I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 281 – ปีศาจ

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

” ต้านต้าน เจ้าว่า หยวน รู่ว ฝึกฝนทักษะลับ ต้องห้าม งั้นหรอ ? “

แม้ว่า ‘ชูเฟิง’ จะยังไม่เข้าใจทักษะลับ ต้องห้าม แต่หลังจากได้ยินคำพูดของ’ต้านต้าน’ ก็น่าจะเป็นแบบนั้น

” 8 – 9 ส่วน ไม่เกิน 10 นางต้องฝึกทักษะลับ ต้องห้าม จริงๆนางต้องปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัดนางจึงปกป้องร่างกายของนางดั่งหยกล้ำค่า และนั้นก็ไม่ใช่ว่าร่างกายนางเปลี่ยนเปลงโดยบังเอิญ แต่มันเกิดขึ้นหลังจากพรหมจรรย์นางถูกทำลาย “

” แต่เจ้าไม่ต้องกังวลนักหรอก สถานการณ์ของหล่อนในปัจจุบัน เข้าสู่วิถีทางแห่งความชั่วร้าย คนส่วนใหญ่มักจะไม่รอดชีวิต “

‘ต้านต้าน’กล่าว

” อะไรนะ นั้นก็หมายความว่า นางตายเพราะข้านะสิ!!! “

หลังจากที่ทราบว่า สิ่งที่ทำกับ ‘หยวน รู่ว’ เป็นต้นเหตุให้นางเข้าสู่วิถีทางแห่งความชั่วร้าย อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่านางอาจจะตายเพราะเขา ‘ชูเฟิง’ จึงได้แต่โทษตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบพอ ‘หยวน รู่ว’ นัก แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะฆ่านางเพราะเรื่องแค่นี้

” อะไร ? ป่านนี้พึ่งมารู้สึกผิด ? ชูเฟิง เจ้าภาวนาให้นางตายให้นางจะดีกว่าคนที่เข้าสู่เส้นทางชั่วร้าย ก็สมควรแล้วว . . . “

” หากนางกลายเป็น ปีศาจกระหายเลือด คนแรกที่นางจะกลับมาฆ่าก็คือเจ้า “

ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ก็เริ่มเข้าใจความร้ายแรงของเรื่องนี้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็นึกไม่ถึงว่า ‘หยวน รู่ว’ จะเป็นคนที่ฝึกฝนทักษะลับต้องห้าม ที่อันตรายนั้น แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ทีจะมานั่งเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่ออะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด หลังจากที่กล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ

ดังนั้น หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’เดินทางกลับเข้าไปที่ สำนัก หลิง หยุน เขาไม่ได้คิดจะปกปิดเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่เขามาเพื่อขอรับโทษกับเจ้าสำนักสตรีหยกที่ตำหนักของนาง

หลังจากที่มาถึง ‘ชูเฟิง’ ก็เริ่มที่จะขอโทษอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และอีกอย่าง ‘ไป๋ชี’ ก็อยู่ที่นั้น ซึ่งนางก็ได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับเจ้าสำนักสตรีหยกฟังก่อนหน้านี้แล้ว  แต่แน่นอนว่านางไม่รู่ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ‘หยวน รู่ว’ เพราะเนื่องจากนางยังไม่ได้สติ

” ไป๋ชี เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดกับ ชูเฟิง จำไว้ เรื่องของหยวน รู่ว อย่าได้แพร่งพายออกไป “

เจ้าสำนักสตรีหนกนั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมกับสบัดมือไปที่ ‘ไป๋ชี’

” ค่ะ เจ้าสำนัก!!! “

‘ไป๋ชี’ ไม่กล้าที่จะช้า หลังจากหันไปมองหน้า ‘ชูเฟิง’ นางก็ก้าวออกไป

หลังจากที่ ‘ไป๋ชี’ ก้าวออกไป เจ้าสำนักสตรีหยกก็หยิบชาขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น พร้อมกับมองมาที่ ‘ชูเฟิง’ พร้อมกับกล่าวด้วยความพอใจ

” ชูเฟิง เจ้ากล้ามาหาข้าเพื่อยอมรับผิด แสดงว่าเจ้าเป็นลูกผู้ชาย!!! “

” เจ้าพอจะบอกข้าได้ไม๊ว่า หยวน รู่ว นางไปไหน ? นางเป็นคนอารมณ์รุนแรง ข้าเกรงว่านางจะคิดทำเรื่องอะไรโง่ๆ “

จากคำพูดของนาง ‘ชูเฟิง’ ก็บอกได้เลยว่า เจ้าสำนักสตรีหยกค่อนข้างที่จะเป็นห่วง ‘หยวน รู่ว’ เพื่อให้นางสบายใจ เขาก็ไม่จำเป็นติดซ่อนอะไรเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงบอกนางทุกเรื่อง

หลังจากรู้ว่า ‘หยวน รู่ว’ และ ‘ชูเฟิง’ ได้ทำเรื่องระหว่างชายหญิง ร่างกายของนางก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และแม้แต่ ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่สามารถจับนางได้ เจ้าสำนักสตรีหยกไม่สามารถสงบได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนขณะที่ขมวดคิ้วแน่น และเดินวนไปวนมาในห้อง

หลังจากที่ตั้งสติได้ เจ้าสำนักสตรีหยกก็ถามขึ้น

” ชูเฟิง เจ้ารู้ไม๊อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ ร่างกายของหยวน รู่ว เปลี่ยนแปลง ? “

” ขออภัยด้วย หากให้ข้าเรียนท่านตามตรง ข้าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นคงไม่ได้เกิดจากการใช้ยาวิเศษ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะการฝึกฝนวิชามาร “

‘ชูเฟิง’ ไม่ได้บอกว่าเป็นคือ ทักษะลับ ต้องห้าม เพราะในทวีปนี้ คนจะเข้าใจง่ายกว่าหากบอกว่า วิชามาร อีกอย่างจะมีกี่คนที่รู้จัก ทักษะลับ ต้องห้าม

ถ้า ‘ชูเฟิง’ อธิบายเรื่องทักษะลับ ต้องห้าม คืออะไร เจ้าสำนักที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย นางจะต้องสงสัยแน่ๆ ว่า ‘ชูเฟิง’ รู้เรื่องราวพวกนี้มาได้ยังไง

” วิชามารงั้นเหรอ . . . . “

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ ‘ชูเฟิง’ เจ้าสำนักสตรีหยกก็เหมือนจมลงไปในห้วงแห่งความคิด หลังจากนั้นไม่นานนางก็หมดหนทางจนต้องถอนหายใจ

” มิน่าล่ะ มิน่า . . . . . “

” อาวุโส ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง!!! “

‘ชูเฟิง’รีบถาม

คำถามของ’ชูเฟิง’ทีนางได้ยิน ทำให่นางเริ่มทีจะแสดงอาการลังเลเป็นครั้งแรก แต่แล้วไม่นานก็กล่าวออกมา

” ในปีนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างผู้ก่อตั้งสำนักไปสร้างสำนักบนเทือกเขาเพราะมัน ลึกลับซับซ้อน และในช่วงหนึ่งของเทือกเขา ก็มีการค้นพบทักษะลับบางอย่าง . . . . . “

” ทักษะลับมันถูกสลักเอาไว้บนยอดเขา มันไม่สามารถเก็บเอาไว้หรือเคลื่อนย้ายไปไหนได้ มันจึงถูกรักษาไว้บนนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องทักษะลับถูกแพร่ออกไป ผู้ก่อตั้งสำนักจึงสร้างสำนักขึ้นมาบนที่แห่งนั้น และเปลี่ยนมันเปลี่ยนพื้นที่ต้องห้าม “

” อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามีทักษะลับ แต่ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใจมันได้ คงมีแต่ผู้ก่อตั้งสำนักเท่านั้นที่เข้าใจเนื้อหา และนางก็บอกว่า หากศิษย์รุ่นหลังในสำนักที่มีความสามารถโดดเด่นจะได้รับอนุญาติให้ศึกษาทักษะลับนี้ได้ “

” แต่น่าเสียดาย หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เข้าใจเนื้อหาของทักษะลับ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเชื่อว่า ทักษะนี้มันสามารถฝึกฝนได้ “

” แต่หลังจากได้ยินเจ้าพูดมา ข้าก็พอนึกขึ้นมาได้ หลังจาก หยวน รู่ว เห็นทักษะลับนั้นเป็นครั้งแรก นางก็เริ่มที่จะสนใจมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนสองปีก่อน นางไปที่นั้นแทบจะทุกวัน อาจจะเป็นไปได้ว่านางสามารถเข้าใจเนื้อหาที่แท้จริงของทักษะลับนั้นได้ และนางก็อาจจะประสบความสำเร็จในการฝึกมัน “

ขณะที่เล่าไป ใบหน้าของเจ้าสำนักสตรีหยกก็ตกใจไปด้วย

” อาวุโส ท่านสามารถให้ข้าดูทักษะลับ นั้นได้หรือไม่ ? “

หลังจากที่ทราบเรื่องนี้ ‘ชูเฟิง’ ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้สนใจเนื้อหาของ ทักษะลับ ต้องห้ามแต่อย่างใด แต่เขาและ’ต้านต้าน’ อยากจะยืนยันว่า ‘หยวน รู่ว’ ได้ฝึกทักษะลับนั้นหรือไม่ และบางทีเขาอาจจะค้นพบความลับอื่นๆในสถานที่แห่งนั้นก็เป็นได้

” ได้สิ แต่ต้องเป็นหลังจากงานชุมนุมร้อยสำนักสิ้นสุดแล้วเท่านั้น แล้วเจ้าค่อยตามข้ากลับสำนัก นอกจากนี้้ ชูเฟิง เจ้าไม่ควรตำหนิตัวเองเรื่องนี้ แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่หลังจากที่ข้าประติดประต่อคำพูดของ ไป๋ชี ข้าก็พอเดาได้ว่าเรื่องนี้จะโทษเจ้าก็ไม่ได้ เพราะเจ้าก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเช่นกัน “

” ไป๋ชี นางเป็นผู้หญิงที่อยู่ไม่สุข และบางครั้งนางก็ชอบทำเรื่องที่มันเกินไปหน่อย “

” แต่ยังก็ตาม หากมีอะไรเกิดขึ้นกับ หยวน รู่ว จริงๆในอนาคต คนแรกที่สำนักสตรีหยกจะต้องอาศัย ก็คือนาง “

หลังจากที่เจ้าสำนักสตรีหยกทราบความจริง นางก็ไม่ได้ตำหนิ ‘ชูเฟิง’ แต่อย่างใด

ส่วน ‘ชูเฟิง’ หลังจากที่เจ้าสำนักสตรีหยกคิดจะสนับสนุน ‘ไป๋ชี’ หลังจากเกิดเรื่องกับ หยวน รู่ว เขาก็ตกใจอย่างมาก ที่คิดจะพัฒนาคนแบบ ‘ไป๋ชี’ แต่หลังจากพิจารณาว่ามันเกิดเรื่องเพราะตัวเขา ‘ชูเฟิง’จึงไม่ได้พูดอะไรใดๆเรื่องทั้งหมดจากคำของเจ้าสำนักสตรีหยก

แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลที่ทำให้นางต้องตัดสินใจเช่นนี้ เพราะนางเป็นคนที่เข้าใจ ‘ไป๋ชี’ และ ‘หยวน รู่ว’ ดีกว่าใครๆหลังจากนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็ขอตัวออกมา แต่เมื่อเขาเดินออกมา เขาก็พบกับ ‘ไป๋ชี’

” เจ้าทำอะไรกับศิษย์พี่ ? เจ้ามันปีศาจ “

หลังจากเห็นหน้า ‘ชูเฟิง’ ‘ไป๋ชี’ก็แสดงท่าทีที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจเมื่อ ‘ชูเฟิง’ เห็นนางทำหน้าแบบนั้น เขาก็ทำสีหน้าเย็นชา และเคลื่อนที่เข้าไปหาอย่างรวดเร็วประดุงดั่งสายฟ้า พร้อมกับยื่นมือไปจับที่คาง ของ’ไป๋ชี’ จากนั้นก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆหูของนางพร้อมกับเตือน

” เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ข้ามันคือปีศาจ ดังนั้นอย่าทำให้ข้าโกรธจะดีกว่า ไม่งั้นข้าจะทำลายพลังวิญญาณของเจ้าและขายเจ้าให้กับหอนางโลม “

หลังจากที่พูดคำนั้น จบ ‘ชูเฟิง’ ก็สบัดมือออก จากนั้นก็จากไปส่วนด้าน ‘ไป๋ชี’ ก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเลื่อนลอย ตอนนั้นเหงื่อไหลปกคลุมทั่วใบหน้าของนางพร้อมกับความหวาดกลัวที่เต็มอยู่ภายในดวงตา เพราะนางบอกได้เลยว่า ‘ชูเฟิง’ เหมือนจะไม่ได้พูดเล่น

ไม่จัดอีกสักคนล่ะ พี่เฟิง หรือจะเอาแม่งทั้งสำนักเลยก็ได้. . . . . .

เจ้าสำนักก็ดี ไป๋ชีก็ดี สาวกคนอื่นๆก็ดี . . . . .

คนแก่ยังจะเอาอีกหรอ . . . . . .

ขนาดต้านต้าน อยู่มาเป็นพันๆปี กูยังคิดจะเอา . . . . .

เจ้าสำนัก 50 – 60 เอง ยังซิงด้วย ไม่เป็นไรหรอก . . . . . .

เหอะๆ – -“

@นี้ความคิดมึงล้วนๆ ใช่ไม๊ . . . . .

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments