ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลไทย : Hyaku man
“โอ้ย… “
‘ซุยเมอิ’ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากบริเวณช่วงล่างของเขาซึ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเขาไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเองได้ มันมาจากไหนก็ไม่รู้ แน่นอนเขาคาดการณ์ได้ว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่เขาจะทำอะไรได้ทัน
พื้นแข็ง อาจปูด้วยหินไม่ก็กระเบื้อง หลังของเขากระแทกลงบนมัน ความเจ็บปวดก็เข้าจู่โจมทันทีที่มันเกิดขึ้น แล้วทำไมมันถึงแบบนี้ ไม่จำเป็นจะต้องไปนึกถึงมัน มันเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีที่แล้วนี่เอง
ระหว่างที่กลับจากโรงเรียนกับเพื่อนอีกสองคนของเขา เขาก็ถูกดึงเข้าไปในวงเวทและปล่อยเขาลงมาอย่างกะทันหัน และที่ปลายทางเขาได้จับที่ช่วงล่างของเขา
( … ผู้ชาย, นี่มัน ผิดพลาด)
‘ซุยเมอิ’ค้นคว้าความลับเกี่ยวกับเวทมนตร์ในปัจจุบันซึ่งเต็มไปด้วยป่าคอนกรีต เขาได้เริ่มต้นใช้เวทเล็กๆน้อยๆในรอบสิบสองปีที่ผ่านมา แต่ก็ค่อนข้างจะมั่นใจในทักษะของเขา เขาเป็นนักเวทสมัยใหม่ที่สามารถรับรู้เวทมนตร์จากคนอื่นๆได้อย่างง่ายได้
เขารู้สึกถึงมันได้ แม้แต่เห็นมัน แต่เขาไม่ตอบสนอง และเพียงแค่เฝ้าดู ผิดพลาด อะไรล่ะ ? เขารู้สึกอับอายและผิดหวัง ในขณะที่ด้วงตายังคลอไปด้วยน้ำตาจากความเจ็บปวดที่ส่งตรงจากช่วงล่างและความอัปยศของเขา
‘ซุยเมอิ’ก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเพื่อนที่มาด้วยกันกับเขา
“โอ๊ย…”
ที่นั่งอยู่ถัดจากเขาคือ ‘ชานะ เรอิจิ’ ผู้ซึ่งกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดบริเวณช่วงล่างเหมือนกันกับ’ซุยเมอิ’ที่กำลังลูบช่วงล่างอยู่
“เฮ้ เรอิจิ นายโอเคมั้ย?”
“ไม่เป็นไร นายล่ะ?”
“อ่า ฉันเจ็บช่วงล่าง ถ้าเป็นไปได้นายช่วยแบ่งไปสักครึ่ง…..”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ อย่าล้อเล่นสิ ว่าแต่ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะซุยเมอิ?”
‘เรอิจิ’หัวเราะกันอย่างสนุกสนานในเรื่องตลกโง่ๆของเขา จากนั้นเขาก็สังเกตไม่เห็นเพื่อนอีกคนของพวกเขา ‘มิซึกิ’ที่ได้เดินด้วยกันกับพวกเขาและพูดออกมาอย่างไม่สบายใจ แน่นอนเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ หญิงสาวที่เดินด้วยกันพวกเขาก่อนหน้านี้คือไม่มีที่ไหนเลยที่จะหาเธอพบ
เขามองไปรอบ ๆ ในเวลาสั้น ๆ ห้องกลมที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงหินและมีเชิงเทียนเก่าซึ่งให้ความสว่างสลัว ไม่มีอะไรนอกจากนั้น ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนว่าจะเป็นประตู และบนพื้นแข็งที่พวกเขานั่งอยู่ก็เต็มไปด้วยลวดลายคล้ายกับเวทมนตร์
“อ่า…มิซึกิไม่ได้อยู่ที่นี่ “
‘ซุยเมอิ’พึมพำอย่างวิตกกังวลกับเพื่อนที่หายตัวไปของเขา ขณะเดียวกัน’เรอิจิ’แสดงออกถึงความสับสนมากยิ่งขึ้น
“ทำไม … แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหน … ?”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าจะต้องมีใครบางคงพาเรามาที่นี่แน่ๆ “
“…หมายความว่ายังไง?”
‘เรอิจิ’มองวงเวทขนาดใหญ่ที่น่าสงสัยบนพื้น ‘ซุยเมอิ’มองชุดสูทของเขาก่อนจะมองไปที่มันอีกครั้ง ภายในวงกลมขนาดใหญ่ถูกวาดไว้ด้วยวงกลมทั้งสี่และรูปทรงเรขาคณิตในนั้นก็ไม่ตรงกับสี่หรือห้าองค์ประกอบของทางตะวันตก หรือห้าองค์ประกอบของจีน และตัวอักษรในวงกลมก็ไม่ตรงกับเวทมนตร์ใดๆที่เขาเคยเห็นมา
เขาสามารถบอกได้ว่าเป็นวงกลมที่คล้ายกับสิ่งที่เอาไว้ติดต่อภูตผีที่เขาใช้สำหรับพัฒนาตัวเอง แค่ความรู้ที่ใช้กับเขา ‘เรอิจิ’เป็นคนธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ‘ซุยเมจิ’รู้จักเขาตั้งแต่เรียนมัธยม แต่ไม่เคยบอก’เรอิจิ’ว่าเขาเป็นผู้ใช้เวท
ดังนั้น’เรอิจิ’จะรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ที่เท้าของเขาจากสิ่งที่เป็นมังงะหรืออนิเมะเท่านั้น และความสงสัยเกิดขึ้นในใจของ’เรอิจิ’ เขาเพียงคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าบางทีสิ่งนี้เป็นเหตุผลของสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขา
“เป็นไปได้”
“อืม”
‘ซุยเมอิ’ยืนยันการคาดการณ์ของพวกเขา จู่ๆ’เรอิจิ’ก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมาเฉยๆ แน่นอนมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้แต่’ซุยเมอิ’ก็รู้สึกถึงความขมขื่นบนใบหน้าที่นิ่งงันของเขา
“เฮ้….ซุยเมอิ นายว่าไอ้สีฟ้าๆนี่มันดูคุ้นๆมั้ย “
“ฉันพนันเลยว่า ในนิยายของมิซึกิก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน “
“ฉันว่า มันเหมือนกับพล๊อตเรื่องที่มีคนถูกเรียกไปต่างโลกแล้วก็บอกให้ไปปราบราชาปีศาจเลยว่ามั้ย “
“มันไม่ตลกเลยนะ ฉันไม่สามารถหัวเราะให้กับมุขนี้ของนายได้ “
ใบหน้าที่เหมือนกับคนปวดท้องของ’ซุยเมอิ’ตอบกลับด้วยน้ำเสียงลำคาญ ‘เรอิจิ’หัวเราะอย่างแห้งๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า … แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ”
“นายพูดจริงเหรอเรอิจิ?”
“ใช่.”
‘ซุยเมอิ’หันหน้าออกจาก’เรอิจิ’ และแอบสแกนสภาพแวดล้อมด้วยเวทมนตร์ สิ่งที่เขียนอยู่นวนิยายเป็นที่แปลกประหลาดเกินไปดังนั้นเขาไม่ยอมรับมัน แต่ถ้านี่ไม่ใช่โลกแล้วควรจะมีความแตกต่างในสภาพแวดล้อม เขาค่อยๆเก็บข้อมูล ค่าเฉลี่ยของแรงโน้มถ่วงและองค์ประกอบในบรรยากาศที่มีที่คล้ายกันมาก
มันเป็นค่าที่ยอมรับได้เนื่องจากมีความแตกต่างกันของพื้นที่ นี่มัน- (มานาที่อัดแน่นอยู่นี่ หรือจะเป็นเพราะห้อง?) เป็นความจริงที่แหล่งอำนาจลึกลับในอากาศที่เรียกว่ามานา มีอยู่อย่างหนาแน่นมากในห้องนี้ ที่ๆจะเป็นแบบนี้ได้จะต้องมีจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอย่างเช่นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ วงกลม หรือสะดือของโลก
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจว่านี่คือโลกที่แตกต่าง เป็นการด่วนสรุปที่ไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิง มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาก็เลือกสถานที่ที่มีความหนาแน่นของมานาสูงเพื่อเปิดใช้งานเวทมนตร์ ดูจะเป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด ก่อนอื่นเลย ‘เรอิจิ’ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องของมานาและไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนั้น
ลางสังหรณ์ของเขาจะต้องมาจากอย่างอื่น
“เรอิจิ อะไรที่ทำให้นายคิดแบบนั้น?”
“ฉันแค่สังหรณ์ใจเฉยๆ”
“โอ้ ไม่นะ เรอิจิ สมองนายผิดปกติไปแล้วเพื่อนรัก”
“ไม่ๆ ฉันไม่ได้ถูกตีหรือโดนคลื่นแปลกๆอย่างพวกคลื่นไฟฟ้าน่า แต่ ดูนี่นะ “
พูดแล้ว’เรอิจิ’ก็ตบเบาๆไปที่บริเวณนอกวงเวทแล้วหินก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่น
“เป็นไปไม่ได้ … “
‘ซุยเมอิ’เบิ่งตากว้าง แม้ว่า’เรอิจิ’จะเป็นนักกีฬา แต่นี่มัน มันเป็นไปไม่ได้เลย จะทำให้หินแตกได้มันต้องใช้แรงเป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ด้วยการเคาะเพียงเท่านั้น บางทีถ้าใช้ความหน้าตาดีของหมอนี่อาจจะทำได้อีกความหมายก็เป็นไปได้
“เห็นมั้ยว่าฉันทำได้”
“อ่า…..พอแล้วๆ ฉันไม่อยากคิดอะไรอีกแล้วตอนนี้ “
บ้าเอ้ย เวทมนตร์เสริมสร้างร่างกายนี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว …
ความคิดของเขาเดินไปในทิศทางนั้น แต่แล้วเขาก็ตระหนักถึงข้อดีและข้อเสียของเวทมนตร์ เพราะตัวเขาเองก็เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ ตอนนี้มีเรื่องอื่นที่ต้องคิด เพราะงั้นปล่อยมันไปก่อนก็แล้วกัน
“แล้วนายล่ะซุยเมอิ?”
” ไม่มี”
‘เรจิ’ถามเขาเป็นนัย เขาจะตอบแบบนั้น แม้เมื่อเขาลองบีบกำปั้นหรือโอนมานาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็งอะไรเลย มีเพียง’เรอิจิ’เท่านั้น ที่ถูกเลือกสำหรับตำแหน่งผู้กล้าศักดิ์สิทธิ์ที่เอาชนะความชั่วร้ายของราชาปีศาจได้ ทางเลือกเดียวของ’ซุยเมอิ’คือต้องออกจากที่นี่เท่านั้น
เขาทิ้งไหล่ของเขาลง ด้วยความรู้สึกอันหนักอึ้ง หลังจากนั้นวงเวทที่เท้าของเขาก็เริ่มฉายแวว การแสดงออกของ’เรอิจิ’ก็เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
“นี่มัน…”
“มันเปิดใช้งาน … ! นี่เราถูกพาไปไหนอีกงั้นเหรอ … “
“วาร์ป !?”
‘เรอิจิ’เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ‘ซุยเมอิ’เตรียมตัวของเขาให้พร้อม แล้ววงเวทขนาดเล็กวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“มันมาแล้ว!”
” ! “
ทันทีที่ภาพเงาปรากฏขึ้นจากวงเวท ‘เรอิจิ’ เคลี่อนไหวอย่างรวดเร็ว บางทีเขาอาจจะเดาถึงสิ่งที่จะปรากฏขึ้นมาได้ การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วกว่าแต่ก่อน คงเป็นผลมาจากจากร่างกายที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเขา
เพราะแบบนั้น’เรอิจิ’จึงสามารถจับตัว’มิซึกิ’ไว้ได้ ทันทีที่เขาเห็นเธอปรากฏขึ้นมาจากอากาศ
“มิซึกิ!”
“ฟู่? เรอิจิคุงงั้นเหรอ ? “
“โชคดีแล้วมิซึกิ เรอิจิช่วยป้องกันร่างกายช่วงล่างของเธอไว้ “
และเพราะเหตุนี้เองพวกเขาทั้งสามคนก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในสถานที่ที่ไม่รู้จัก
ปล.เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไม่ว่าคุณจะอยู่คนเดียว อยู่เป็นคู่ อยู่สามคนหรือแม้แต่อยู่กันทั้งชั้นเรียน คุณก็มีโอกาสถูกพาไปต่างโลกได้ด้วยประการฉะนี้แล
ที่มา: