I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Reverend Insanity / Gu Daoist Master ตอนที่ 3: จงเพลิดเพลินไปกับเส้นทางของพวกเจ้า

| Reverend Insanity / Gu Daoist Master | 1526 | 2379 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 3 จงเพลิดเพลินไปกับเส้นทางของพวกเจ้า

Tr. Coffee Prince

 

 

ปัง ปัง ปัง

หน่วยลาดตระเวนกระแทกไม้พลองของพวกเขากับพื้นอย่างเป็นจังหวะและปลุกให้ฟางหยวนตื่นขึ้นจากห้วงความฝัน “ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนที่อาทิตย์จะขึ้น”

เขาเอนกายอยู่บนเตียงและคิดถึงแผนการต่างๆมาตลอดทั้งคืน และบางทีเขาอาจจะหลับไปเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น แต่เนื่องจากร่างกายของเขาในขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มบ่มเพาะ ดังนั้นความเหนื่อยล้าจึงถาโถมเข้ามาหาเขาอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ 500 ปี เขาเคยผ่านความยากลำบากและอดทนกับความทุกข์ทรมานมาแล้วทุกชนิด ดังนั้นเพียงความเหนื่อยล้าเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ มันยังมิอาจเป็นสิ่งใดสำหรับเขา

เมื่อเขาดึงผ้าห่มออกและผุดลุกขึ้น เขาก็พบว่าฤดูใบไม้ผลิได้ผ่านพ้นไปแล้ว

กลิ่นอายของผืนแผ่นดิน ต้นไม้ และดอกไม้ป่าคละคลุ้งขึ้นมาทักทายเขาในยามเช้า มันจึงช่วยไม่ได้ที่ความสดชื่นชนิดนี้จะทำให้เขารู้สึกหายง่วงไปอย่างปลิดทิ้ง ในขณะที่แสงอรุณเริ่มเล็ดลอดขึ้นมาจากขอบฟ้าสีน้ำเงินเข้ม แม้จะยังไม่สว่างแต่ก็มิได้มืดมิดอีกต่อไป

เมื่อมองไปรอบๆ เคหสถานที่ทำจากไม้สีเขียวและน้ำตาลมากมายกลมกลืนไปกับภูเขาน้อยใหญ่ที่ดูราวกับคลื่นสมุทรสีเขียวไปจนสุดสายตา

บ้านเรือนที่ปลูกสร้างขึ้นส่วนใหญ่แล้วจะมีโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเขา พวกมันจะถูกยกสูงขึ้นมาด้วยเสาขนาดใหญ่และถูกต่อเติมขึ้นไปอีกหลายชั้นเพื่ออยู่อาศัย สำหรับฟางหยวนกับฟางเจิ้ง พวกเขาพักอยู่ในห้องพักชั้นที่สอง

“นายน้อยฟางหยวน ท่านตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวจะยกน้ำขึ้นไปให้ท่านล้างหน้าบนชั้นสองนะเจ้าคะ” เสียงสาวใช้ดังขึ้นมาจากชั้นล่าง

เมื่อมองลอดช่องหน้าต่างลงไป ฟางหยวนจึงได้พบเห็นหญิงรับใช้ส่วนตัวของเขา เฉินซุ้ย

รูปลักษณ์ของเธอดูธรรมดาแต่การแต่งกายของเธอค่อนข้างดูดี เฉินซุ้ยอยู่ในชุดคลุมยาวสีเขียว เส้นผมที่ดำขลับของเธอม้วนเป็นมวยและเสียบไว้ด้วยปิ่นปักผม ที่ข้อมือของเธอยังสวมใส่ไว้ด้วยกำไลมุกหลายชิ้น โดยภาพรวมแล้วจุดเด่นของเธอก็คือความเยาว์วัยและมีชีวิตชีวา เธอจ้องมองขึ้นบนห้องของฟางหยวนอย่างมีความสุขขณะเดียวกันก็ยกอ่างน้ำเดินขึ้นไปบนชั้นสอง

ฟางหยวนล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น จากนั้นจึงบ้วนปากและใช้กิ่งหลิวพร้อมกับเกลือหิมะทำความสะอาดฟันของเขา

เฉินซุ้ยรอคอยอยู่ด้วยรอยยิ้มที่สดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิ หลังจากนั้นเธอจึงได้เข้าไปช่วยฟางหยวนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยพยายามใช้หน้าอกอันอวบอูมของเธอถูแผ่นหลัง สัมผัสแขน ชนข้อศอกของฟางหยวนตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามไม่มีการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของฟางหยวน หัวใจของเขายังคงนิ่งสงบราวกับผิวน้ำไร้ระลอกคลื่น

เพราะหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากเป็นหูตาของลุงกับป้าและเป็นหญิงที่ไร้หัวใจเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ในชีวิตก่อนหน้า เธอมักจะยั่วยวนเขาเสมอ แต่หลังจากพรสวรรค์ที่สามัญธรรดาของเขาถูกเปิดเผยออกมา สายตาของเธอที่จ้องมองมาที่เขาจึงเปลี่ยนเป็นรังเกียจเหยียดหยันไปในทันที

เมื่อฟางเจิ้งเข้ามาและพบว่าเฉินซุ้ยกำลังช่วยจัดการกับเสื้อผ้าของฟางหยวนอย่างใกล้ชิดสนิทแนบเช่นนั้น ดวงตาของฟางเจิ้งจึงได้ส่องประกายแห่งความหึงหวงออกมาทันที

แม้ว่าฟางเจิ้งจะมีหญิงรับใช้ส่วนตัวเช่นกัน แต่คนรับใช้ของเขากลับไม่ใช่หญิงสาวแรกรุ่นเช่นเฉินซุ้ย ตรงข้ามคนรับใช้ของเขาเป็นหญิงแก่หนังเหี่ยวไขมันอุดตันที่ดูน่าเกลียดคนหนึ่งเท่านั้น

‘ข้าสงสัยว่าหากวันหนึ่งเฉินซุ้ยปฏิบัติเช่นนี้ต่อข้าบ้าง มันจะเป็นอย่างไร?’ ฟางเจิ้งลอบคิดอยู่ภายในใจ

ความลำเอียงของลุงกับป้าของพวกเขา ทุกคนต่างรู้กันดี แรกเริ่มฟางเจิ้งไม่แม้แต่จะมีคนรับใช้ แต่เป็นฟางหยวนที่เอ่ยปากขอคนรับใช้ให้แก่ผู้เป็นน้องชายคนนี้

แม้จะมีความแตกต่างด้านสถานะ แต่ฟางเจิ้งก็ไม่เคยดูถูกเฉินซุ้ย นั่นเป็นเพราะแม่ของเฉินซุ้ยมีบุญคุณต่อลุงกับป้าของพวกเขา แม่ของเฉินซุ้ยเป็นแม่บ้านใหญ่ของที่นี่และเป็นคนสนิทที่ลุงกับป้าของพวกเขาไว้วางใจที่สุด

“เอาหล่ะ ไม่จำเป็นต้องเรียบร้อยมากเกินไป” ฟางหยวนปัดมือของเฉินซุ้ยออกไปจากตัวเขาเบาๆ ในขณะที่เธอยังคงพยายามทำตัวใกล้ชิดเขาอยู่ต่อไป

ในความคิดของเฉินซุ้ย หากเธอได้เป็นภรรยาน้อยของฟางหยวนผู้มีพรสวรรค์อันสูงส่ง ชีวิตของเธอจะถูกยกระดับขึ้นจากสาวใช้ไปสู่บางสิ่งที่ดีกว่าได้อย่างง่ายดาย

ชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนถูกล่อลวงโดยเธอและมีความรู้สึกดีๆต่อเธอ แต่หลังจากถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าหัวใจของเขากลายเป็นเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็งที่ไม่มีวันถูกหลอมละลาย

“เจ้าออกไปได้แล้ว” ฟางหยวนไม่แยแสเธอเลยแม้แต่น้อย มันจึงช่วยไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของเขาในวันนี้ เธอต้องการกล่าวบางคำแต่เมื่อเธอเห็นความเย็นชาของฟางหยวนแล้วปากของเธอก็ไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้นอกจาก “เจ้าค่ะ” และล่าถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง

“เจ้าพร้อมหรือยัง?” ฟางหยวนถามฟางเจิ้ง

เมื่อได้ยินคำถามของฟางหยวน น้องชายของเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องพร้อมกับศีรษะที่ก้มต่ำลงจึงได้เปิดปากและส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “อืม” แท้จริงแล้วฟางเจิ้งตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่และไม่สามารถหลับได้อีกด้วยความกังวลใจ เขาลุกขึ้นจากเตียงและเตรียมพร้อมรออยู่นานแล้ว

ฟางหยวนพยักหน้า ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาไม่เข้าใจความคิดของน้องชาย อย่างไรก็ตามเมื่อสามารถย้อนกลับมาในเวลานี้อีกครั้ง แล้วเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่มีความหมายใดๆต่อเขาอีกแล้ว “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

คู่พี่น้องเดินออกจากบ้าน ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับเยาวชนมากมายที่ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน

“นั่นพี่น้องแซ่ฟาง” หัวข้อสนทนาเล็กๆน้อยๆดังขึ้น “คนที่เดินนำหน้าคือฟางหยวน เขาคือฟางหยวนผู้ประพันธ์บทกวีล้ำสมัยเหล่านั้น”

“ต้องใช่เขาแน่นอน ใบหน้าของเขาเย็นชาไร้อารมณ์ราวกับไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตาดังเช่นในข่าวลือ”

“ฮึม หากเจ้าเป็นเหมือนเขา เจ้าก็จะสามารถทำแบบนั้นได้เช่นกัน”

ฟางเจิ้งฟังบทสนทนาเหล่านั้นด้วยใบหน้าที่มืดมน แต่เขาก็คุ้นชินกับการพูดคุยในลักษณะนี้ของคนอื่นๆมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงเพียงก้มหน้าและเดินตามพี่ชายของเขาไปเท่านั้น

ขณะนี้แสงแห่งรุ่งอรุณได้ส่องสว่างมายังฟางหยวนและสร้างเงาร่างสีดำขึ้นมาทาบทับใบหน้าของฟางเจิ้งเอาไว้ทั้งหมด แม้ดวงอาทิตย์จะกำลังเผยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างช้าๆแต่ฟางเจิ้งกลับรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในถ้ำอันมืดมิดที่ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด

ความมืดมิดนี้ถูกสร้างขึ้นจากพี่ชายของเขาและเขาก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้เขาจะสามารถก้าวออกไปจากเงามืดของผู้เป็นพี่ชายได้หรือไม่

มันเป็นความรู้สึกกดดันที่ทำให้เขารู้สึกหายใจได้อย่างยากลำบาก แต่หากจะกล่าวให้ถูกต้องกว่านี้ เขาก็นึกไปถึงคำว่า หายใจไม่ออก

‘บทสนทนาเหล่านั้นเป็นตัวอย่างที่ดีของคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่นสามารถก่อกำเนิดแรงอิจฉาได้อย่างง่ายดาย’ ฟางหยวนยิ้มเยาะต่อการซุบซิบนินทาของผู้คนรอบข้าง

และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อพรสวรรค์ในนภาที่สามของเขาถูกเปิดเผยออกมา ผู้คนเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนไปเป็นศัตรูและจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ขณะเดียวกันก็จะมอบความทุกข์ทรมานให้แก่เขาต่อไปอีกเป็นเวลานาน

แต่ตอนนี้สำหรับฟางเจิ้ง ยิ่งเขาได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้นเท่านั้น และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนสามารถมองเห็นความรู้สึกที่เก็บกดอยู่ภายในหัวใจของผู้เป็นน้องชายได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าความสามารถในการมองทะลุจิตใจของผู้คนเช่นนี้มันเกิดจากประสบการณ์มา 500 ปีที่อนุญาตให้เขาเข้าใจหลายสิ่งได้อย่างลึกซึ้งนั่นเอง

ฟางหยวนนึกไปถึงแผนการอันแยบยลของลุงกับป้า คนทั้งสองมือข้างหนึ่งใช้เฉินซุ้ยเข้ามาตีสนิทและสอดแนมเขา ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งพยายามปลุกปั่นความเศร้าและขุ่นเคืองใจให้แก่ฟางเจิ้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแตกแยก

ผู้คนมักจะไม่สนใจว่าผู้อื่นจะได้รับผลกระทบและพบปัญหาเช่นไร แต่พวกเขาจะสนใจเพียงว่าตนเองจะได้ผลกำไรเท่าใดเท่านั้น

ชีวิตก่อนหน้าเขายังอ่อนประสบการณ์เกินไป ขณะที่น้องชายของเขาก็โง่เขลาเกินไป ดังนั้นสุดท้ายแล้วลุงกับป้าของพวกเขาจึงประสบความสำเร็จกับแผนการร้ายที่วางเอาไว้ได้ในที่สุด

สำหรับชีวิตใหม่นี้แม้ว่าความยุ่งยากหลังงานพิธีเผยลิขิตสวรรค์ครั้งนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ด้วยความรู้และภูมิปัญญาของฟางหยวน เขามั่นใจว่าสิ่งต่างๆจะต้องเปลี่ยนแปลงไป

น้องชายของเขาจะต้องถูกกำหราบ เฉินซุ้ยจะต้องคลานเข่าเข้ามาขอเป็นนางสนมน้อยๆของเขา สำหรับลุงกับป้าและผู้อาวุโสของตระกูล เขามีวิธีการมากมายที่จะทรมานผู้คนเหล่านี้อย่างสาสม

“แต่ข้าไม่รู้สึกอยากทำเช่นนั้น…” ฟางหยวนถอนหายใจ

แม้จะเป็นน้องชายแล้วอย่างไร หากไร้ซึ่งความรักความจริงใจ ก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า สำหรับคนที่ละทิ้งเขา เขาก็เพียงต้องละทิ้งไปเท่านั้น

ด้านฉินซุ้ยแม้ว่าเธอจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงงามแล้วเช่นไร หากปราศจากรักและความซื่อสัตย์ เธอก็เป็นเพียงหนังหุ้มกระดูกที่เดินได้ แล้วเขายังต้องให้เธอเข้ามาเป็นนางสนมน้อยๆในฮาเร็มของเขาอีกหรือ? แน่นอนว่าเธอไม่คู่ควร

สุดท้าย ลุงกับป้าและเหล่าผู้อาวุโส? ทุกคนต่างเดินทางท่องเที่ยวไปในเส้นทางชีวิตของตนเอง แล้วเหตุใดเขาจึงจะต้องเสียเวลา สิ้นเปลืองพลังงานไปกับคนเหล่านี้? ได้ประโยชน์อันใด? มันไม่คุ้มค่าที่จะเสียเวลาก้าวเข้าไปเหยียบย่ำพวกเขา

“หึ”

“ตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่เข้ามาขัดขวางเส้นทางของข้า พวกเจ้าก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเส้นทางของพวกเจ้าได้อย่างสะดวกสบาย…..ข้าไม่สนใจ…..”

 


ติดตามความเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าได้ที่เฟสบุ๊ค นิยายฆ่าเวลา >>


 

 

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments