I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 12 ภาพลักษณ์นั้นสำคัญมากนะ(2)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1495 | 2376 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เธอพูดว่าอะไร ?

เธอกำลังถามอะไร ?

ทำไมมันถึงกลายเป็นการแนะนำตัวไปได้ ซุยเมอิเปล่งเสียงออกไปด้วยความตกใจอย่างไม่รู้ตัว เธอมีลักษณะที่สุภาพก็จริง แต่นี่มันกะทันหันเกินไป  พวกเขาเป็นแค่คนที่นั่งอยู่ในแถวเดียวกันแล้วไหงมันกลายเป็นการแนะนำตัวไปซะได้? เลฟิลเลียมองมาอย่างขอโทษ

“ขอโทษนะคะ ที่อยู่ๆก็ถามชื่อของคุณ  มันอาจจะดูแปลกแต่ว่าฉันมีเหตุผลนะคะ”

“……อะไรล่ะ?”

“ไม่มีอะไรต้องปิดบังหรอกค่ะ  คือเมื่อเช้าฉันไปที่โบสถ์แห่งความรอดมา และได้รับคำทำนายมาจากเทพธิดาอาร์ชูน่า : จงแลกเปลี่ยนชื่อกับผู้คนรอบๆตัวฉัน”

เธอตอบพลางถอนหายใจ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คนที่ถูกตั้งคำถามเท่านั้นที่สับสน คนถามเองก็เช่นกัน โบสถ์แห่งความรอด เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้ซึ่งบูชาเทพธิดาอาร์ชูน่า

เมื่อตอนที่อยู่ในท้องพระโรงเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวของราชาปีศาจและการเคลื่อนไหวของเขาก็ดูเหมือนว่าจะมาจากคำทำนายของเทพธิดาอาร์ชูน่าเหมือนกัน  และตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีเด็กสาวคนหนึ่งได้รับคำทำนายเช่นเดียวกัน

“ทำไมเธอถึงบอกให้คุณทำอย่างนั้น?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่บาทหลวงในเมเทอร์ฉันว่า  คำทำนายของเทพธิดานั่นหมายความว่าคนที่อยู่ใกล้กับฉันในวันนี้จะกลายเป็นคนสำคัญของฉัน”

“และนั่นคือเหตุผลที่คุณถามชื่อของผม”

“ค่ะ”

“คำทำนาย พวกเขามั่นใจได้ยังว่ามันจะเป็นเรื่……อ่ะ ขอโทษที”

ความคลุมเครือของคำทำนาย ทำให้ซุยเมอิค่อนข้างหงุดหงินและพูดออกไปโดยไม่ยั้งคิด แม้ว่าเขาจะรีบแก้ไข แต่เทพธิดาอาร์ชูน่านั้นเป็นที่นับถือของคนนับไม่ถ้วนในโลกนี้ การดูหมิ่งอาจจะนำอันตรายเข้ามาหาเขาได้ การกล่าวแบบนี้ต่อหน้าศาสนิกชน…..ซุยเมอิรู้สึกเสียใจกับคำพูดไม่สุภาพเมื่อสักครู่  เลฟิลเลียยิ้มให้อย่างอบอุ่น

“คิกๆๆๆ ใช่มั้ยล่ะค่ะ  แต่จะดีกว่าถ้าคุณพูดอย่างระมัดระวัง  สำหรับฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณถูกได้ยินจากคนอื่นโดยเฉพาะพวกนักบุญล่ะก็ คุณจะถูกเทศนายาววววววมาก เลยล่ะค่ะ”

“หลังจากนี้ผมจะระวังตัวครับ!  ผมคงต้องใจเย็นลงสักหน่อยแล้วสิเนี่ย”

“นั่นดีแล้วค่ะ  แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิว่าอะไรเพราะฉันเองก็คัดค้านตอนได้ยินคำทำนายนี้เหมือนกัน”

“โอ้ … ?”

ซุยเมอิกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ บางที ‘คำเทศนาที่ยาวววววมาก’ ที่ว่านี้ เธออาจจะได้พบมันมาด้วยตัวเองแล้วก็ได้ เลฟิลเลียหัวเราะเยาะตัวเองอีกครั้ง

“ความจริงแล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นหลังการเทศนาอันยาวนาน…..ฉันวิ่งหนีออกมาจากที่นั่นค่ะ”

“อ่า ผมเห็นใจคุณนะ”

” ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำตัวเองมากกว่า ผลของความโง่เขลาที่ไม่รู้จักระมัดระวังคำพูด “

” ให้มันเป็นบทเรียนกับฉัน “

เธอกล่าวเพิ่มเติม ซุยเมอิถามอย่างสงสัย

“เป็นแบบนี้ทั้งวันเลยเหรอ?”

คำถามเป็นนัยของเขา-

” คุณถามคนอื่นแบบนี้ทั้งวัน “

– เลฟิลเลียพยักหน้าอย่างจริงจัง

“ใช่ค่ะ คุณเป็นคนที่สิบของวันนี้”

“ว้าว. นั่นน่ากลัวมาก “

” ใช่ค่ะ ตอนที่ฉันพูดเรื่องคำทำนาย พวกเขามองฉันเหมือนตัวประหลาด……..แต่ก็มีบางคนคิดว่าฉันกำลังจีบพวกเขาอยู่  “

“อ่า … “

ซุยเมอิแสดงความเข้าใจสถานการณ์ขณะที่เธอถอนหายใจอย่างเศร้าโศก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจนักว่าเธอประหลาดหรือเปล่า แต่พวกเขาคิดว่าเธอเป็น  มีหรือพวกเขาจะเข้าใจ ถ้ามีใครสักคนที่สวยเท่ากับเธอมาถามชื่อคนอื่น

แล้วพวกผู้ชาย–ไม่เพียง แต่ผู้ที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้น –อาจจะคิดว่าเธอกำลังจีบพวกเขาอยู่ เสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วง บ่งบอกว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ  ว่าแต่คุณรังเกียจที่จะบอกชื่อกับฉันรึเปล่าค่ะ?”

เลฟิลเลียถามอีกครั้ง อ่า…ฉันควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดี?

ความจริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตามที่อธิบายไว้ในคำทำนาย กับเธอแล้วมันอาจจะเป็น เหตุการณ์ครั้งเดียวในชีวิตที่จะเกิดขึ้นก็ได้ เพียงแค่เปิดเผยชื่อคงไม่อาจทำอันตรายเขาได้  ดังนั้นเขาจึงตอบแต่โดยดี

“ซุยเมอิ  ยาคางิ”

“ซุยเมอิคุง ใช่มั้ยคะ? ขอโทษด้วยที่มารบกวนค่ะ”

เมื่อเห็นเธอขอโทษ ซุยเมอิส่ายศีรษะ

“ไม่เป็นไร แต่ผมมีอะไรอยากจะถามสักหน่อย? ผมสามารถไปขอคำทำนายจากโบสถ์แห่งความรอดได้หรือเปล่า?”

“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะค่ะ ถึงฉันจะเป็นศาสนิกชนมานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันประสบกับอะไรแบบนี้ มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดากับคนที่เคร่งศาสนามากๆก็ได้นะคะ”

“ผมเข้าใจแล้ว”

เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงกึ่งสนใจกึ่งไม่สนใจ  โบสถ์แห่งความรอดที่มอบเทพยากรณ์ให้กับคนธรรมดาไม่ใช่แค่กับอาณาจักรอย่างนั้นเหรอ?

หรือนี่จะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการบางอย่างหรือว่าเป็นแค่งานอดิเรกที่จะให้คำทำนายกับคนทั่วไป?

แม้ว่าเจตนาจะไม่ชัดเจน – สมมติว่าถ้าหากมันไม่ได้ถูกสร้างโดยบาทหลวงล่ะ-คำทำนายอาจจะเป็นฝีมือของปีศาจ หรือเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่มนุษย์เข้าใจผิดว่าเป็นสื่อของพระเจ้า

“เชิญคนถัดไปค่ะ”

ในขณะที่ซุยเมอิกำลังขบคิดเรื่องคำทำนายของเทพธิดาอาร์ชูน่า เสียงเรียกลูกค้าคนถัดไปก็ดังขึ้น ดูเหมือนว่ามันจะถึงคิวของเลฟิลเลียแล้วเธอจึงหันมาบอกลา

“ดูเหมือนว่าจะถึงตาของฉันแล้วค่ะ”

ซุยเมอิกล่าวลาขณะที่หญิวสาวลุกขึ้นยืน

“โชคดีนะ”

“ฉันหวังว่าคณะกรรมการของคุณจะเป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกันค่ะ”

เธอตอบขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้แผนกต้อนรับส่วนหน้า

” … ?”

ทำไมเธอถึงพูดถึงคณะกรรมการ?และซุยเมอิก็ได้เข้าใจเรื่องนี้หลังจากนั้น ☆ เมื่อเลฟิลเลีย เสร็จสิ้นการสนทนาของเธอ จากนั้นซุยเมอิก็เฝ้ามองเธอตามพนักงานต้อนรับหญิงเข้าไปในกิลด์ ดูเหมือนว่าเธอต้องไปสัมภาษณ์หรืออะไรซักอย่าง เขาเหยียดตัวขึ้นพนักงานต้อนรับเรียกเขา เขาลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไป

“ยินดีต้อนรับสู่ทไวไลท์พาวิลเลี่ยน สาขาสมาคมนักผจญภัยแห่งเมเทอร์ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกของคุณใช่มั้ยค่ะ? “

“ถูกต้อง มันเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ซุยเมอิถามอย่างตรงไปตรงมา เธอยิ้มตอบและอธิบายเหตุผลที่เธอจะรู้

“ค่ะ คุณกำลังมองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจ: นั่นเป็นสิ่งที่มีเพียงครั้งแรกนับทำ แล้วตอนนี้คุณบอกสิ่งที่คุณต้องการได้รึยังค่ะ”

เพราะเคาน์เตอร์อื่น ๆ ที่ถูกสงวนไว้สำหรับคนยอมรับการร้องขอส่วนใหญ่ของลูกค้า  หน้าต่างนี้อยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลนี้ เมื่อโดนพนักงานต้องรับถาม ซุยเมอิอธิบายจุดประสงค์การมาของเขา

“ฉันมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมสมาคม”

คำตอบของเขาทำให้เธอตกตะลึง

“…เดี๋ยวก่อน  อะไรนะคะ?”

“ฉันบอกว่า ฉันอยากจะเข้าสมาคม”

เธออาจจะฟังฉันผิด ซุยเมอิไม่รู้ทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้น มีท่าทีอึดอัดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอนวดคิ้วข้างหนึ่งและถอนหายใจเสียงดัง เธอถามด้วยน้ำเสียงเครียดและหงุดหงิด

“อืม…มันอาจจะเป็นการหยาบคายถ้าฉันจะถาม คุณรู้ไวไลท์พาวิลเลี่ยนเป็นสมาคมนักผจญภัย”

“แน่นอนสิ ฉันทำอะไรแปลกๆงั้นเหรอ?”

“ใช่ค่ะ มันเต็มไปด้วยสิ่งที่ไร้เหตุผลมาก”

” … ?”

ท่าทีที่เป็นมิตรก่อนหน้านี้อันตรธานไปราวกับภาพลวงตา  ทำไมเธอถึงทำหน้าแบบนั้น?

ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ?

ในขณะที่ซุยเมอิยังสับสน เธอก็ยังคง

“ถ้าคุณกำลังเล่นพิเรนทร์อะไรอยู่ก็ควรจะหยุดได้แล้ว เราไม่ได้มีเวลามากพอสำหรับการเล่นแผลงๆของคุณนะคะ”

“???”

เธอพูดบ้าอะไรน่ะ?

เกิดอะไรขึ้นที่นี่?

จากสิ่งที่เขาอ่านเจอในนิยายที่เขายืมมาจากมิซึกิ การสนทนาที่จำเป็นสำหรับการเข้าร่วมสมาคมนักผจญภัย ในความเป็นจริงดูเหมือนจะแตกต่าง    ทำไมกับเลฟิลเลียเขาไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย เลฟิลเลียผ่านไปได้แล้วทำไมเขาถึงมีปัญหา?

เขามองข้ามสิ่งสำคัญอะไรไปงั้นเหรอ?

หนังสือในห้องสมุดของคัลเมเลียไม่เห็นจะมีอะไรบอกไว้เลย ในขณะที่เขาโดนพนักงานต้อนรับต่อว่าอยู่นั้น เขาก็กำลังค้นหาในความทรงจำว่ามีอะไรที่เขาทำผิดพลาดบ้าง ในตอนนั้นเองเสียงโกรธเกรี้ยวก็ดังมาจากข้างหลังเขา

“เฮ้! ไอ้เวร! “

“?”

ซุยเมอิหันไปตามเสียงและที่อยู่ตรงนั้นก็คือก้อนเนื้อขนาดมหึมา ก้อนเนื้อเดินได้เหรอ?

อ่ะ ไม่ใช่สินั่นมันคนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่มีขนาดอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบเซนติเมตรจนดูเหมือนกับภูเขาขนาดย่อม ขาของเขาก็ดูเหมือนลำต้นของต้นไม้ยักษ์ ดูเหมือนว่าจะเป็นนักรบสินะ เขาขู่คำรามด้วยเสียงแห่งความโกรธแค้น

“ไอ้เจ้าวายร้ายตัวน้อยนี่ เมื่อกี้แกบอกว่าอยากจะเข้าร่วมสมาคมใช่มั้ย”

“อ่า…ใช่”

“งั้นเหรอ  พวกเราจะคิดซะว่ามันเป็นแค่เรื่องตลกที่งี่เง่า ออกไปได้แล้ว”

เป็นคำแนะนำและคำขาด ดูเหมือนว่าเส้นเลือดบนหน้าผากชายคนนั้นจะปูดโปนขณะที่เขาไล่ซุยเมอิ ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องไป แม้ว่า เข้าร่วมสมาคมเป็นขั้นตอนแรกของการสำรวจโลกนี้ แต่สิ่งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่สำคัญในโลกของพวกเขา ซุยเมอิไม่สามารถที่จะโกรธอีกฝ่ายได้ เพื่อจะรักษาความสงบ เขาพูดว่า

” แต่หญิงสาวก่อนหน้านี้ก็อยากจะเข้าร่วมสมาคมเหมือนกัน “

” แกยังจะพูดอีกเหรอ? แกคิดว่าแกอยู่ในระดับเดียวกับพวกเราหรือไง “

” อ่า ก็ใช่ “

อย่างนั้นแล้วทั้งหมดนี่มันคืออะไร? ถ้าเขาไม่ได้มีความมั่นใจในสิ่งดังกล่าว เขาคงไม่ต้องมาอยู่ในสถานที่นี้ตั้งแต่แรก ถ้าเขาถอยหลัง  ก็จะมีเรื่องราวที่แตกต่างกัน แต่เขาไม่มีเจตนาอย่างนั้น เขาเห็นนักเวทคนอื่น ๆรอบ ๆที่นี่

ดูเหมือนว่านั่นจะไม่ใช่ปัญหา หรือเพราะเขาไม่มีกล้ามเนื้อ แม้ว่าเขาจะค่อนข้างเพรียว แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เอาจริงๆเขาไม่เข้าใจเลยว่าอะไรที่เขาเห็นแตกต่างจากชายคนนี้ ดูเหมือนว่าซุยเมอิจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าอะไรทำให้ชายคนนี้โกรธแค้นนัก

“แกคิดว่านี่เป็นเรื่องตลกรึไง? นี้เป็นสถานที่สำหรับนักรบและจอมเวท ไม่ใช่พวกปัญญาอ่อนที่ไม่รู้ว่าการต่อสู้คืออะไร ! “

” เฮ้ ? ฉันเคยผ่านวิกฤตของชีวิตและความตายมาก่อนนะ  แต่ . . . . . . . “

ซุยเมอิหมายถึงความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้ใช้เวท เขาเคยมีประสบการณ์การต่อสู้ด้วยชีวิตและความตายมากกว่าหนึ่งครั้ง อย่างที่เขาบอก แต่สิ่งที่ชายคนนี้ได้พูดกับเขา อะไรนะที่เขาพูด นักรบและจอมเวท นี่เป็นสถานที่ที่คนเหล่านั้นมารวมตัวกัน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าอะไรที่ผิดปกติ

“นักรบ …? ฮ่าๆๆๆ! “

ตอนที่ซื้อชุดปัจจุบันของเขา เขาใช้คนรอบตัวเป็นข้อมูลอ้างอิง  คนที่เดินผ่านไปมานั้นพวกเขาอยู่อย่างสงบภายในกำแพงเมือง แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้สวมเกราะหรือพกพาอาวุธ เขาคิดแบบนั้น ถ้าเขาไม่ได้พยายามจะเข้าร่วมสมาคม

พวกนี้ก็จะมองเขาเป็นแค่อากาศธาตุ  นี้เป็นโลกที่แตกต่างกันและไม่เหมือนกับที่ที่เขาจากมา โลกที่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกของตนเองเป็นบรรทัดฐาน แท้ที่จริงแล้วซุยเมอิได้ทำผิดพลาดอย่างแสนสาหัสเกี่ยวกับเสื้อผ้าของเขา

“ชิบ ฉันซื้อเสื้อผ้าผิด!”

ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวช้าเกินไป  มาถึงจุดนี้ก็ไม่สามารถจะเสียใจอะไรได้แล้วเมื่อสายตาที่ไม่เป็นมิตรพุ่งตรงมาที่เขา

ปล. เนื่องจากผมไม่อาจทนเสน่ห์ของเลฟิลเลียได้ เพราะงั้นแถมให้อีกตอนครับ orz.

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments