ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปผู้แปล : Hyaku man
“ไม่มีทาง นายพูดจริงเหรอ… “
“ใช่ มีความเป็นไปได้อยู่ “
หลังจากที่’เรอิจิ’จับ’มิซึกิ’ได้ เธอได้รับการบอกเล่าถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ในตอนแรกเธอค่อนข้างจะสับสน แต่เพราะว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีเพื่อนอีกสองคนเป็นผู้ร่วมชะตากรรมด้วย เธอจึงยอมรับมันได้อย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องชมเชย’มิซึกิ’ที่มีประสาทที่แข็งอย่างเหลือเชื่อเพราะเธอไม่ได้วิ่งหนีจากความเป็นจริงเลยสักนิด
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
“ขะ..เข้าใจเร็วเกินไปแล้ว!!!”
“นายสองคนสงบเกินไป มันคงจะน่าอายหากฉันกลัวอยู่คนเดียว นอกจากนี้เราสามารถใช้เวลานี้พูดคุยกันได้จนกว่าพวกเขาจะมา “
‘มิซึกิ’เป็นเป็นคนมีทัศนคติที่ชัดเจน เธอมีผมยาวสีดำและดูอ่อนโยน มีลักษณะที่ทำให้เธอดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่ว่าสาวน้อยคนนี้ นอกจากเธอจะอ่อนโยนแล้ว น่าแปลกที่มีหัวใจที่แข็งแกร่งและยังใจเย็นอีกด้วย ‘เรอิจิ’ยิ้มให้เธอ
“เข้มแข็งจังน้าา…มิ-ซึ-กิ.”
“อะ อะไรกันเล่า”
หน้าของ’มิซึกิ’เปลี่ยนเป็นสีแดงสดใสจากรอยยิ้มของเขา ไม่มีอะไรแปลกใหม่ และไม่ได้เป็นทักษะอะไรของ’เรอิจิ’ บรรยากาศไม่พึงประสงค์อบอวนเต็มห้อง ‘ซุยเมอิ’จึงทำลายบรรยากาศที่ว่านั้นทิ้งโดยการเอ่ยถามมิซึกิ
“นี่มิซึกิ ฉันมีอะไรอยากจะถาม”
“เอ๋ อะไรล่ะ “
“ถ้านี่เป็นนิยายแล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น “
“อืม คงมีคนสำคัญบางคนของโลกมาแสดงตัว ล่ะมั้งนะ…”
ส่วนแรกที่เป็นเหมือนกับฉากเปิดตัวในนวนิยาย เธอบอก ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่เกินจริงนัก ‘เรอิจิ’ถามหลังจากที่หยุดฟัง
“มีอย่างอื่นอีกมั้ย”
“ในนิยายเรื่องอื่นบางครั้งก็เกิดขึ้นในปราสาทของราชาปีศาจ”
” ห่ะ…นั่นมันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก “
ใช่แล้วในนิยายส่วนใหญ่จอมเวทย์จะทำการอัญเชิญผู้กล้ามาจัดการกับราชาปีศาจในตอนจบของเรื่อง หลังจากที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตามสิ่งที่มิซึกิพูดนั่นเป็นจุดโฟกัสเกี่ยวกับสุดยอดสงครามครั้งสุดท้าย นั่นมันไม่ใช่เรื่องตลกเลย มันอันตรายกับชีวิตของพวกเขามากเกินไป
เขาคิดอย่างเป็นทุกข์ แล้วถาม ‘เรอิจิ’และ’มิซึกิ’ด้วยน้ำเสียงอันเงียบสงบ
“ถ้าจำไม่ผิดจอมเวทแพ้ราชาปีศาจครั้งหนึ่งและกลับมาชนะหลังจากที่อัญเชิญผู้กล้ามาจากต่างโลกใช่มั้ย ?”
“ใช่. หลังจากที่โค่นราชาปีศาจสำเร็จแล้วหลังจากนั้นก็จะถูกลากเข้าไปในสงครามกลางเมือง “
‘มิซึกิ’เริ่มต้นจะอธิบาย แต่’ซุยเมอิ’ที่เพิ่มความสามารถทางการได้ยินจากเวทมนตร์ได้ยินเสียงรบกวนมาจากนอกห้อง
“เดี๋ยวก่อนทั้งสองคน”
“หืม?”
“หยุดก่อนมิซึกิ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมากันแล้ว “
ดูเหมือนว่า’เรอิจิ’เองก็ได้ยินเหมือนกัน การเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย ไม่ใช่มีไว้เพื่อโชว์เท่านั้น หลังจากอธิบายอย่างง่ายให้กับ’มิซึกิ’ เขาเลื่อนสายตาของเขาไปยังที่มาของเสียง ยืนอยู่ด้านหลังประตู และยืนหยัดปกป้องด้านหน้าของ’มิซึกิ’ เธอมองดูอย่างใจจดใจจ่อ และ’ซุยเมอิ’เองก็ทำท่าทางเช่นเดียวกับ’เรอิจิ’เช่นกัน
“ตอนนี้เรามารอดูสิ่งที่กำลังจะมากัน … “
“หวังว่าจะเป็นพวกคนสำคัญที่เรียกพวกเรามานะ”
“บางทีอาจเป็นพวกเพื่อนร่วมชั้นของเราเดินออกมาบอกว่า นายถูกหลอกแล้วก็ได้นะ “
” … “
‘เรอิจิ’ไม่สนใจมุขตลกเล็กๆน้อยๆของ’ซุยเมอิ’ ไม่ว่าเสียงฝีเท้าที่กำลังเข้ามาใกล้ประตูจะเป็นคนสำคัญของต่างโลกหรือไม่ แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่มีคนอยู่ข้างนอกและกำลังจะเข้ามาในห้อง ‘ซุยเมอิ’เหลือบมองไปยังด้านข้าง ‘เรอิจิ’ยืนเกร็งตัวเตรียมพร้อมสำหรับกระโจนไปข้างหน้า และ’มิซึกิ’ขยับถอยไปข้างหลังเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค
สำหรับ’ซุยเมอิ’ที่สามารถเติบโตขึ้นได้จากสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย หัวใจเขากำลังเต้นระรัวให้กับสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้นี้ หัวใจในฐานะผู้ใช้เวทของเขา แล้วเขาก็ลอบตรวจสอบทรัพย์สินที่ติดตัวมาด้วยอย่างเงียบๆ เขามาที่นี่โดยที่ยังไม่ได้เตรียมพร้อม ไม่มีอะไรที่เขาพอจะทำในโลกนี้ได้ มัน…..
“กระเป๋าแห่งการเปลี่ยนแปลงของฉันตอนนี้ข้างในมี โซ่ ขวด ปรอท บัตร เสื้อคลุม ถุงมือแห่งความขัดแย้ง ตะปูแปดดอก กุญแจและยาแผนโบราณ มันอาจจะเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง แต่ว่า”
หากมีอะไรเกิดขึ้นแล้วล่ะก็เขาก็จำเป็นจะต้องทำหน้าที่ พวกเขาทุกคนจะได้สามารถอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นต่อไปได้ ‘ซุยเมอิ’น่าจะเป็นคนเดียวที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เขาเป็นคนของโลกเบื้องล่าง เขาอยากจะให้ความลับที่ว่าเขาเป็นผู้ใช้เวทยังคงเป็นความลับต่อไป
แต่ก็ไม่ถึงกับต้องแลกด้วยชีวิตของเพื่อนๆของเขา ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเขาจำเป็นจะต้องลบความทรงจำของพวกเขาแม้จะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหนก็ตาม ขณะที่ทั้งสามคนเกิดรู้สึกตึงเครียดซึ่งเกิดจากความวิตกกังวล เสียงฝีเท้าก็มาหยุดลงที่หน้าประตู ช่วงเวลาสั้นๆที่เหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดและความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในท้องของพวกเขา
ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงลากอะไรบางอย่างหนักๆเข้ามา !
“-“
“ของแข็ง”
(ความแข็งแกร่งของฉัน)
ในขณะที่’เรอิจิ’กำลังฟุ้งซ่าน ‘ซุยเมอิ’ได้ร่ายเวทมนตร์ป้องกันของ บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้โจมตีเข้ามาในทันที แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอันตราย หลังจากนั้นก็มีกลุ่มชุดเกราะเดินเข้ามา พวกเขาดูเหมือนมนุษย์ติดอาวุธ โล่งอกไปทีที่พวกเขาไม่ใช่สัตว์ประหลาด ปีหรือว่าปีศาจ พวกทหารเข้ามาหาพวกเขาอย่างมีระเบียบ จะเกิดอะไรขึ้น?
‘ซุยเมอิ’ยังคงเตรียมเวทมนตร์ของเขาให้พร้อม แล้วกลุ่มทหารก็เปิดทางให้สาวน้อยผมยาวสีฟ้า สวมชุดสีขาวสวยงาม และผู้หญิงอีกคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวไขมุก และ ตอนนั้นเอง
“เอ๊ะ … ?”
“หือ-?”
หญิงสาวทั้งสองแสดงออกถึงความสับสนเหมือนกับได้พบอะไรที่คาดไม่ถึง พวกเขาขยับเข้าใกล้กันแล้วเริ่มซุบซิบ
“เปลวไฟสีขาว มันควรจะมีผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญแค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่”
” แต่ฉันเห็นสามคนนะ “
“ฉันเดาว่าอีกสองคนคงถูกลูกหลงมากับผู้กล้า”
“โอ้โห … “
แม้ว่าพวกเธอจะซุบซิบกัน แต่ทักษะการฟังที่เพิ่มขึ้นของ’ซุยเมอิ’สามารถได้ยินคำพูดนั้นอย่างชัดเจน เขารู้สึกประหลาดใจที่สามารถฟังรู้เรื่อง มันเป็นภาษาที่แปลกประหลาด ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาใดๆในโลก แต่เขากลับเข้าใจมันได้อย่างง่ายดาย เป็นไปได้ที่เขาจะถูกยัดเยียดทักษะภาษาให้ด้วยจากการถูกอัญเชิญ
ซึ่งมันก็สะดวกดี เมื่อได้ยินคำว่าผู้กล้าและการอัญเชิญ ‘ซุยเมอิ’คิดว่ามันคงไม่จำเป็นอีกต่อไปและแอบยกเลิกเวทมนตร์ของเขาเงียบๆ ‘เรอิจิ’เองก็ผ่อนคลายมากขึ้น ‘ซุยเมอิ’เอนตัวไปหา’มิซึกกิ’แล้วถามขึ้น
“พวกเขาดูเหมือนจะแปลกใจนะ นี่มิซึกิมีพล๊อตเรื่องอะไรแบบนี้หรือเปล่า”
“ใช่ เรื่องราวที่เพื่อนของผู้กล้าถูกเรียกไปด้วยก็มีแต่ว่า “
ทันใดนั้น’มิซึกิ’ก็หยุดพูดและเอียงศีรษะไปด้านข้าง เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ ?
“….?”
“อะไรเหรอมิซึกิ?”
“อืม…ในพล็อตกล่าวว่าเพื่อนของผู้กล้าที่ถูกเรียกมาด้วย ในกรณีของเราสองคนซุยเมอิคุงหรือฉันจะทำสัญญากับพระเจ้าที่ชั่วร้ายแล้วหันมาต่อต้านผู้ “
“ห่ะ…ทำไมต้องพระเจ้าที่ชั่วร้าย “
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน “
‘มิซึกิ’ถูกครอบงำด้วยความวิตกกังวล ด้วยความสัตย์ ‘ซุยเมอิ’รู้สึกเหมือนสูญเสียความเยือกเย็นไป ทำสัญญากับพระเจ้าที่ชั่วร้าย มันอะไรอีกล่ะนั่น? เขาทำได้แค่จินตนาการถึงชะตากรรมที่น่าเศร้า การอัญเชิญฆ่าคนหลายพันคนและถ้าหากสำเร็จมันก็จะกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่ทำลายโชคดีทั้งหมดในชีวิตให้หายวับไปกับตาและสิ่งที่รอคอยอยู่ที่ปลายอุโมงค์คือการบังคับให้ต้องจ่ายค่าชดเชย
‘ซุยเมอิ’รู้สึกถึงเหงื่ออันเย็นเยียบที่ไหลผ่านแผ่นหลังของเขา ขณะที่’เรอิจิ’ถาม’มิซึกิ’
“หันหลังให้กับผู้กล้า … ทำไมจู่ๆถึงจะมาสู้กับฉัน?”
“เพราะซุยเมอิคุงหรือฉันจะเกลียดนายตามพล๊อตหลังจากที่ทำสัญญาก็จะกลับมาสู้กับผู้กล้า “
“เอ๊ะ … ?”
‘เรอิจิ’หน้าซีดให้กับคำพูดของเธอ ดังนั้น’มิซึกิ’จึงรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
” … -O- แน่นอนฉันจะไม่เกลียดชังนาย เรอิจิคุง ฉะ- ถ้ามีอะไรที่ฉันระ ระ รั… “
เธออายที่จะพูดมันต่อหน้าของเขา คำพูดของเธอค่อยๆกลายเป็นความเงียบและในที่สุดก็ไม่สามารถได้ยินอีกต่อไป ‘เรอิจิ’มีสีหน้าดีขึ้นแล้วหันมาหา’ซุยเมอิ’
“นายล่ะซุยเมอิ?”
“ไม่หรอก ถึงฉันจะไม่ได้อยู่กับนายมาถึงหกปีแต่ แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเรื่องนั้น “
“ดีแล้ว … “
ได้ยินคำตอบ ‘เรอิจิ’จึงถอนหายใจอย่างโล่ง บอกตามตรง มันไม่มีทางเลยที่’ซุยเมอิ’จะมาเกลียดผู้ชายที่ดีแบบนี้ได้ ในขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกัน หญิงสาวผมสีฟ้าก็ส่งเสียงเรียกพวกเขา
“ฉันขอโทษที่ขัดจังหวะการสนทนาของคุณ แต่คุณพอจะมีเวลามั้ยค่ะ?“
“อ่า…ครับ”
เมื่อ’เรอิจิ’ตอบตกลง หญิงสาวผมฟ้าได้แก้ไขท่าทางของเธอ และค้อมตัวลง
” โปรดยกโทษให้ดิฉันด้วยค่ะที่พาคุณมาที่นี่กระทันหัน ดิฉันเป็นบุตรีที่สองของเอลมาเดียส รูธ แอสเทล ราชาแห่งแอสเทล ไทเทเนีย รูธ แอสเทลค่ะ และนี่คือคนที่พยายามที่จะเรียกพวกคุณมาที่นี่ . . . . . . . “
เมื่อ’เจ้าหญิงไทเทเนีย’หันไปด้วนข้างเพื่อจะแนะนำ ผู้หญิงในชุดคลุมสีมุกก็ก้าวออกมา
“ชื่อของฉันคือ เฟลเมเนีย สติงเรย์ จอมเวทชั้นสูง ยินดีที่ได้พบค่ะ”
ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าเปลวไฟสีขาวโดยเจ้าหญิงก่อนหน้านี้ เธอได้แนะนำตัวเองว่าเป็นจอมเวทและร่างกายของเธอก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยมานาอย่างหนาแน่น ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์
หลังการแนะนำตัวของพวกเธอ ‘เรอิจิ’ก็ก้าวไปด้านหน้าและแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ผมคือ ชานะ เรอิจิ แต่ถ้าหากคุณคุ้นเคยกับการเอาชื่อสกุลไว้ด้านหลังแล้วล่ะก็ โปรดเรียกผมว่า เรอิจิ ชานะ สองคนนี้เป็นเพื่อนของผม มิซึกิ อาโนวคือคนด้านขวา ส่วนด้านซ้ายคือซุยเมอิ ยาคางิ”
จากนั้น ‘มิซึกิ’ก็ก้าวออกมาด้านหน้า และเริ่มแนะนำตัวเอง
” ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ชื่อของฉันคือ มิซึกิ อาโนว . . . “
และสุดท้าย ‘ซุยเมอิ’ก้าวไปข้างหน้า เลียนแบบ ‘มิซึกิ’
” ฉัน . . . . . . . . ซุยเมอิ ยาคางิ ”
การแนะนำตัวของเขาจบลงอย่างรวดเร็ว โดยเพียงแค่พูดชื่อของเขา ไม่มีเหตุผลอะไรให้เขาพูดอย่างพร่ำเพรื่อ ‘ไทเทเนีย’จ้องมองทั้งสามคน และหลับตา เหมือนคิดอะไรบางอย่าง
” เรอิจิซามะ มิซึกิซามะ , ซุยเมอิซามะ มันมีเหตุผลบางอย่างที่เราเรียกคุณมาที่นี่ เพราะเราต้องการขอความช่วยเหลือจากคุณไม่ว่ายังไงก็ตาม. . . . . . . “
” มันคือ ? “
” ในตอนนี้ผู้นำของเหล่าปีศาจ ราชาปีศาจนัคชาตรา(อ่านแบบนี้หรือเปล่าหว่า)กำลังคุกคามความสงบสุขของโลก และฉันต้องการให้พวกคุณไปฆ่าเขา “
เมื่อ’เจ้าหญิงไทเทเนีย’พูดเรื่องนี้ ‘ซุยเมอิ’ ‘เรอิจิ’และ’มิซึกิ’ต่างก็คิดแบบเดียวกันว่า ‘ตรูว่าแล้วมั้ยล่ะ’
‘ซุยเมอิ’วางมือของเขาไว้ที่คางและจ้องมองไปที่เพดานอย่างเลื่อนลอย
ปล.อาจารย์ท่านนี้ช่างโหดยิ่งนัก ข้าน้อยขอคารวะ orz.
ที่มา: