I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 7 ไม่สามารถต่อต้านความต่างชั้นของพลังได้

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

แปลไทย : Hyaku man

คืนนั้นราชา’แอสเทล เอลมาเดียส’ กำลังยืนอยู่ด้านหน้าของอาคารเหนือในส่วนที่ลึกที่สุดของคัลเมเลีย  ‘เฟลเมเนีย’กำลังยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบ

“นี่…มันอะไรกัน”

(เฟลเมเนีย)

เธอพูดออกมาด้วยความลำบากใจ เพราะไม่มีใครอื่นนอกเหนือจากเกราะเวทที่อยู่ด้านหน้าเธอ เกราะที่ถูกวางอยู่ที่นี่ถูกสร้างโดยนักเวทที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของแอสเทล โกเลมที่สามารถเคลี่ยนที่เองได้ มันถูกผลิดโดยมหาบัณฑิตที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคัลเมเลีย

ที่ตลอดทั้งชีวิตเขาสร้างสำเร็จเพียงตัวเดียว ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่? แน่นอนว่ามันถูกวางไว้โดย’เฟลเมเนีย’  เพื่อจะหยุด ‘ซุยเมอิ ยาคางิ’  มันเป็นสิ่งที่เธอนำออกมาจากท้องพระคลัง เธอคิดว่า’ซุยเมอิ’จะมาที่นี่อีกครั้ง แต่เมื่อยามเดินผ่าน โกเลมก็ยังยืนนิ่งอยู่ เป็นเหตุผลให้คิดว่าเขายังไม่มา

แต่แล้วทำไมประตูถึงเปิด เมื่อเธอตรวจสอบ โกเลมนิ่งไม่ไหวติง เหมือนกับมีอะไรบางอย่างหายไป กลายเป็นซากที่มีลักษณะเหมือนกับโกเลม

“เกิดอะไรขึ้นกับโกเลมน่ะ…”

(เฟลเมเนีย)

‘เฟลเมเนีย’พึมพำด้วยความตกใจ อาจเป็นไปได้ที่โกเลมจะไม่สามารถเปิดใช้งานได้ แต่เธอได้ตรวจสอบการทำงานของมันมาก่อนแล้ว มันยังคงทำงานเป็นปกติเหมือนใหม่ ถ้ามันถูกเปิดใช้งานแล้ว มันจะต้องได้พบกับ’ซุยเมอิ’ แต่ไม่เห็นมีร่องรอยของการต่อสู้เกิดขึ้นรอบๆนี้เลย เป็นไปไม่ได้

โกเลมถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการป้องกัน ตอนที่’เฟลเมเนีย’ทดสอบมัน เธอยังไม่สามารถเปิดใช้งานมันได้ง่ายๆเลย แล้วเขาทำได้ยังไง ทำลายกลไกภายในทิ้งโดยที่ยังคงลักษณะภายนอกไว้เหมือนเดิม เขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์ในการทำลายมัน แม้ว่าเขาจะใช้กำลังก็ยังไม่สามารถทำแบบนี้ได้

ไม่มีร่องรอยของการใช้เวทมนตร์ และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ของโกเลม คนร้ายเดินไปทั่วห้องมันดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจ’เฟลเมเนีย’สักนิด

(บ้าเอ้ย)

(เฟลเมเนีย)

ในจินตนาการเธอพูดคำที่เธอไม่เคยใช้มาก่อน คำหยาบคาย ‘เฟลเมเนีย สติงเรย์’ ถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถขึ้นไปถึงตำแหน่งสภาจอมเวทย์ได้ ความสามารถในการยับยั้งตัวเองของเธอถูกทำลาย แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นเธอ แต่เธอไม่สามารถหยุดมันได้ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกสภาจอมเวทย์เป็นอันขาด

( โอเค ได้เลย ฉันจะทำให้นายเห็นถึงการกระทำที่โง่เขลาของนายเอง ฉันจะแสดงให้นายเห็นถึงความล้ำลึกของเวทมนตร์ที่นายไม่เคยรู้ นายจะได้ลิ้มรสมันแน่นอน…  )

( เฟลเมเนีย)

ภายในของหญิงสาวผู้ถูกเรียกว่าเปลวไฟสีขาว กำลังถูกเปลวไฟอันมืดมิดกลืนกิน และตอนนี้เธอไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่าอะไรถูก อะไรผิด ใช่แล้ว ในช่วงเวลานี้ เธอรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ ความรับผิดชอบ และความเชื่อของเธอถูกบดบังความภาคภูมิใจของเธอ กับเด็กหนุ่มจากอีกโลกหนึ่งซึ่งหันหลังอยู่อย่างไม่ระวัง เธอพึมพำ

(ซุยเมอิ ยาคางิ ฉันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเปลวไปสีขาว)

ในขณะที่เธอพึมพำ เธอไม่มีทางรู้เลยว่า เร็วๆนี้ความสิ้นหวังจะทำลายความภาคภูมิใจของเธอ คืนนั้น ไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโกเลม เมื่อทุกคนใยคัลเมเลียกำลังนอนหลับอยู่ ‘เฟลเมเนีย’ได้สะกดรอยตามเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เธอถือโอกาสที่เขาแอบออกมาเดินเล่น

เธอจะส่งค้อนแห่งการพิพากษาให้เด็กนี่ที่ละเลยอำนาจของราชา เธอเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขาและยังคงตามไล่ล่าอย่าเงียบๆ เป็นไปได้ที่ซุยเมอิจะสังเกตเห็นเธอ เธอจึงใช้เวทลมเพื่อลบเสียงฝีเท้า และใช้เวทย์มนตร์เพี่อปกปิดตัวตนของเธอ ไม่มีทางเลยที่จะมีใครสังเกตเห็นเธอในตอนนี้

‘ซุยเมอิ’เดินอย่างไม่ลังเลอยู่ในความมืด ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ไปยังสถานที่เดิม เขาสวมใส่สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเสื้อที่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องแบบโรงเรียนหรืออะไรที่คลายๆกัน ดูเหมือนว่าเขาจะเดินอย่างไร้จุดหมาย

แม้ว่า’เฟลเมเนีย’ ไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ไหน เธอตั้งใจปรากฏตัวและส่งเขาไปสู่การพิพากษา

(เอ๊ะ~!)

(เฟลเมเนีย)

มีเงาอยู่ไม่ไกลนัก มันไม่น่าจะมีคนตื่นอยู่นี่นา ใครกัน….

บางทีมันอาจจะเป็นเพียงจินตนาการของเธอ ปกติแล้วหากไม่ใช่ยามก็คงจะไม่มีใครมาเดินอยู่ในเส้นทางนี้ เธอพยายามจะไล่ตาม’ซุยเมอิ’อีกครั้ง

“เขาหายไปไหนแล้ว?”

(เฟลเมเนีย)

ไม่มีทางที่สายตาเธอจะหาพบ ช่วงเวลาที่เธอได้ละสายตาไป เขาได้ลบตัวตนของเขา ทั้งๆที่เขาเดินไปข้างหน้าด้วยความเร็วปกติ แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นเขาแล้ว แต่ถ้าเธอไม่เห็นเขา เธอก็แค่ต้องทำการค้นหาเขา เธอได้รวบรวมพลังเวทและร่ายเวทมนตร์ลมทันที

“โอ้ลม ผู้รับใช้ของเรา จงแสดงให้เห็นในสิ่งที่ฉันแสวงหา <ลมค้นหา>”

(เฟลเมเนีย)

สิ่งที่เธอพูดคือบทร่ายเวทลม มันจะช่วยเธอค้นหาในสิ่งที่เธอต้องการ ในไม่ช้า เธอได้ยินเสียงฝีเท้า มันค่อนข้างไกล แต่ไม่ไกลมากนัก มีจังหวะแปลกไป โดยไม่ต้องคิดเพิ่มเติม เธอยังคงไล่ตามต่อไป

” ที่นี่สินะ . . . . . . .ฟู่ “

( เฟลเมเนีย)

ในขณะที่วิ่ง เธอก็ตระหนักถึงบางสิ่ง

( เดี๋ยวก่อน . . . . . . . ที่อยู่ข้างหน้านั่นมัน . . . . . . . )

( เฟลเมเนีย )

เมื่อสังเกตเห็นปลายทาง เธอก็โกรธมาก ปลายทางนั้นคือสวนสีขาว สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในคัลเมเลีย   ที่นี่เป็นสถานที่ที่ราชาใช้เวลาส่วนตัวพระองค์  มันไม่ใช่สถานที่ที่ใครก็สามารถเข้าไปได้   เธอไม่สามารถใช้เวทมนตร์ต่อได้อีกต่อไป เธอไล่ตามเขาไปในขณะที่กระทืบพื้น

นอกเหนือจากทางเดินหิน  เธอเดินผ่านสวนเล็ก ๆ และเดินไปข้างหน้า เธอสาบานว่าจะลงโทษเขา เมื่อเธอเดินผ่านทางเดินสุดท้าย เธอมึนนิดหน่อยจากแสงจันทร์ เธอเริ่มรวบรวมพลังเวทและเดินไปข้างหน้า มีจอมเวทย์ยืนอยู่เพียงคนเดียว สวนสีขาว ข้างอนุสาวรีย์สูง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนจ้องมองดวงดาว

‘ซุยเมอิ ยาคางิ’ ท้องฟ้าสีดำทอดยาวจากสวรรค์ถึงแผ่นดิน และจากแผ่นดินไปถึงสวรรค์ ฉากอันงดงามกับดวงจันทร์ที่ทอแสงให้กับค่ำคืนที่มืดมิด  อากาศเริ่มหนาวแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนชุดตั้งแต่เมื่อไหร่ ‘เสื้อ’ ที่เขาใส่อยู่ก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนไปเป็น ‘ชุดคลุมสีดำ’ ที่ปกปิดตัวตนของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“ดี..ดี…ฉันไม่คิดว่าการไล่ตามใครสักคนและตามดมกลิ่นไปรอบๆเป็นงานอดิเรกที่ดีหรอกนะรู้มั้ย? คนที่ทำแบบนั้นมีเพียงคนโง่ ลูกแกะหลงทางที่น่าสงสารผู้ไม่รู้อะไรเลย เธอว่าแบบนั้นมั้ย?”

(ซุยเมอิ)

เขาแสยะยิ้มไม่เกรงกลัว เหมือนว่าเขารู้มาตลอด มันเหมือนว่าเขากำลังพูดกับเด็กหลงทาง เขาพูดด้วยใบหน้าเยาะเย้ย

“ไม่มีทาง…นายรู้?”

(เฟลเมเนีย)

“อืม ช่วยไม่ได้ที่เธอมีทักษะอันน่าสมเพช ไม่แปลกอะไรที่จะรู้ตัวได้ง่ายๆ”

(เฟลเมเนีย)

” …… !”

(เฟลเมเนีย)

เขากล่าวราวกับจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะสังเกตเห็นว่าสะกดรอยตามเขาอยู่ ใครจะรู้ว่าเขาสามารถมองผ่านเวทมนตร์ปกปิดอันสมบูรแบบของเธอได้  คิดไม่ถึงเลย นั่นหมายความว่ามันเป็นแค่การเชื้อเชิญ เธอขบฟันแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอับอาย เธอไม่สามารถยอมรับด่าที่จริงแล้วเธอวิ่งอยู่บนฝ่ามือของเขามาตลอด เธอถูกเชิญมาที่นี่

ในขณะที่เฝ้ามองสถานการณ์ไม่คาดคิด เธอขึ้นเสียงกับเขา

“คนนิสัยไม่ดี นายต้องการจะทำอะไรกันแน่”

(เฟลเมเนีย)

“เปล่า ฉันไม่ได้จะทำอะไร มีกฎว่าห้ามคนออกจากที่พักของเขาในเวลากลางคืนงั้นเหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพยายามไปในสถานที่ที่ไม่เคยพบมาก่อน”

(ซุยเมอิ)

“นายคิดว่าเหตุผลแบบนั้นจะสามารถหลอกฉันได้งั้นเหรอ ถ้านายสังเกตเห็นฉันทำไมนายถึงยังมาที่นี่”

(เฟลเมเนีย)

เธอไม่สามารถซ่อนความผิดหวังที่ถูกจับได้นั้น จากนั้น’ซุยเมอิ’ก็หัวเราะอย่างซุกซน

“คิดว่าจะพลาดเหรอ ฮ่าๆๆๆๆ”

(ซุยเมอิ)

“ฉันจะถามอีกครั้ง ทำไมนายถึงมาที่นี่?”

(เฟลเมเนีย)

“ฉันก็สงสัยว่าทำไม … นั่นเป็นเพราะ … “

(ซุยเมอิ)

เป็นไปตามคาด เขาแค่หัวเราะ ราวกับว่าเขากำลังสนุก เพราะมันเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่บอกกับเธอว่า เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

“นั่นคือเหตุผลเดียวกับเธอ ใช่มั้ย? “

(ซุยเมอิ)

” …… “

(เฟลเมเนีย)

“โอ้ เธอเลือกที่จะปิดปาก  ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น แต่ฉันสงสัยว่าถ้าฉันคิดผิด….”

(ซุยเมอิ)

ในขณะที่พูด มือของเขาก็ขยับราวกับเขาคุ้นเคยกับมันดี  เขาสวมถุงมือสีดำของเขา ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดอีกต่อไปแล้ว เธอผิดหวังที่แผนการของเธอถูกจับได้ เพื่อซ่อนความยุ่งยาก  เธอพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง

” ชุดนั่น นายไปเอาเสื้อผ้าพวกนั้นมาจากไหน ? “

( เฟลเมเนีย)

ใช่เธอไม่เคยเห็นเสื้อผ้าเหล่านั้นก่อน เสื้อคลุมยาวและสีดำสนิท ภายใต้มันเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวทอตกแต่ง และกางเกงขายาวสีดำ

” อา ! ชุดนี้เหรอ ? ฉันมักจะใส่มันเสมอ มันเป็นเครื่องแบบรบของฉัน “

(ซุยเมอิ )

” นายใส่มัน แต่ตอนถูกเรียก นายไม่ได้ใส่อะไรอย่างนี้ ! “

( เฟลเมเนีย )

” มันอยู่ในกระเป๋าของฉัน เธอเห็นข้าวของของฉันใช่มั้ย ? “

( ซุยเมอิ )

พยายามนึก มันก็จริงที่เธอเก็บสัมภาระของทั้งสามก่อน แต่

“ไม่มีทาง เสื้อผ้าพวกนี้ไม่สามารถใส่เข้าไปในนั้นได้หรอก!”

(เฟลเมเนีย)

“เฮ้ย รู้มั้ยถ้าเธอพูดแบบนั้นมัน มันทำให้ดูเหมือนหัวเธอหนักนะ”

(ซุยเมอิ)

(ปล.หมายถึงเธอโง่)

เขายักไหล่ด้วยความลำคาญ ใช่แล้ว….เขาเป็นจอมเวท….

“ฉันรู้แล้ว เรื่องมือเวทมนตร์ใช่มั้ย?”

(เฟลเมเนีย)

“อืม ดูเหมือนว่าเธอจะเดาสุ่ม แต่ก็ใช่ ถึงมันจะเป็นแบบนี้แต่มันก็เป็นหนึ่งในรายการโปรดของฉันนะ เธอรู้มั้ย”

(ซุยเมอิ)

‘ซุยเมอิ’โอ้อวดเล็ก ๆ น้อย ๆ เครื่องมือเวทมนตร์: เครื่องมือที่มีอำนาจในตัวเอง ปกติเป็นเครื่องมือวิเศษที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการใช้พลังงานเป็นไปไม่ได้ ถ้ามันเป็นแบบนั้น มันก็สมเหตุสมผล แต่เธอไม่เคยได้ยินมาว่ามีเครื่องมือเวทมนตร์ที่สามารถเพิ่มความจุได้

เธอคิดว่ามันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากองค์ประกอบทั้งแปดของเวทมนตร์ ถ้าเขามีเครื่องมือชนิดนี้ก็เป็นธรรมดาที่จะโอ้อวดเกี่ยวกับมัน

หลังจากโอ้อวดเกี่ยวกับกระเป๋าของเขา  เขาถอดถุงมืออกมาแล้วโยนมาให้เธอ

“ดี…ดี…กลางคืนนั้นใกล้เข้ามาแล้ว เราจะเริ่มกันได้รึยัง”

(ซุยเมอิ)

“อย่ามาล้อเล่นนะ นี่คือสวนส่วนพระองค์ นายคิดว่าจะได้รับอนุญาติให้ต่อสู้ที่นี่งั้นเหรอ”

(เฟลเมเนีย)

สวนสีขาว การต่อสู้ที่นี่คือพฤติกรรมที่เลวร้าย เธอจ้องไปที่เขา แต่’ซุยเมอิ’แค่หัวเราะแล้วพูดว่า

“หึ…สวนสีขาวเหรอ? ก็สมชื่อดี แต่เธอคิดจริงๆเหรอว่าที่นี่คือสวนสีขาว?”

(ซุยเมอิ)

“พูดอะไรของนาย?สวนที่อยู่รอบๆนี่และมีอนุสาวรีย์สีขาวอยู่ตรงกลาง  ที่นี่เต็มไปด้วยเมล็ดพืชพันธุ์ต่างๆจากทั่วอาณาจักร และที่ราชาชอบที่สุดก็คือหน่อ……ห่ะ!”

(เฟลเมเนีย)

มันไม่มีอะไรเลย มันควรจะมี แต่ไม่มีแม้แต่เงา เธอตกใจทันทีที่รู้ตัว ‘ซุยเมอิ’พูดอย่างเยาะเย้ย

” มีอะไรผิดหรือเปล่า? แน่ล่ะสิ่งที่เธอบอกว่ามันอยู่ทางซ้ายที่จริงแล้วมันอยู่ข้างขวาใช่มั้ย ? “

( ซุยเมอิ)

หลังจากที่มันถูกชี้ให้เห็น เธอปฏิเสธทันที

” ไร้สาระ ห้องของพระราชาควรจะอยู่ด้านบนซ้าย ทำไม ทำไม มันอยู่ด้านขวา ? “

( เฟลเมเนีย )

หอคอยนั้น เธอไม่ตอบสนองต่อปรากฏการณ์ลึกลับนี้ มันไม่มีเหตุผล มันเป็นไปไม่ได้ อย่างที่เขาพูด มันอยู่ทางด้านขวาของเธอ  ความสับสนและคำถามเต็มหัวของเธอ เกิดอะไรขึ้น ? ห้องบรรทมควรจะอยู่บนด้านซ้ายของเธอ เธอจำได้แน่นอน  แต่ตอนนี้ มันเป็นด้านขวา เกิดอะไรขึ้น ? ‘ซุยเมอิ’พูดขณะที่หลับตา .

” ใช่แล้ว มีสองคำตอบที่ฉันสามารถบอกได้ อย่างแรกคือเธอกำลังเข้าใจผิด และอย่างที่สองที่นี่ไม่ใช่สาวสีขาว “

( ซุยเมอิ )

” ไร้สาระ ไม่มีทาง . . . . . . . “

( เฟลเมเนีย )

” งั้นเหรอ ? แล้วทำไมมียอดแหลม เปลี่ยนจากซ้ายไปขวา ทำไมดวงจันทร์ขึ้นทางขวา แล้วสวนนี้สลับกันไปหมด ? บอกฉันหน่อยสิ “

( ซุยเมอิ )

“นะ..นั่นมัน… “

(เฟลเมเนีย)

แม้ว่าเขาถามเธอว่าเธอก็ไม่รู้คำตอบ มันเป็นความจริงที่ว่าทุกอย่างที่นี่เป็นตรงกันข้าม มันเป็นเหมือนโลกที่แตกต่าง

“<วิถีลวงตา>”

(ซุยเมอิ)

“วิถีลวงตา?”

(เฟลเมเนีย)

‘ซุยเมอิ’พึมพำบางอย่างที่เธอไม่รู้จัก มันอาจจะเป็นสิ่งที่เขาใช้ แต่เธอไม่เข้าใจมันเลย

“ใช่ นี่คือสถานที่ที่ฉันสร้างขึ้น ทุกอย่างที่นี่จะสะท้อนภายนอก มันเป็นโลกที่ฉันสร้าง เป็นสิ่งที่เธอเรียกว่าจินตนาการ  “

(ซุยเมอิ)

” อะไรนะ? พื้นที่ในจินตนาการ? นายกำลังพูดเรื่องอะไร? นายทำอะไร? “

(เฟลเมเนีย)

แม้เขาจะพยายามที่จะอธิบายถึงเวทมนตร์ของเขา แต่เธอไม่เข้าใจมันเลย ในฐานะที่เป็นผู้ใช้เวทเธอไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าองค์ประกอบธาตุต่างๆสามารถทำแบบนี้ได้ด้วย เวทมนตร์เป็นสิ่งที่พัฒนามาจากองค์ประกอบ ไฟ น้ำ ลม ดิน สายฟ้า ไม้ ความมืดและแสงสว่าง แปดองค์ประกอบเวทมนตร์เสมอ

เมื่อเราเอาองค์ประกอบธาตุมาประมวลผลเวทมนตร์ก็จะถูกสร้างขึ้น แต่ว่าที่นี่องค์ประกอบธาตุซึ่งน่าจะเป็นของจำเป็นที่สุดกลับไม่มี ไม่มีอะไรเลย

“ดี…ดี…ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า เวทมนตร์ในโลกนี้ยังล้าหลังอยู่  ทำให้มันกลายเป็นของที่ไม่มีใครรู้จัก”

(ซุยเมอิ)

“นี่คือเวทมนตร์งั้นเหรอ? ไม่มีเวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนพื้นที่ได้ นายไม่ได้ใช้ธาตุอะไรเลย? เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง”

(เฟลเมเนีย)

“เอ่อ…ไม่ใช่แค่หน้าตานะที่เปลี่ยนไป แต่ตรงไหน? อุปสรรคเล็กๆน้อยๆนี่เป็นพื้นฐาน ยังไงก็ตาม?”

(ซุยเมอิ)

เธอไม่เคยได้ยินชนิดเวทมนตร์แปลกๆนี่เลย

“อุปสรรค…เวทมนตร์?”

(เฟลเมเนีย)

“เฮ้ย เฮ้ย อย่าบอกนะว่าไม่มีแนวคิดเก่ยวกับอุปสรรคในการใช้เวทมนตร์ที่นี่”

(ซุยเมอิ)

“นายกำลังพูดถึงอะไร?”

(เฟลเมเนีย)

“อุปสรรค อุบ-ปะ-สัก น่ะ เธอหูหนวกรึยังไง “

(ซุยเมอิ)

“ฉัน  ฉันไม่รู้! ของแบบนั้นน่ะไม่มีในโลกนี้หรอก! “

(เฟลเมเนีย)

“งั้นเหรอ? ฉันเริ่มรู้สึกว่าได้เปรียบในโลกนี้แล้วนะ เธอรู้มั้ย? “

(ซุยเมอิ)

‘ซุยเมอิ’ถอนหายใจเมื่อได้ยินเรื่องราวของเวทมนตร์ในโลกนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องอธิบายบสักหน่อย

“ขอข้ามส่วนที่ยากไปก็แล้วกัน  สรุปว่านี่ไม่ใช่สวนสีขาว แต่เป็นที่ที่ฉันสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ นั่นเป็นเหตุผลที่เราสามารถสู้กันได้โดยที่ไม่มีใครรู้”

(ซุยเมอิ)

“อึก….”

(เฟลเมเนีย)

แม้เธอจะไม่รู้รายละเอียด แต่เธอตระหนักได้ว่านี่คือกรงที่ถูกเขาสร้างขึ้น หลังจากที่เงียบไปสักพัก’ซุยเมอิ’ก็พูด

“ดี ฉันคิดว่าเธอกำลังตกใจที่ได้รู้สิ่งใหม่ๆ แต่ความสงบที่มีอยู่ในตอนนี้เป็นสิ่งจะเป็น เราควรจะเริ่มต้นสักที”

(ซุยเมอิ)

“นายคิดว่าจะสามารถเอาชนะฉันได้ด้วยเวทมนตร์งั้นเหรอ? ฉันสภาจอมเวทแห่งราชอาณาจักรแอสเทล เฟลเมเนีย สติงเรย์ไม่ใช่คนขี้ขลาด แล้วนายจะต้องเสียใจ”

(เฟลเมเนีย)

เธอยังคงคิดว่าเธอจะทำลายเด็กคนนี้ ถูกตัอง. เธอคิดเกี่ยวกับมัน เธอคือเปลวไฟสีขาว เธอเป็นจอมเวทย์ที่ถึงจุดสุดยอดของเวทมนตร์เปลวไฟ  ถ้ามันมาจากการต่อสู้เธอก็แน่ใจว่าจะชนะ ในไม่ใช้เธอจะเป็นผู้ทำลายปีศาจอีกมากมาย ไม่มีทางที่เธอจะพ่ายแพ้ในแง่ของพลังเวท นี่ค่อนข้างจะมีประโยชน์สำหรับเธอ เพราะเธอไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่

ใช่  ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวเขา…..

“ถึงจะพูดไร้สาระมากมาย แต่ผลที่ได้ก็ยังชัดเจน”

(เฟลเมเนีย)

“อา..อา..เธอแน่ใจว่าจะสามารถเอาชนะฉันได้ไหม?”

(ซุยเมอิ)

“แน่นอน ฉันจะแสดงให้เห็นพลังของ’เฟลเมเนีย สติงเรย์’ที่ครอบครองเปลวไฟที่แท้จริง  จอมเวทที่ได้รับความเคารพนับถือจากราชอาณาจักรแอสเทล จงลิ้มรสเปลวไฟของฉัน!”

(เฟลเมเนีย)

“อู้….เปลวไฟที่แท้จริงงั้นเหรอ?”

(ซุยเมอิ)

เมื่อได้ยินท่าทีของ’ซุยเมอิ’เปลี่ยนไป แน่นอนฉันคือเปลวไฟที่แท้จริง ผู้ใช้เวททุกคนจะต้องตัวสั่นเมื่อได้ยินและได้เห็นมัน เธอจะแสดงเวทมนตร์อันเป็นที่ภาคภูมิใจของเธอ

“ไฟโอ้ไฟ จงกลายเป็นเปลวไฟที่แท้จริงและการเผาพลาญผู้ที่อยู่ในเส้นทางของเจ้า เผาไปทุกอย่าง กลายเป็นภัยพิบัติสีขาว <เปลวไฟที่แท้จริง>! “

(เฟลเมเนีย)

เมื่อเธอร่ายคาถา เปลวไฟสีขาวก็เริ่มหมุนวน เปลวไฟสีขาวดูดอากาศจากบร้ณใกล้เคียงเข้ามาจนทำให้อุณหภูมิของมันร้องกว่าเปลวไฟปกติ เปลวไฟที่เผาไหม้ได้ทุกอย่าง

“อ่าห์ ~”

(ซุยเมอิ)

‘ซุยเมอิ’ที่ถูกกลืนกินด้วยเปลวไฟสีขาวส่งเสียงร้องแปลกๆ  เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น รับความปรารถนาอันไม่สามารถหยุดยั้งที่เรียกว่าเปลวไฟสีขาวอันมีชื่อเสียง แม้ว่า’ซุยเมอิ’จะถูกห้อมล้อมไปด้วยเปลวไฟและสับสน แต่แล้วเขาก็ยกนิ้วของเขาขึ้น ทันใดนั้นเปลวไฟสีขาวก็หายไปและเปลี่ยนเป็นสีแดงแทน

“ห่ะ…เกิดอะไรขึ้น”

(เฟลเมเนีย)

ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นของเธอก็เป็นเหมือนเปลวไฟที่ค่อยๆมอดหายไป ‘ซุยเมอิ’ ที่ถูกเผาเมื่อครู่ มองทิวทัศน์ได้สักพัก และหันไปหาเธอ

“แค่นั้นเหรอ?”

(ซุยเมอิ)

ความคาดหวังของเขาถูกทรยศโดยผลอันอ่อนแอนี้ สิ่งเดียวที่มาจากปากของเธอก็คือ … ความสับสน

“ทะ ทะ-ทำไม !? ทำไมเปลวไฟสีขาวของฉันหายไป !? นั่นเป็นเปลวไฟที่แข็งแกร่งนายก็รู้ !? ทะทำไม … แค่นายยกนิ้วขึ้น … “

(เฟลเมเนีย)

“อืม.. พูดจริงเหรอ? ฉันคิดว่าเปลวไฟที่แท้จริงอาจเป็นสิ่งที่อันตราย แต่มันก็แค่การเร่งการเผาไหม้โดยการเพิ่มออกซิเจน. “

(ซุยเมอิ)

“อะไรกัน !? ทำไมนายไม่โดนเผา! “

(เฟลเมเนีย)

ท่าทีของ’ซุยเมอิ’ดูผิดหวัง เธอพูดไม่ออก เปลวไฟหายไปไหน? ทำไมเขาทำท่าทางผิดหวัง? คิดว่ามีแค่เธอเท่านั้นที่รู้สึกผิดหวัง

“ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความหมายอะไรในเปลวไฟ มันถูกดึงออกมาจากที่ที่ไม่มีอะไรเลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงอ่อนแออย่างน่าสมเพช ถ้าฉันเป็นครูของเธอฉันจะตะโกนใส่เธอว่าให้ไปเริ่มฝึกมาจากพื้นฐานอีกครั้ง”

(ซุยเมอิ)

“อะ อะไร? มีอะไรผิดปกติกับเวทมนตร์ของฉัน !? “

(เฟลเมเนีย)

“ทุกอย่าง! ทุก-อย่าง! เธอก็แค่พ่นมันออกมาเท่านั้น! “

(ซุยเมอิ)

“อะ อะไร !?”

(Felmenia)

“พระเจ้า … ฉันไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว … “

(ซุยเมอิ)

‘ซุยเมอิ’ขี้เกียจอธิบายแล้ว เขามองเธอด้วยความสงสาร เธอรู้สึกหงุดหงิดที่เขาทำงายเวทมนตร์ของเธอ เขาทำอะไร?เกิดอะไรขึ้น? เมื่อเขาถอนหายใจอีกครั้ง พลันที่เท้าของเขา…… ก็ปรากฏวงเวทขึ้น

“อะ  อะไร?”

(เฟลเมเนีย)

“อะไรอีกล่ะ?”

(ซุยเมอิ)

‘ซุยเมอิ’เหนื่อยกับเธอ แต่ ตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะเห็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ เธอตกใจที่เห็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

“วงกลมเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นโดยไม่ต้องเขียนมันได้ด้วยเหรอ เป็นไปไม่ได้ … “

(เฟลเมเนีย)

“เอ๋?”

(ซุยเมอิ)

“นี่ นายทำอะไรน่ะ ทำไมอยู่ดีๆวงเวทก็ปรากฏ!? “

(เฟลเมเนีย)

ตอนนี้เธอตะโกนใส่เขาอย่างสับสน แต่’ซุยเมอิ’ควรจะคนที่ทำอะไรแบบนั้น……

วงเวทย์เป็นสิ่งที่สามารถวาดขึ้นมาได้ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นดิน บนกระดาษ หรือบนอะไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ปรากฏบนพื้นผิวเมื่อมีคนสร้างเวทมนตร์ ในทางปฏบัติมันเป็นสิ่งที่ช่วยให้ใช้เวทได้สะดวกขึ้น ปกติหนึ่งต้องวาดมันเอง นั่นเป็นเหตุผลที่มันไม่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ มันสามารถนำมาใช้เฉพาะในพิธี

แต่เพียงแค่ตอนนี้เขา … ไม่ต้องทำอะไร

“ก็ไม่ได้มีอะไรผิกปกตินี่?”

(ซุยเมอิ)

“ปกติอะไรกัน มันจะล่มหากว่ามีอะไรมาขัดขวางการเขียนวงเวท! “

(เฟลเมเนีย)

เธอตะโกนใส่ซุยเมอิอีกครั้งด้วยใบหน้ากังวลใจ

“เอาจริงๆนะ? แม้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง? เวทมนตร์ในโลกนี้จะสิ้นสุดรึยังไง? “

(ซุยเมอิ)

‘ซุยเมอิ’กำลังมองไปที่เธอ เขาคิดในขณะที่เอามือไปแตะหน้าผาก  และพูดด้วยน้ำเสียงที่แตกต่าง

“อืม  ฟังนะ เพื่อที่จะให้วงเวททำงานอย่างอัตโนมัติ เธอจะต้องวางรากฐานของเวทมนตร์ของตัวเองซะก่อน ถ้าทำแบบนั้นวงเวทจะปรากฏขึ้นเมื่อเธอใช้งานเวทมนตร์และเธอก็จะสามารถใช้งานเวทมนตร์ได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจมั้ย?”

(ซุยเมอิ)

“เอ๋? อ่า? “

(เฟลเมเนีย)

” อย่าเอาแต่ร้อง จิ๊บๆเหมือนนกแล้วบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันจะไม่เกิดขึ้นตอนนี้ ถ้าเธอยังตะโกนเรื่องเหลวไหล และปฏิเสธแม้แต่เวทมนตร์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ฉันจะไม่ยอมให้เธอเป็นชาวตะวันตก เข้าใจมั้ย ? “

( ซุยเมอิ )

” …… “

(เฟลเมเนีย)

เธอรู้สึกผิดหวังมาก ที่เธอไม่ตอบกลับได้ ดังนั้นเธอจึงหุบปาก ถึงแม้ว่า สิ่งที่เขาพูด ดูเหมือนเป็นเรื่องจริง แต่เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเทคนิคที่จะทำให้วงเวทปรากฏขึ้นเมื่อเปิดใช้งาน ไม่เคยมีอะไรแบบนี้ แม้แต่ในหมู่พวกผู้ใหญ่

“มันก็แค่ความเรียบง่ายของเวทมนตร์  มันเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ นี้เป็นโลกจินตนาการ? มันเหมือนโลกของเรา แต่มีมากกว่าหนึ่ง เธอรู้มั้ย? “

(ซุยเมอิ)

“ความเรียบง่ายของเวทมนตร์ ตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการไม่ต้องร่ายเวท! “

(เฟลเมเนีย)

“เอ๋? นั่นอะไร? แค่ไม่ร่ายคาถาก็ถือเป็นเทคนิคชั้นสูงแล้ว? “

(ซุยเมอิ)

“แน่นอน!”

(เฟลเมเนีย)

“ถ้ามันเป็นคาถาที่ใหญ่มันจะเป็นคนละเรื่องกัน แล้วนี่จะเป็นเคล็ดลับที่ดี?”

(ซุยเมอิ)

‘ซุยเมอิ’กล่าวอย่างง่าย เขาสะบัดนิ้ว ทันใดนั้นอากาศด้านหน้าเธอก็ระเบิด นอกจากนั้น เวลาแค่ชั่วอึดใจ อากาศก็ระเบิดออกทั้งสี่ทิศทางทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่

“อะ อะไรกัน !? ไม่มีการร่ายคาถา!? ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว !? “

(เฟลเมเนีย)

“นั่นมันสุดยอดเลยซุยเมอิคุง! นายสามารถทำมันได้โดยไม่ต้องร่ายคาถา! ตอนนี้นายสามารถเข้าร่วมการจัดอันดับจอมเวท ‘! …งี่เง่า “

(ซุยเมอิ)

ดูเหมือนว่าเขาภาคภูมิใจสักครู่แล้วหดหู่ทันที แต่…

“ฉันพอสำหรับคำอะไรบายแล้ว ฉันไม่ได้จะถามนายอีก นั่นทำไม….”

(เฟลเมเนีย)

จากนั้นเขาร่ายคาถา

“!”

(ซุยเมอิ)

นั่นคือการร่ายคาถาเหรอ Archiatius Overload? ‘เฟลเมเนีย’ไม่รู้ว่านั่นเป็นการร่ายเวทย์หรือเปล่า แต่ใต้ฝ่าเท้าของเขา วงเวทย์ได้ส่องแสงสดใส จากนั้นก็เปล่งแสงสีขาวและสีรุ้ง

“!?”

(เฟลเมเนีย)

มันเป็นพลังที่มหาศาล  มันสว่างมากจนเธอหลับตาสักครู่ หลังจากที่เงียบ เธอลืมตาขึ้นและเห็นรูปของคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น พลังเวทพวยพุ่งออกมาเป็นการคุกคาม

” อะไรกัน ! ? พลังเวทของเขาเพิ่มขึ้น ? อะ – – “

( เฟลเมเนีย )

” อะไรอีกล่ะ ฉันเหนื่อยที่จะฟังเธอแล้ว  ไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านั้น อ่า ฉันรู้แล้ว เธอแปลกใจ เพราะการเพิ่มปริมาณของพลังเวท ? ฉันรู้ ฉันรู้ ฉันรู้แล้วว่าเธอจะถามอะไร “

( ซุยเมอิ )

‘ซุยเมอิ’ก็เหนื่อยกับคำถามของเธอ เขาไม่มีเจตนาที่จะตอบเธอ เขายิงถามใส่เธอทันที เขาถอนหายใจแล้วพูดอีกครั้ง

“ถึงแม้ฉันจะบอกว่าเราควรจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ เราเสียเวลามากเกินไป โอเค งั้น คุณจอมเวทถึงตาของฉันแล้วสินะ?”

( ซุยเมอิ)

เมื่อ’ซุยเมอิ’พูด ท่าทางของเขาดูเหมือนสนุกสนาน เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เธอมาที่นี่เธอคิดว่าหลายครั้ง  เขาพูดถึงเวทมนเหมือนกับเด็กที่พูดถึงของเล่นชิ้นโปรด ก่อนจะเปิดการใช้งานวงเวทของเขา เนื่องจากเธอต้องเตรียมวงเวทย์ก่อน มันก็ยังแปลกๆ มันต้องเวลาในการวาดพวกมัน ทำให้เวลาในการใช้เวทมนตร์เพิ่มขึ้นเช่นกัน

แต่ ผู้ชายตรงหน้าเธอสร้างปาฏิหาริย์ เขาไม่สนใจเวลาที่ขั้นต่ำที่ต้องใช้ มันเป็นเรื่องโกหกหรือ ไม่ มันคือความจริง เขาใช้มันโดยไม่ต้องเขียนมัน เขาทำอะไรที่เธอไม่สามารถทำได้ หรือแม้แต่เข้าใจ เด็กคนนี้มีคุณค่าแน่นอน เขาได้เรียนรู้เวทมนตร์ในโลกที่เธอไม่รู้จัก เขาควรจะได้รับความรู้ของพระเจ้า

เด็กคนนี้แข็งแกร่งกว่าฉันแน่นอน เด็กคนนี้แข็งแกร่งกว่าจอมเวทอาวุโสที่ฉันเคยเรียนด้วย เด็กคนนี้แข็งแกร่งกว่าผู้กล้า’เรอิจิ’ เด็กคนนี้อาจจะแข็งแกร่งกว่าราชาปีศาจที่คิดจะทำลายโลก

“นาย….เป็นใครกันแน่?”

(เฟลเมเนีย)

” โอ้ ฉันลืมไป ฉันไม่เคยตั้งฉายาให้ตัวเองเลยตั้งแต่มาที่นี่ โอเค ก็ได้ ฉันจะตั้งชื่อพิเศษให้ตัวเองก่อน “

‘ซุยเมอิ’คิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปิดปากของเขาอีกครั้ง

” ฉันเป็นผู้ใช้เวท ซุยเมอิ ยาคางิ  เป้าหมายของฉันคือการเข้าถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดของโลก และตอนนี้ นักวิชาการตะวันตกของญี่ปุ่น “

( ซุยเมอิ )

ผู้ใช้เวท ‘ซุยเมอิ  ยาคางิ’ คนที่สามารถเอาชนะจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์แอสเทลได้อย่างไม่คณามือ ชื่อที่เธอจะไม่มีวันลืม

ปล1. นี่อาจจะเป็นต้นกำเนิดของจอมเวทผู้สามารถฆ่าจอมมารด้วยมือเปล่าก็เป็นไปได้

ปล2. ช่างเป็นบทที่ทำให้ผมปวดหัวกับคำศัพท์เฉพาะอย่างเหลือหลาย

// เถลือกไถลไปกับโต๊ะทำงาน

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments