I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 10 ก็เพราะว่าเป็นผู้ใช้เวทยังไงล่ะ (1)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ช่วงเวลากลางดึก  ระหว่างการสนทนากับเฟลเมเนีย ประตูห้องท้องพระโรงก็ถูกเปิดออก และคนที่เข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเพื่อนของผู้กล้า ยาคางิ  ซุยเมอิ ที่เฟลเมเนียบอกไว้ว่าเป็นจอมเวทจากอีกโลกหนึ่ง

เด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาๆจากอีกโลกหนึ่งเดินเข้ามาโค้งคำนับอย่างช้าๆ แม้ว่าความประทับใจที่ราชารู้สึกได้จากซุยเมอิ เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรกในห้องเดียวกันนี้ เขาได้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ราชาไม่เคยเห็นมาก่อน

เสื้อผ้าสีดำสนิททั้งชุดและออกแบบอย่างหรูหรา เห็นได้ชัดว่ามีคุณภาพสูง ท่าทางเห็นได้ชัดว่าไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์อะไรแบบนี้  ซุยเมอิตัวแข็งเล็กน้อยเมื่อคุกเข่าต่อหน้าราชา

“องค์ราชาเรียกผมหรือ”

(ซุยเมอิ)

“ขอบคุณสำหรับการตอบรับคำเชิญของเรา แม้ว่ามันจะเป็นเวลาดึกมากแล้ว  การกระทำของท่านเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่คืนนี้มีเพียงเราสองคน  ไม่จำเป็นต้องเป็นทางการขนาดนั้น ตามสบายเถอะ”

(ราชา)

” … “

(ซุยเมอิ)

“ยอมรับไม่ได้รึ?”

(ราชา)

“เข้าใจแล้ว”

(ซุยเมอิ) คำร้องขอที่น่าประหลาดใจ  ซุยเมอิลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และยกศีรษะขึ้น ยังไงก็ตามการแสดงออกของเขายังคงแข็งกระด้างอยู่ ตอนนี้ราชาเลือกยิงประเด็นไปยังหัวข้อหลักทันที แต่ถามเรื่องเครื่องแต่งกายของเขาแทน

“ซุยเมอิโดโนะ นี่เป็นเครื่องแต่งกายของเจ้าหรือ ปกติไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่”

(ราชา)

“ถูกต้อง นี่เป็นสิ่งที่ติดมาจากโลกเก่าของฉัน  แต่เดิมมันถูกเก็บอยู่ในกระเป๋า เป็นหนึ่งในของจำนวนน้อยนิดที่ถูกพามาด้วย”

(ซุยเมอิ)

“มันดูค่อนข้างจะแตกต่างจากของท่านผู้กล้าอยู่นะ”

(ราชา)

“ในโลกของเรามันเป็นเครื่องแต่งกายอย่างเป็นทางการและมักจะสวมใส่ในโอกาสเช่นนี้”

(ซุยเมอิ) จากคำพูดของซุยเมอิ ราชากลับมาพิจารณาเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่อีกครั้ง ทั้งชุดถูกสร้างมาจากวัสดุสีดำราวกับนิล  ลวดลายถูกปักไว้บริเวณคอเสื้อ  การออกแบบยิ่งทำให้ชุดดูหรูหรายิ่งขึ้นไปอีก

“อืมมม  มันดูเหมาะกับเจ้าดี “

(ราชา)

“ขอบคุณสำหรับคำชม องค์ราชา”

(ซุยเมอิ) ซุยเมอิตอบ เขาขยับคอและแขนเพื่อปรับท่าทางของเขา  การกระทำอยู่คุ้นเคยนี้ลบท่าทางอันแข็งขืนของเขาออกไป  ทันใดนั้นเขาก็นึกบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญได้และก้มศีรษะลง

“มันอาจจะช้าไปสักหน่อยแต่ ขออภัยในการกระทำอันรุนแรงของฉันในไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วย”

(ซุยเมอิ) นี่เป็นการขอโทษอย่างแท้จริง ซุยเมอิขอโทษสำหรับพฤติกรรมของเขาในวันที่ถูกอัญเชิญมา และรู้ว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะกลับไปที่โลกเดิมได้  มันทำให้เขาโกรธเกรี้ยวมากทีเดียว มันเป็นการกระทำที่แสดงออกมาตามธรรมชาติ ในตอนนั้นซุยเมอิกระโจนขึ้นไปหาเขาและตะโกนว่า

“โกหกใช่มั้ย? ถ้าไม่สามารถส่งเรากลับได้แล้วเรียกพวกเรามาทำไมตั้งแต่แรก!”

จากคำพูดและท่างทางที่แสดงออกมานั้นทำร้ายจิตใจราชาเป็นอย่างมาก ท่าทีที่ซุยเมอิแสดงออกถึงความเกลียดชังทุกคนที่อยู่ในห้องตอนนั้น  ราชาทรงพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ให้พวกเขาปะทะกัน   แต่หลังจากนั้นซุยเมอิกลับกล่าวว่าขออภัย

“โอ้ ไม่ ไม่จำเป็น มันไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น ความรู้สึกของท่านนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว เราเองก็ผิดที่ดึงพวกท่านเข้ามาสู่โลกของเราโดยที่ไม่มีวิธีที่จะส่งพวกท่านกลับ ไม่มีความจำเป็นที่ท่านจะต้องมากล่าวขอโทษเรา โปรดเงยหน้าเถอะ”

(ราชา)

“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น….”

(ซุยเมอิ) เมื่อราชาตรัสดังนั้น ซุยเมอิเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง  จากการแสดงออกของเขาเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นความผิดของเขา แต่เขารู้สึกว่าความยุ่งวุ่นวายเกิดจากการที่เขาทำท่าทีไม่เหมาะสม เห็นได้ชัดจากความอึดอัดใจที่แสดงออกบนใบหน้า และตอนนี้การสนทนาแรกของพวกเขาก็ได้จบลง   ซุยเมอิพูดต่อไปว่า

“ฉันอยากจะถามว่าเรียกฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”

(ซุยเมอิ)

“ใช่  เรามีบางสิ่งที่ต้องการจากท่าน”

(ราชา)

“ฉันเข้าใจแล้ว”

(ซุยเมอิ) เมื่อรับทราบแล้วซุยเมอิแสดงความสักสน ใบหน้าขาวซีดของเขาถูกฉาบทับไปด้วยความงุนงง  ท่าทีของซุยเมอิในตอนนี้แสดงออกถึงความคิดที่แท้จริงของเขา ราชาเอ่ยคำถาม

“มีบางสิ่งที่เราอยากจะถามท่านเกี่ยวกับเฟลเมเนีย”

(ราชา)

“เฟลเมเนียซัง? ถ้าฉันจำไม่ผิดเธอเป็นหนึ่งในคนที่สอนเวทมนตร์ให้กับเรอิจิและมิซึกิ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”

(ซุยเมอิ)

“ถูกแล้ว เธอเป็นหนึ่งในนั้น  เธอบอกกับเราว่าเคยเห็นท่านเดินไปรอบๆปราสาทเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา”

(ราชา) เมื่อเจอกับข้ออ้างของซุยเมอิ ราชาพูดถึงสิ่งที่เคยได้ยินจากเฟลเมเนีย คำพูดเหล่านั้นสร้างรอยยิ้มขมขื่นให้กับซุยเมอิ เมื่อบางสิ่งบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์ได้ถูกค้นพบเกี่ยวกับตัวเขา

“อ่า…ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว ฉันเคยได้ยินว่าเราสามารถเดินเตร็ดเตร่ในปราสาทได้  ดังนั้นฉันจึงไปเดินเล่นเพื่อผ่อนคลาย  ฉันทำผิดอะไรอย่างนั้นหรือ”

(ซุยเมอิ)

“แน่นอนไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม ที่จริงแล้วเรามีคำสั่งอนุญาตอย่างชัดเจน แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะพูด”

(ราชา)

“แล้วอะไรล่ะที่อยากจะถามฉัน(ซุยเมอิ)”

“นี่”

“?”

ความสับสนถูกแสดงออกทั่วหน้าของซุยเมอิ แต่ใครจะรู้ได้ว่านี้คือความรู้สึกที่แท้จริงของเขาหรือเปล่า มีการกล่าวถึงเฟลเมเนีย  แต่จะต้องพูดอะไรเกี่ยวกับเธอล่ะ?

แน่นอนว่าเขาเข้าใจถึงจุดประสงค์ของคำถามนี้  แต่ก็ตั้งใจเต็มที่ว่าจะตีเนียนทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไปเรื่อยๆ  อันที่จริงก่อนหน้าที่จะถูกเรียกมาสอบปากคำนี้ ตอนที่ได้รับคำเชิญก็อาจก่อให้เกิดความกังวลอยู่บ้าง

หากราชาเป็นซุยเมอิ เข้าจะต้องเตรียมการบางอย่างก่อน  ด้วยพลังของเขา เขามีโอกาสที่จะเตรียมทางหลบหนีไว้แล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายคือจอมเวทย์ที่เฟลเมเนียพ่ายแพ้  หากราชาทำอะไรให้ไม่พอใจ ซุยเมอิคงจะหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย

ในใจแล้วเขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถจบเรื่องนี้ได้ ด้วยเกมของคนโง่แบบนั้นหรอก แบบนั้น  ถึงรู้ว่าข้างหน้าจะเป็นหุบเหว แต่ราชาก็ยังเลือกจะไปต่อ

“เราต้องการรู้ว่าท่าทำอะไรเฟลเมเนีย?”

(ราชา)

“ฉันทำอะไร? ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่องค์ราชาหมายถึง”

(ซุยเมอิ)

“ซุยเมอิโดโนะ ท่านรู้ว่าเราพูดถึงอะไร ดังนั้นแล้ว….”

(ราชา)

“ขอโทษด้วย ทำไมถึงคิดว่าฉันจะเข้าใจล่ะ? ฉันไม่คิดว่าฉันฉลาดขนาดนั้น”

(ซุยเมอิ) ก่อนที่ราชาจะพูดจบ ซุยเมอิขัดจังหวะของเขาด้วยคำพูดที่เหมือนกับใบมีดโกนอาบน้ำผึ้งตรงข้ามกับท่าทางสุภาพที่เขาใช้ แม้จะเข้าใจคำเตือนจากท่าทีของซุยเมอิ  แต่เขาก็ยังคงเดินหน้าต่อ

“ซุยเมอิโดโนะ เราอยากรู้”

(ราชา) เมื่อเห็นว่าราชายังคงเดินหน้าต่อโดยไม่สนใจคำเตือนของเขา  ซุยเมอิคลายที่ทีเคารพนบน้อมและลุกขึ้นยืน เขาโบกมือ  เสื้อคลุมปรากฏขึ้นมากลางอากาศและพาดอยู่บนไหล่ของเขา

แม้ว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือเวทมนตร์ของซุยเมอิ  นี่คือสิ่งที่นักเวทในโลกของเขาไม่สามารถจะทำได้  มนต์สะกดของซุยเมอิ สีหน้าของเขาในตอนนี้ทำให้ท่าที่หวั่นเกรงของเขาก่อนหน้าดูเหมือนภาพลวงตาไปเลย

ท่าทีอ่อนโยนของเขาถูกแทนด้วยท่าทางที่องอาจและบรรยากาศแห่งความทะนงตัวซึ่งราชาพบเห็นได้จากจอมเวททุกคน โดยปกติแล้วท้องพระโรงแห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่จะตวาดซุยเมอิกับความหยิ่งทะนงของเขา แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่ เป็นครั้งแรกที่ราชาได้เห็นเขาในฐานะจอมเวท  ซุยเมอิถอนหายใจ

“เป็นความจริงที่  ผู้หญิงคนนั้นแสดงให้เห็นว่าไม่มีวี่แววว่าจะได้รับความตาย ฉันประหลาดใจจริงๆเกี่ยวกับเรื่องนี้”

(ซุยเมอิ)

“ดังนั้นความจริงแล้ว …”

(ราชา)

“ใช่มันเป็นอย่างที่ท่านคิด ตัวตนของฉันที่เป็นผู้ใช้เวทย์ถูกค้นพบโดยผู้หญิงคนหนึ่ง   ก่อนที่จะรู้ตัว ดังนั้นฉันจึงหาโอกาสที่จะปิดปากเธอ  และตอนนี้เรารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่สามารถพูดได้  ดังนั้นองค์ราชารู้ได้ยังไง? “

(ซุยเมอิ)

“เราตั้งคำถามกับเธอ  เมื่อใดที่เธอไม่ตอบคำถามเราก็สามารถเดาได้”

(ราชา) คำอธิบายที่รวบรัดนี้ ซุยเมอิส่งเสียง

“อ่า”

อย่างเข้าใจ

“ดูเหมือนว่าฉันจะลืมนึกไปว่า  การทำสัญญาที่มีผลผูกพันของเธอ สามารถหลบเลี่ยงได้โดยการไม่ต้องพูดอะไรสักคำ”

(ซุยเมอิ) คำพูดของเขาถูกพูดออกไปเรื่อยๆราวกับลำเลียงออกมาจากในความทรงจำ และจู่ๆเขาก็จ้องมองไปที่ราชาด้วยสายตาคมกริบ

“แล้วเรียกฉันมาที่นี่ทำไม?หลังจากที่รู้ว่าชีวิตของผู้หญิงคนนั้นอยู่ในกำมือของฉัน  แต่ก็ยังเรียกฉันมาที่นี่โดยไม่มีองครักษ์คุ้มกัน…..ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กลัวอันตรายอะไรเลยสินะ”

(ซุยเมอิ) แน่นอนว่าราชาก็รู้ว่าอันตรายสามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในการพบกันครั้งนี้  แม้จะรู้ว่าอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้น เขาก็ยังคงเรียกซุยเมอิออกมาโดยที่ไม่ได้วางมาตรการอะไรไว้ สิ่งที่ซุยเมอิไม่เข้าใจแต่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับราชาในการเรียกเขามาที่นี่

“ไม่ต้องกังวลไป ความจริงที่ว่าซุยเมอิโดโนะและผู้กล้าทั้งสองถูกพามาที่นี่เป็นคำสั่งของเรา  นั่นคือความเป็นจริง  หลังจากที่เราพลักดันปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกนี้ให้อยู่ในมือของพวกท่าน คนที่ไม่ใช่คนในโลกเราก็ยังคงเป็นความจริง…..”

(ราชา) ซุยเมอิแยกเขี้ยวของเขาขึ้น ถ้าอย่างนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าหมาป่าในคราบของลูกแกะ  ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ทำตามแผน

” … “

(ซุยเมอิ)

“ซุยเมอิโดโนะ การนำท่านมายังอาณาจักรนี้และไม่สามารถที่จะส่งกลับไปได้คือความผิดของเรา ได้โปรดให้อภัยและรับฟังคำขอร้องอันหยาบคายของเราด้วย ยังไงก็ตามเรายังคงต้องการจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น? ”

(ราชา)

“ความอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งไม่ดีนะรู้มั้ย? มันจะดีกว่าหากไม่ต้องมารับรู้ถูกรึเปล่า?”

(ซุยเมอิ)

“บางทีท่านอาจจะพูดถูก แต่ แต่ถ้าเราหลบเลี่ยงสายตาไปและหลอกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วล่ะก็เฟลเมเนียก็จะต้องตาย หากเป็นแบบนั้นแล้ว เราคงจะต้องมานั่งเสียใจทีหลังแน่”

(ราชา)

“เพราะผู้หญิงที่หยิ่งยโสคนนั้น?”

(ซุยเมอิ)

“เธอเป็นคนของเรา มันเป็นเรื่องที่สมควรที่เราจะต้องปกป้องเธอ….”

(ราชา) ฟังคำพูดเหล่านี้ซุยเมอิก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“ตราบใดที่เธอไม่พูดมากก็ไม่มีภัยคุกคามใดๆ  เอาล่ะ….มีอะไรที่เราจะต้องทำที่นี่อีกมั้ย?”

(ซุยเมอิ)

“คิดว่าไม่”

(ราชา)

“ฉันเชื่อว่ามีอย่างอื่นที่มีค่ามากกว่าการสนทนานะ?”

ซุยเมอิตอบ สีหน้าของเขาดูแปลกๆ เรื่องที่ไม่คาดคิด  มีเรื่องอื่นที่จะถามงั้นหรือ?

“ซุยเมอิโดโนะ แม้เราจะไม่รู้อะไรมากนัก แต่ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนที่พาพวกท่านมายังโลกนี้ เราต้องการจะรู้ว่าท่านเป็นคนแบบไหน?จะทำอะไรต่อจากนี้? หากความปรารถนานั้นตรงกับเรา หวังว่าเราคงจะได้ร่วมมือกัน”

(ราชา) คำพูดเหล่านี้มาจากใจเขาอย่างแท้จริง สำหรับซุยเมอิ ตราบใดที่ราชาและเฟลเมเนียยังคงเก็บเรื่องของเขาให้เงียบไว้  คนที่รู้สถานะที่แท้จริงของเขายังยังมีแค่สอง กับสิ่งที่เขาทำ

เขาได้เรียกผู้กล้ามาและส่งไปต่อสู้กับปีศาจ ไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะทิ้งความรับผิดชอบทั้งหมดเรื่องที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่ได้นำพวกเขามายังโลกนี้  เขาไม่ใช่คนที่ไม่สนใจปัญหาใดๆและมุ่งเน้นเพียงความต้องการของตัวเองเท่านั้น  เขาหวังว่าจะเข้าใจแผนการของซุยเมอิและให้การสนับสนุนเท่าที่ทำได้ แต่ว่า

“แน่นอนว่าเราไม่ได้บังคับ  หากซุยเมอิโดโนะไม่ต้องการที่จะบอกความปรารถนากับเรา  หากว่าไม่ไว้ใจเรา เราก็เข้าใจ”

(ซุยเมอิ) ราชาก้มศีรษะของเขาลงจากบัลลังก์ที่เขานั่งอยู่  เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองประเทศไม่ควรทำ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น สายตาของซุยเมอิทำให้เขาผงะ

“ราชาที่ทำตัวแบบนั้น  ไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ?”

(ซุยเมอิ) การแสดงออกของเขาบ่งบอกความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด ซุยเมอิถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เหมือนกับยอมแพ้บางสิ่งบางอย่าง

“ขอโทษสำหรับความหยิ่งยโสของฉันด้วยแล้วกัน  หากมีอะไรที่ราชาต้องการจะรู้ คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนยืนอยู่ที่นี่แล้ว  โปรดถามได้อย่างอิสระ”

(ซุยเมอิ) ซุยเมอิยังคงยืนอยู่ ท่าทางของเขาอาจจะถูกคนอื่นมองไม่สุภาพ และลักษณะที่หยิ่งผยองของเขาได้หายไปและมีการเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา

ไม่ใช่ซุยเมอิที่ยืนอยู่ด้านข้างเรอิจิและมิซึกิเมื่อพวกเขาได้รับการเรียกตัวครั้งแรก หรือท่าทีที่หยิ่งยโสที่แสดงออกก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ตัวตนของเขา  ตัวตนของเขาที่แท้จริงคือยาคางิ  ซุยเมอิที่เป็นผู้ใช้เวทย์ นี่เป็นการแสดงออกถึงการให้ความเคารพมาที่สุดของเขาแล้ว เมื่อซุยเมอิแสดงออกถึงความตั้งใจของเขา ราชาจึงเริ่มตั้งคำถาม

“ท่านเป็นคนแบบไหน?”

(ราชา)

“ในโลกของเราเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ใช้เวท เราเป็นนักวิชาการที่ศึกษาเกี่ยวกับความลับของโลก  พวกเราใช้ชีวิตในแบบเดียวกับจอมเวทย์ในโลกนี้”

(วุยเมอิ)

“ผู้ใช้เวทย์…”

(ราชา) เขาพึมพำคำที่ได้ยิน  เนื่องจากอิทธิพลในการเรียกผู้กล้าว่า

“จอมเวท”

กล่าวถึงค่อนข้างมากในยุคหลัง  แต่ชื่อเรียกของเขาค่อนข้างจะแตกต่างกัน  ( “魔術師” เป็นคำที่ใช้เพื่ออธิบายผู้ใช้เวทในโลกของซุยเมอิที่ “魔法使い”ถูกใช้โดยคนของโลกอื่น ๆ .

ในพื้นถิ่นที่พวกเขาหมายถึงสิ่งเดียวกัน แต่ที่นี่ผู้เขียนมีแนวโน้มที่จะเน้นความแตกต่างในตัวบุคคลที่จะชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างบทบาทของพวกเขาในโลกที่เกี่ยวข้อง” 師 “

ความหมาย “ผู้เชี่ยวชาญ” และ “使い” ความหมาย “ผู้ใช้.” นอกจากนี้ “術” ใน “魔術” ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายเทคนิคหรือทักษะ.) ราชาถามคำถามอื่นทันที

“แล้วทำไมถึงต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ? แม้แต่ท่านผู้กล้าหรือมิซึกิโดโนะยังไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้”

(ราชา)

“ท่านเคยได้ยินจากเรอิจิและมิซึกิแล้วนี่  ว่าโลกของเราแตกต่างจากโลกนี้ โลกที่อาศัยอยู่ภายใต้การเติบโตของวิทยาศาสตร์  เวทมนตร์ในโลกของเราถูกบังคับให้อยู่ในภาวะวิกฤติ ถูกหมายหัวจากพลังที่มี นั่นเป็นเหตุผลที่ตัวตนของผู้ใช้เวทไม่มีอยู่ในโลกของฉัน  หากว่าเราปรากฏตัวขึ้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราจะถูกกำจัดทิ้งทันที  เป็นการจัดการภัยคุกคามของประชาชนที่เรียกว่าผู้ใช้เวท”

(ซุยเมอิ)   ในขณะที่เขาพูดจบเขาเพิ่มคำพูดสุดท้าย

“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องหลบซ่อน  ความระมัดระวังเป็นสิ่งจำเป็น  “

“จากสิ่งที่ท่านเล่ามาดูเหมือนว่า เพื่อไม่ให้เรอิจิโดโนะและมิซึกิโดโนะรู้เรื่องนี้จึงต้องทำให้เฟลเมเนียเงียบ  เพราะเธอไปค้นพบความลับเรื่องนี้เข้า”

(ราชา)

“ใช่ ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องอะไรไปบ้าง แต่เพื่อทำให้เธอเงียบเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ  ดังนั้นฉันจึงต้องเปิดเผยตัวเองเพื่อทดสอบเธอ  ใครจะคิดกันล่ะว่าเธอได้วางกับดักสำหรับฉัน โกเลมที่อันตราย  ตั้งแต่เธอได้เผยความประสงค์ร้ายต่อฉัน  การดำเนินการที่เหมาะ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันจะต้องทำ”

(ซุยเมอิ) คำพูดบางอย่างของเขาทำให้ราชาเอะใจ

“โกเลม?”

(ราชา)

“ถูกต้อง  การสร้างที่ค่อนข้างน่ากลัวและการปรากฏตัวที่เหมือนกับอัศวิน  มันดักซุ่มโจมตีฉัน แต่ก็ถูกทำลายไปด้วยเวทมนตร์ของฉัน”

(ซุยเมอิ)

“จอมเวทสลามัส โกเลม”

(ราชา) เมื่อเขามาถึงโกเลมได้โจมตีซุยเมอิ  ราชามีหรือจะไม่รู้ต้นกำเนิดของมัน ภายในราชวังมีโกเลมอยูเพียงตัวเดียว ที่สร้างขึ้นโดยสลามัส  อันที่จริงคนที่มีโกเลมเป็นของตัวเองก็มีแค่เขาเท่านั้น สลามัส โกเลม ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิชาการผู้มีประสิทธิภาพ เฟลเมเนียได้นำเธอออกจากท้องพระคลังแล้วก็ยังพ่ายแพ้ อย่างไงก็ตาม

“มันอาจเป็นไปได้ว่าเฟลเมเนียไม่ได้ทำอะไรมากนัก  มันดำเนินการด้วยตัวเองเป็นไปได้รึเปล่า”

(ราชา) ถ้าหากต่อสู้กันทันทีหลังจากนั้น ดูเหมือนจะเป็นการรีบร้อนไปห้องทุกห้องก็ยังคงเรียบร้อยดี แม้ว่า เฟลเมเนียเป็นคนหนึ่งที่เขาต้องการจะช่วย คำตอบของซุยเมอิมีบางอย่างแปลก

“ฉันจะไม่ปฏิเสธว่าความเยือกเย็นของฉันหายไป  แต่ฉันเป็นคนหนึ่งที่เดินอยู่บนเส้นทางแห่งเวทมนตร์และเราเป็นผู้ใช้เวท  ตามมารยาทแล้วผู้ใช้เวทย์เมื่อต้องเผชิญกับหมาป่า-อ๊ะขอโทษด้วย-เด็กสาวคนหนึ่ง ฉันล้มเหลวในการลงโทษอันรุนแรง  จะกล่าวว่ามีบางสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ดี  ฉันอาจจะต้องยอมรับว่าฉันได้ระบายความโกรธไปกับการแข็งขืนต่อโลกใบนี้แล้ว”

(ซุยเมอิ) ซุยเมอิเผยให้เห็นรอยยิ้มบอกบุญไม่รับและถอนหายใจ

” … เด็กเหลือขอซนๆคนหนึ่ง”

(ราชา)

“ผู้ใช้เวทคนนั้น คนที่พิจารณาเฉพาะสิ่งที่เขาคิดโดยไม่ได้สนใจสิ่งอื่น  ไม่เคยพิจารณาว่าการกระทำของเขาอาจจะมีผลต่อคนรอบข้าง แต่ยังไงก็ตามองค์ราชา  อย่าขอร้องให้เฟลเมเนีย ฉันไม่คิดว่าท่านมีสิทธิที่จะทำอย่างนั้น”

(ซุยเมอิ)

“นั่นนั่นมันก็จริง”

(ราชา) แม้ว่าเขาจะตัดใจจากเรื่องของเฟลเมเนียแล้ว  แน่นอนเขาไม่ได้มีสิทธิที่จะไปต่อว่าการกระทำของซุยเมอิ  การใช้เวทมนตร์คำสาปไม่ได้ถูกนำมาใช่เพื่อการชั่วร้าย  แม้ว่าซุยเมอิจะครอบครองพลังมากมาย

แต่ความปรารถนาของเขาคือการหลีกเลี่ยงจากปัญหา  ขังตัวเองอยู่ในห้อง  แม้ว่าเขาจะตรวจสอบราชวังแต่ก็หลีกเลี่ยงสำนักงานและท้องพระคลัง-สถานที่ตั้งวัตถุล้ำค่า- เขาไปได้สร้างปัญหา

ตรงกันข้าม การกระทำอันรุนแรงของเฟลเมเนียอาจถูกมองว่าสมควรได้รับบทเรียน  เขามีวิธีการที่จะอยู่อย่างสงบในโลกอื่น แต่อันตรายจากกับดักโกเลม แม้ว่าซุยเมอิจะเอาชีวิตของเธอไป พวกเขาก็ไม่มีสิทธิบ่น ขณะที่เขากำลังคิด  ซุยเมอิก็หันหน้ามองเสาที่อยู่ไม่ไกลนัก

“ไม่มีทางน่ะ…”

ราชาคิดว่าถ้าตัวเองเป็นซุยเมอิก็อยากจะเงียบเหมือนกัน

“ยังไงก็ตาม เราควรจะเข้าใจให้ตรงกันซะก่อน แล้วทำไมเธอถึงมั่นใจนักว่าฉันจะไม่ทำแบบนั้นกับเธออีก”

(ซุยเมอิ) คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีไว้สำหรับราชา  แต่สำหรับคนอื่น  ซุยเมอิพูดคำเหล่านี้กับเฟลเมเนียที่เดินออกมาจากด้านหลังเสา

” … “

เฟลเมเนียก้าวออกมาจากด้านหลังของเสา  ความประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้าของเธอ ซุยเมอิมองเธออย่างไม่แยแสก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับราชาอีกครั้ง

” … รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่?”

(เฟลเมเนีย)

“กลับกัน ทำไมฉันถึงจะต้องบอก?”

(ซุยเมอิ)

” … “

(เฟลเมเนีย) นั่นคือเรื่องดีที่ซุยเมอิเป็นผู้ใช้เวท  แทนที่จะคิดว่าเขายังคงไม่รู้ มันจะดีกว่าถ้าหากคาดเดาไว้ว่าเขาจะมองมันออก

“ซุยเมอิโดโนะ เกี่ยวกับเรื่องนี้-“

(ราชา)

“ท่านไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เมื่อท่านบอกฉันว่ามันมีเพียงแค่เราสองคนตอนที่เริ่มต้นของการสนทนา  เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องโกหก แต่เมื่อท่านพิจารณาว่ามันเป็นเพื่อประโยชน์ของผู้หญิงคนนั้นที่เป็นเรื่องที่มีค่าของท่าน  ฉันเข้าใจ “

(ซุยเมอิ)

“เราขอโทษ.”

(ราชา) ราชาขอโทษอย่างตรงไปตรงมา เฟลเมเนียซ่อนอยู่ในเงาที่ด้านข้างของเขาไม่ได้เพราะเธอต้องการที่จะปกป้องเขา แต่เพราะเขาเป็นห่วงเกี่ยวกับเธอ

ถ้าเฟลเมเนียอยู่ในห้องด้วยบางทีซุยเมอิอาจจะโกหกเกี่ยวกับเรื่องของเธอ เธอไม่ได้อยู่ในการพูดคุย แต่เพื่อให้รู้สถานการณ์ของตัวเอง  ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เธอซ่อนตัว ผลลัพธ์ก็คือ?

ซุยเมอิมองจุดประสงค์ของพวกเขาออกอย่างง่ายดาย  อย่างที่เขาได้บอก ใบหน้าของเธอซีดเผือด เฟลเมเนียเรียกชื่อของซุยเมอิ

“ซุ..ซุยเมอิโดโนะ”

(เฟลเมเนีย)

“อยากจะพูดว่าความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น? นั่นมันเป็นเหมือนเธอกำลังโกหกนะ  ถ้าเธอเป็นผู้ใช้เวทย์ เธอควรจะยึดมั่นในความถูกต้องและไม่ควรยึดติดกับเกียรติยศนะ  ไม่ใช่ว่าเธออายุมากกว่าฉันอย่างนั้นเหรอ?”

(ซุยเมอิ)

“อา … “

(เฟลเมเนีย) เฟลเมเนียปิดปากของเธอเมื่อได้ยินคำพูดของเขา  เธอไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ แต่ดูเหมือนว่าซุยเมอิจะรอให้เธอตอบ

“แล้วเหตุผลที่นายกำลังตรวจสอบวงเวทอัญเชิญผู้กล้า… “

(เฟลเมเนีย) เพราะความมุ่งมั่นที่จะกลับบ้าน

“ฉันเคยพูดไปแล้วว่าฉันต้องการที่จะกลับไปยังโลกของเรา มีสิ่งที่ฉันอย่างไม่สามารถที่จะทำได้นอกจากนี้- “

(ซุยเมอิ)

“นอกจากนี้ ?”

(เฟลเมเนีย)

“….เมื่อวันก่อน เรอิจิและมิซึกิมาหาฉันเพื่อบอกเรื่องการออกเดินทาง แม้จะรู้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญอันตราย  แต่ไม่สามารถที่จะอยู่เคียงข้างพวกเขาได้  นี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำในฐานะผู้ใช้เวท”

(ซุยเมอิ)

ปล.1 เนื้อเรื่องบทนี้ยาวมาครับ ขอแบ่งออกเป็นสองตอน

ปล.2 แวบหนึี่งผมเกือบนึกว่าราชาเอลมาเดียสเป็นพระเอก……ส่วนซุยเมอิเป็นราชาปีศาจปลอมตัวมาซะอีก

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments