I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Reverend Insanity / Gu Daoist Master ตอนที่ 4: ฟางหยวนแห่งแสงจันทร์บรรพกาล

| Reverend Insanity / Gu Daoist Master | 1263 | 2338 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 4 ฟางหยวนแห่งแสงจันทร์บรรพกาล

Tr. Coffee Prince

 

 

ดวงอาทิตย์ทอประกายแสงนับสิบล้านเฉดสีลงมาจากท้องฟ้าที่สดใส บนภูเขามีเพียงหมอกบางๆที่ถูกสีสันจากเบื้องบนทะลุผ่านได้อย่างง่ายดาย

เด็กหนุ่มสาวอายุสิบห้านับร้อยชีวิตเดินทางมาชุมนุมกันอยู่ ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางหมู่บ้านที่มียามเฝ้ารักษาการณ์อยู่โดยรอบ พื้นที่ด้านหน้าคฤหาสน์แห่งนี้ปรากฏจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งไว้ด้วยอนุสรณ์บรรพชนแสงจันทร์บรรพกาล สถานที่แห่งนี้เป็นจุดศูนย์รวมของผู้คนในหมู่บ้าน เมื่อใดก็ตามที่มีพิธีการสำคัญหรือเหตุการณ์ใหญ่โตใดๆ ทุกคนจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่

“ดี ทุกคนมาตรงเวลาดีมาก เอาหล่ะ ข้าจะไม่พูดให้มากความ เพียงตามข้ามา” ผู้ที่รับผิดชอบพิธีการในวันนี้ก็คือ ผู้อาวุโสแห่งหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลที่มีเส้นผมสีขาวพร้อมกับหนวดเคราสีขาว แต่การแสดงออกของเขากลับดูกระปรี้กระเปร่าแข็งแรงไม่ต่างไปจากคนหนุ่มสาวแม้แต่น้อย เขานำทางผู้เยาว์จำนวนมากเข้าไปในคฤหาสน์ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน ตรงข้ามเขานำพาเด็กๆลงเดินลงไปยังถ้ำใต้ดินเบื้องล่าง

และมันก็ทำให้เด็กน้อยเหล่านั้นรู้สึกประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเห็นหินงอกหินย้อยที่ส่องประกายแสงสีรุ้งออกมาอย่างงดงามตระการตา

ฟางหยวนเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างเงียบๆ เขาสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างและรำพึงอยู่ภายในใจ ‘หลายร้อยปีมาแล้วที่ตระกูลแสงจันทร์ย้ายถิ่นฐานจากภาคกลางลงมาที่ดินแดนทางใต้แห่งนี้หลังจากค้นพบทุ่งบุปผาวิญญาณภายในถ้ำแห่งนี้ และมันก็ทำให้เกิดหินวิญญาณคุณภาพสูงเหล่านี้ขึ้นมา สามารถกล่าวได้ว่านี่คือรากฐานของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลอย่างแท้จริง’

พวกเขาเดินลึกเข้าไปหลายร้อยก้าวภายในถ้ำที่ใหญ่โตก่อนที่จะได้พบกับลำธารใต้ดินสายหนึ่งที่มีความกว้างถึงสิบเมตร อย่างไรก็ตามขณะนี้แสงสีรุ้งจากหินงอกหินย้อยก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีก แต่ภายในความมืดมิด ลำธารใต้ดินสายนั้นกลับเรืองแสงระยิบระยับสีฟ้าอ่อนออกมาราวกับทะเลดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน

สำหรับฝั่งตรงข้ามของลำธารปรากฏเป็นทุ่งดอกไม้อันงดงามและกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก

พวกมันคือกล้วยไม้จันทราที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากตระกูลแสงจันทร์ กลีบดอกของพวกมันที่ราวกับเสี้ยวจันทรามีสีฟ้าและสีชมพู มันมีลำต้นที่งดงามราวกับหยก ในขณะที่ตรงกลางดอกปรากฏไข่มุกที่เรืองแสงอันอ่อนโยนออกมาอย่างแผ่วเบา พวกมันดูราวกับพรมผืนใหญ่สีฟ้าอมชมพูที่ประดับไปด้วยมุกสีขาวละมุนจำนวนนับมิถ้วน การได้เห็นพวกมันในความมืดแน่นอนว่าสามารถสร้างความประทับใจที่ดีให้แก่ผู้คนได้อย่างง่ายดาย

‘กล้วยไม้จันทราเป็นสิ่งที่ใช้บ่มเพาะวิญญาณได้เป็นอย่างดี ดังนั้นทะเลดอกไม้เหล่านี้จึงถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของตระกูลแสงจันทร์’ ฟางหยวนคิดอยู่กับตนเอง

“ว้าว น่ารักมาก”

“มันงดงามจริงๆ”

ดวงตาของเด็กหนุ่มสาวส่องประกายขึ้นเมื่อเห็นดอกไม้เหล่านั้นและมันก็ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกมันเป็นครั้งแรก

“เอาหล่ะ ฟังที่ข้ากำลังจะพูดให้ดี พวกเจ้าต้องเดินข้ามลำธารสายนี้ไปยังฝั่งตรงข้าม จงเดินไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแน่นอนว่ายิ่งไปได้ไกลเท่าใดก็ยิ่งดี เข้าใจหรือยัง?” ผู้อาวุโสผมขาวกล่าว

“เข้าใจแล้ว”

แท้จริงก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ พวกเขาเคยได้ยินคำบอกเล่าจากสมาชิกในตระกูลมาบ้างแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่าหากพวกเขาสามารถเดินไปได้ไกลเท่าใด นั่นจะแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่สูงขึ้นของพวกเขา

“เฉินเปา” ผู้อาวุโสผมขาวเรียกชื่อผู้เยาว์คนแรก

ลำธารสายนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่แต่มันกลับไม่ลึก มันสูงขึ้นมาเพียงหัวเข่าของเด็กๆเท่านั้น

เฉินเปาข้ามผ่านลำธารและขึ้นสู่ฝั่งตรงข้ามอย่างง่ายดาย แต่เขากลับรู้สึกถึงแรงกดดันอันรุนแรงที่แผ่พุ่งออกมาจากทุ่งดอกไม้เบื้องหน้าราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นขวางกั้นเขาเอาไว้ในทันที เขาพยายามก้าวเท้าไปข้างหน้าอยากยากลำบาก ขณะเดียวกันไข่มุกสีขาวละมุนที่อยู่ใต้เท้าของเขากลับส่งจุดแสงสีขาวลอยขึ้นมาอยู่รอบตัวเขาก่อนที่จะหายเข้าไปในร่างกายของเขาและทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

เขากัดฟันและเดินต่อไปข้างหน้าด้วยพลังใจทั้งหมดที่มี แต่หลังจากเดินไปได้เพียงสามก้าว เขาก็ไม่สามารถต่อต้านกำแพงแรงกดดันที่มองไม่เห็นเหล่านั้นได้อีก

ชายชราผมขาวถอนหายใจก่อนจะกล่าวออกมาว่า “เฉินเปา สามก้าว ไม่สามารถเป็นผู้ใช้วิญญาณได้! คนต่อไป จ้าวเซี่ย!”

เฉินเปาหน้าขาวซีดและเดินข้ามฝั่งกลับมา ไม่สามารถเป็นผู้ใช้วิญญาณได้ หมายถึงเขาจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาและมีตำแหน่งต่ำที่สุดในตระกูล เฉินเปาล้มตัวลงพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา ความจริงข้อนี้ทำให้ความหวังของเขาพังทลายไปจนหมดสิ้น

เมื่อเห็นการแสดงออกที่น่าเวทนาของเฉินเปาและอีกคนที่กำลังข้ามลำธารไป ช่วยไม่ได้ที่เด็กหนุ่มสาวเหล่านั้นจะรู้สึกวิตกกังวลกับผลลัพธ์ของตนเอง

ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพรสวรรค์ในการเป็นผู้ใช้วิญญาณ โดยทั่วไปแล้วมีเพียงห้าในสิบคนเท่านั้นที่สามารถเป็นผู้ใช้วิญญาณได้ นี่คือข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้ตลอดหลายร้อยปีของตระกูลแสงจันทร์ ผู้นำรุ่นแรกของตระกูลแสงจันทร์เป็นตำนานที่มีชื่อเสียง ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขา สายเลือดที่สืบทอดต่อกันมาจึงทำให้พรสวรรค์ของทายาทรุ่นหลังค่อนข้างสูงกว่าผู้คนจากตระกูลทั่วไป อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน โดยธรรมชาติแล้วสายเลือดที่ทรงพลังเหล่านั้นจึงค่อยๆจางหายไปเรื่อยๆ

“จ้าวเซี่ย ไม่สามารถเป็นผู้ใช้วิญญาณ!”

ด้วยความล้มเหลวสองครั้งติดต่อกัน มันจึงทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มสาวที่เหลือมืดมนลงและน่าเกลียดยิ่งขึ้นทุกขณะ แม้แต่หัวหน้าตระกูลเองก็ยังต้องขมวดคิ้ว

ในเวลาต่อมาผู้อาวุโสผมขาวจึงได้เรียกชื่อที่สาม “โม่เป่ย”

เด็กหนุ่มในชุดผ้าลินินเดินออกมาจากกลุ่มผู้เยาว์ เขามีรูปร่างสูงใหญ่และดูแข็งแรงกว่าเด็กคนอื่นๆ นอกจากนั้นเขายังส่งกลิ่นอายแห่งความห้าวหาญบางอย่างออกมา เขาข้ามผ่านลำธารไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะก้าวเข้าไปในทุ่งดอกไม้

10 ก้าว 20 ก้าว 30 ก้าว ในขณะเดียวกันจุดแสงสีขาวจากกล้วยไม้จันทราก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้คนทั้งหมดที่นั่นต่างเบิกตาโตด้วยความตกตะลึงก่อนที่ผู้อาวุโสผมขาวจะสามารถเรียกสติกลับคืนมาได้ “ดี โม่เป่ย 36 ก้าว พรสวรรค์นภาที่สอง! มานี่ มาให้ข้าตรวจสอบทะเลวิญญาณของเจ้า”

โม่เป่ยเดินย้อนกลับมาหาชายชรา จากนั้นชายชราผมขาวจึงได้วางมือของเขาลงบนไหล่ของโม่เป่ยและปิดตาลง ผ่านไปชั่วขณะเมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เขาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะจดบันทึกลงไปบนกระดาษ “โม่เป่ย ทะเลวิญญาณระดับหก”

 

ระดับพรสวรรค์ถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ นภาที่ 1 นภาที่ 2 นภาที่ 3 และนภาที่ 4

ผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ในนภาที่ 4 จะใช้เวลาฝึกฝน 3 ปี เพื่อให้บรรลุเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง และจะกลายเป็นรากฐานของตระกูล

ผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ในนภาที่ 3 จะใช้เวลาฝึกฝน 2 ปี เพื่อให้บรรลุเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง และจะกลายเป็นกระดูกสันหลังของตระกูล

ผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ในนภาที่ 2 พวกเขาจะใช้เวลาฝึกฝน 6-7 ปี เพื่อให้บรรลุเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม และจะกลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูลไปในที่สุด

สำหรับผู้เยาวที่มีพรสวรรค์ในนภาที่ 1 เขาจะถูกพิจารณาว่าเป็นโชคลาภของตระกูลและจะได้รับการดูแลเอาใจใส่รวมถึงสามารถใช้ทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลเพื่อบ่มเพาะ หลังจาก 10 ปีผ่านไป เขาจะสามารถบรรลุเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ และจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลในอนาคต

ดังนั้นเมื่อโม่เป่ยสามารถแสดงพรสวรรค์ในนภาที่สองออกมาได้ นั่นจึงหมายความว่าเขาสามารถบรรลุเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามและจะกลายไปเป็นผู้อาวุโสของตระกูลในวันข้างหน้า และนี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหมดรวมถึงหัวหน้าตระกูลถอนหายใจออกมาได้ด้วยความโล่งอก

“เป็นอย่างไรบ้าง หลานชายของข้าไม่เลวเลยใช่หรือไม่?” โม่เฉิน ผู้อาวุโสที่มีเส้นผมสีแดงกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจพร้อมกับรอยยิ้มยั่วยุ

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสคนอื่นๆกลับนิ่งเงียบและเพิกเฉยต่อโม่เฉินไปอย่างสิ้นเชิง นี่จึงทำให้รอยยิ้มของโม่เฉินแข็งค้างก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปจึงปรากฏผู้เยาว์บางคนที่มีพรสวรรค์ในนภาที่ 3 และ 4 อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่มีพรสวรรค์ที่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ

“เฮ้อ…สายเลือดของตระกูลค่อยๆเจือจางลงเรื่อยๆ หลายปีมานี้ไม่มีผู้ใดที่สามารถบรรลุเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ได้แม้แต่ผู้เดียว มีเพียงหัวหน้าตระกูลรุ่นที่สี่เท่านั้นที่กลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า แต่สุดท้ายแล้วเขาก็จบชีวิตลงโดยไม่ได้ทิ้งทายาทเอาไว้เลย ดังนั้นตระกูลแสงจันทร์รุ่นหลังๆมานี้จึงอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก” หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันถอนหายใจ

ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสผมขาวก็ได้ประกาศชื่อของผู้เยาว์คนต่อไปออกมา “ซื่อเฉิน”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ผู้อาวุโสหลายคนจึงหันหน้าไปมองผู้อาวุโสคนหนึ่งที่มีนามว่า ซื่อเหลียง

ซื่อเฉินคือหลานชายของผู้อาวุโสซื่อเหลียง แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้อาวุโสซื่อเหลียงผู้นี้กลับมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลกับหลานของเขาเป็นอย่างมาก

แต่หลังจากซื่อเฉินเดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้ได้ 36 ก้าว เขาก็ได้หยุดลงตรงนั้น

“พรสวรรค์นภาที่สอง!” ผู้อาวุโสผมขาวตะโกนเสียงดัง

ด้วยผลลัพธ์นี้มันจึงช่วยไม่ได้ที่เหล่าเด็กหนุ่มสาวทั้งหมดจะรู้สึกอิจฉา

“ฮ่าฮ่าฮ่า 36 ก้าว 36 ก้าว” ซื่อเหลียงหัวเราะออกมาด้วยความภาคภูมิใจจากนั้นจึงหันหน้าจ้องมองไปยังผู้อาวุโสผมแดงโม่เฉินอย่างท้าทาย

“ซื่อเฉิน…ฮืม…” ท่ามกลางฝูงชน ฟางหยวนลูบคางของเขาในขณะที่พึมพำออกมา จากความทรงจำของเขา หลังจากนี้ซื่อเฉินจะถูกตระกูลลงโทษ เนื่องจากตระกูลจับได้ว่าเขาใช้กลโกงในการตรวจสอบพรสวรรค์ เพราะแท้จริงแล้วเขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามเท่านั้น

สำหรับฟางหยวน เขามีเล่ห์กลมากมายที่สามารถโกงพรสวรรค์ของเขาได้และมันยังยิ่งจะสมบูรณ์แบบกว่าวิธีการอันตื้นเขินของซื่อเฉินผู้นี้ไปมากนัก

แต่เขาไม่ได้ทำ…เพราะ…

ประการแรก ฟางหยวนพึ่งเดินทางย้อนเวลากลับมาในคืนก่อนหน้าทำให้เขาไม่มีเวลาเตรียมตัว

ประการที่สอง แม้ว่าเขาจะโกงพรสวรรค์สำเร็จ เขาก็ยังไม่สามารถปลอมแปลงความเร็วในการบ่มเพาะของตนเองได้ สุดท้ายความจริงก็จะเผยตัวมันเองออกมา

อย่างไรก็ตามซื่อเฉินกลับต่างออกไป ปู่ของเขา ซื่อเหลียง เป็นหนึ่งในสองผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล ดังนั้นเขาจึงสามารถช่วยเหลือและปกปิดความลับของผู้หลานเอาไว้ได้

“ซื่อเหลียงเป็นศัตรูคู่อาฆาตของโม่เฉิน คนทั้งสองเป็นผู้อาวุโสที่มีอิทธิพลมากที่สุดในตระกูล เพื่อสะกดข่มฝ่ายตรงข้าม พวกเขาจึงต้องผลักดันหลานของพวกเขาอย่างเต็มความสามารถ และด้วยอำนาจของซื่อเหลียง เขาจึงสามารถช่วยปิดบังความจริงเอาไว้ได้อย่างยาวนาน หากไม่ได้เป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนั้น ความจริงเรื่องนี้จะไม่มีวันถูกเปิดเผยออกมา”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นและเริ่มคิดหาวิธีการที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้

หากเขาเปิดเผยความลับนี้ออกไป เขาอาจจะได้รับรางวัลจากตระกูล แต่หากทำเช่นนี้เขาจะถูกกลั่นแกล้งโดยซื่อเหลียง

ดังนั้นภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ เขายังไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปได้ เนื่องจากสถานะอันต่ำต้อยของเขา

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาจมลึกอยู่ในห้วงความคิด เสียงของผู้อาวุโสผมขาวก็ได้ดังขึ้น “ฟางหยวน!”

 


ติดตามความเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าได้ที่เฟสบุ๊ค นิยายฆ่าเวลา >>


 

 

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments