I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

GSDZ (盖世帝尊) ตอนที่ 44 หลินซือซือ

| GSDZ (盖世帝尊) | 944 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทย : XiaoeyuGao

เขาวิญญาณลูกหนึ่งแผ่กระจายหมอกควันออกมาอย่างหนาทึบ แฝงไว้ด้วยพลังงานที่เปี่ยมล้น บนยอดเขาลมแรงพัดปลิวไสว ไอกระบี่ส่งเสียงเคร๊งเคร๊ง ปรากฏเด็กสาวชุดคลุมคนหนึ่งกำลังควงกระบี่ยาว รูปร่างสวยสดงดงาม ทว่ากลับมีพลังที่แกร่งกล้า ทุกกระบวนท่าล้วนวิจิตรตระกาลตา

โดยรอบล้วนเป็นคลื่นลมที่ระเบิดกระจายออก คิ้วดกดำของนางโค้งเรียว นัยน์ตาโตสวย บนใบหน้าทาแป้งเล็กน้อย ดวงตาใสแป๋ว ในขณะที่เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา นางตะโกนดังลั่น ก่อนฝ่าเท้ากระทืบลงพื้น พุ่งทะยานฝ่าอากาศไป กระโปรงนางปลิวไสว ร่างราวกับสายฟ้า กระบี่ชี้ไปด้านหน้า ราวกับเซียนกระบี่ชุดคลุมอย่างไรอย่างนั้น

ใบหน้าเล็กของเต้าหลิงดูมืดเล็กน้อย พอมาถึงก็ถูกคนลอบโจมตีแล้ว สายตาของมันมองไปยังร่างงามที่พุ่งเข้ามา ทั้งยังพากระบี่ล้ำค่าปล่อยไอหนาวเยือกออกมาด้วย นิ้วมือยืดออก พุ่งไปยังกระบี่ล้ำค่า

‘เต้าหลิง’รวดเร็วประดุจสายฟ้า สีหน้าเด็กสาวชุดคลุมฉายแววตกตะลึง มันรนหาที่ตายจริงๆ มิอยากจะเชื่อว่ามันคิดจะคีบกระบี่ของข้า? นี่ข้าข่มขวัญเจ้าอยู่นะ หรือว่ามันจะดูถูกข้า ?

เสียงเคร๊งดังขึ้น ราวกับเสียงโลหะกระทบกัน

‘เต้าหลิง’พุ่งนิ้วไปยังกระบี่ประดุจกระสุนปืน กระบี่สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง  มือของเด็กสาวพลันด้านชา ก่อนกระบี่ล้ำค่าในมือจะหลุดมือออกไป กระบี่ล้ำค่านี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก มันตกลงสู่พื้นผ่าหินก้อนหนึ่งออกราวกับผ่าเต้าหู้อย่างไรอย่างนั้น เดาว่ามันเป็นศาสตราวุธล้ำค่าแน่

“ เจ้าทำอะไร? จะฆ่าคนรึ ”

‘เต้าหลิง’จ้องเขม็ง ยังไงเด็กสาวคนนี้ก็วางมือแล้ว จึงไม่อยากจะผิดใจกับนาง เด็กสาวชุดคลุมยังคงตกตะลึง แค่แรงนิ้วของมันเมื่อครู่ก็ต้านทานกระบี่ล้ำค่าได้ ร่างกายจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว พอได้ยินมันถามขึ้น นางทำปากมุ่ยก่อนกล่าวว่า

“ ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าเลย เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? ”

“ ข้าพักอยู่ที่นี่ จะไม่ให้มานี่แล้วจะให้ไปไหน ? ”

‘เต้าหลิง’ชี้ไปยังลานเล็กป่าไผ่ พร้อมกล่าวด้วยใบหน้าขรึม   ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเด็กสาวชุดคลุมก็แดงเขิน เมื่อครู่นางคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนเร่ร่อน  มาคอยประจบประแจงผู้อื่น ที่ไหนได้มันอยู่ที่นี่ ….

“ ต้องขอโทษจริงๆ ข้าไม่รู้ ก็ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน ”

นางรีบกล่าวขอโทษด้วยใบหน้าแดง ในใจตกใจยิ่ง มันเป็นใครมากจากไหนกัน เดาว่าพลังขั้นซึมซับวิญญาณของมันจะต้องสูงมากแน่ ‘เต้าหลิง’โบกไม้โบกมือเชิงกล่าวไม่เป็นไร เมื่อครู่แม้ว่านางจะออกมือ ทว่าก็มิได้มีจิตสังหารใดๆ

“ แปลกคน ”

‘หลินซือซือ’สลายผม มองไปยังสถานที่ที่’เต้าหลิง’เข้าไป ก่อนตกใจสะใจสะดุ้งเฮือก หัวใจสั่นระรัว ก่อนกล่าวอย่างตะลึงว่า

“ นั่นศิษย์ใหม่ที่พี่ชายบอกมิใช่หรือ ? ”

เต้าหลิงใช้เหรียญสถานะของตนเปิดประตูเข้าไป พลันรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งอยู่ด้านใน มันรีบปิดประตู สายตามองไปยังพลังงานโดยรอบที่ถูกสูบจนแห้ง ก่อนฝ่าเท้าจะเดินไปยังภูติเตียวอย่างรวดเร็ว ทั่วร่างภูติเตียวระบายพลังบริสุทธิ์ออกมา ขนปุยของมันเปล่งปลั่งแสงสว่าง ภายในร่างพรั่งพรูพลังออกมา ดูแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

“ นี่มันใกล้จะทะลวงแล้ว ! ”

ใบหน้าเล็กของ’เต้าหลิง’ดูปีติ ก่อนพิจารณาอย่างละเอียดซักพัก ภูติเตียวกำลังทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณ และมันยังคงหลับสนิท ‘เต้าหลิง’เกาหัวสองสามครั้ง ก่อนนำพลังงานสีทองหยดหนึ่งออกมาแบ่งเป็นครึ่งหยด เพราะว่าพลังที่แฝงอยู่ในพลังงานนี้เปี่ยมล้นเกินไป

ตอนแรกมันก็เกือบถูกพลังงานสีทองหยดหนึ่งระเบิดร่างแตกตายแล้ว พลังงานครึ่งหยดแล่นไหลเข้าสู่ร่างของภูติเตียว พลังชีวิตที่ภูติเตียวระเบิดออกมาพลันแกร่งกล้าขึ้น ร่างกายล้วนปลดปล่อยคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา ความเร็วในการปลุกพลังเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ อีกซักพักมันก็คงตื่นแล้ว ”

‘เต้าหลิง’สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงพักหนึ่ง มันพยักหน้าก่อนหาที่นั่งขัดสมาธิลง ในขณะเดียวกันก็หยิบ(คัมภีร์โอสถโบราณ)ออกมา

“ ในนี้จดบันทึกตำราโอสถไว้เต็มไปหมดเลย ได้ยินมาว่าตำราโอสถเป็นดั่งชีวิตและรากฐานของนักหลอมโอสถ น้อยคนนักที่จะนำมันออกมาขาย เป็นเช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาตำราโอสถต่างๆ   ”

สีหน้า’เต้าหลิง’ดูปีติ มองไปยังตารางโอสถที่อยู่หน้าสุด สุดท้ายก็เพ่งไปยังชื่อโอสถจ้วงหุน

“ นี่เป็นโอสถที่เสริมความแข็งแกร่งของจิต ขอแค่จิตของข้าแข็งแกร่งขึ้น ก็จะมองเห็นความทรงจำในวัยเด็กของข้าได้ ”

‘เต้าหลิง’เม้มริมฝีปาก โอสถจ้วงหุนนี้ต้องการโอสถวิญญาณสามชนิด คือ หญ้าจ้วงหุน ดอกไม้ชิงหลิง และใบปีอวี้

“ โอสถวิญญาณก็ไม่ใช่ว่าจะหามาได้ง่ายๆ ”

‘เต้าหลิง’เกาหัว ขมวดคิ้วขึ้น โอสถวิญญาณเป็นของล้ำค่ามาก เหรียญทองที่ติดตัวมันก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย เพราะว่าโอสถจ้วงหุนนั้นค่อนข้างล้ำค่า เดาว่าจะต้องจ่ายเงินไปไม่น้อยถึงจะซื้อมันได้ หลังจากคิดไตร่ตรองได้ซักพักมันก็ส่ายหน้า สายตามองสำรวจไปยังตารางโอสถ

ในตอนที่เห็นชื่อโอสถทงเทียน สีหน้ามันก็ดูประหลาดใจทันที

“ โอสถนี้ต้องใช้โลหิตเทพสัตว์อสูรธาตุไฟเป็นของหลัก แล้วตามด้วยผลทงหลิง ดอกไม้สี่สุ่ย ผลหยวนหลิง หญ้าอวิ้นเสิน โอสถวิญญาณพวกนี้จะหลอมออกมาเป็นโอสถทงเทียนได้ โอสถนี้สามารถช่วยให้ขั้นซึมซับวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่งได้ ”

‘เต้าหลิง’มองไปยังวัตถุดิบที่ต้องการ สีหน้าดูไม่ปกติอย่างยิ่ง แค่โลหิตเทพสัตว์อสูรอย่างเดียวก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว นี่ยังมีผลทงหลิงที่หาได้ยากยิ่งอีก ส่วนดอกไม้สี่สุ่ยได้ยินมาว่าสามารถชำระล้างกระดูกผลัดเปลี่ยนคุณสมบัติได้ และอีกสองอันด้านหลังมันก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ดอกไม้สี่สุ่ยเป็นของที่มีมูลค่าสูงเทียบฟ้า

อีกทั้งโอสถอันอื่นๆ ก็ยังต้องใช้วัตถุดิบที่หายากกันทั้งสิ้นถึงจะหลอมออกมาได้เม็ดหนึ่ง

“ คัมภีร์เล่มนี้มีแต่ตำราโอสถทั้งนั้นเลย ”

‘เต้าหลิง’เปิดพลิกไปเรื่อย โอสถวิญญาณจำนวนมากช่วงหลังๆมันล้วนไม่เคยได้ยินชื่อทั้งสิ้น เดาว่ามูลค่าของคัมภีร์โอสถโบราณเล่มนี้จะต้องสูงมากๆแน่ ในตอนที่มันกำลังอ่านอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ระเบิดดังลั่น

“ จะเป็นนางอีกหรือป่าว ? ”

นัยน์ตาของเต้าหลิงกดต่ำลง ก่อนเดินออกไปด้วยใบหน้ามืด เปิดประตูออกก็เห็นคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า

“ พวกเจ้าเป็นใคร มีธุระอะไรที่นี่ ? ”

“ น้องชาย ซ่อนตัวเก่งจังเลยนะให้พวกข้าหาเจ้าอยู่ตั้งนาน แล้วตอนนี้ยังจะถามอีกหรือว่าพวกข้าเป็นใคร เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะรู้อย่างนั้นรึ ? ”

ชายหนุ่มท่าทางหยิ่งยโสคนหนึ่งยิ้มเยาะออกมา

“ หึ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ใจเจ้าหาญกล้าไม่เบา ถึงได้กล้าฆ่าคนของตระกูลหวังของพวกข้า นี่เจ้ายังสติดีอยู่หรือไม่ ? ”

นัยน์ตาของคนทั้งสามเย็นเฉียบ มองไปยังเด็กหนุ่มที่เดินออกมาด้วยสายตาดูถูก ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เต้าหลิงพูดเรียบๆว่า

“ โชคดีจริงๆ ที่แท้ก็มาส่งเงินนี่เอง ตอนนี้ข้ากำลังขาดเงินอยู่พอดีเลย ”

“ เจ้าพูดอะไร ? ”

พวกมันขมวดคิ้วขึ้น คิดว่าคงฟังผิดไป เหมือนว่ามันจะพูดว่าพวกข้ามาส่งเงินอย่างนั้นรึ ? ‘เต้าหลิง’ปิดประตู สายตามองสำรวจไปยังพวกมันทั้งสาม เดาว่าพวกมันต้องเกี่ยวกับหวังหลิ่งแน่ อีกทั้งตอนที่ตนมาถึงสำนักพวกมันก็มาหาแบบนี้ เดาว่าคงไม่พ้นหวังย่า !

เด็กสาวคนนี้’เต้าหลิง’ใกล้จะลืมเลือนนางไปแล้ว ตอนนี้พอนึกถึงก็ช่างน่าขัน ตอนแรกมันคงโง่มาก ถึงได้ถูกนางหลอกมานานขนาดนั้น

“ สารเลวจริงๆ ”

นัยน์ตา’เต้าหลิง’เย็นชาเล็กน้อย บัญชีของนางค้างชำระมานานแล้ว ช่วงเวลานี้มันอยู่แต่หอคอยทงหลิง เดาว่านางคงอดใจรอไม่ไหวคิดแผนการฆ่ามันทิ้งแน่  เสียงของ’เต้าหลิง’ทำให้สีหน้าพวกมันทั้งสามดูย่ำแย่เล็กน้อย พวกมันล้วนเป็นคนของตระกูลหวัง แม้ว่าจะเป็นคนติดตามของ’หวังจวิ้นอี้’ ทว่าสถานะก็สูงส่งเหมือนกัน

ไม่อยากจะเชื่อว่ามดตัวเล็กๆเช่นนี้จะกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าพวกมัน

“ น้องชาย เจ้าคงอยากตายมาก ! ”

สีหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งดูเคร่งเครียด มันเกร็งแขนทั้งสอง ทั่วร่างพลันระเบิดคลื่นพลังที่แข็งแกร่ง ผืนดินล้วนถูกกดทับลงมา ก่อนตะโกนด่าทอไปว่า

“ บอกมาว่าเจ้าอยากจะตายอย่างไร ? ”

คนทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังของ’หวังเฟยไป๋’ยิ้มเยาะออกมา ท่านนี้ทะลวงเข้าสู่ขั้นซึมซับวิญญาณระดับห้าชั้นฟ้าแล้ว การจะบดขยี้มดตัวหนึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

“ ช้าก่อน ! ที่นี่ไม่อนุญาตให้ต่อสู้กัน พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ? ”

เสียงเย็นยะเยือกดังเข้ามาจากที่ห่างไกล ก่อน’หลินซือซือ’จะรีบเดินเข้ามา นางรู้จักพวกมัน พวกนี้ชอบทำตัวเป็นอันธพาลในสำนักซิงเฉิน น้อยนักที่จะเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา สายตาของ’หวังเฟยไป๋’มองไปยังเด็กสาว ในตอนที่จะด่าทอออกไปนั้นก็สังเกตเห็นถึงใบหน้าที่ขาวบริสุทธิ์และละเอียดอ่อนของนาง

ในใจพลันร้อนรุ่ม ก่อนจะกล่าวหัวเราะออกไปว่า

“ ฮ่าๆ ศิษย์น้องหญิง ข้าคือหวังเฟยไป๋แห่งตระกูลหวัง แล้วเจ้าเล่าชื่ออะไร ? ”

“ ใครคือศิษย์น้องหญิงของเจ้า ? ”

คิ้วดกดำของ’หลินซือซือ’ขมวดขึ้นเล็กน้อย ก่อนกล่าวอย่างรังเกียจเล็กน้อย ฝีเท้าเดินไปยืนอยู่หน้าเต้าหลิง  แม้ว่านางจะรู้สึกว่าพลังของศิษย์ใหม่คนนี้แข็งแกร่งมาก

ทว่า’หวังเฟยไป๋’คนนี้ก็เป็นยอดฝีมือมานาน มีพลังในขั้นซึมซับวิญญาณสูงสุดๆ สีหน้าของหวังเฟยไป๋ดูข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ก่อนกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งเครียดว่า

“ อย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะหลบอยู่แต่หลังผู้หญิง ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องมอบมันมาอยู่ดี  ”

ทั่วร่างคนทั้งสามอบอวลไปด้วยคลื่นพลังที่แข็งแกร่ง เป้าหมายของพวกมันก็คือผลึกหินฟ้า ขอแค่ได้ของล้ำค่านี้มาแล้วนำไปมอบให้หวังจวิ้นอี้ แค่นี้ก็จะได้ผลประโยชน์อย่างมากแล้ว

“ พวกเจ้าต้องการอะไร ? ”

‘เต้าหลิง’กล่าวเสียงเรียบ

“ ง่ายมาก เอาของของเจ้าส่งมาให้หมด ”

‘หวังเฟยไป๋’กล่าวอย่างเฉยชาต่อว่า

“ หวังว่าเจ้าจะเป็นคนฉลาด อย่าคิดตุกติกเป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะเสียใจภายหลัง ”

“ พวกเจ้าต้องการของอะไร ? ”

‘เต้าหลิง’กวาดสายตามองไปยังพวกมัน ก่อนกล่าวขึ้นว่า

“ หึ ดูแล้วพวกเจ้ายังมีคุณสมบัติไม่พอ ”

“ สามหาว ! ”

สีหน้า’หวังเฟยไป๋’เคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้า รู้สึกเสียหน้าสุดๆ ทั่วร่างปลดปล่อยไอหนาวเยือกเข้ากระดูกออกมา

“ ข้าว่าคนที่สามหาวคือพวกเจ้ามากกว่า คิดจะขโมยของของข้ากลางวันแสกๆเช่นนี้ ใจกล้าจริงๆ ”

จากนั้น’เต้าหลิง’จึงพูดต่อว่า

“ ใครสั่งให้พวกเจ้ามา ? ”

“ เจ้า ! ”

มุมปลายร่องตาชายทั้งสามปรากฏเส้นเลือดขึ้น ‘หลินซือซือ’ตกใจสะดุ้ง ก่อนดึงไปที่ชายเสื้อของมัน แล้วกล่าวเสียงค่อยว่า

“ อย่าไปประมือกับพวกมันนะ ตระกูลหวังมีอำนาจมากในสำนักซิงเฉิน เจ้าจะเสียเปรียบเอา ”

“ วางใจเถอะ พวกมันคิดจะฝ่าฝืนกฎของสำนักซิงเฉิน เรื่องคงจบไม่สวยแน่ ”

‘เต้าหลิง’กระพริบตาให้นาง

“ อั้ยยะ เหตุใดเจ้านี่ถึงได้อวดดีนัก ”

‘หลินซือซือ’กระทืบเท้าลงพื้น ทำปากมุ่ย ไม่น่าไปออกหน้าแทนมันเลยจริงๆ

“ ให้ข้าจับมันเอง ข้าอยากจะรู้นักว่ามันเอาความกล้าขนาดนี้มากจากไหน ”

‘หวังเฟยไป๋’ตะโกนออกไป ทั้งสามพลันพุ่งทะยานเข้ามา คิดจะเล่นงาน’เต้าหลิง’แล้วเอาผลึกหินฟ้าไป

ที่มา:

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments