงฟ้า เปลวเพลิงเทพ เป็นต้น
เปลวเพลิงนี้มีอานุภาพรุนแรงอย่างยิ่ง ใบหน้าเล็กของเต้าหลิงเต็มไปด้วยความปีติ มันหยิบคัมภีร์หลอม โอสถโบราณขึ้นมา ในเมื่อมันเจอคัมภีร์ที่นี่ ดังนั้นคัมภีร์เล่มนี้จะต้องเป็นเป็นของระดับสูงแน่นอน
ขณะนี้’เต้าหลิง’คิดจะขึ้นไปที่ชั้นสิบอีกครั้ง ทว่ามันก็รู้ดีว่าชั้นสิบนั้นน่ากลัวแค่ไหน แม้ว่าตอนนี้มันจะอยู่ในจุดที่แข็งแกร่งแล้ว แต่ทว่าจะทำสำเร็จหรือไม่นั้นยังต้องเสี่ยงดวง ก็คงต้องฝึกวิชามหัศจรรย์ให้สำเร็จก่อนแล้วค่อยทะลวงขึ้นไปจะเป็นการดีที่สุด
“ ฝ่ามือสุริยันจันทรา ! ”
มันนั่งขัดสมาธิลง ในใจรู้สึกปีติยิ่ง ตอนนี้มันได้หลอมรวมเปลวเพลิงสีเคลือบแล้ว นี่ก็ถือว่าพลังหยินและหยางได้หลอมรวมเข้าสู่ร่างกายของมัน ทำให้มันสามารถควบคุมพลังหยินและหยางได้ ช่วงเวลานี้’เต้าหลิง’ก็ได้ศึกษาวิชาผ่ามือสุริยันจันทราอยู่ตลอด เหลือแค่ทดสอบมันเท่านั้น
เช่นนั้นมาดูกันหน่อยว่าวิชามหัศจรรย์นี้จะมีอานุภาพเป็นอย่างไร ‘เต้าหลิง’นั่งขัดสมาธิลง มือทั้งสองวางไว้บนหัวเข่า มือซ้ายอัดแน่นไปด้วยพลังหยางที่ร้อนแรงถึงขีดสุด มือขวาอัดแน่นไปด้วยพลังหยินที่หนาวเยือกถึงขีดสุด ระดับพลังถึงขีดสุดทั้งสองนี้ดำรงอยู่ด้วยกันในร่างของมัน
ราวกับภาพวาดของพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่แขวนอยู่ด้วยกัน ฝ่ามือทั้งสองประกบเข้าหากัน พลังทั้งสองทะยานขึ้นสู่ฟ้า ก่อนจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน ปรากฏพลังที่น่ากลัวกลุ่มหนึ่งออกมาอย่างเงียบเชียบ…
กลางอากาศปรากฏเป็นรูปปลาหยินหยาง ราวกับภาพวาดที่ลุกลามแผ่ขยายปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าก็มิปาน ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนพลิกเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่
ฝ่ามือหยินหยางขนาดใหญ่ก่อรูปขึ้น ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น พลังชีวิตที่เปี่ยมล้นโดยรอบไหลไปหลอมรวมที่ฝ่ามือหยินหยางขนาดใหญ่อย่างบ้าคลั่ง นี่ก็คือความน่ากลัวของวิชามหัศจรรย์ หากเร่งรัดใช้ออกมา
ก็จะหลอมรวมพลังสร้างขึ้นเป็นอานุภาพทำลายล้างที่น่ากลัว มีวิชามหัศจรรย์บางวิชาหากใช้ออกมา พลังที่อยู่รอบๆในรัศมีหลายสิบเมตรก็จะถูกสูบจนแห้ง !
ฝ่ามือหยินหยางขนาดใหญ่ก่อรูปขึ้น ดูลวงตาเป็นอย่างมาก อัดแน่นไปด้วยอานุภาพที่น่าเกรงขาม กระพริบอยู่กลางอากาศ โดยรอบราวกับมีมหาสมุทรหยินหยางที่น่ากลัวอยู่ ทว่ามันก็แค่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ที่มา:
(0 votes) 0/5