ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ ซุยเมอิล่อเฟลเมเนียเข้ามาในอุปสรรคปิดกั้นเพื่อที่เขาจะสามารถแสดงอำนาจเต็มในฐานะผู้ใช้เวทของเขาได้ แสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นของพลัง เพื่อให้เฟลเมเนียตกอยู่ใต้ความกลัวและความสับสน
ต่อหน้าเธอซุยเมอิแสดงให้เห็นถึงความรู้ที่เป็นไปไม่ได้และอำนาจเวทมนตร์ เขาไม่ต้องการให้มีพยานรู้เห็นเรื่องเฟลเมเนีย สติงเรย์มากเกินไป มีนักเวทจำนวนมากในโลกนี้ที่ความรู้ความเข้าใจของพวกเขายังคงล้าหลังอยู่
จากนี้เขาจะไปแทรกซึมอยู่ในพวกนั้น เขาจะลดพลังอำนาจที่ไร้ประโยชน์และควบคุมพวกนั้นไว้ เพื่อความมีประสิทธิภาพและมีมารยาท ใช่แล้ว แต่ซุยเมอิไม่มีความตั้งใจแบบนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ระดับเวทมนตร์ของที่นี่ ไม่รู้ ไม่รู้กฎการใช้วงเวท ไม่รู้ว่าบทร่ายเป็นสิ่งจำเป็นและไม่ได้เป็นสมาชิกสามาคนจอมเวทของโลกนี้ แต่ผู้ใช้เวทก็ยังคงเป็นผู้ใช้เวท
เขาเตรียมเวทีสำหรับการต่อสู้ เขาเป็นเจ้าภาพ เขาจะต้องไม่ลืมมารยาทในการใช้พลังอย่างเต็มที่ของเขา ไม่ว่าระดับของคู่ต่อสู้จะเป็นยังไง ถ้าหากคุณเป็นนักเวทคุณจะต้องแสดงเวทมนตร์ที่ดีที่สุดเพื่อตรึงหัวใจของอีกฝ่ายและทำให้พวกเขาต้องยอมแพ้
แต่มันก็เป็นความจริงที่เขาเตรียมเหตุผลอื่นไว้ด้วย ในช่วงกลางของการต่อสู้ในฐานะเจ้าภาพของเขา เต็มไปด้วยจิตวิญญาณนั่นคือความภาคภูมิใจของซุยเมอิ ยาคางิ ในฐานะผู้ใช้เวท
หลังจากการเผชิญหน้าเมื่อสักครู่ แน่นอน ไม่มีการเริ่มต้นสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น นานแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ว่าใครจะเป็นฝ่ายลงมือก่อน คนที่ไม่สามารถทนความตึงเครียดจากการต่อสู้ได้ คนที่เริ่มลงมือก่อนคือ เฟลเมเนีย
“ไฟโอ้ไฟ จงกลายเป็นเปลวไฟที่แท้จริงและการเผาพลาญผู้ที่อยู่ในเส้นทางของเจ้า เผาไปทุกอย่าง กลายเป็นภัยพิบัติสีขาว <เปลวไฟที่แท้จริง>! “
(เฟลเมเนีย) มันเป็นเปลวไฟที่แท้จริงที่เธอได้ประกาศก่อนหน้านี้ แม้เธอจะบอกว่ามันเป็นเปลวไฟที่แท้จริงมันก็เป็นแค่เปลวไฟอุณหภูมิสูงที่เกิดจากเวทมนตร์ มันดูเหมือนว่าเปลวไฟที่ผ่านมาเป็นเพียงการทดสอบ มีระดับที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
นั่นหมายความว่ามีการใช้พลังเวทเป็นจำนวนมากในการใช้มันออกมา ทันใดนั้นเปลวไปก็เริ่มหมุนเหมือนน้ำวน มันแพร่กระจายความร้อนออกมาเหมือนกับดอกสว่าน และเข้าจู่โจมเขาในขณะที่บิดเป็นเกลียวอย่างกับทอร์นาโด
แล้วจิตใจของซุยเมอิก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ เปลวไฟกำลังใกล้เข้ามา แต่ว่าไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของมันอีกต่อไป เน่นอนว่าซุยเมอิยังคงมีความตั้งใจอยู่ เขาสูดลมหายใจกำหนดสมาธิสำหรับเวทมนตร์ของเขา แล้วเขาก็โยนมันออกไป
“<เซแคนดัม เอก เควียตัม เอกคิพิโอ>”
(ซุยเมอิ) (มันเขียนแบบนี้จริงๆนะ) นี่คือคาถาสำหรับป้องกันตัว เป็นครั้งแรกที่เขาใช้มันในโลกนี้ เขาคิดแล้วใช้มัน ‘โล่สีทองสุกใส’ เขายื่นมือออกมา วงเวทสีทองสามวงก็ปรากฏขึ้นและกลายเป็นโล่
(ปล. หมายเหตุ: มันบอกว่าสาม … ในกรณีที่คุณสงสัยเกี่ยวกับชั้นที่สี่ในภายหลัง.)
ถ้ามันเป็นเพียงแค่เปลวไฟร้อนก็จะไม่มีผลกระทบ โล่นั้นแข็งแกร่ง มันจะไม่ถูกทำลายจากเปลวไฟ วงเวททั้งสามจะช่วยหยุดมันและหายไป เปลวไฟสีขาวทำเสียงดังสนั่นในขณะที่พุ่งมาและมันก็ชนเข้ากับโล่สีทองสุกใส
เมื่อกระทบกันเปลวไฟสีขาวถึงกับแตกกระจาย เปลวไฟสีขาวพยายามที่จะทะลุผ่านโล่ ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นและประกายไฟ มันทำลายสภาพแวดล้อม… 1 วินาที 2 วินาที 3 วินาที 4 วินาที แต่เปลวไฟสีขาวไม่สามารถผ่านมันไปได้ มันก็หยุดอยู่ที่วงเวทที่สอง วงเวทที่สามหมุนปรับค่าเวทมนตร์และคลี่คลายมัน
เป็นผลให้เปลวไฟสีขาวย้อนกลับไปเป็นเปลวไฟสีแดง และชั้นที่สี่(สุดท้าย)ของวงเวทสะท้อนเปลวไฟกระจายไปทุกทิศทาง วงเวทย์ยังคงอยู่ตรงนั้นจนทุกอย่างหายไป การโจมตีนี้เต็มไปด้วยความโกรธ
(ปล : ฉันต้องการแทนที่คำที่ 4 กับสุดท้าย มันจะแสดงว่าสัมพันธ์กับสิ่งที่บอกก่อนหน้านี้ จำนวนวงเวททั้งสาม)
“ไม่! ฉันยังโจมตีไม่เสร็จเลย ! “
(เฟลเมเนีย) เสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เป็นหลักฐานถึงการยิ่งครั้งต่อไป แม้ว่าจะถูกป้องกัน เธอเริ่มสะสมเปลวไฟสีขาวอีกครั้ง โดยกล่าวว่า
”โอ้เปลวไฟ!”
เป็นครั้งที่สองที่เธอโจมตี เปลวไฟสีขาวพุ่งมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเข้ามาจากทางด้านข้างเพื่อเจาะการป้องกัน เปลวไฟที่มีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนทิศทางได้ ชื่อสภาจอมเวทคงไม่ได้มีไว้ให้พูดเล่นๆสินะ
การควบคุมการเปลี่ยนทิศทางของเปลวไฟและการโจมตีอย่างรวดเร็ว เธอมีพรสวรรค์ในการควบคุมเวทมนตร์ที่น่าทึ่งมาก แต่ถ้ามันไม่มีคุณภาพมันก็ไม่มีความหมาย ฝีมือเท่านี้ไม่สามารถทำลายการป้องกันนี้ได้หรอก
เวทมนตร์ของเธอไม่ได้มีพลังมากพอที่จะทำลายโล่สีทองพวกนี้ จะว่าไปถ้าหากปลดมิตินี้ออกเปลวไฟพวกนี้คงจะเผาพวกตึกข้างนอกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแน่ๆ ขณะที่มองเปลวไฟสีขาวที่ไม่สามารถเข้าถึงตัวได้
เขาตัดสินใจว่ามันควรจะถึงตาที่เขาเป็นฝ่ายโจมตีบ้างแล้ว เขาเปิดการป้องกันสองด้านสำหรับการหลบหลีก และเริ่มร่ายคาถาการเร่งความเร็ว ลดแรงโน้มถ่วง ลดมวล<นูตัส มัลติตูโด เดคเรสโค>
ขณะที่เขาพึมพำคำพูดเหล่านั้น เขาก็เป็นอิสระจากพันธนาการของแรงโน้มถ่วง ร่างกายเขากลายเป็นแสงและไร้น้ำหนัก เขาวิ่งไปที่เธอ ไม่สิเขาลอยไปหาเธอ เสื้อคลุมสีดำโบกสะบัดตัดกับเปลวไฟสีขาวที่เข้ามา ร่อนไปหาเฟลเมเนียซึ่งกำลังตั้งท่าโจมตี
“เร็วเกินไปแล้ว”
(เฟลเมเนีย)อาจเป็นเพราะพลังที่ต่างกันเกินไป ทำให้เธอตามความเคลื่อนไหวของเขาไม่ทัน รู้ตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ห่างจากตัวเธอแค่สามเมตรเท่านั้น ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค เขาก็สะบัดนิ้วมือของเขา
ชั่วพริบตา สายตาเย็นชาของเขามากพอที่ทำให้เธอตกใจ เวทมนตร์ที่น่ารังเกียจจากผู้ใช้เวทย์ยุคใหม่ซุยเมอิ สามารถทำให้อากาศระเบิดได้เพียงแค่การสะบัดนิ้ว แม้ว่ามันจะเป็นเวทมนตร์ง่ายๆแต่ประสิทธิภาพนั้นรุนแรงมาก อีกทั้งยังรวดเร็ว
เพราะแบบนั้นมันจึงเป็นการโจมตีทางกายภาพที่ได้ผลอย่างที่สุด เปรี้ยง! เหมือนกับระเบิดที่โปร่งใสทำให้เกิดการระเบิดที่รุนแรง แรงระเบิดพัดพื้นดินที่อยู่ในบริเวณรอบๆ ระเบิดใกล้เข้ามา แต่เพราะมองเห็นก่อนเธอจึงรีบหลบทันที
“อ๊ะ…”
(เฟลเมเนีย) เพื่อปิดกั้นเส้นทางหนีของเขา เขาสะบัดนิ้วอีกครั้ง เฟลเมเนียตระหนักว่าเธอหมดทางหนีแล้ว เธอพยายามจะเอาชีวิตรอบจากการระเบิดแบบอนุกรม เธอร้องตะโกน
“นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว! นายทำยังไงถึงสามารถใช้เวทมนตร์ได้ง่ายนัก?”
(เฟลเมเนีย)
“หึ….ถ้าเธอทำไม่ได้ เธอก็จะเสียคุณสมบัติของการเป็นผู้ใช้เวท เพราะศัตรูยิงใส่ฉัน และตอนนี้ตาฉันยิง เราไม่ได้อยู่ในเกมRPG นะ เธอรู้ใช่มั้ย?”
(ซุยเมอิ) ใช่แล้วนี่มันไม่ใช่เกม แต่เป็นการทดสอบที่เดิมพันด้วยชีวิต ผลลัพท์สามารถตัดสินกันได้ภายในเสี้ยววินาที มันแตกต่างจากความลึกลับของเฟลเมเนีย ในขณะที่เฟลเมเนียพยายามยามที่จะหลบหนี เขาได้เอาขวดอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า และเปิดฝาของมันอย่างรวดเร็ว ที่อยู่ด้านในขวดคือปรอท ธาตุโลหะที่จะอยู่ในรูปของเหลวเมื่ออยู่ในอุณหภูมิปกติ ในโลกของการเล่นแร่แปรธาตุ มันถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดสองเพศ เขารอคอยโอกาสที่จะได้ใช้มัน หลังจากที่เทออมามันก็ลอยอยู่กลางอากาศแล้วกล่าวว่า
“<เพอมูเททิโอ โคแอกูเลทิโอ วิส เลมินา>!”
(ซุยเมอิ) จับปรอทที่อยู่ในรูปของเหลว เขากวัดแกว่งปรอทที่ได้ขึ้นรูปแบบเป็นดาบของเหลว แน่นอน เขาเลือกรูปแบบของใบมีด ; คาตานะปรอท วัสดุเป็นปรอทที่ถูกเปลี่ยนโดยใช้เวทมนตร์ มันเปลี่ยนรูปร่างเป็นรูปแบบของอาวุธ
“โอ้ผืนดิน! โปรดสร้างร่างกายอันแข็งแกร่งและบดขยี้ศัตรูข้า! <หินโจมตี>!”
(เฟลเมเนีย) ก่อนที่ซุยเมอิจะสร้างอาวุธสำเร็จ เฟลเมเนียได้ร่ายเวทย์ของเธอ เธอยิงกระสุนดินไปที่เขา ก่อนจะไปถึงเขากระสุนดินก็กลายเป็นวัตถุที่มีขนาดมหึมา
“เอานี่ไปกินซะ!”
(เฟลเมเนีย)
“กระจอกน่ะ!”
(ซุยเมอิ) เขาตัดกระสุนดินขนาดใหญ่ด้วยดาบของเขาในพริบตา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกระสุนแต่ก็ไม่ใช่อะไรที่เขาไม่สามารถจะตัดได้ และมันก็เป็นแค่ก่อนหินซึงไม่ได้เป็นภัยคุกคาม ซุยเมอิตัดหินด้วยคาตานะซึ่งเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์ของเขา นอกจากเขาจะทำลายกระสุนหินแล้วยังตัดมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกด้วย
“นายเป็นจอมเวทไม่ใช่รึไง ทำไมถึงใช้ดาบ!?”
(เฟลเมเนีย)
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะใช้มันไม่ได้ ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับผู้ใช้เวทนะรู้มั้ย?เพราะแบบนั้นไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ไม่ใช่ปัญหา”
(ซุยเมอิ) หนอย…
“โอ๊ะ..บ้าเอ้ย บ้าเอ้ย บ้าเอ้ย!”
(เฟลเมเนีย) เธอยิงหินออกมาอย่างสิ้นหวัง นอกจากจะไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนได้แล้ว ยังไม่มีแม้แต่ฝุ่นบนเสื้อผ้าของเขา เมื่อเขาตัดกระสุนหินลูกสุดท้ายได้ หินทั้งหมดก็หายไป
“โอ้ไฟ! จงเผาพลาญศัตรูของ–“
(เฟลเมเนีย)
“เพอมูเททิโอ โคแอกูเลทิโอ วิส แฟลกเจอลัม”
(ซุยเมอิ) เขาร่ายเวทในเวลาเดียวกับเฟลเมเนีย แต่เพราะคาถาของเขาสั้นกว่า เขาจึงร่ายเสร็จก่อน วงเวทถูกสร้างขึ้นบนคาตานะปรอท เขาสะบัดข้อมือและเหวี่ยงมัน คาตานะที่เป็นเหมือนเหล็กก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นแส้ หลังจากร่ายคาถามันก็กลายเป็นแส้ปรอท เพื่อหยุดการร่ายเวทของเฟลเมเนีย เขาสะบัดแส้ใส่เธอจากทางด้านข้าง
“อุ๊….”
(เฟลเมเนีย) ปรอทฟาดเหนือกว่าความเร็วเสียง ทำให้เกิดเสียงระเบิดขึ้นจากความว่างเปล่า พื้นดินค่อยๆถูดทำลายดาบโลหะไม่สามารถเทียบได้กับแส้หนังเลย พื้นผิว ความคมชัด ความยาว เขาสามารถควบคุมมันได้ทั้งหมด แม้จะมีร่างกายใหญ่แค่ไหน เขาก็สามารถตัดมันทิ้งได้เหมือนกระดาษ เฟลเมเนียคิดอย่างนั้น
“ฮึก … นี่มัน เป็นไปไม่ได้”
(เฟลเมเนีย) เขาสามารถคร่าหนึ่งชีวิตไปกับการฟาดแส้แค่หนึ่งครั้ง เมื่อมองเห็นความจริงเฟลเมเนียไม่สามารถที่จะแม้แต่ขยับนิ้ว ปากของเธอก็เหมือนกัน เธอไม่แม้แต่จะขยับปากได้ เธอตกใจมากถึงขนาดลืมวิธีออกเสียง ใบหน้าของเธอเริ่มซีด มันจบแล้วใช่ไหม ไม่ ตราบใดที่เธอไม่ได้คุกเข่า มันยังไม่ใช่จุดจบ แม้ว่าเธอจะเสียใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมแพ้
” ฉันยืนอยู่ต่อหน้าสถานการณ์ที่ยากลำบากสถานการณ์ “
ดูเหมือนเธอจะยังไม่เริ่มที่จะคิดแบบนั้น ฉันต้องทำให้เธอไม่สามารถที่จะขัดขืนฉัน ครั้งที่สอง จากส่วนลึกของหัวใจเธอ จากนั้นพลังเวทของเขาก็ระเบิดออกมา กระแสพลังเวทมนตร์อันเชี่ยวกราด บึ้ม! พลังของเขาแข็งแกร่งมากแม้แต่ปราสาทยังสั่นสะเทือนเพียงแค่เขาปรากฏตัว
พลังอำนาจของเขา พลังที่ไม่มีที่จะไปหลั่งไหลไปยังพื้นที่รอบๆ เขาสร้างเปลวไฟสีน้ำเงินและมีเสียงคำรามเหมือนกับมังกร จากนั้นเขาหันไปหาเฟลเมเนีย ต่อหน้าของเขาเธอสูญเสียตัวตนเนื่องจากความหวาดกลัว เธอกลัวในความแตกต่างกันของพลัง จากนั้นซุยเมอิก็ร่ายคาถา
“<โพเตสตัส เวลัม นอซ เลคริมา >”
(ซุยเมอิ) ใต้ฝ่าเท้าของเขาเป็นวงเวทย์ขนาดใหญ่ขยายผ่านสวน ไฟสีน้ำเงินเจิดจ้าซะยิ่งกว่าความสว่างของดาวที่ปรากฏขึ้น ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา มันสุกใสแล้วแข็งแกร่งแม้จะอยู่ในโลกจินตนาการ
“<โอลิมปัส ควอด เทียรา มิสแชล มิสึควิ มิคตุม >”
(ซุยเมอิ) ทุกครั้งที่ปรากฏการณ์สิ้นสุดอีกปรากฏการณ์ก็จะถูกสร้างขึ้น หลังจากร่ายคาถาปรากฏการณ์ก็จะถูกสร้างขึ้น คาถาหนึ่งต่อหนึ่ง แตกต่างจากเวทมนตร์ของโลกนี้ เวทมนตร์ของเขาเองเป็นอำนาจ แม้ในขณะที่ร่ายโลกก็ถูกเปลี่ยนแปลง
วงเวทถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง อนุภาคสีทองลุกขึ้นมาจากพื้นดินที่ลอยสู่สวรรค์และดูดซึมโดยท้องฟ้า จากนั้นราวกับว่าลอกเลียนแบบดวงดาววงเวทนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่กลางอากาศ
“<เดสสามอโร พลูวิอาอินเซสซานเตส >”
(ซุยเมอิ) เธอเห็นบนอากาศเต็มไปด้วยวงเวทย์นับไม่ถ้วน มันเต็มไปด้วยเวทมนตร์ที่หลายหลาย มันเกิดจากศาสตร์ลึกลับมากมายจากคับบาล่าห์ และเขาก็นำมันมารวมกับโหราศาสตร์ มันเป็นความลึกลับซับซ้อนอันทันสมัย ซุยเมอิแสยะยิ้ม
“คุณสภาจอมเวท ถ้าเธอสามารถป้องกันได้ เธอก็ชนะ ตกลงมั้ย? “
(ซุยเมอิ) เฟลเมเนียไม่สามารถตอบโต้คำพูดนั้นได้ เธอร่ายเวทมนตร์ป้องกันออกมา และ……
“<เอิน์ธ อาสตราเรล์>”
(ซุยเมอิ) เมื่อจบคำนั้น แสงที่ปล่อยออกมาจากวงเวท พลังเวทมนตร์และแสงดาวผสมกัน คนหนึ่งที่สร้างท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยประกายแสงพร่างพราย เหมือนกับดาวตก หยาดน้ำตาร่วงหล่นจากท้องฟ้าด้วยเสียงคำรามดังสนั่น เมื่อมันเงียบลงทุกสิ่งก็ถูกทำลายไปจนหมด นี่คือหนึ่งในมหาเวทย์ที่มีอำนาจทำลายล้างมากที่สุดของซุยเมอิ ยาคางิ
หลังจากที่ดาวตกเกิดขึ้นก็กลับเป็นสวนสีขาวดั้งเดิม เหมือนกับภาพการทำลายก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝัน มีซุยเมอิ ยาคางิกับสูทสีดำของเขา และเฟลเมเนียกับเสี้อคลุมสีขาวขาดรุ่งริ่งของเธอ เขอมองเฟลเมเนียที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และเอาดาบไปพาดไว้ที่คอของเธอ
“ฉันชนะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
(ซุยเมอิ) เมื่อถามถึงผล เธอพูดด้วยเสียงสั่น
” นี่ ทั้งๆที่ . . . . . . . พลังขนาดนั้น ! ที่บอกว่านายไม่สามารถต่อสู้ ทำไมนายถึงปฏิเสธที่จะฆ่าปีศาจ ? ถ้านายไป แม้แต่ปีศาจ . . . . . . . “
(เฟลเมเนีย )
” จะพ่ายแพ้ ? นั่นมันโง่ชะมัด ตัวเลขที่ไม่ใช่เรื่องตลก ประวัติศาสตร์เป็นหลักฐาน ไม่ว่าพลังแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถชนะตัวเลขขนาดนั้นได้หรอก ไม่ต้องลอง ไม่ว่าผู้กล้าจะเก่งแค่ไหน มันก็เทียบกับปริมาณไม่ได้หรอก ฉันก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง”
( ซุยเมอิ) รู้สึกเหมือนว่ายังพูดไม่พอ ซุยเมอิ เปิดปากของเขาอีกครั้ง
“ถ้าฉันฟังการร้องขอ สิ่งที่ฉันต้องไปสู้ด้วยไม่ใช่แค่ราชาปีศาจนัดชาตราหรืออะไรสักอย่าง แต่เป็นกองทัพของเขาด้วย กองทัพที่ทำลายประเทศหนึ่งโดยใช้ทหารนับล้าน ยังไงก็ตามลองคิดดูว่าถ้าหากตอนนี้เขากำลังรวบรวมทหารของเขา สองครั้ง หรือสามครั้ง มันโง่มากหากบอกว่าเขายังมีทหารอยู่แค่หนึ่งล้าน ไม่มีทางที่จะชนะในเรื่องของจำนานเธอรู้มั้ย? ถ้าหากฉันคิดจะทำอะไร ฉันก็ต้องมั่นใจก่อนว่าฉันสามารถทำได้”
(ซุยเมอิ)
” นายพูดเรื่องอะไร ? สงครามคือการต่อสู้ของด้วยพลัง ถ้านายมีพลังมากขนาดนั้น นายจะต้องไม่ยอมแพ้ ! “
( เฟลเมเนีย )
” เธอโง่หรือเปล่า ฉันกำลังบอกว่า คุณภาพ และปริมาณที่แตกต่างกัน แค่คุณภาพอย่างเดียวมันไม่ได้แปลว่าจะชนะ”
( ซุยเมอิ )
” เวท. . . . . . . มีเวทที่ทรงพลังขาดนั้น นายยังพูดแบบนั้นอีก “
(เฟลเมเนีย )
“ฮะ? ฉัน ? ฉันไม่ได้เป็นจอมเวทชั้นหนึ่ง ฉันไม่ได้มีความสามารถทางเวทมนตร์ขนาดนั้น ในโลกของฉัน ฉันเป็นเพียงเฉลี่ยที่ดีที่สุด ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดเข้าใจมั้ย แต่นั่นไม่สำคัญกับที่นี่หรอก “
(ซุยเมอิ)
” …… “
(เฟลเมเนีย) ตอนนี้เฟลเมเนียสูญเสียคำจะพูด ไม่ว่าจะเป็นเพราะซุยเมอิเป็นเรื่องผิดปกติที่น่ากลัวของโลก หรือเพราะซุยเมอิโอ้อวดบางอย่างที่เธอไม่สามารถจะพูดอะไรได้เพราะความแตกต่างของพลัง
“ดี ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วแล้ว เวทมนตร์ของโลกนี้ล้าหลังเกินไป การต่อสู้ของเราก็ไม่สนุก หรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดที่รุนแรงของเธอ”
ใช่แล้ว ตอนนี้ ซุยเมอิพูดความรู้สึกที่แท้จริงของเขา ความสุขของเขาคือเห็นความลึกลับใหม่ๆ สู้กับนักเวทย์คนอื่น ได้เห็นเวทมนตร์ที่ไม่รู้จัก ที่คิดว่าเวทมนตร์เป็นวัตถุประสงค์ของการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่มีแม้แต่เวทมนตร์ที่ควรค่าแก่การทัศนา ที่ไม่คาดคิด ประหลาดใจและการทำลายได้ง่าย
“การต่อสู้ที่เกินความเข้าใจ”
ไม่แปลกว่าทำไมเขาได้รับรางวัล แน่นอนเขารู้สึกไม่มีความสุข เมื่อผลลัพธ์ปรากฏขึ้นแล้ว เขาบังคับใช้ผลนั้นกับเฟลเมเนีย
“ตอนนี้ของยุติการต่อสู้ของเราผู้ใช้เวท”
(ซุยเมอิ) เธอรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อเขาเปลี่ยนน้ำเสียง เมือนกับหัวใจของเขาด้านชาไป เฟลเมเนียไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้นยืนได้ เธอไม่สามารถที่จะทำอะไรตอนนี้ได้เลย มันเหมือนกับเธอได้พบกับจุดสิ้นสุดของชีวิต เฟลเมเนียหน้าซีดเผือด
“นะ นายจะฆ่าฉันเหรอ?”
(เฟลเมเนีย)
“อืม เป็นความคิดที่ดี .. เธอคิดว่าฉันควรจะทำแบบนั้นมั้ย?”
(ซุยเมอิ)
“ดะ ได้โปรดอย่าทำแบบนั้นเลย! “
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียทิ้งความโอหังของเธอ และหมอบลงต่อหน้าซุยเมอิ . ได้โปรดเถอะ ได้โปรดปล่อยเธอไป เธอสาบานว่าจะไม่ต่อต้านเขา แต่ท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป
“โฮ้…เธอมาที่นี่ด้วยเจตนาที่จะฆ่าฉัน แต่ตอนนี้กลับร้องขอให้ไว้ชีวิต?”
(ซุยเมอิ)
“ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้มีเจตนาจะฆ่านายตั้งแต่แรก ฉันแค่อยากจะสั่งสอนนานเท่านั้น”
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียส่ายหัวอย่างรุนแรง เขาจ้องมองมาที่เธออย่างสนใจและเคลือบแคลงใจ ในการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน มันไม่ใช่เหตุผลที่จะอ้อนวอน เขาเตรียมพร้อมแล้วสำหรับเรื่องนี้ เขาตั้งใจจะทำลายฝ่ายตรงข้าม และที่เลวร้ายที่สุดถูกทำลายแทน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้ดูน่าเกลียด นี่คือราคาที่เธอจะต้องจ่าย ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของท่านหญิงสูงศักดิ์ ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง บุคลิกของเธอคงได้รับบผลกระทบบ้างอย่างแน่นอน จากนั้นซุยเมอิถามถึงความตั้งใจที่แท้จริง
“จริงเหรอที่เธอไม่ได้ตั้งใจมาฆ่าฉัน”
(ซุยเมอิ)
“มันเป็นความจริง! ขอสาบานต่อเทพธิดาอัลชูนาเลยว่าฉันไม่ได้โกหก”
(ซุยเมอิ)
“อืม ฉันไม่รู้จักเทพธิดาอะไรของเธอนั่นหรอก ฉันมาจากโลกอื่น ญี่ปุ่น ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย”
(ซุยเมอิ) เสียงกริ๊กดังมาจากคาตานะ เฟลเมเนียไม่รู้จักญี่ปุ่นที่เขาพูดถึง แต่เธอรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอจึงพยายามร้องขอชีวิตจากซุยเมอิอย่างน่าสงสาร
“ได้โปรด ได้โปรด ฉันยังไม่อยากตาย! ฉันยังไม่อยากตาย….ขอร้องล่ะ…..”
(เฟลเมเนีย) ดูเหมือนว่าเขารังแกเธอมากเกินไป ถ้าเธอพูดตะกุกตะกักมากขนาดนี้นี้ ก็อาจจะมีปัญหาในการสื่อสารความต้องการที่แท้จริง ซุยเมอิคิดและจากนั้นเขาก็หยุดการกระทำการข่มขู่ของเขา เขากล่าวอย่างเบื่อหน่ายว่า
“เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไว้ชีวิต ฉันมีข้อตกลงให้เธอ”
(ซุยเมอิ)
“ขะ ข้อตกลง?”
(เฟลเมเนีย)
“ใช่ อย่างแรกห้ามบอกใครถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ อย่างที่สองห้ามบอกกับใครถึงตัวตนของฉันว่าเป็นผู้ใช้เวท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรอิจิและมิซึกิ เข้าใจมั้ย?”
(ซุยเมอิ) เขามองด้วยสายตาที่เฉียบคม แต่เฟลเมเนียส่ายหน้าอย่างแรง
“เดี่ยวก่อน…ฉันยังไม่ได้บอกอะไรกับเรอิจิโดโนะหรือมิซึกิโดโนะ แต่ราชารู้อยู่แล้ว..”
(เฟลเมเนีย)
” หึ . . . . . . . น่าแปลกใจ คนอวดดี อย่างที่เธอบอกคนอื่น? ที่น่าแปลกใจ ฉันคิดว่าเธอน่าจะเก็บไว้กับตัวเองเพราะเธอคิดว่าเธอจะชนะแน่นอน ฉันไม่สนใจเท่าไหร่ หลังจากนี้ เธอห้ามพูดถึงรายละเอียดในตอนนี้”
( ซุยเมอิ ) ตั้งแต่เธอได้หลีกเลี่ยงอันตรายแรกได้เฟลเมเนียรู้สึกโล่งใจ ที่เห็นนี้ ซุยเมอิกล่าวครั้งสุดท้ายและที่สำคัญที่สุด . .
“และสามเธอจะต้องลงนามในเอกสารนี้.”
(ซุยเมอิ)(เอ๊ะ…) ซุยเมอิทำท่าทางราวกับวาดภาพอะไรบางอย่างจากความว่างเปล่า กระดาษและปากกาก็ปรากฏขึ้น เขาจรดปากกาลงบนกระดาษ เขียนข้อความในภาษาต่างประเทศ แน่นอนเฟลเมเนียไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเขียน
“นี่ คืออะไร?”
(เฟลเมเนีย)
“นี่เป็นสัญญา เพื่อที่เธอจะไม่ทำผิดข้อตกลงที่บอกไป เธอมีปัญหางั้นเหรอ? “
(ซุยเมอิ)
“ฉัน ฉันเข้าใจฉันจะเซ็นมัน”
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียรู้สึกว่าน่าสงสัย แต่ทำยังไงได้ แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจอย่างชัดเจนแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว หลังจากที่เธอเสร็จสิ้นการลงนาม เธอประทับด้วยเลือดของเธอ ซุยเมอิดูจนจบ เขาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
“อ่อ ฉันลืมบอกไป ถ้าหากว่าเธอทำผิดสัญญา เธอก็จะตาย”
(ซุยเมอิ)
“ห่ะ…อะไรนะ”
(เฟลเมเนีย)
“อืม ถ้าเธอตั้งใจที่จะอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ในคืนนี้ให้ราชา อยากให้รู้ว่ามันไม่ได้รับอนุญาต ฉันไม่ต้องการความยุ่งยากมากไปกว่านี้อีกแล้ว “
(ซุยเมอิ)
“เดี่ยวก่อน นั่นไม่มีทางเป็นไปได้ “
(เฟลเมเนีย)
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ใช้เวท”
(ซุยเมอิ) อย่างที่คิดนี่ไม่ใช่เป็นการดูถูกเธอ แต่สำหรับเฟลเมเนียนี่เป็นคำตอบที่มีประสิทธิภาพที่สุด ซุยเมอิปล่อยมือจากคาตานะปรอท และใช้นิ้วมือที่เต็มไปด้วยพลังเวทของเขากระตุ้นการทำสัญญา ตอนนั้นเองเฟเมเนียก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างจับที่หัวใจเธอ
“นี่มัน กร๊อดดดด…!”
(เฟลเมเนีย)
“ด้วยวิธีการแบบนี้ เธอรู้สึกถึงแรงที่จับหัวใจเธออยู่ใช่มั้ย?“
(ซุยเมอิ) เขาเอานิ้วของเขาจากสัญญา เฟลเมเนียก็ถูกปล่อยจากการจับ เธอถอนหายใจ แล้วบ่นอย่างแผ่วเบา
“อุ๊ .. ฉัน ฉันไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
(เฟลเมเนีย)
” ถ้าเธอรู้ เธอก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี อะไร ? มันไม่ยากขนาดนั้น ฉันแค่ไม่อยากให้เธอบอกใครเรื่องฉัน มันดีกว่าการใช้ให้ชาวบ้านไปเอาชนะราชาปีศาจใช่มั้ย ? “
( ซุยเมอิ )
“อุ๊ … “
(เฟลเมเนีย) เธอไม่ตอบและก้มหน้าลงอย่างรู้สึกพ่ายแพ้ ( เอ๊ะ . . . . . . . ฉันทำเกินไปเหรอ ? ) ( ซุยเมอิ) ดูเหมือนว่า จิตใจของเฟลเมเนียจะแตกสลายไปซะแล้ว มีน้ำตาในดวงตาของเธอ เธอตกตะลึงและร้องไห้ การแสดงออกนี้ทำเอาคนร้าย ซุยเมอิ ยาคางิ ทำอะไรไม่ถูก แต่เพื่อแสดงความมีเมตตา พอแค่นี้ก็ได้ เขาไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นสักหน่อย ซุยเมอิพูดอย่างหงุดหงิดกับเฟลเมเนีย
” พอแค่นั้นแหละ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงอยากให้เธอแน่ใจว่าจะรักษาสัญญา ตกลงมั้ย ? แม้แต่ฉัน ฉันไม่ต้องการที่จะฆ่าเปล่าๆ มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีน “
( ซุยเมอิ) มันเป็นคำพูดที่อ่อนลงกว่าเดิม เป็นเพราะความสงสารเหรอ เฟลเมเนียยังคงสะอื้น ไม่รู้ว่าเธอได้ยินหรือเปล่า มันแตกต่างจากการคาดการณ์ของเขา ซุยเมอิเกาหัว แล้วก็ตัดสินใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรมากกว่านี้ เขาเดินออกจากสวนสีขาว
ถึงแม้ว่าเขาจะเสร็จจากเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าจะเกิดขึ้น การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้เวทย์คือเดิมพันด้วยชีวิตและความตาย การต่อสู้ ที่จริง มันยากนะผู้ใช้เวทจะพรากชีวิตของผู้ใช้เวทย์อีกคน มันก็จริงที่เขาจะไม่ยกโทษให้กับคนที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับการใช้ชีวิตของเขา อย่างไงก็ตาม ทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน พี่น้องต้องจับมือกัน
เมื่อเร็ว ๆนี้เวทมนตร์ถูกหยุดด้วยวิทยาศาสตร์ กงล้อนี้ไม่ถึงกับหยุดการพัฒนา นั่นเป็นเหตุผลที่บรรดาผู้ที่ติดตามเวทมนตร์ นั้นทรงคุณค่า เพื่อที่จะรักษาเวทมนตร์ให้คงอยู่ มีกฎป้องกันอย่างหนึ่งห้ามฆ่าผู้ใช้เวทแม้ว่าจะมาจากวงศ์วานที่แต่ต่างกัน
กฎนี้ถูกบังคับใช้เพื่อป้องกันชีวิตของพวกเขา พวกเขาจะไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ยิ่งกว่านี้ ด้วยวิธีนี้ผู้ใช้เวทจึงยังมีชีวิตอยู่และผู้ใช้เวทมนตร์จะไม่สูญพันธุ์ไป แม้ว่าเขาละเว้นข้อยกเว้นบางอย่าง
ดังนั้นการต่อสู้ของผู้ใช้เวท ไม่ได้เดิมพันด้วยชีวิตของแต่ละคน แต่จะแข่งขันด้วยความสามารถอื่น ๆ ในระยะสั้นที่มีความแม่นยำ พลังและเทคนิคที่ซับซ้อน, ระดับของเวทมนตร์ ทฤษฎี ลักษณะพิเศษ มันคือการต่อสู้เพื่อให้ยอมรับซึ่งกันและกัน
แล้วการต่อสู้นี้ล่ะ ไม่มีเวทมนตร์พิเศษ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาชัยชนะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขารู้สึกเช่นนี้
” จริงๆเหรอที่พวกเขาล้าหลัง . . . . . . . “
( ซุยเมอิ) จากคำพูดที่เขาได้บอกเฟลเมเนียไปก่อนหน้า ตอนนี้เขาเป็นห่วง จากนี้ไป เขาจะต้องอยู่ที่นี่ เขาสงสัยว่ามีความลึกลับใดๆที่สามารถทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นได้บ้าง
ปล 1. ไฟมาแล้วครับ
ปล 2.รู้สึกเหมือนนิยายเรื่องนี้เลเวลความยากเพิ่มขึ้นในทุกๆตอนเลย ความรู้สึกเหมือนไปอ่านเทพทัตฉบับอิ้ง /กระอักเลือด
ปล 3. ถ้าผมเป็นเฟลเมเนีย ผมยอมแพ้ตั้งแต่ตอนสลายไฟแล้ว ไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนยำขนาดนี้หรอก
ที่มา: