ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
การผันแปรของดวงดาว เล่มที่ 3 บทที่ 22 ต่อสู้กับภัยพิบัติ [3]
(แปล: ตอนที่ 68)
เมื่อเห็นศัตรูสองคนพุ่งเข้ามาหา ฉินยูหลี่ตาเล็กน้อยก่อนจะยกมุมปากขึ้นและวิ่งออกไปจากสนามรบในทันที เขาหลบหนี? ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะหลบหนี! และยังวิ่งหนีไปถึงสุดปลายหุบเขาด้วยความเร็วที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมากอีกด้วย เมื่อเห็นเช่นนี้ช่วยไม่ได้ที่บูรพาและอุดรจะยิ่งโกรธเกรี้ยวมากขึ้นไปอีก
“สารเลว หยุด!”
สองพี่น้องบูรพาอุดรวิ่งไล่ล่าฉินยูไปด้วยความเกลียดชังและส่งเสียงสาปแช่งไปตลอดทาง
“ท่านพ่อ ท่านต้องผ่านไปให้ได้” เหตุผลที่ฉินยูวิ่งหนีออกมาจากสนามรบเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้การต่อสู้อันรุนแรงรบกวนบิดาของเขา
มังกรสายฟ้ากลืนกินร่างกายของฉินเต๋อเอาไว้ทั้งหมด ขณะที่เขาใช้ดาบสวรรค์ขั้นกลางต่อต้านกลุ่มก้อนพลังงานสีม่วงเหล่านั้น ในอดีตฟงอวี๋ซีเคยผ่านด่านทดสอบ 4 ใน 9 ภัยพิบัติแห่งสวรรค์มาได้ก็เนื่องเพราะอาวุธสวรรค์ขั้นต้นรวมถึงความช่วยเหลือของค่ายสำนักที่เขาสังกัดอยู่ ดังนั้นด้วยดาบสวรรค์ขั้นกลางในมือฉินเต๋อมันจึงสามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้เป็นอย่างดี
“ฮ่า!”
ฉินเต๋อใช้ดาบสีแดงเข้มต่อต้านสายฟ้าพร้อมทั้งส่งพลังเซียนเทียนขั้นสุดยอดผสานเข้าไปในตัวดาบ
ดาบในมือฉินเต๋อสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยฤทธานุภาพของอาวุธระดับสวรรค์ขั้นกลาง แม้แต่สายฟ้าที่ทรงพลังกว่าก่อนหน้าถึงสี่เท่ายังมิอาจทำกระไรได้ ในเวลาเพียงสั้นๆ สายฟ้าสีม่วงจึงได้แตกสลายหายไปและเหลือไว้เพียงเส้นสายสีม่วงเล็กๆที่แลบลั่นอยู่บนตัวดาบของฉินเต๋อเท่านั้น
ใบหน้าของฉินเต๋อซีดลงเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ด้วยพลังของอาวุธสวรรค์ขั้นกลาง มันง่ายมากที่จะผ่านด่านทดสอบ 4 ใน 9 ภัยพิบัติแห่งสวรรค์” ฉินเต๋อเริ่มมีความมั่นใจ เขาส่งพลังงานเข้าไปในดาบมากขึ้นและโดยไม่คาดคิดดาบสีแดงในมือของเขาพลันส่องประกายสว่างไสวออกมายิ่งกว่าก่อนหน้า
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ หัวใจที่ตึงเครียดของฉินยูจึงค่อยผ่อนคลายลงได้บ้าง
“เจ้าสารเลว หากพอมีฝีมืออยู่บ้างก็อย่าได้วิ่งหนี!” ดวงตาของบูรพาและอุดรราวกับจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธแค้นชิงชัง พวกเขาไล่ล่าฉินยูอย่างสุดฝีเท้า แต่ในแง่ของความเร็ว แม้แต่ผู้ฝึกตนเซียนเทียนขั้นสุดยอดเช่นพวกเขาก็ยังมิอาจตามฉินยูได้ทัน
“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นก็ลองรับหมัดของข้าดูเจ้าพวกโง่เง่า!” ทันใดนั้นหมัดของฉินยูจึงได้พุ่งตรงไปยังชายชราทั้งสองอย่างมิคาดคิด หมัดทั้งสองทรงพลังและรวดเร็วราวกับมังกรสองตัวที่ทะยานร่างขึ้นมาจากใต้ทะเลสาบอย่างกะทันหัน
อย่างไรก็ตามเมื่อชายชราทั้งสองเห็นฉินยูหยุดวิ่งและตั้งใจที่เริ่มต่อสู้ ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกยินดีกับสิ่งนี้ ดังนั้นชายชราทั้งสองจึงได้รวบรวมพลังเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้ในทันที
หมัดของฉินยูปะทะกับหมัดของบูรพาและอุดรพร้อมๆกัน
ปัง!
การปะทะอันรุนแรงสร้างคลื่นกระแทกพวยพุ่งออกมาโดยรอบ
ฉินยูกระเด็นกลับหลังไปในทันทีพร้อมกับกล้ามเนื้อที่กระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ต้องขอบคุณทักษะการควบคุมร่างกายของเขาที่ทำให้เขาสามารถขจัดแรงปะทะออกไปได้มากกว่าครึ่ง สำหรับพลังโจมตีเล็กๆน้อยๆที่เหลือ พวกมันไม่สามารถสร้างผลกระทบใดๆให้กับฉินยูได้เลย
การแสดงออกของบูรพาและอุดรเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยพร้อมทั้งจ้องมองฉินยูด้วยดวงตากระหายเลือดอย่างที่สุด
พวกเขาตระหนักได้ว่าศัตรูของพวกเขาทรงพลัง แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากการปะทะที่เกิดขึ้น พวกเขาคิดว่าฉินยูสามารถรับมือพวกเขาได้ทีละคนเท่านั้น
“ฆ่า!”
ชายชราทั้งสองพุ่งเข้าไปหาฉินยูอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าอย่างพร้อมเพรียง
ฉินยูหัวเราะเสียงเย็น หลังจากประสบความสำเร็จกับแผนภาพข้ามสวรรค์ส่วนที่สาม เขาจึงได้รับพลังงานเซียนเทียนสีม่วงที่ลึกลับมาไว้ในครอบครองและมันก็เปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาอีกครั้ง ดังนั้นในขณะนี้อาวุธระดับมนุษย์ทั้งหมด พวกมันกระทั่งมิสามารถทำสิ่งใดต่อร่างกายของเขาได้ และแน่นอนว่าการปะทะก่อนหน้า มันเป็นเพียงพลังทางกายภาพของเขาเท่านั้น เขายังไม่ได้ใช้พลังเซียนเทียนของเขาออกเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายของฉินยูกลายเป็นภาพติดตาและเคลื่อนไหวไปรอบๆชายชราทั้งสอง
“อาวุโสทุกคน พวกท่านทั้งหมดโปรดไปต่อต้านผู้ฝึกตนแห่งสวรรค์ สำหรับเจ้าแก่สองคนนี้ข้าสามารถจัดการได้” เสียงของฉินยูดังสะท้อนไปทั่วทั้งหุบเขา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราเสื้อฟ้าจึงได้หัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านหลิวซิง จตุรเทพแห่งความตายทั้งสี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่เมื่อท่านสังหารไปสองแล้ว พวกข้าก็จะปล่อยที่เหลือไว้กับท่าน พวกเราไปช่วยนักรบห้าธาตุ!”
หลังจากกล่าวจบคำ นักฆ่าสายใยในทั้งห้าจึงได้เข้าไปรวมตัวกับนักรบห้าธาตุเพื่อต่อต้านวูซิง
อย่างไรก็ตามแม้นักรบห้าธาตุจะมีอาวุธระดับสวรรค์ขั้นกลางในมือ แต่นักฆ่าสายใยในไม่มี ดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกมีนักรบห้าธาตุสามคนรวมกับนักฆ่าสายใยในสองคน กลุ่มที่สองประกอบด้วยนักรบห้าธาตุสองคนและนักรบสายใยในสามคน โดยทั้งสองกลุ่มจะสลับกันเข้าไปโจมตีวูซิงตลอดเวลาอย่างมิขาดสาย
“ฮึม ช่างมีอาวุธสวรรค์มากนัก” วูซิงโกรธเกรี้ยว เพราะเขาเพียงสามารถพึ่งพาสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วเพื่อรับมือกับศัตรูเท่านั้น และสิ่งที่ทำให้เขาชิงชังมากที่สุดก็คือคนเหล่านี้ไม่กลัวตาย แม้พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่พวกเขาก็พยายามโจมตีอย่างไม่ลดละ
ขณะนี้การต่อสู้จึงได้ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม
กลุ่มแรก ฉินยูปะทะชายชราบูรพาอุดร
กลุ่มที่สอง วูซิงโรมรันอยู่กับนักรบห้าธาตุและนักฆ่าสายใยใน
และกลุ่มสุดท้าย วูเต๋อดวลตัวต่อตัวกับฟงอวี๋ซี
สำหรับเก้อหมิ่นและเสื้อฟ้า พวกเขายืนมองสถานการณ์อยู่ใกล้ๆวูซิงและพยายามหาโอกาสลอบโจมตี
“เจ้าแก่ทั้งสอง เตรียมตัวตาย!” ฉินยูกล่าวพร้อมหัวเราะเสียงเย็น
“จองหอง!” บูรพาและอุดรยืนขนาบข้างฉินยูเอาไว้
ทันใดนั้นเสียงตะโกนของบางคนกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“ท่านหลิวซิง ข้าจะช่วยท่าน” เป็นเก้อหมิ่นที่พุ่งเข้าโจมตีชายชราอุดรในทันที ขณะเดียวกันบูรพาก็พุ่งเข้าจู่โจมฉินยูโดยไม่ให้ความสนใจเก้อหมิ่นแม้แต่น้อย
ฉินยูขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดเก้อหมิ่นจึงไม่ฟังคำพูดของเขา? นอกจากนั้นเก้อหมิ่นใช่บ้าบิ่นเกินไปหรือไม่? อย่างไรก็ตามเมื่อเขามีความตั้งใจที่ดี ฉินยูก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้
ในเวลานี้ฉินยูจึงได้ยกกรงเล็บของเขาขึ้นมาพร้อมกับผสานพลังเซียนเทียนสีม่วงเข้าไป เมื่อประกายแสงส่องสว่างขึ้น ชายชราบูรพาตระหนักรู้ในทันทีว่าเขากำลังพบกับปัญหาใหญ่
“สารเลว มันซ่อนพลังเอาไว้!” ดวงตาบูรพาเบิกกว้างในขณะที่พยายามจะถอนหมัดกลับและหลบหนี
แต่…สายเกินไปแล้ว
กรงเล็บของฉินยูพุ่งตรงไปยังชายชราบูรพาอย่างไร้สุ้มเสียง
“กร๊อบ!” กรงเล็บของฉินยูจับไปที่กำปั้นของชายชราและป่นขยี้กระดูกมือของชายชราจนแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปอย่างสมบูรณ์
สติของชายชราค่อยๆเลือนหาย
เพราะมิเพียงมือที่ถูกทำลาย แต่ขณะนี้ลำคอของเขายังปรากฏรูขนาดใหญ่โดยมิคาดคิด ด้วยความเร็วจากหอกมือที่ชายชราบูรพาไม่แม้แต่จะสามารถมองเห็นได้
“พลังปราณสีม่วงนี้ช่างลึกลับอย่างแท้จริง มันมิเพียงช่วยป้องกันร่างกายของข้า แต่ยังสามารถเพิ่มพลังโจมตีและเร่งความเร็วในการเคลื่อนไหวของข้าได้อีกด้วย” ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินยูเมื่อเห็นผลลัพธ์เช่นนี้
“อา…”
เสียงโอดครวญแห่งความทุกข์ทรมานดังขึ้น
ชายชราอุดรล้มลงกับพื้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันโหยหวน ในขณะที่เก้อหมิ่นได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลงกับพื้นข้างกายฉินเต๋อ
ฉินเต๋อที่กำลังเตรียมรับสายฟ้าครั้งที่สี่ตกใจเมื่อเห็นเช่นนั้น
“พ่อบ้านเก้อ!” ฉินเต๋อพยายามจะช่วยประคองเก้อหมิ่นให้ลุกขึ้น
“นายท่าน…ข้าไม่เป็นไร” เก้อหมิ่นกล่าวในขณะที่ใบหน้าซีดขาวและลมหายใจอ่อนแรง
ทันใดนั้น
ปัง!
ใบหน้าของฉินเต๋อเปลี่ยนไปพร้อมกับพ่นเลือดคำโตออกมาจากปาก เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างแท้จริงเมื่อเก้อหมิ่นใช้ฝ่ามือโจมตีไปที่ท้องของฉินเต๋อ!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉินเต๋อ ตอนนี้เจ้าจะหนีความตายไปได้อย่างไร?” เก้อหมิ่นหลบหนีออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับใบหน้าที่ตื่นเต้นยินดี ขณะเดียวกันอุดรที่ล้มอยู่บนพื้นกลับผุดลุกขึ้นยืนราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลังจากแทรกซึมมากว่าร้อยปี วันนี้เจ้าทำได้ดีจริงๆ” อุดรส่งเสียงหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ฉินยูรู้สึกตื่นตะลึงไปอย่างสมบูรณ์ “ท่านพ่อ!” เขาต้องการตะโกนคำนี้ออกไป แต่ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเขาจึงจ้องมองไปยังชายชราอุดรและเก้อหมิ่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความต้องการฆ่า
“เก้อหมิ่น เจ้าหมาเลว!” เสื้อฟ้าตะโกนด่าด้วยความโกรธแค้น
ฉินเต๋อมองเก้อหมิ่นพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความผิดหวัง “เก้อหมิ่น มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าข้าจะมายังเทือกเขาบงกชเขียว แต่เมื่อเซียงกวงส่งผู้ฝึกตนแห่งสวรรค์มาที่นี่ ข้าก็คิดไว้แล้วว่าต้องมีผู้ทรยศ”
“อย่างไรก็ตามผู้ที่รู้เรื่องนี้มีเพียงคนที่ข้าไว้วางใจมากที่สุด ข้าไม่กล้าเชื่อเลยว่าจะมีคนทรยศ แต่…..” ฉินเต๋อถอนหายใจ
ทันใดนั้นเสียงระเบิดอย่างรุนแรงจำนวนมากพลันดังออกมาจากเมฆาทัณฑ์สวรรค์ม่วง แรงกดดันอันมหาศาลเข้าปกคลุมพื้นที่หุบเขาแห่งนี้เอาไว้ทั้งหมด เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ทุกคนรู้ดีว่าสายฟ้าวิบัติแห่งสวรรค์ครั้งสุดท้ายกำลังจะมาถึง!
อย่างไรก็ตามเวลานี้ฉินเต๋อกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียแล้ว
ติดตามความเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าได้ที่เฟสบุ๊ค>>
แปลโดย Blue and Rosso / ความโศกเศร้าที่เร่าร้อน
(0 votes) 0/5