ภายในห้อง ‘หยวน รู่ว’ นอนอยู่บนเตียง ขณะที่นิ่งสนิทพร้อมกับคราบน้ำตา เสื้อคลุมสีชมพูของนางถูกฉีกขาดเผยให้เห็นผิวขาวที่แสนจะดึงดูด จึงกระตุ้นอารมณ์ของ’ชูเฟิง’เกินจะห้ามตัวเองให้จากไป
 
จนกว่าจะจบภารกิจได้ร่างกายที่เรียบเนียนและนุ่มนวล ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ขณะที่ริมฝีปากสั่นหน่อยๆ ส่วนล่างของนางมีของเหลวสีขาวค่อยๆไหลออกมา . . . . .
 
ปัจจุบัน ‘หยวน รู่ว’ นางเหมือนกับปลาที่ไร้ชีวิตอีกต่อไป นางไม่ขยับเขยื่อนแต่อย่างใด เห็นเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา ทำให้หน้าอกของนางขยับขึ้น ลงน้ำตายังคงไหลออกมาจากดวงตาของนาง ลงใบหน้า ราวกับว่าสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนาง
 
การที่นางถูกข่มขืน ทำให้นางจมลงในสภาวะซึมเศร้าราวกับว่านี้คือวาระสุดท้ายของนาง
 
สำหรับ ‘ไป๋ชี’ แม้ว่าร่างกายนางจะเปลือยเปล่า หมดสติไป ขณะที่อยู่ติดกับมุมห้อง ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่คิดสัมผัสนางแม้แต่น้อย ‘ชูเฟิง’ ถูกความโกรธครอบงำและต้องการให้พวกนางได้รับผลตรงกันข้าม
 
‘ไป๋ชี’ ต้องการมีความสัมพันธ์กับ ‘ชูเฟิง’ แต่นางก็ต้องผิดหวัง ส่วน ‘หยวน รู่ว’ ที่ไม่ต้องการทำเรื่องชายหญิงใดๆกับ ‘ชูเฟิง’ ก็ถูกยัดเหยียดสิ่งนั้นมาให้นาง นี้คือราคาที่พวกนางต้องจ่ายในการหลอกลวง ‘ชูเฟิง’
 
‘ชูเฟิง’ สวมเสื้อผ้าขณะที่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และยิ้มอย่างพึงพอใจบนใบหน้า แม้ว่าเขาจะขืนใจ ‘หยวน รู่ว’ ด้วยความโกรธและอยากแก้แค้น แต่ต้องยอมรับว่า ‘หยวน รู่ว’ นางเป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างมาก ร่างกายที่สัมผัสได้ระหว่างมีอะไรกับนาง ไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนที่เขาทำกับ ‘ซูรู่’ จนทำให้เขาไปถึงจุดสุดยอด
 
คราบเลือดบนเตียงบอก ‘ชูเฟิง’ ได้ทันที ว่า ‘หยวน รู่ว’ ยังบริสุทธิ์อยู่ เนื่องจากนางไม่ได้เอาอะไรมาปกคลุมร่างกายเลยสักนิด ซึ่งเผยให้เห็นร่องรอยทุกอย่างและผิวพรรณที่เหมือนหยกของนาง โดนเอาสภาพไหน ก็ยังอยู่ในสภาพนั้น
 

 
” อ้าาาา~~~~~~”
 
จู่ๆ ร่างกายของ’หยวน รู่ว’ก็สั้นๆจนนางต้องขดตัว มือทั้งสองข้างของนางยังคงกำแน่น ความเจ็บปวดที่ประมาณไม่ได้เห็นได้จากสีหน้าของนาง ราวกับว่านางกำลังทรมาณ
 

 
” นี่เจ้า!!! . . .. เป็นอะไร ? “
 
‘ชูเฟิง’ขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับใช้อำนาจพลังวิญญาณเพื่อตรวจสอบ เขาพบว่า ร่างกายของ’หยวน รู่ว’ เกิดการเปลี่ยนแปลง ระเบิดพลังงานแปลกๆวิ่งพลุกพล่านในร่างกายและกระจายไปทั่วทุกซอกทุกมุม
 

 
” อ้าาาาา~ ~ ~~ ~ ~ “
 
ในตอนนั้น ‘หยวน รู่ว’ ยังคงดิ้นไปดิ้นมา และจากนั้นก็มีก๊าซสีฟ้าเอ่อล้นออกมาจากร่างกายของนาง มันยังคงวนเวียนอยู่รอบๆตัวของ ‘หยวน รู่ว’ สักพักมันก็ค่อยๆยกร่างของนางขึ้นลอยอยู่ในอากาศ
 

 
” หรือ . . . นะ นะ ใ น ตัวนางจะมีบางอย่างพิเศษอยู่!!! “
 
‘ชูเฟิง’ตกใจอย่างมาก จากสายตาที่เขาเห็นมันทำให้เขาต้องพูดติดๆขัดๆเขาได้พบกับความน่าสะพึงกลัว ของการเปลี่ยนแปลงของ ‘หยวน รู่ว’ ที่เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่ระดับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นพลังบางอย่างที่น่ากลัวมากกว่านั้นหลายเท่า
 
สิ่งนั้นยังไม่ทำให้เขาตกใจมากเท่าไหร่ แต่ที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของนาง ผิวของ ‘หยวน รู่ว’ ที่ขาวราวกับหิมะ บัดนี้กลายเป็นสีฟ้าครามดั่งมหาสมุทรมันเป็นวัตถุประกายสดใสเหมือน ชิ้นส่วนของเกราะ แต่จากประสบการณ์ของ ‘ชูเฟิง’ มั่นใจว่ามันไม่ใช่เกราะ แต่เหมือนเกล็ดปลาสะมากกว่า
 
ซึ่งบนร่างกายของ ‘หยวน รู่ว’ มีสิ่งเหล่านั้น ปกคลุมเต็มไปหมด
 

 
” ไอ้สารเลวชูเฟิง!!! หากข้ายังไม่ตาย ข้าจะกลับมาเอาชีวิตของเจ้า “
 
ทันใดนั้น ‘หยวน รู่ว’ หันหน้าไปนาง ‘ชูเฟิง’ พร้อมกับบันดาลโทสะ แต่’ชูเฟิง’ก็พบว่า ดวงตาที่เคยงดงามของนาง เปลี่ยนไปเหมือนกลุ่มดาวที่ส่องประกายเรียงแถวเป็นสีแดง ดูน่ากลัวไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์ แต่เหมือนกับดวงตาของพวกปีศาจ
 
*พรึบบบบ *
 
หลังจากที่พูดจบ ‘หยวน รู่ว’ ก็คว้า ชุดของ ‘ไป๋ชี’ แล้วสวมใส่ จากนั้น นางก็พุ่งออกไปเหมือนกับแสงไฟกระโจนหนี ขณะที่ ‘ชูเฟิง’ กำลังวิเคราะห์
 

 
” มันเกิดอะไรขึ้น พลังของนางถึงเพิ่มขึ้นขนาดนี้ “
 
‘ชูเฟิง’ รีบวิ่งออกจากห้องตามนางไปทันที และเขาก็พบว่า รูปแบบอำนาจฯ ที่วางไว้รอบๆตำหนักแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆในตอนนั้น ถึงแม้ว่า ‘ชูเฟิง’ จะตกตะลึงไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้ทักษะ ท่องนภา วิ่งตามไปยังทิศทางที่ ‘หนวน รู่ว’ หนีไป
 
ด้วยความแข็งแกร่งและรวดเร็วของ ทักษะ ท่องนภา น่าจะทำให้’ชูเฟิง’สามารถตามนางได้ทันอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยอะไรบางอย่างมันทำให้ ‘หยวน รู่ว’ กับรวดเร็วเป็นอย่างมาก หลังจากที่พวกเขาพ้นจากเขตสำนัก หลิง หยุน เข้าไปในป่า ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่พบ ร่องรอยของ ‘หยวน รู่ว’ อีกต่อไป
 

 
” เป็นไปได้ยังไง ? เห็นอยู่ชัดๆว่านางมีพลังวิญญาณแค่ระดับ 5 แก่นแท้ แล้วนางจะเร็วไปกว่าทักษะ ท่องนภา ของข้าได้ยังไง ? “
 
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ ที่กำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ มองไปยังทิศทางที่ ‘หยวน รู่ว’ หายตัวไป ในดวงตาของเขาขณะนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
 

 
” ชูเฟิง ดูเหมือนว่าคราวนี้ เจ้าจะมีศัตรูที่ร้ายกาจเพิ่มขึ้นอีกแล้วสินะ “
 
ทันใดนั้น ‘ต้านต้าน’ที่เงียบอยู่นาน เนื่องจากไม่อยากเห็นภาพบัดสี ก็พูดขึ้นม
 

 
” ต้านต้าน เจ้าหมายความว่าไง หรือว่า หยวน รู่ว จะมีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ ? “
 
‘ชูเฟิง’ จู่ๆก็ฉุดนึกขึ้นมาได้ หลังจากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ ‘หยวน รู่ว’ จนความสามารถของนางอยู่เหนือกว่าเหตุผล จนมีพลังพอๆกับเขา หรืออาจจะเทียบได้กับหญิงชุดม่วงที่เขาพบในวันนั้น ‘ชูเฟิง’ จึง คิดว่านางอาจจะเกี่ยวข้องกับกายศักดิ์สิทธ์ในตำนานที่ทำให้มีพลังการต่อสู้ที่แสนน่ากลัว
 

 
” ไม่ๆ สิ่งนี้ต่างออกไป แม้ว่านางก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับร่างกายแต่หลังจากที่นางจะหนีออกไป ข้ามั่นใจว่านั้นไม่ใช่กายศักดิ์สิทธิ์ แต่นางน่าจะมีทักษะลับต้องห้าม “
 
 
” ทักษะลับ ต้องห้าม!!! “
 
มันเป็นครั้งแรกที่ ‘ชูเฟิง’ เคยได้ยินคำๆนี้
 

 
” ถูกต้อง ทักษะลับต้องห้ามไม่เหมือนกับทักษะด้านมืดธรรมดาๆ พวกมันถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชียวชาญด้านทักษะระดับสูง “
 
 
” ทักษะประเภทเหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้ฝึกมีความสามารถเหมือนกับทักษะลับธรรมดาๆ แต่มันไม่่เหมือนอย่างคนทั่วๆไปที่ได้รับพลังมา การฝึกมันจะต้องระมัดระวังอย่างมาก อีกทั้งไม่ควรประมาทแม้แต่น้อย หากผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียวชีวิตของพวกเขาจะได้รบผลกระทบตามมา “
 
 
” ทักษะที่ไม่ควรมีอยู่ในสถานที่เหล่านี้เนื่องจากมันละเมิดกฏของการต่อสู้ และหากกฏถูกฝ่าฝืน ก็จะมีบทลงโทษตามมา ดังนั้น จึงมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้ที่ฝึกทักษะลับ นั้นก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาเรียกมันว่า ทักษะลับ ต้องห้าม “
 
 
” ปกติ แม้ว่าทักษะลับต้องห้ามจะยังหลงเหลืออยู่บนโลก แต่ หยวน รู่ว ก็ไม่น่าจะหามันพบได้ แต่หลังจากที่ข้าพบว่ามี สุสานจักรพรรดิ หรือ หอคอยอสูรฟ้า ข้าก็ไม่ประหลาดใจอะไรอีกแล้ว ที่มันจะมีทักษะลับต้องห้าม ปรากฏอยู่ใน 9 อาณาจักร “
 
 
” แม้ว่าตอนนี้อาณาจักรทัง 9 จะมีรวบรวมพวกกระจอกไว้มากมาย แต่ก็ยังมีบุคคลที่โดดเด่นหลงเหลืออยู่บ้าง เนื่องจากพวกเขาอาจจะได้พบสมบัติที่ทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่งในดินแดนแห่งนี้และนั้นก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเขา “
 
 
” และเจ้าก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้พบกับ สุสานจักรพรรดิและได้รับทักษะเร้นลับ พยัคฆ์ขาวสังหารมาส่วน หยวน รู่ว เองก็สามารถพบสมบัติที่ไหนสักแห่งจนได้ทักษะลับต้องห้ามมาเหมือนกัน “
 
 
” แต่ยังไงก็ตาม ผู้ที่สร้างทักษะลับต้องห้ามไม่ใช่คนที่มีคุณธรรม พวกเขาส่วนใหญ่มักจะเหี้ยมโหด หรือเป็นไอชั่วที่มีชื่อเสียงครั้งในอดีต ที่ไหนสักแห่งในอาณาจักรทั้ง 9 ในตอนนั้นดินแดนคงไม่สงบนัก “
 
จากที่ ‘ต้านต้าน’ เล่ามาอย่างละเอียด เหมือนกับนางจมลงไปในฌาน จนสามารถจินตนาการไปถึงฉากของ 9 อาณาจักรทั้งหมด
 
ความเหี้ยของพี่เฟิงช่างร้ายกาจยิ่งนัก ข้าน้อยขอคารวะ  . . . . .
 
หยวน รู่ว อย่าลืมกินยาคุม เด้อ!!! . . . . . .
 
ที่มา: