I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Reverend Insanity / Gu Daoist Master ตอนที่ 7: นักบวชปีศาจสุราดอกไม้

| Reverend Insanity / Gu Daoist Master | 1053 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 7 นักบวชปีศาจสุราดอกไม้

Tr. Coffee Prince

 

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนจุดสูงของโลกใบนี้ ในขณะที่วิญญาณคือพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ มีวิญญาณมากมายหลากหลายชนิดจนมิอาจนับได้ถ้วน พวกมันอาศัยอยู่รอบตัวเรา ทั้งในพื้นดิน ต้นไม้ หรือกระทั่งในร่างกายของสัตว์ป่า”

“ตลอดระยะเวลาตั้งแต่มนุษย์เริ่มเจริญเผ่าพันธุ์ พวกเราได้ค้นพบถึงความลึกลับของวิญญาณมากมาย ผู้ที่สามารถปลุกทะเลวิญญาณซึ่งเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของวิญญาณเหล่านี้ได้จะสามารถบ่มเพาะและปรับแต่งพวกมันจนสุดท้ายแล้วคนเหล่านั้นจึงได้รับพลังอำนาจจากวิญญาณที่พวกเขาบ่มเลี้ยงมาในที่สุด นี่คือผู้ที่ถูกเรียกว่า ผู้ใช้วิญญาณ”

“หลังจากพวกเจ้าสามารถปลุกทะเลวิญญาณให้ตื่นขึ้นมาได้เมื่อเจ็ดวันก่อน ตอนนี้พวกเจ้าจึงถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในผู้ใช้วิญญาณเรียบร้อยแล้ว”

ภายในสถานศึกษาของหมู่บ้าน ผู้อาวุโสคนหนึ่งกำลังอบรมสั่งสอนกลุ่มเด็กหนุ่มสาวจำนวน 57 คนด้วยความสงบและมั่นใจ

เมื่อผู้อาวุโสเปิดโอกาสให้ศิษย์ของเขาสอบถาม เด็กหนุ่มผู้หนึ่งจึงได้ยกมือขึ้น “ท่านอาจารย์ ข้ารู้เรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว มีผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง สอง และอีกหลายระดับ ท่านอาจารย์ช่วยบอกรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติมได้หรือไม่?”

อาจารย์อาวุโสพยักหน้าและโบกมือให้เด็กหนุ่มนั่งลง “ผู้ใช้วิญญาณมีทั้งหมด 9 ระดับ ตั้งแต่ 1 ถึง 9 ทุกระดับเปรียบเทียบได้กับอาณาจักรใหญ่ ขณะเดียวกันภายในแต่ละอาณาจักรก็ยังมีดินแดนย่อยอยู่อีก 4 ระดับขั้น ซึ่งก็คือ ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสุดยอด พวกเจ้าพึ่งกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ ดังนั้นพวกเจ้าจึงอยู่ในระดับที่ 1 ขั้นต้น”

“หากพวกเจ้าเพียรพยายามกับการบ่มเพาะ ระดับพลังของพวกเจ้าก็สามารถก้าวไปสู่ระดับ 2 ขั้นสุดยอดหรือกระทั่งระดับสามได้อย่างไม่มีปัญหา แน่นอนว่ายิ่งมีพรสวรรค์สูงเท่าใด พวกเจ้าก็ยิ่งมีโอกาสก้าวหน้าไปได้ไกลและรวดเร็วขึ้นมากเท่านั้น”

“ผู้ที่มีพรสวรรค์นภาที่ 4 ทะเลวิญญาณระดับ 2 หรือ 3 ขอบเขตสูงสุดที่พวกเจ้าสามารถไปถึงก็คือระดับ 1หรือ 2

สำหรับพรสวรรค์นภาที่ 3 ทะเลวิญญาณระดับ 4 หรือ 5 ปกติแล้วความก้าวหน้าของพวกเจ้าจะหยุดอยู่ที่ระดับ 2 หรือหากโชคดีก็สามารถไปถึงระดับ 3

ส่วนพรสวรรค์นภาที่ 2 ทะเลวิญญาณระดับ 6 หรือ 7 พวกเจ้าจะก้าวไปอยู่ในระดับ 3 หรือ 4

สุดท้ายพรสวรรค์นภาที่ 1 ทะเลวิญญาณระดับ 8 หรือ 9 ผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับนี้สามารถไปได้จนถึงระดับที่ 5”

“สำหรับขอบเขตผู้ใช้วิญญาณระดับที่หกเป็นต้นไปมันมีอยู่เพียงในตำนานเท่านั้น ตามประวัติศาสตร์ของตระกูลแสงจันทร์ไม่เคยปรากฏผู้ใช้วิญญาณระดับ 6 มาก่อน แต่สำหรับระดับที่ 4 และ 5 ตระกูลของเราเคยมีอยู่หลายคน”

เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ช่วยไม่ได้ที่ดวงตาของเด็กหนุ่มสาวทั้งหมดจะส่องประกายออกมาด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง

หลายคนจ้องมองไปยังฟางเจิ้งที่นั่งอยู่หน้าสุด เขามีพรสวรรค์นภาที่ 1 ดังนั้นทุกคนจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉา แต่ในเวลาเดียวกันก็มีบางคนที่มองไปยังมุมหลังห้อง

ริมหน้าต่าง ฟางหยวนก้มหน้านอนหลับอยู่บนโต๊ะพร้อมทั้งกรนออกมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น

“ดู เขายังนอนหลับอยู่ได้” เสียงกระซิบดังขึ้น

“เขานอนมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ นี่เขาไม่คิดที่จะเรียนรู้สิ่งใดบ้างเลยหรือ?”

“ยังมีอีก ข้าได้ยินมาว่าเขาออกไปนอกหมู่บ้านทุกคืนในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้”

“มีหลายคนเห็นเขาถือไหสุราในยามค่ำคืน เขาคงจะเมามายอยู่ที่นั่น แต่โชคดีที่หมู่บ้านของเราสงบสุขมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงยังปลอดภัยได้มาถึงตอนนี้” คำนินทาเล็กๆน้อยๆถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็วภายในกลุ่มเด็กที่อยู่ภายในห้อง

“อืม ช่องว่างมันใหญ่โตเกินไป คนที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะกลับมีพรสวรรค์เพียงนภาที่ 3 ในท้ายที่สุด”

“แต่น้องชายของเขาที่เคยถูกมองข้ามกลับกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์นภาที่ 1 และได้รับความสนใจรวมถึงการดูแลที่ดีจากทุกคนราวกับมังกรที่ทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ในขณะที่คนผู้พี่ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน นี่มันช่างน่าขันยิ่งนัก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

ในเวลานี้คิ้วของอาจารย์อาวุโสจึงกลายเป็นขมวดลึก เมื่อเขาพบว่าศิษย์ทุกคนของเขานั่งอย่างเป็นระเบียบและให้ความเคารพต่อเขา แต่มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่ก้มหน้านอนกลางวันโดยไม่ให้ความสนใจเขาแม้แต่น้อย

“มันก็ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว แต่เขายังมิอาจทำใจได้ ฮืม ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะได้อย่างไร?” อาจารย์อาวุโสรู้สึกหงุดหงิด เขาพูดกับฟางหยวนหลายครั้งแล้วว่าให้ยอมรับความจริง แต่มันกลับไม่มีประโยชน์ใดๆเลย ฟางหยวนยังคงทำตัวราวกับไม่สนใจโลกหล้า เขานอนในชั้นเรียนตลอดเวลาและทำให้เหล่าอาจารย์ปวดหัวและผิดหวังกับเขาเป็นอย่างมาก

“เขามีพรสวรรค์แค่นภาที่ 3 เท่านั้น หากเขาไม่สามารถรับได้และยังทำตัวเยี่ยงนี้ต่อไป เขาก็จะเป็นเพียงบุคคลไร้ค่าที่ผลาญทรัพยากรของตระกูลไปอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น” หัวใจของอาจารย์อาวุโสเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ฟางหยวนอยู่ในนภาที่ 3 ขณะที่น้องชายของเขาอยู่ในนภาที่ 1 ดังนั้นแน่นอนว่าตระกูลได้ทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดให้แก่ฟางผู้น้อง และละทิ้งฟางผู้พี่ไปในทันที

อย่างไรก็ตามอาจารย์อาวุโสยังคงบรรยายต่อไป “ในประวัติศาสตร์ของตระกูล มีบุคคลที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นมากมาย มีผู้ใช้วิญญาณระดับห้าสองคน หนึ่งในพวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลรุ่นแรก บรรพชนของพวกเรา เขาเป็นผู้ก่อตั้งหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล ส่วนอีกผู้หนึ่งก็คือหัวหน้าหมู่บ้านรุ่นที่ 4 เขามีพรสวรรค์อันโดดเด่นและสามารถบรรลุสู่ขอบเขตผู้ใช้วิญญาณระดับ 5 ได้แต่ยังเยาว์ หากมิใช่เพราะเจ้านักบวชปีศาจสุราดอกไม้ที่น่ารังเกียจตนนั้นลอบโจมตี เขาอาจกระทั่งสามารถบรรลุไปถึงระดับ 6 ได้ในช่วงเวลานั้น แต่ผู้ใดจะคาดคิด…..”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้อาจารย์อาวุโสจึงได้ถอนหายใจออกมา ในขณะที่เหล่าศิษย์หนุ่มสาวกลับเริ่มรู้สึกโกรธแค้น

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้านักบวชปีศาจตนนั้น เขาทั้งชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์”

“น่าเสียดาย ท่านหัวหน้าตระกูลรุ่นที่ 4 ใจดีมีเมตตามากเกินไปและมันก็ทำให้ท่านต้องจบชีวิตลงตั้งแต่ยังหนุ่ม”

“หากข้าเกิดเร็วกว่านี้สักหลายร้อยปีและได้พบเจอปีศาจร้ายตนนั้น ข้าจะฉีกใบหน้าที่น่ารังเกียจของมันออกมา”

เรื่องราวเกี่ยวกับหัวหน้าตระกูลรุ่นที่ 4 และนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เป็นสิ่งที่ทุกคนในหมู่บ้านรับรู้กันเป็นอย่างดี

นักบวชปีศาจสุราดอกไม้เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับ 5 เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของโลกปีศาจในขณะนั้น หลายร้อยปีก่อนหน้า เขาลอบเข้ามาขโมยบุปผาวิญญาณของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล แต่กลับถูกหัวหน้าหมู่บ้านรุ่นที่ 4 พบเข้า หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ นักบวชปีศาจจึงได้พลาดพลั้งจนถึงจุดที่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิต ด้วยความใจดีมีเมตตาของหัวหน้าหมู่บ้านรุ่นที่ 4 เขาจึงตกลงสู่กับดักที่น่ารังเกียจของนักบวชปีศาจและถูกลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว และเป็นเหตุให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะสามารถสังหารนักบวชปีศาจได้ในที่สุด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ไหวและเสียชีวิตลงในที่สุด

ดังนั้นภายในหัวใจของผู้คนตระกูลแสงจันทร์ หัวหน้าหมู่บ้านรุ่นที่ 4 จึงถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อหมู่บ้านและพวกเขาทุกคน

“นักบวชปีศาจสุราดอกไม้…..” ชื่อของคนผู้นี้ปลุกให้ฟางหยวนตื่นขึ้นมาในที่สุด

เขาบิดร่างกายและรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยอยู่ภายในหัวใจ ‘นักบวชปีศาจสุราดอกไม้ เขาตายที่ใดกันแน่? เหตุใดข้าจึงไม่พบมรดกของเขาหลังจากค้นหารอบหมู่บ้านมานานหลายวันแล้ว?’

 

จากความทรงจำของเขา มีผู้ใช้วิญญาณของตระกูลที่อกหักและเริ่มดื่มสุราอย่างหนักทุกวันกระทั่งสองเดือนหลังจากนี้ เมื่อเขาดื่มสุราจนเมามายและทิ้งตัวนอนอยู่นอกหมู่บ้าน เป็นเวลานั้นที่กลิ่นสุราจากตัวเขาได้ดึงดูดวิญญาณสุราร่ำร้องให้เข้ามาหาโดยไม่รู้ตัว

เมื่อตระหนักถึงวิญญาณสุราร่ำร้อง ผู้ใช้วิญญาณคนนั้นเต็มไปด้วยความสุขและต้องการที่จะจับมัน แต่วิญญาณสุราร่ำร้องกลับพยายามหลบหนี สุดท้ายหลังจากที่เขาติดตามมันไป ในที่สุดเขาก็ได้พบกับถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง

เนื่องจากวิญญาณสุราร่ำร้องเป็นสิ่งที่หาได้ยากและมีราคาสูงหากขายออกไป ดังนั้นผู้ใช้วิญญาณขี้เมาผู้นี้จึงตัดสินใจเข้าไปในถ้ำและได้พบศพของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้รวมถึงสมบัติตกทอดที่เขาทิ้งเอาไว้ที่นั่น

ชายขี้เมาย้อนกลับมายังหมู่บ้านและรายงานเรื่องที่เขาพึ่งค้นพบกับเหล่าผู้อาวุโส มันจึงช่วยไม่ได้ที่เรื่องนี้จะทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาในทันที แน่นอนว่าเขาได้รับสิ่งตอบแทนจำนวนมหาศาล เป็นเหตุให้ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้หญิงคนรักของเขาจึงฝได้ย้อนมาหาเขาอีกครั้งในท้ายที่สุด ดังนั้นเรื่องราวของชายผู้นี้จึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนในหมู่บ้านอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

“น่าเสียดายที่ข้าได้ยินข่าวมาเพียงบางส่วน ข้าจึงไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของสถานที่แห่งนั้น นักบวชปีศาจสุราดอกไม้ เจ้าตายอยู่ที่ใดกันแน่?”

หลายวันมานี้เขาซื้อสุราและเดินออกไปนอกหมู่บ้านทุกคืน เขาต้องการใช้กลิ่นสุราหลอกล่อให้วิญญาณสุราร่ำร้องออกมาหาเขา แต่น่าเสียดายที่มันกลับไม่ปรากฏตัวขึ้น นี่จึงทำให้เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

“หากข้าได้มันมาและปรับแต่งมันด้วยความรู้ของข้า มันจะกลายเป็นวิญญาณที่ดีกว่าวิญญาณแสงจันทร์ของตระกูลอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ก็ใกล้เดือนเมษาแล้ว มันเหลือเวลาอีกไม่มากนัก” ฟางหยวนถอนหายใจและจ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่าง

ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม เมฆาสีขาว ภูเขาที่เขียวชอุ่มทอดตัวยาวไปจนสุดสายตา ในป่าไผ่แห่งหนึ่งบนภูเขาชิงเหมา ต้นไผ่แต่ละต้นยืนหยัดขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับหอกอันแหลมคม หน่ออ่อนไม้ไผ่ผุดขึ้นราวกับท้องทะเลสีเหลือง นกกระจอกบินลงมาเกาะบนกิ่งไม้และเจาะไชเข้าไปสร้างรังอยู่ภายใน ขณะที่สายลมท้ายฤดูใบไม้ผลิพัดหอบเอาความสดชื่นจากแม่น้ำและภูเขากระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมโลก

นี่เป็นช่วงเวลาที่ชั้นเรียนกำลังจะจบลง “ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าได้สอนให้พวกเจ้าตรวจสอบและบำรุงทะเลวิญญาณของตนเอง ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะต้องปรับแต่งวิญญาณดวงแรกของพวกเจ้า หลังจากจบชั้นเรียนวันนี้แล้ว พวกเจ้าจงไปยังห้องโถงวิญญาณ และเลือกวิญญาณที่พวกเจ้าต้องการนำกลับไปปรับแต่ง หลังจากนั้นจงนำมันมาเข้าชั้นเรียนด้วยในคราวหน้า เมื่อถึงเวลานั้นมันจะเป็นการประเมินความสามารถครั้งแรกของพวกเจ้า ผู้ใดก็ตามที่สามารถผ่านการประเมินนี้ได้เป็นคนแรกจะได้รับรางวัลเป็นหินวิญญาณจำนวน 20 ก้อน”

 


ติดตามความเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าได้ที่เฟสบุ๊ค นิยายฆ่าเวลา >>


 

 

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments