ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปไม่กี่วันหลังเหตุการณ์ในสวนสีขาว เฟลเมเนีย สติงเรย์ก็ถูกเรียกไปยังท้องพระโรงโดยราชาเอลมาเดียส เกี่ยวกับความคืบหน้าในการเรียนรู้เวทมนตร์ของผู้กล้าเรอิจิ เขาต้องการที่จะฟังมันจากตัวผู้สอนเอง ราชาได้ยินเรื่องนี้จากคนอื่นๆเช่นกัน แต่รายละเอียดเป็น
“ผู้มีพรสวรรค์”
“จอมเวทอัจฉริยะ”
“ดีที่สุดในโลก”
และอื่นๆ รายละเอียดคลุมเครืออย่างเช่น ข้อมูลไม่แน่ชัด อาจเป็นไปได้ว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งเกินความเข้าใจ ยังไงก็ตามในฐานะที่เป็นคนพาพวกเขามา ราชาก็ควรจะรู้รายละเอียดด้วย เขาอยากให้อาจารย์ของผู้กล้า
เฟลเมเนีย รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฟลเมเนียสวมเสื้อคลุมสีขาวคุกเข่าอยู่ต่อหน้าราชาเพื่อรายงานผลการเรียนรู้ของผู้กล้าเรอิจิ และมิซึกิ อาโนว ในระยะสั้น ผู้กล้าเรอิจิมีพรสวรรค์มาเป็นพิเศษ พลังของเขาเพียงคนเดียวมีมากกว่าสิบเท่าของสภาจอมเวท
แต่ยังคงมีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับการควบคุมและเทคนิคของเขา แต่เธอคิดว่าความรู้ความเข้าใจเรื่องเวทมนตร์ของเขาก็นับว่าเร็วมาก ส่วนมิซึกิ อาโนว แม้เธอจะไม่ได้มีพลังมากเมื่อเทียบกับผู้กล้าเรอิจิ แต่ก็มีความสามารถใกล้เคียงกัน
เกี่ยวกับความสามารถเรื่องของความเข้าใจและการใช้เวทมนตร์เธออาจจะมีพอๆกับผู้กล้าที่ได้รับพลังทีเดียว
” โดยรวมแล้ว หม่อมฉันประทับใจความคืบหน้าของผู้กล้าเรอิจิจิ และความคืบหน้าของมิซึกิ อาโนว. สักวันหนึ่งพวกเขาจะเทียบเท่ากับจอมเวทสูงสุดในประเทศอื่น ๆ เช่นกัน “
( เฟลเมเนีย ) หลังจากเสร็จสิ้นการชมเชยของเฟลเมเนีย ราชาตรัสถามติดตลก
” พวกเขาจะแซงหน้าเจ้า ? “
(ราชา )
“ถ้าเป็นเรอิจิโดโนะก็อาจจะ”
(เฟลเมเนีย)
“งั้นเหรอ ได้ยินแบบนั้นเราก็โล่งใน หากเรอิจิโดโนะมีความสามารถเราคงไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”
(ราชา)
“ใช่ค่ะ หม่อมฉันประหลาดใจมากเช่นกัน ทั้งๆที่เขาเพิ่งฝึกการใช้เวทมนตร์ได้เพียงสองสัปดาห์เท่านั้น แต่กลับสามารถพัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับนักเวทขั้นกลางได้แล้ว ‘ผู้กล้าที่ได้รับเลือก’ ไม่ได้เป็นแค่เพียงชื่อที่เอาไว้อวดอ้างเท่านั้น ในฐานะนักเวทก็ต้องบอกว่าหม่อมฉันอิจฉา”
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียหยุดรายงาน เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน แต่เธอก็บอกอย่างตรงไปตรงมาว่าอิจฉา มันไม่น่าแปลกอะไร ตามที่เธอบอก การเจริญเติบโตของผู้กล้าเรอิจิ ไม่สามารถที่จะอธิบายด้วยคำอื่นได้อีกแล้ว แต่ในฐานะที่เฟลเมเนียผู้ที่ถูกกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะ พูดแบบนี้ออกมามันก็ดูออกจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปสักหน่อย
“ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น ถ้าหากเขามีพลังน้อยกว่านี้ อาจเป็นเราเองที่ต้องกังวล”
(ราชา)
“หม่อมฉันเห็นด้วยกับฝ่าบาท ราชาปีศาจจะต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน”
(เฟลเมเนีย)
“หุหุ”
(ราชา) ราชาพยักหน้า เมื่อได้ยินความคืบหน้าของผู้กล้า เขาอยากจะขอบคุณเฟลเมเนียที่มีส่วนร่วมมาจนถึงตอนนี้
“จอมเวทเฟลเมเนีย สติงเรย์ เราได้ยินมาว่าอีกสามวันผู้กล้าจะออกเดินทาง จงทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีที่สุด”
“ตามพระบัญชา หม่อมฉันจะปฏิบัติตาม”
(เฟลเมเนีย) หลังจากจบรายงานแล้ว เฟลเมเนียได้รับหมอบหมายบททดสอบ… แต่เธอไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากราชา ราชาทำสีหน้าลำบากใจก่อนเอ่ยปากราวกับยังมีเรื่องอย่างอื่นอีก
“เฟลเมเนีย มีเรื่องอื่นที่อยากจะถาม คนอื่นๆยังปกติดีใช่มั้ย?”
(ราชา)
” ใช่ค่ะ”
(เฟลเมเนีย)
“เกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนนั้น เพื่อนของเรอิจิโดโนะและมิซึกิโดโนะ”
(ราชา) ราชากล่าวถึงซุยเมอิ นอกเหนือจากรายงานของเฟลเมเนีย ราชายังสนใจเรื่องของซุยเมอิ เขายังคงใช้เวทมนตร์ในการเดินเล่นในปราสาท แต่ราชากลัวการเผชิญหน้ากันระหว่างเฟลเมเนียและซุยเมอิเป็นที่สุด นับจากที่สนทนากันไปเมื่อวันก่อน เขาอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ซุ ซุยเมอิโดโนะ?”
(เฟลเมเนีย) เป็นคำถามที่คาดไม่ถึง เฟลเมเนียตกใจเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะไม่ตั้งใจแต่ก็เผลอส่งเสียงมีพิรุธออกมาเมื่อราชาถามเธอ
“ถูกแล้ว หลังจากที่เจ้าบอกเรื่องนั้นกับเราแล้วเขาทำอะไรบ้าง? เจ้ายังตามสังเกตเขาอยู่ใช่มั้ย?”
(ราชา)
“นั่น นั่นมันก็ … “
(เฟลเมเนีย)
“เฟลเมเนีย?”
(ราชา) ยังไงก็ตามเฟลเมเนียพยายามหลบสายตาราชาและทำท่าอ้ำอึ้ง มันแตกต่างจากการพูดถึงเรื่องของผู้กล้า ราชามองอย่างสงสัย แปลกมาก ปกติแล้วไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าสถานการณ์แบบไหนหรือศัตรูจะเป็นใครเธอก็จะไม่หวั่นไหว และพร้อมที่จะเข้าไปฟาดฟัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น
“อ่า … เอ่อ … “
(เฟลเมเนีย)
“มีอะไรรึเปล่า? อย่าบอกนะว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น? “
(ราชา)
” ไม่มีค่ะก็เพียงแค่ว่า … “
(เฟลเมเนีย) แม้ว่าราชาจะตรัสถามเป็นครั้งที่สอง เธอก็ยังคงอ้ำอึ้ง และทำหน้าเหมือนกับกลัวบางสิ่งบางอย่าง ตอนนี้เขาถามอย่างจริงจัง
“ตอบคำถามเรามาเฟลเมเนีย ถ้าเจ้ายังเงียบอยู่การสนทนาก็จะไม่ไปไหน บอกสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เจ้าเห็นมา”
(ราชา) แต่แทนที่จะตอบเธอก้มหน้าลง
“ฝ่าบาท! โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย แต่ว่า….! “
(เฟลเมเนีย)
“เจ้าจะบอกว่า เจ้าบอกเราไม่ได้งั้นเหรอ”
(ราชา)
“ค่ะ…เป็นอย่างที่ฝ่าบาทว่ามา “
(เฟลเมเนีย)
“ทำไม?”
(ราชา)
“หม่อมฉันไม่สามารถพูดได้”
(เฟลเมเนีย)
“มู่… “
(ราชา) เมื่อเห็นท่าทางยืนกรานที่จะไม่พูดนั้นแล้ว ราชาก็ได้แต่คร่ำครวญ เฟลเมเนียปฏิเสธที่จะบอก เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เธอซ่อนอะไรไว้กัน?
หรือเธอไปทำอะไรเอาไว้ ถึงได้ไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้ เธออาจกำลังคิดว่าถ้าพูดไม่ดีเธออาจจะถูกลงโทษก็ได้ หมายความว่าเธอป้องกันตัวเองจากการถูกลงโทษ ถ้าแบบนั้นทุกอย่างก็ชัดเจน
“เราบอกเจ้าแล้วใช่มั้ยเฟลเมเนีย แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะไปทำอะไรไว้กับเขา เราพูดถูกมั้ย?”
(ราชา) เมื่อถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด เฟลเมเนียก็รู้สึกเหมือนกับตัวเล็กลงและสั่นกลัว อัจฉริยะเฟลเมเนียรู้สึกละอายใจ เธอไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่ไม่ว่าเธอจะกลัวยังไง การลงโทษก็คือการลงโทษ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธออาจจะสามารถบอกได้ แต่ตอนนี้…..
“พูดมา เราไม่สามารถให้บทลงโทษที่เหมาะสมได้ถ้าหากว่าเจ้าไม่ยอมพูด”
(ราชา)
“ขออภัยฝ่าบาทหม่อมฉันบอกไม่ได้”
(เฟลเมเนีย)
“ไม่มีเหตุผลที่จะต้องดื้อดึง หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตนะ เอาล่ะ พูดมันออกมา”
(ราชา)
“ฝะ ฝ่าบาท”
(เฟลเมเนีย)
“มันเป็นเรื่องใหญ่นะรู้มั้ย?เฟลเมเนีย? “
(ราชา) เมื่อราชาตระหนักว่า เฟลเมเนียตัวแข็งทื่อและน้ำตาซึม เขาสงสัยว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นเธอร้องไห้มันเมื่อไหร่กันนะ?
เมื่อครั้งแรกที่เธอเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำแล้วหายตัวไป เธอถูกแยกตัวออกมาจากพ่อแม่และสับสน ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน นั่นอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย แปลก เหมือนกับว่าเขากำลังข่มขู่เพื่อเอาบางสิ่งบางอย่างจากเธอ
“ทำไมเจ้าถึงไม่พูดล่ะ?”
(ราชา)
” ………… “
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียไม่ตอบ เธอเอาแต่ก้มหน้า ราชาเอลมาเดียสคิดถึงสาเหตุที่เธอไม่ยอมตอบคำถาม เพราะว่าเธอไม่ยอมพูดเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนคำถาม
“เฟลเมเนีย เราจะตั้งคำถามกับเจ้า”
(ราชา)
” แต่ฝ่าพระบาท … “
(เฟลเมเนีย)
“ฟังให้ดีเฟลเมเนีย ถ้าคำตอบคือถูกต้อง จงเงียบ หากผิด จงส่ายหัว เข้าใจมั้ย?”
(ราชา) เธอเงียบ…. จากนั้นราชาก็ตั้งคำถาม
“ในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมามีบางอย่างเกิดขึ้นกับซุยเมอิโดโนะ?”
(ราชา)
” …… “
(เฟลเมเนีย) เงียบ … แต่ว่ามันก็ยังอยู่ในคาดการณ์ของเขา
“เป็นการพูดคุย?”
(ราชา) เฟลเมเนียส่ายหัว
“เป็นการใช้กำลัง?”
(ราชา)
” ………… “
(เฟลเมเนีย) ถูกงั้นเหรอ ถ้าเป็นการทำร้ายด้วยเวทมนตร์ก็จะต้องมีการลงโทษ เฟลเมเนียควรจะรู้ หรือว่าเขาอาจจะคิดผิด
“ซุยเมอิโดโนะได้รับบาดเจ็บ”
(ราชา) เธอส่ายหัว
“อืม…เจ้าไม่ได้พยายามจะทำร้ายเขา”
(ราชา)
” …………… “
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียเงียบ แปลก ถ้าหากเธอใช้กำลัง เธอจะต้องสบประมาทเขา แต่เธอเป็นจอมเวทที่เก่งที่สุดในอาณาจักรนี้ยังไม่สามารถทำร้ายซุยเมอิได้ นั่นหมายความว่ายังไง…. ราชาตัดสินใจถามเธออีกครั้ง
“เจ้าแพ้?”
(ราชา)
” ……… .”
(เฟลเมเนีย) ความเงียบครอบคลุมทั้งสองคน ตอนนี้แน่ใจได้แล้วว่า เมื่อเฟลเมเนียเผชิญหน้ากับซุยเมอิตามลำพัง ผลที่ตามมาคือเธอพ่ายแพ้อย่างหน้าสังเวช
“แล้ว หลังจากนั้น ซุยเมอิโดโนะกุมจุดอ่อนของเจ้าไว้อยู่ และทำให้เจ้าไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้”
(ราชา)
” …………… “
(เฟลเมเนีย) ถูกเหรอ…. ดังนั้นที่เธอไม่พูดเพราะความอ่อนแอของเธอ แม้ว่าคนที่เอาชนะเธอได้จะไม่อยู่ที่นี่ แต่เธอก็ยังคงยึดถือสัญญา เฟลเมเนียและซุยเมอิ เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกของเวทมนตร์ ด้วยความรู้ที่เขามีจำกัดมันยากจะคาดเดาถึงเนื้อหาของสัญญานั้น
“ฝ่าบาท หม่อมฉันขออภัยที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง และทำตัวไม่ซื่อสัตย์ เฟลเมเนียคนนี้ขอยอมรับทุกการลงโทษ”
(เฟลเมเนีย)
“ไม่เป็นไร เจ้าได้รับการลงโทษจากซุยเมอิโดโนะแล้ว เราจะไม่ลงโทษเจ้าอีก“
(ราชา)
“ฝ่าบาท … “
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียเสียใจในความผิดพลาดของตนเองเป็นอย่างมาก การต่อสู้กับซุยเมอิได้สร้างบากแผลขนาดใหญ่ไว้ในใจเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกลงโทษ แต่ความหยิ่งทะนงของเธอได้มลายหายไปแล้ว ราชาไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้นอีก แต่กลับกันเขากลับรู้สึกกังวลกับเรื่องของอีกคนมากกว่า
“เฟลเมเนียเราไม่สามารถมองข้ามเรื่องนี้ไปได้ เราจะเรียกซุยเมอิโดโนะมาที่นี่”
(ราชา)
“ฝ่าบาทจะเรียกซุยเมอิโดโนะมา….”
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียเห็นได้ชัดว่ารู้สึกอายมาก
“ยังไม่ชัดเจนหรือ? เราไม่สนใจเรื่องที่เขาแอบออกจากห้องพักหรือจุดอ่อนของเจ้าหรอกนะ แต่ความขัดแย้งนี้เราจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้”
(ราชา)
“หม่อมฉันจะไม่ทำมันอีก! พระองค์จะ อุ๊ก!!!”
(เฟลเมเนีย) ทันใดนั้นเธอก็จับบริเวณหน้าอกแล้วเริ่มกรีดร้อง
“เฟลเมเนีย !? เกิดอะไรขึ้น!? เฟลเมเนีย !? “
(ราชา) ราชาที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มองเห็นความผิดปกตินี้ ไม่แค่ท่าทางทุกข์ทรมาณอย่างผิดปกติเท่านั้น เธอยังบิดตัวไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดและร้องไห้อีกด้วย โชคดีที่มันเกิดขึ้นไม่นาน และเฟลเมเนียก็ก้มศีรษะลงอีกครั้ง
“อ่า … อ่า … หม่อมฉันขออภัย … พฤติกรรมที่น่าอับอาย … เช่น … “
(เฟลเมเนีย)
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไม่สบายหรือ? “
(ราชา)
“ไม่ค่ะ … “
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียปฏิเสธ แต่ที่เห็นคือ เธอเหงื่อไหลและขดตัวเป็นก้อนกลม ใบหน้าก็ซีดเหมือนกับคนตาย เราคิดว่ามันเป็นความเจ็บป่วย แต่ว่าเราไม่เคยเห็นเธอป่วยมาก่อน เราคิด อาการเจ็บหน้าอก มันอาจจะเป็นที่หัวใจ มันอยู่ในระหว่างการสนทนา เมื่อเธอคัดค้านและพูดถึงซุยเมอิ นั่นก็หมายความว่า …
“มันเป็นจุดอ่อนของเจ้า?”
(ราชา)
” ……… “
(เฟลเมเนีย)
“เวทมนตร์?”
(ราชา)
” ……… .. “
(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียไม่ตอบ เธอไม่สามารถที่จะตอบมันได้ ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจในความโง่เขลาของตนเอง ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถถามอะไรอีกต่อไปได้แล้ว ดังนั้นเราจึงบอกว่า….
“เราเข้าใจแล้ว เฟลเมเนีย เราจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง “
(ราชา)
“ฝ่าบาท?”
(เฟลเมเนีย)
“เหมือนกับที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ เราจะเรียกซุยเมอิโดโนะมาที่นี่.”
(ราชา)
“แต่ว่า!”
(เฟลเมเนีย)
“แล้วทุกอย่างจะดีเอง หลังจากนี้เราคงต้องดุว่าเจ้าสักหน่อย “
(ราชา) หลังจากนั้นราชาเอลมาเดียสก็ส่งคนมาหาจอมเวทผู้เป็นเจ้าของคำสาป
ที่มา: