I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 09 ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเอง

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ไม่กี่วันหลังเหตุการณ์ในสวนสีขาว เฟลเมเนีย  สติงเรย์ก็ถูกเรียกไปยังท้องพระโรงโดยราชาเอลมาเดียส เกี่ยวกับความคืบหน้าในการเรียนรู้เวทมนตร์ของผู้กล้าเรอิจิ เขาต้องการที่จะฟังมันจากตัวผู้สอนเอง ราชาได้ยินเรื่องนี้จากคนอื่นๆเช่นกัน แต่รายละเอียดเป็น

“ผู้มีพรสวรรค์”

“จอมเวทอัจฉริยะ”

“ดีที่สุดในโลก”

และอื่นๆ รายละเอียดคลุมเครืออย่างเช่น ข้อมูลไม่แน่ชัด อาจเป็นไปได้ว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งเกินความเข้าใจ ยังไงก็ตามในฐานะที่เป็นคนพาพวกเขามา ราชาก็ควรจะรู้รายละเอียดด้วย เขาอยากให้อาจารย์ของผู้กล้า

เฟลเมเนีย รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฟลเมเนียสวมเสื้อคลุมสีขาวคุกเข่าอยู่ต่อหน้าราชาเพื่อรายงานผลการเรียนรู้ของผู้กล้าเรอิจิ และมิซึกิ  อาโนว ในระยะสั้น ผู้กล้าเรอิจิมีพรสวรรค์มาเป็นพิเศษ พลังของเขาเพียงคนเดียวมีมากกว่าสิบเท่าของสภาจอมเวท

แต่ยังคงมีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับการควบคุมและเทคนิคของเขา  แต่เธอคิดว่าความรู้ความเข้าใจเรื่องเวทมนตร์ของเขาก็นับว่าเร็วมาก ส่วนมิซึกิ  อาโนว แม้เธอจะไม่ได้มีพลังมากเมื่อเทียบกับผู้กล้าเรอิจิ แต่ก็มีความสามารถใกล้เคียงกัน

เกี่ยวกับความสามารถเรื่องของความเข้าใจและการใช้เวทมนตร์เธออาจจะมีพอๆกับผู้กล้าที่ได้รับพลังทีเดียว

” โดยรวมแล้ว หม่อมฉันประทับใจความคืบหน้าของผู้กล้าเรอิจิจิ และความคืบหน้าของมิซึกิ อาโนว. สักวันหนึ่งพวกเขาจะเทียบเท่ากับจอมเวทสูงสุดในประเทศอื่น ๆ เช่นกัน “

( เฟลเมเนีย ) หลังจากเสร็จสิ้นการชมเชยของเฟลเมเนีย  ราชาตรัสถามติดตลก

” พวกเขาจะแซงหน้าเจ้า ? “

(ราชา )

“ถ้าเป็นเรอิจิโดโนะก็อาจจะ”

(เฟลเมเนีย)

“งั้นเหรอ ได้ยินแบบนั้นเราก็โล่งใน  หากเรอิจิโดโนะมีความสามารถเราคงไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”

(ราชา)

“ใช่ค่ะ หม่อมฉันประหลาดใจมากเช่นกัน  ทั้งๆที่เขาเพิ่งฝึกการใช้เวทมนตร์ได้เพียงสองสัปดาห์เท่านั้น แต่กลับสามารถพัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับนักเวทขั้นกลางได้แล้ว ‘ผู้กล้าที่ได้รับเลือก’ ไม่ได้เป็นแค่เพียงชื่อที่เอาไว้อวดอ้างเท่านั้น ในฐานะนักเวทก็ต้องบอกว่าหม่อมฉันอิจฉา”

(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียหยุดรายงาน เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย  แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน แต่เธอก็บอกอย่างตรงไปตรงมาว่าอิจฉา  มันไม่น่าแปลกอะไร ตามที่เธอบอก  การเจริญเติบโตของผู้กล้าเรอิจิ ไม่สามารถที่จะอธิบายด้วยคำอื่นได้อีกแล้ว แต่ในฐานะที่เฟลเมเนียผู้ที่ถูกกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะ พูดแบบนี้ออกมามันก็ดูออกจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปสักหน่อย

“ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น  ถ้าหากเขามีพลังน้อยกว่านี้ อาจเป็นเราเองที่ต้องกังวล”

(ราชา)

“หม่อมฉันเห็นด้วยกับฝ่าบาท  ราชาปีศาจจะต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน”

(เฟลเมเนีย)

“หุหุ”

(ราชา) ราชาพยักหน้า เมื่อได้ยินความคืบหน้าของผู้กล้า เขาอยากจะขอบคุณเฟลเมเนียที่มีส่วนร่วมมาจนถึงตอนนี้

“จอมเวทเฟลเมเนีย สติงเรย์  เราได้ยินมาว่าอีกสามวันผู้กล้าจะออกเดินทาง จงทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีที่สุด”

“ตามพระบัญชา หม่อมฉันจะปฏิบัติตาม”

(เฟลเมเนีย) หลังจากจบรายงานแล้ว เฟลเมเนียได้รับหมอบหมายบททดสอบ… แต่เธอไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากราชา  ราชาทำสีหน้าลำบากใจก่อนเอ่ยปากราวกับยังมีเรื่องอย่างอื่นอีก

“เฟลเมเนีย มีเรื่องอื่นที่อยากจะถาม คนอื่นๆยังปกติดีใช่มั้ย?”

(ราชา)

” ใช่ค่ะ”

(เฟลเมเนีย)

“เกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนนั้น เพื่อนของเรอิจิโดโนะและมิซึกิโดโนะ”

(ราชา) ราชากล่าวถึงซุยเมอิ นอกเหนือจากรายงานของเฟลเมเนีย ราชายังสนใจเรื่องของซุยเมอิ เขายังคงใช้เวทมนตร์ในการเดินเล่นในปราสาท แต่ราชากลัวการเผชิญหน้ากันระหว่างเฟลเมเนียและซุยเมอิเป็นที่สุด นับจากที่สนทนากันไปเมื่อวันก่อน เขาอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“ซุ  ซุยเมอิโดโนะ?”

(เฟลเมเนีย) เป็นคำถามที่คาดไม่ถึง เฟลเมเนียตกใจเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะไม่ตั้งใจแต่ก็เผลอส่งเสียงมีพิรุธออกมาเมื่อราชาถามเธอ

“ถูกแล้ว  หลังจากที่เจ้าบอกเรื่องนั้นกับเราแล้วเขาทำอะไรบ้าง? เจ้ายังตามสังเกตเขาอยู่ใช่มั้ย?”

(ราชา)

“นั่น  นั่นมันก็ … “

(เฟลเมเนีย)

“เฟลเมเนีย?”

(ราชา) ยังไงก็ตามเฟลเมเนียพยายามหลบสายตาราชาและทำท่าอ้ำอึ้ง มันแตกต่างจากการพูดถึงเรื่องของผู้กล้า ราชามองอย่างสงสัย แปลกมาก  ปกติแล้วไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าสถานการณ์แบบไหนหรือศัตรูจะเป็นใครเธอก็จะไม่หวั่นไหว และพร้อมที่จะเข้าไปฟาดฟัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น

“อ่า … เอ่อ … “

(เฟลเมเนีย)

“มีอะไรรึเปล่า? อย่าบอกนะว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น? “

(ราชา)

” ไม่มีค่ะก็เพียงแค่ว่า … “

(เฟลเมเนีย) แม้ว่าราชาจะตรัสถามเป็นครั้งที่สอง เธอก็ยังคงอ้ำอึ้ง และทำหน้าเหมือนกับกลัวบางสิ่งบางอย่าง ตอนนี้เขาถามอย่างจริงจัง

“ตอบคำถามเรามาเฟลเมเนีย  ถ้าเจ้ายังเงียบอยู่การสนทนาก็จะไม่ไปไหน บอกสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เจ้าเห็นมา”

(ราชา) แต่แทนที่จะตอบเธอก้มหน้าลง

“ฝ่าบาท! โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย แต่ว่า….! “

(เฟลเมเนีย)

“เจ้าจะบอกว่า เจ้าบอกเราไม่ได้งั้นเหรอ”

(ราชา)

“ค่ะ…เป็นอย่างที่ฝ่าบาทว่ามา “

(เฟลเมเนีย)

“ทำไม?”

(ราชา)

“หม่อมฉันไม่สามารถพูดได้”

(เฟลเมเนีย)

“มู่… “

(ราชา) เมื่อเห็นท่าทางยืนกรานที่จะไม่พูดนั้นแล้ว ราชาก็ได้แต่คร่ำครวญ เฟลเมเนียปฏิเสธที่จะบอก เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เธอซ่อนอะไรไว้กัน?

หรือเธอไปทำอะไรเอาไว้ ถึงได้ไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้ เธออาจกำลังคิดว่าถ้าพูดไม่ดีเธออาจจะถูกลงโทษก็ได้ หมายความว่าเธอป้องกันตัวเองจากการถูกลงโทษ ถ้าแบบนั้นทุกอย่างก็ชัดเจน

“เราบอกเจ้าแล้วใช่มั้ยเฟลเมเนีย  แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะไปทำอะไรไว้กับเขา เราพูดถูกมั้ย?”

(ราชา) เมื่อถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด เฟลเมเนียก็รู้สึกเหมือนกับตัวเล็กลงและสั่นกลัว อัจฉริยะเฟลเมเนียรู้สึกละอายใจ เธอไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้  แต่ไม่ว่าเธอจะกลัวยังไง  การลงโทษก็คือการลงโทษ  ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธออาจจะสามารถบอกได้ แต่ตอนนี้…..

“พูดมา เราไม่สามารถให้บทลงโทษที่เหมาะสมได้ถ้าหากว่าเจ้าไม่ยอมพูด”

(ราชา)

“ขออภัยฝ่าบาทหม่อมฉันบอกไม่ได้”

(เฟลเมเนีย)

“ไม่มีเหตุผลที่จะต้องดื้อดึง  หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตนะ เอาล่ะ พูดมันออกมา”

(ราชา)

“ฝะ  ฝ่าบาท”

(เฟลเมเนีย)

“มันเป็นเรื่องใหญ่นะรู้มั้ย?เฟลเมเนีย? “

(ราชา) เมื่อราชาตระหนักว่า เฟลเมเนียตัวแข็งทื่อและน้ำตาซึม  เขาสงสัยว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นเธอร้องไห้มันเมื่อไหร่กันนะ?

เมื่อครั้งแรกที่เธอเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำแล้วหายตัวไป  เธอถูกแยกตัวออกมาจากพ่อแม่และสับสน ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน  นั่นอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย แปลก  เหมือนกับว่าเขากำลังข่มขู่เพื่อเอาบางสิ่งบางอย่างจากเธอ

“ทำไมเจ้าถึงไม่พูดล่ะ?”

(ราชา)

” ………… “

(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียไม่ตอบ เธอเอาแต่ก้มหน้า ราชาเอลมาเดียสคิดถึงสาเหตุที่เธอไม่ยอมตอบคำถาม เพราะว่าเธอไม่ยอมพูดเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนคำถาม

“เฟลเมเนีย  เราจะตั้งคำถามกับเจ้า”

(ราชา)

” แต่ฝ่าพระบาท … “

(เฟลเมเนีย)

“ฟังให้ดีเฟลเมเนีย  ถ้าคำตอบคือถูกต้อง จงเงียบ หากผิด จงส่ายหัว เข้าใจมั้ย?”

(ราชา) เธอเงียบ…. จากนั้นราชาก็ตั้งคำถาม

“ในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมามีบางอย่างเกิดขึ้นกับซุยเมอิโดโนะ?”

(ราชา)

” …… “

(เฟลเมเนีย) เงียบ … แต่ว่ามันก็ยังอยู่ในคาดการณ์ของเขา

“เป็นการพูดคุย?”

(ราชา) เฟลเมเนียส่ายหัว

“เป็นการใช้กำลัง?”

(ราชา)

” ………… “

(เฟลเมเนีย) ถูกงั้นเหรอ  ถ้าเป็นการทำร้ายด้วยเวทมนตร์ก็จะต้องมีการลงโทษ เฟลเมเนียควรจะรู้ หรือว่าเขาอาจจะคิดผิด

“ซุยเมอิโดโนะได้รับบาดเจ็บ”

(ราชา) เธอส่ายหัว

“อืม…เจ้าไม่ได้พยายามจะทำร้ายเขา”

(ราชา)

” …………… “

(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียเงียบ แปลก ถ้าหากเธอใช้กำลัง เธอจะต้องสบประมาทเขา แต่เธอเป็นจอมเวทที่เก่งที่สุดในอาณาจักรนี้ยังไม่สามารถทำร้ายซุยเมอิได้ นั่นหมายความว่ายังไง…. ราชาตัดสินใจถามเธออีกครั้ง

“เจ้าแพ้?”

(ราชา)

” ……… .”

(เฟลเมเนีย) ความเงียบครอบคลุมทั้งสองคน  ตอนนี้แน่ใจได้แล้วว่า เมื่อเฟลเมเนียเผชิญหน้ากับซุยเมอิตามลำพัง ผลที่ตามมาคือเธอพ่ายแพ้อย่างหน้าสังเวช

“แล้ว หลังจากนั้น  ซุยเมอิโดโนะกุมจุดอ่อนของเจ้าไว้อยู่ และทำให้เจ้าไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้”

(ราชา)

” …………… “

(เฟลเมเนีย) ถูกเหรอ…. ดังนั้นที่เธอไม่พูดเพราะความอ่อนแอของเธอ แม้ว่าคนที่เอาชนะเธอได้จะไม่อยู่ที่นี่ แต่เธอก็ยังคงยึดถือสัญญา  เฟลเมเนียและซุยเมอิ เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกของเวทมนตร์  ด้วยความรู้ที่เขามีจำกัดมันยากจะคาดเดาถึงเนื้อหาของสัญญานั้น

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขออภัยที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง และทำตัวไม่ซื่อสัตย์  เฟลเมเนียคนนี้ขอยอมรับทุกการลงโทษ”

(เฟลเมเนีย)

“ไม่เป็นไร  เจ้าได้รับการลงโทษจากซุยเมอิโดโนะแล้ว เราจะไม่ลงโทษเจ้าอีก

(ราชา)

“ฝ่าบาท … “

(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียเสียใจในความผิดพลาดของตนเองเป็นอย่างมาก การต่อสู้กับซุยเมอิได้สร้างบากแผลขนาดใหญ่ไว้ในใจเธอ   ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกลงโทษ แต่ความหยิ่งทะนงของเธอได้มลายหายไปแล้ว  ราชาไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้นอีก แต่กลับกันเขากลับรู้สึกกังวลกับเรื่องของอีกคนมากกว่า

“เฟลเมเนียเราไม่สามารถมองข้ามเรื่องนี้ไปได้  เราจะเรียกซุยเมอิโดโนะมาที่นี่”

(ราชา)

“ฝ่าบาทจะเรียกซุยเมอิโดโนะมา….”

(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียเห็นได้ชัดว่ารู้สึกอายมาก

“ยังไม่ชัดเจนหรือ? เราไม่สนใจเรื่องที่เขาแอบออกจากห้องพักหรือจุดอ่อนของเจ้าหรอกนะ  แต่ความขัดแย้งนี้เราจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้”

(ราชา)

“หม่อมฉันจะไม่ทำมันอีก! พระองค์จะ อุ๊ก!!!”

(เฟลเมเนีย) ทันใดนั้นเธอก็จับบริเวณหน้าอกแล้วเริ่มกรีดร้อง

“เฟลเมเนีย !? เกิดอะไรขึ้น!? เฟลเมเนีย !? “

(ราชา) ราชาที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มองเห็นความผิดปกตินี้  ไม่แค่ท่าทางทุกข์ทรมาณอย่างผิดปกติเท่านั้น เธอยังบิดตัวไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดและร้องไห้อีกด้วย  โชคดีที่มันเกิดขึ้นไม่นาน และเฟลเมเนียก็ก้มศีรษะลงอีกครั้ง

“อ่า … อ่า … หม่อมฉันขออภัย … พฤติกรรมที่น่าอับอาย … เช่น … “

(เฟลเมเนีย)

“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไม่สบายหรือ? “

(ราชา)

“ไม่ค่ะ … “

(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียปฏิเสธ แต่ที่เห็นคือ เธอเหงื่อไหลและขดตัวเป็นก้อนกลม ใบหน้าก็ซีดเหมือนกับคนตาย  เราคิดว่ามันเป็นความเจ็บป่วย  แต่ว่าเราไม่เคยเห็นเธอป่วยมาก่อน  เราคิด อาการเจ็บหน้าอก มันอาจจะเป็นที่หัวใจ มันอยู่ในระหว่างการสนทนา เมื่อเธอคัดค้านและพูดถึงซุยเมอิ นั่นก็หมายความว่า …

“มันเป็นจุดอ่อนของเจ้า?”

(ราชา)

” ……… “

(เฟลเมเนีย)

“เวทมนตร์?”

(ราชา)

” ……… .. “

(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียไม่ตอบ เธอไม่สามารถที่จะตอบมันได้   ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจในความโง่เขลาของตนเอง ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถถามอะไรอีกต่อไปได้แล้ว ดังนั้นเราจึงบอกว่า….

“เราเข้าใจแล้ว เฟลเมเนีย เราจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง “

(ราชา)

“ฝ่าบาท?”

(เฟลเมเนีย)

“เหมือนกับที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ เราจะเรียกซุยเมอิโดโนะมาที่นี่.”

(ราชา)

“แต่ว่า!”

(เฟลเมเนีย)

“แล้วทุกอย่างจะดีเอง  หลังจากนี้เราคงต้องดุว่าเจ้าสักหน่อย “

(ราชา) หลังจากนั้นราชาเอลมาเดียสก็ส่งคนมาหาจอมเวทผู้เป็นเจ้าของคำสาป

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments