I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Reverend Insanity / Gu Daoist Master ตอนที่ 9: ค่อยๆห่างกันออกไปในเส้นทางของแต่ละคน

| Reverend Insanity / Gu Daoist Master | 1554 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 9 ค่อยๆห่างกันออกไปในเส้นทางของแต่ละคน

Tr. Coffee Prince

 

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า

แม้มันยังคงสว่างไสว แต่บรรยากาศกลับมืดมน โดยเฉพาะภายในห้องโถงแห่งหนึ่งในบ้านครอบครัวสกุลฟาง

ลุงกับป้าของพี่น้องแซ่ฟางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในขณะที่การแสดงออกของพวกเขายากที่จะคาดเดา

เมื่อเห็นฟางหยวนถือไหสุราไว้ในมือ คิ้วของลุงตงถูขมวดลึกก่อนที่เขาจะเปิดปากขึ้น “เพียงพริบตาพวกเจ้าก็อายุครบ 15 ปีแล้ว นอกจากนั้นพวกเจ้ายังเป็นผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์ โดยเฉพาะฟางเจิ้ง ลุงกับป้าภูมิใจในตัวเจ้าจริงๆ และเพื่อเป็นรางวัลให้แก่พรสวรรค์ที่น่าภาคภูมินี้ ลุงกับป้าจะมอบหินวิญญาณให้แก่พวกเจ้าจำนวน 6 ก้อน การปรับแต่งวิญญาณดวงแรกของพวกเจ้าจำเป็นต้องใช้พลังงานจากทะเลวิญญาณเป็นจำนวนมาก ดังนั้นพวกเจ้าต้องอาศัยหินวิญญาณเหล่านี้”

หลังจากกล่าวจบ สาวใช้จึงได้นำถุงบรรจุหินวิญญาณมาส่งมอบให้กับฟางหยวนและฟางเจิ้ง

ฟางหยวนรับมันมาอย่างเงียบๆ

ในขณะที่ฟางเจิ้งรีบเปิดถุงและตรวจสอบหินวิญญาณสีเทาขาวเหล่านั้น แน่นอนมันทำให้ดวงตาของเขาสว่างไสวและเร่งลุกขึ้นแสดงความสำนึกขอบคุณลุงกับป้าของเขาในทันที “ขอบพระคุณท่านลุงท่านป้า ผู้หลานจำเป็นต้องใช้หินวิญญาณเหล่านี้จริงๆ ท่านทั้งสองดูแลเลี้ยงดูข้ามาจนถึงวันนี้ บุญคุณอันใหญ่หลวงนี้ ข้าฟางเจิ้งจะไม่มีวันลืมเลือน”

ลุงของเขาเผยรอยยิ้มพอใจพร้อมกับพยักหน้า ด้านป้าของเขารีบโบกมือและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “นั่งลงเถอะ รีบนั่งลง แม้ว่าพวกเจ้าทั้งสองจะไม่ใช่บุตรสืบสายเลือดของพวกเราโดยตรง แต่พวกเราก็รักและเอ็นดูพวกเจ้าประหนึ่งบุตรแท้ๆของพวกเรา หากพวกเจ้ามีอนาคตที่สดใส แน่นอนว่าพวกเราจะต้องมีความสุขเป็นอย่างมาก”

คำกล่าวของเธอมีบางสิ่งที่ลึกซึ้งแฝงอยู่ในนั้น แม้ฟางเจิ้งจะไม่เข้าใจ แต่ฟางหยวนกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในจังหวะนี้ลุงตงถูจึงได้กล่าวแทรกขึ้น “ลุงกับป้าคิดมาอย่างรอบคอบแล้วว่าพวกเราต้องการรับพวกเจ้าเป็นบุตรบุญธรรม ฟางเจิ้ง เจ้าเต็มใจหรือไม่?”
ฟางเจิ้งรู้สึกมีความสุขและเร่งกล่าวออกมาในทันที “แท้จริงแล้วตั้งแต่ที่ท่านพ่อท่านแม่ของข้าเสียชีวิตไป ข้าก็อยากมีครอบครัวของตนอีกครั้ง หากสามารถเป็นครอบครัวเดียวกันกับท่านลุงท่านป้าได้ ข้าคงจะมีความสุขเป็นอย่างมาก”

ป้าของเขาหัวเราะออกมาด้วยความปิติยินดี “เจ้าเป็นลูกของพวกเราแล้ว อย่าได้เรียกท่านลุงท่านป้าอีก”
“ท่านพ่อ ท่านแม่” ฟางเจิ้งเร่งแก้คำพูดของตนเองอย่างรวดเร็ว

ลุงกับป้าหัวเราะเสียงดัง “ลูกชายที่ดี ไม่เสียแรงที่พวกเราสามีภรรยาดูแลเจ้ามาถึง 10 ปี ฮ่าฮ่าฮ่า”

ลุงตงถูหันหน้ามาทางฟางหยวน “ฟางหยวนแล้วเจ้าหล่ะ?”

ฟางหยวนส่ายศีรษะแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป

“พี่ใหญ่” ฟางเจิ้งกำลังจะกล่าวบางคำแต่กลับถูกลุงของเขาหยุดเอาไว้

“หากเป็นกรณีนี้ ฟางหยวนหลานของข้า พวกเราจะไม่บังคับเจ้า ตอนนี้เจ้าอายุ 15 แล้ว เจ้าโตพอที่จะแยกตัวออกไปใช้ชีวิตของเจ้าเองได้แล้วและมันก็เป็นวิธีที่ดีที่จะรักษาสายเลือดแซ่ฟางเอาไว้ แต่เจ้าอย่าได้กังวลลุงได้เตรียมหินวิญญาณจำนวน 200 ก้อนเพื่อเป็นทุนให้เจ้าสามารถไปตั้งตัวได้เอาไว้แล้ว”

“200 ก้อน?” ดวงตาของฟางเจิ้งเบิกโตขึ้นด้วยความตื่นตะลึง เขาไม่เคยเห็นหินวิญญาณจำนวนมากมายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะเปิดเผยความรู้สึกอิจฉาออกมา

แต่ฟางหยวนยังคงส่ายศีรษะ

ฟางเจิ้งงุนงงกับท่าทีของฟางหยวน ในขณะที่การแสดงออกของลุงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ด้านป้าของเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา

“ท่านลุงท่านป้า หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ผู้หลานขอตัว” ฟางหยวนไม่เปิดโอกาสให้พวกเขากล่าวสิ่งใดอีกแม้แต่น้อย เมื่อเขากล่าวจบประโยค เขาจึงเดินถือไหสุราจากไปในทันที

ฟางเจิ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้และเร่งกล่าวออกมา “ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่คงมิได้คิดเช่นนั้นจริงๆ ข้าจะไปพูดกับเขา”

ลุงของเขาโบกมือก่อนจะถอนหายใจออกมา “อนิจจา เรื่องเช่นนี้มิสามารถบังคับจิตใจกันได้ พ่อของเจ้าผู้นี้เข้าใจเป็นอย่างดี เอาหล่ะ เด็กๆ ดูแลคุณชายฟางเจิ้งให้ดี”

“หากเป็นเช่นนั้น ผู้บุตรขอตัวลา” ฟางเจิ้งทำความเคารพก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ

เมื่อดวงอาทิตย์เร้นกายหายเข้าไปในหุบเขา ภายในห้องโถงที่มืดมนกลับยิ่งหมองหม่นลงเรื่อยๆ เป็นเวลานี้ที่เสียงอันเย็นชาของตงถูดังขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กเลวฟางหยวนจะมองแผนการของเราออก”

ตามกฎข้อบังคับของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล เมื่อบุตรชายคนโตอายุครบ 16 ปี พวกเขาจะมีสิทธิในการรับสืบทอดมรดกของครอบครัว บิดามารดาของฟางหยวนเสียชีวิตไปแล้ว แต่พวกเขายังได้ทิ้งมรดกเอาไว้ให้ อย่างไรก็ตามเป็นลุงกับป้าของเขาที่เป็นผู้ดูแลจัดการมรดกเหล่านั้นมาตลอด และมันก็ไม่ใช่บางสิ่งที่หินวิญญาณเพียง 200 ก้อนจะสามารถเปรียบเทียบได้ หากฟางหยวนตกลงเป็นบุตรบุญธรรมของพวกเขา ฟางหยวนก็จะหมดสิทธิในกองมรดกแต่เดิมของเขาในทันที แต่หากฟางหยวนตัดสินใจที่จะแยกตัวออกไป มันก็จะไม่ขัดต่อกฎเกณฑ์ดั้งเดิมของหมู่บ้าน

“โชคดีที่พวกเราจัดการฟางเจิ้งได้ ส่วนฟางหยวนเขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่ 3 เท่านั้น หึ” ตงถูยิ้มเยาะ

“สามี หากฟางหยวนอายุครบ 16 ปีแล้วพวกเราจะทำอย่างไร?” ภรรยาของตงถูเอ่ยถามด้วยความกังวล

“ฮึม ตั้งแต่เขาทำตัวเสเพล เขาก็ไม่สามารถตำหนิพวกเราได้อีกแล้ว ตราบเท่าที่พวกเราสามารถจับผิดบางอย่างเขาได้และไล่เขาออกไปจากครอบครัว เราก็จะสามารถเอ่ยอ้างเรื่องนั้นในการถือสิทธิ์ผู้จัดการมรดกต่อไปได้” ตงถูกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“แต่เด็กนั่นฉลาดมาก เขาจะพลาดได้อย่างไร?” ภรรยาของตงถูยังคงงุนงง

ตงถูกรอกตาก่อนจะกระซิบบอกบางอย่างกับภรรยาของเขา “เจ้านี่โง่จริงๆ หากเขาไม่ได้ทำผิด แล้วพวกเราจะไม่สามารถทำให้เขาผิดได้เช่นนั้นหรือ? เพียงให้เฉินซุ้ยพะเน้าพะนอฟางหยวนและกรีดร้องออกมา เวลานั้นพวกเราก็จะเข้าไปจับตัวเขาและทำราวกับว่าเขาพยายามจะข่มเหงเฉินซุ้ยหลังจากที่เขาดื่มเหล้าจนเมามาย เมื่อเป็นเช่นนั้นแน่นอนว่าพวกเราจะสามารถไล่เขาออกไปได้ในทันทีมิใช่หรือ?”

“สามี ท่านฉลาดจริงๆ นั่นเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมมาก”

ม่านรัตติกาลเข้าคลีคลุมผืนฟ้าในขณะที่หมู่ดวงดาราถูกบดบังด้วยเหล่าเมฆหมอก

โคมไฟในหมู่บ้านค่อยๆถูกจุดให้สว่างไสวขึ้นเพื่อทำลายความมืดมิดที่เข้ามาเยี่ยมเยือน

ฟางเจิ้งถูกนำพาเข้าไปในห้อง

“คุณชายฟางเจิ้ง นายท่านให้ข้าเตรียมห้องนี้ไว้เป็นพิเศษสำหรับท่าน” แม่บ้านเฉินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงประจบสอพลอ

ฟางเจิ้งมองไปรอบๆอย่างรวดเร็วก่อนที่ดวงตาของเขาจะส่องประกายขึ้น ห้องนี้มีขนาดใหญ่โตกว่าห้องเดิมของเขาอย่างน้อยสองเท่า มันมีเตียงขนาดใหญ่ ข้างหน้าต่างมีโต๊ะไม้ที่งดงาม ผนังห้องถูกตกแต่งอย่างประณีตบรรจง ในขณะที่ใต้เท้าของเขาไม่ใช่ไม้ธรรมดาแต่มันถูกปูด้วยพรมขนสัตว์ที่อ่อนนุ่ม

ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ฟางเจิ้งไม่เคยอาศัยอยู่ในห้องเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า เขาจึงพยักหน้าพึงพอใจอย่างต่อเนื่อง “นี่เป็นสิ่งที่ดี ขอบคุณมากแม่บ้านเฉิน”

แม่บ้านเฉินหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เพราะมันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว คุณชายสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่ท่านปรารถนาและหากท่านต้องการสิ่งใดเพียงสั่งระฆังข้างเตียงของท่าน คนรับใช้ก็จะเข้ามาในทันที นายท่านสั่งพวกเราเอาไว้แล้วว่าให้ดูแลคุณชายเป็นอย่างดี คุณชายเพียงให้ความสนใจกับการบ่มเพาะของท่านเท่านั้นและปล่อยสิ่งอื่นๆไว้เป็นหน้าที่ของพวกเรา”

ฟางเจิ้งรู้สึกมีความสุขอยู่ภายในหัวใจ แม้เขาจะมิได้กล่าวสิ่งใด แต่ลึกลงไปเขาได้ตัดสินใจแล้ว ‘ครั้งนี้ข้าจะต้องได้ที่หนึ่งเพื่อไม่ให้ท่านลุงท่านป้าผิดหวัง’

เมฆหมอกบนท้องฟ้าเริ่มหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงแสงอันเลือนรางของดาวฤกษ์บางดวงที่สามารถเล็ดลอดลงมาได้

“ลุงกับป้าต้องวางแผนเพื่อไล่ข้าออกจากบ้านอย่างแน่นอน ในชีวิตก่อนหน้าพวกเขาให้สาวใช้เข้ามายั่วยวนข้าและจัดฉากให้ข้ากระทำผิด จากนั้นจึงไล่ข้าออกจากครอบครัว ข้าสงสัยอย่างยิ่งว่าในชีวิตนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?” ฟางหยวนหัวเราะขบขันอยู่ภายในใจขณะที่เดินไปตามเส้นทางภายในหมู่บ้าน

เขามองเห็นตัวตนที่แท้จริงของลุงกับป้า แต่เขาสามารถเข้าใจได้และมองเป็นเพียงเรื่องขบขันเท่านั้น

ผู้คนมักจะทุ่มเทชีวิตของพวกเขาเพื่อความมั่งคั่ง ไม่ว่าโลกมนุษย์ยุคใหม่ใบเดิมของเขาหรือแม้แต่โลกวิญญาณใบนี้ ผู้คนจำนวนมากพร้อมที่จะเหยียบย่ำมิตรภาพและความรักเพื่อประโยชน์ส่วนตนเสมอ

ในความเป็นจริงมันไม่เคยมีความผูกพันใดๆ ตั้งแต่แรกเริ่มที่ลุงกับป้านำตัวเขาและน้องชายของเขามาเลี้ยงดู มันเป็นเพราะพวกเขามีจุดประสงค์พิเศษบางอย่างซึ่งมันก็คือการยึดครองมรดกของครอบครัวแซ่ฟางนั่นเอง

“ทุกสิ่งเป็นเรื่องยากก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นง่าย สำหรับข้ามันก็เป็นกรณีเดียวกัน ประการแรก ข้าไม่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ประการที่สอง ข้าไม่มีอาจารย์อบรมสั่งสอน มันจึงหมายความว่าข้าต้องเริ่มต้นจากศูนย์ แต่ด้วยมรดกจากท่านพ่อท่านแม่ของข้า สามารถกล่าวได้ว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับข้าเป็นอย่างมาด ในชีวิตก่อนหน้า ลุงกับป้าขโมยมรดกเหล่านั้นไปทำให้ข้าต้องเสียเวลาไปถึงสองปีกว่าจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งได้ ดังนั้นในชีวิตนี้ข้าจะไม่ทำผิดพลาดเช่นเดิมอีก”

ฟางหยวนตัดสินใจในขณะที่เดินออกไปนอกหมู่บ้าน

ในคืนที่มืดมิดและไร้ซึ่งแสงดาว สายลมที่พัดผ่านภูเขาค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เมฆฝนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แต่เขายังคงค้นหา เพราะในช่วงเวลานี้สิ่งสำคัญที่สุดมีเพียงสมบัติของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เท่านั้นที่เขาต้องคว้ามันมาให้จงได้

มีผู้คนไม่มากอยู่ในบริเวณนั้น ในขณะที่บ้านเรือนของพวกเขาเริ่มดับไฟลง ขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยเริ่มถูกพัดปลิวขึ้นมาตามแรงลมพัด

ชุดผ้าบางๆของฟางหยวนสะบัดตัวขึ้นสู่อากาศและมันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกถึงความหนาวเหน็บ เป็นเพียงเมื่อเขาดื่มสุราเข้าไป มันจึงทำให้ร่างกายของเขารู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาดื่มเหล้าเข้าไปจริงๆในช่วงหลายวันมานี้

และแม้จะมีเพียงความมืดมิดรอเขาอยู่ แต่ฟางหยวนก็ไม่ลังเลที่จะก้าวเดินตรงไปเบื้องหน้า

ในขณะที่น้องชายของเขาฟางเจิ้งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่เพื่อทบทวนบทเรียนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง ไม่มีลม ไม่มีความเหน็บหนาว ข้างๆมือของเขากระทั่งมีถ้วยน้ำโสมอุ่นๆเตรียมพร้อมไว้ให้เขาสามารถจิบได้ตลอดเวลา

“คุณชายเจ้าคะ ข้าได้เตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้ท่านอาบแล้วเจ้าค่ะ”

นอกห้อง เฉินซุ้ยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์ของเธอ

หัวใจของฟางเจิ้งเต้นแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เช่นนั้นก็นำมันเข้ามา”

เฉินซุ้ยเดินเข้าไปในห้องก่อนจะโค้งคำนับอย่างงดงามต่อหน้าฟางเจิ้ง

“สาวใช้ผู้นี้ขอคารวะคุณชายเจ้าค่ะ” สายตาของเธอจ้องมองฟางเจิ้งด้วยแรงเสน่หา

ฟางหยวนมีพรสวรรค์เพียงนภาที่ 3 ขณะที่ฟางเจิ้งมีพรสวรรค์นภาที่ 1 ชัดเจนว่าผู้ใดมีอนาคตที่สดใสหรือผู้ใดไม่มี ดังนั้นหากเธอได้รับการสนับสนุนจากฟางเจิ้ง มันจะเป็นโชคลาภครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเธออย่างแท้จริง

 


สารจากผู้แปล

ขออภัยด้วยนะครับที่หายไปนาน

เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาทางต้นฉบับอิ้งมีปัญหาลิขสิทธิกับทางจีน ดังนั้นผู้แปลอิ้งจึงได้หยุดแปลไปอย่างกะทันหัน ผมเลยหยุดแปลไทยชั่วคราวเพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน แต่ตอนนี้ทางจีนได้นำเรื่องนี้มาแปลอิ้งค์เองแล้ว ผมจึงนำเรื่องนี้กลับมาแปลไทยต่อ 

ปกติแล้วผมไม่ค่อยได้เข้ามาในนี้บ่อยนัก ถ้าเพื่อนนักอ่านท่านใดสนใจติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เชิญที่กลุ่มเฟสบุ๊ค นิยายฆ่าเวลา นะครับ กดเข้าเลย เข้าฟรี! อ่านฟรี!

ติดตามความเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าอ่านได้เร็วกว่าที่กลุ่มเฟสบุ๊ค นิยายฆ่าเวลา >> 


 

 

(0 votes) 0/5
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments