ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปว่ากันตามจริงแล้วนี่เป็นสิ่งที่เขาได้ยินบ่อยๆแม้ในญี่ปุ่นเองก็ด้วย
“ซุยเมอิ”
เป็นชื่อที่ไม่ค่อยเห็นพบมากนัก และเขาก็ถูกเยาะเย้ยมากกว่าหนึ่งครั้งกับความไม่ ‘ชัดเจน’ ในชื่อ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน มันก็เป็นชื่อที่……..แปลก แต่ตอนนี้มันไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก
“คุณไม่ได้กรอกที่อยู่ไว้ด้วย มีเหตุผลอะไรรึเปล่าค่ะ?”
หญิงสาวถามขณะที่เธอมองไปแบบฟอร์ม อย่างที่เธอพูดพื้นที่ที่อยู่ถูกปล่อยว่างเปล่า นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาตั้งใจจะเป็นคนเร่ร่อนหรอกนะ แต่เขาวางแผนจะหาที่อยู่หลังจากนี้ต่างหาก
“ฉันวางแผนว่าจะไปหาที่อยู่หลังจากนี้น่ะ เลยยังไม่ได้กรอก”
“ถ้าคุณต้องการ สามารถพักที่สมาคมก็ได้นะค่ะ”
แม้ว่าเขาจะชื่นชมเรื่องนั้น แต่เพื่อแผนแล้ว เขาจึงส่ายศีรษะ
“ขอบใจ แต่ฉันวางแผนไว้ว่าจะมุ่งหน้าไปจักรวรรดิเนลเฟเรียน เพราะงั้นฉันจะไม่อยู่ที่เมเทอร์นานนักหรอก”
“เข้าใจแล้วค่ะ…”
หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงของความเสียใจ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเสียใจกับเรื่องอะไร แต่ว่าที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่จำเป็น และตอนนี้เขาควรจะไปหามันได้แล้ว
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไรค่ะ เพียงแค่ทางสมาคมต้องการจะรู้ว่าสมาชิกกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนเท่านั้น ถ้าหากคุณหาที่อยู่ได้กรุณาแจ้งกับทางเราด้วยนะคะ”
“ได้สิ”
“โอเคค่ะซุยเมอิซัง เพื่อเป็นการยืนยัน : คุณต้องการที่จะระบุว่าเป็นนักเวทใช่มั้ยคะ”
“ถูกต้อง”
“คำถามต่อไป ขอถามว่าคุณสมบัติธาตุของคุณคืออะไรคะ”
คำถามสบายๆของพนักงานตอนรับทำให้ซุยเมอิงุนงง
“…….มันจะเป็นปัญหาอะไรรึเปล่า ถ้าฉันไม่ระบุ”
“มันเป็นกฎของทางสมาคมค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงมันจะเป็นข้อมูลลับค่ะ”
“มันเป็นกฎระเบียบของสมาคม ไม่ต้องกังวลว่า: เราจะไม่ทำให้ประชาชนข้อมูลส่วนบุคคลเช่น “
“อืม….. “
“มีอะไรงั้นเหรอคะ?”
หญิงสาวเอียงศีรษะอย่างงุนงง นี่เป็นสามัญสำนึกทั่วไปของโลกนี้อย่างแน่นอน เมื่อตอนที่ยังอยู่ในปราสาท การเรียนรู้เวทมนตร์ของเรอิจิและมิซึกิก็เหมือนว่าจะมีเรื่องทำนองนี้ แต่เพราะว่าทั้งสองคนสามารถใช้เวทมนตร์ได้ทุกประเภท
เขาไม่แน่ใจนักว่าข้อมูลพวกนั้นจะสามารถเชื่อเถอะได้หรือเปล่า บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับสถานที่ด้วย จากมุมมองของสมาคมแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะอยากรู้ว่าสมาชิกมีความสามารถอะไรบ้าง หลังจากที่เงียบไปสักพัก ซุยเมอิพึมพำตอบกลับด้วยสีหน้าอึดอัด
“อ่า…ฉันสามารถใช้เวทไฟได้นิดหน่อย”
“ไฟเหรอค่ะ? แต่เมื่อกี้คุณไม่ได้ใช้เวทไฟนี่นา….”
“เอ่อ…เอ่อ…ฉันสามารถใช้เวทลมได้อีกนิดหน่อยเหมือนกัน…”
“โอ้…ฉันรู้แล้วค่ะ คุณมีคุณสมบัติรูปแบบธาตุคู่นั่นเอง”
“อะ..เอ่อ..ใช่ๆ นั่นแหละๆ”
ซุยเมอิตอบอย่างกำกวม มันดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับโลกนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะพูดว่าสามารถใช้เวทไฟได้ แต่นั่นก็เป็นการพูดไปอย่างนั้นเอง ก็เหมือนเรอิจิและมิซึกินั่นแหละ เขาไม่มีปัญหาในการใช้เวทมนตร์ธาตุอื่นๆหรอก
มันไม่สามารถบอกไปได้หรอกว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์ทุกธาตุได้โดยไม่มีข้อยกเว้น เมื่อมองย้อนกลับไปยังโลกที่เขาจากมา ด้วยระบบของเวทมนตร์ที่แตกต่างกันแน่นอนว่าผู้ใช้เวทเองก็ใช่ว่าจะสามารถใช้เวทมนตร์ได้ทุกประเภท
แต่ว่าเขานั้นเป็นข้อยกเว้น เขาเป็นผู้ศึกษาความลี้ลับของชาวฮีบรู โดยเฉพาะคับบาล่าห์ ที่แทนการสร้างด้วยตัวเลข(เซฟิราห์) และสูตร และใช้ชุดตัวเลขในการประกอบเป็นเวทไฟ เวทน้ำหรือเวทสายฟ้า….แม้แต่การเล่นแร่แปรธาตุอย่างทำให้ของแข็งกลายเป็นของเหลว ตราบใดที่ใช้ขั้นตอนและปริมาณมานาที่เหมาะสมแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถทำได้
(ซุยเมอินายรู้จักชิบะ ทัตสึยะใช่มั้ย!) แต่ว่า- (คุณสมบัติธาตุเหรอ….)
ตอนนี้เขาเริ่มตระหนักถึงแนวคิดของเวทมนตร์ในโลกนี้แล้ว มันเป็นความจริงที่ว่าแม้จะมองจากมุมมองของเวทมนตร์สมัยใหม่ หลักคำสอนของสี่(หรือห้า)ธาตุและห้าขั้นตอน ยังถือว่าเป็นแนวคิดพื้นฐานของโลก ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ความคิดเรื่อง
” คุณสมบัติ “
มันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการบ่งชี้อย่างคร่าวๆของธาตุประกอบเวทมนตร์ ตัวอย่างเช่น แม้ว่าไฟและน้ำ จะมีความสัมพันกันด้านคาถา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าคุณใช้เวทไปไม่ได้ คุณก็จะไม่สามารถใช้เวทน้ำได้เหมือนกัน
ความคิดที่ว่าเป็นที่ชอบพอของธาตุตามธรรมชาตินั้นเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างจะเป็นพื้นฐาน ในทางเทคนิคแล้วทุกคนมีศักยภาพพอที่จะใช้เวทมนตร์ได้ทุกรูปแบบ แต่สำหรับนักเวทพวกเขาไม่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากพอที่จะทำแบบนั้นได้
ถ้าเราใช้การจุดไปเป็นตัวอย่าง ในทางเทคนิคแล้วหากรู้วิธีใช้เครื่องมือ จะต้องมีใครสักคนสามารถจุดไฟขึ้นมาได้อย่างไม่ต้องสงสัย บุคคลดังกล่าวสามารถอธิบายได้ถึง ‘ความสัมพันธ์’ กันของหินเหล็กไปเมื่อมัน ‘กระทบ’ กัน
เมื่อมองในแง่ของเวทมนตร์แล้ว ไม่ขีดหินเหล็กไปอาจจะมองเหมือนว่าแตกต่างจากระบบของเวทมนต์ ไฟจะถูกสร้างขึ้นจากการหยิบยืมพลังมาจากเทพและปีศาจ โดยใช้ชุดรหัสตัวเลข ซึ่งซุยเมอิใช้ในพยากรณ์อย่างเช่นโหราศาสตร์ ไพ่ทาโรต์ อักษรรูน องเมียวโด ฯลฯ.
ทั้งหมดนั้นสามารถบรรลุผลเดียวกัน แต่ก็อาจจะล้มเหลวได้เหมือนกันหากทำงานร่วมกับระบบเวทมนตร์ที่อ่อนแอ เพราะแบบนั้นแล้วหากใช้ระบบเวทมนตร์แบบอื่นก็จะทำให้สามารถใช้เวทมนตร์ธาตุอื่นๆได้
แม้ว่าจะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะทำให้สามารถใช้ได้ครบทุกธาตุ แต่สำหรับซุยเมอิ ที่เป็นผู้ใช้เวทสมัยใหม่แล้ว ความคิดที่ว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ที่จะใช้เวทมนตร์ธาตุต่างๆก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
แต่ว่าเขาก็เป็นผู้ใช้เวทสมัยใหม่คนเดียวในสถานที่นี้ เพราะแบบนี้มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นๆจะสามารถทำได้แบบเดียวกัน มันจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไมนักเวทของโลกนี้ถึงถูกจำกัดความสามารถของพวกเขาให้สามารถใช้คุณสมบัติใดธาตุหนึ่งและไม่สามารถใช้ธาตุอื่นๆได้ เพราะ
“เวท”
ของโลกนี้ถูกครอบงำด้วยระบบเวทมนตร์เดียวกับที่เรอิจิและเฟลเมเนียฝึกฝน นั่นทำให้พวกเขาไม่สามารถเก่งพอที่จะเป็นผลกระทบได้
“เอ่อ…ขอถามได้มั้ยค่ะ ซุยเมอิซังสามารถใช้เวทฟื้นฟูได้รึเปล่า?”
“หืม? เวทฟื้นฟู? “
ซุยเมอิเอียงคอให้กับคำถามกะทันหัน ร่องรอยดำมืดปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว
“อย่าบอกนะค่ะว่าคุณไม่รู้ว่าเวทฟื้นฟูคืออะไร?”
“มันก็ไม่เชิง มันเหมือนกับรู้แต่ก็เหมือนกับว่าจะไม่รู้”
เมื่อได้ยินอีกครั้ง ซุยเมอิรู้ว่ามันเป็นยังไงแต่มันแตกต่างจากคำที่เขารู้จัก หรือว่ามันจะเป็นความแตกต่างของการใช้คำ?หรือว่าความหมายมันจะแตกต่างกัน? ยังไงก็ตามมันหมายถึงการฟื้นฟูเวทมนตร์
ดูเหมือนมันจะเป็นศัพท์ทางเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการกู้คืนเวทมนตร์ การกู้คืนเวทมนตร์เป็นสิ่งสำคัญ-มันจำเป็นในการใช้พลัง ความสามารถในการรักษาตัวเองและผู้อื่นหลังการต่อสู้สำคัญที่สุด
ย้อนกลับไปยังโลกเดิมของเขา การขาดแคลนของผู้ใช้เวทที่สามารถกู้คืนเวทมนตร์ได้เป็นปัญหาที่แพร่หลายตลอดระยะเวลาในประวัติศาสตร์ เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการเปิดเผยอะไรในเรื่องนี้
“. . . . . . . ช่วยรักษาเวทมนตร์ ฉันสามารถใช้รักษา พลังงาน การเล่นแร่แปรธาตุ และฟื้นฟูเวทมนตร์”
“หือ ? พลังงาน . . . . . . . การรักษา ? เล่นแร่แปรธาตุ ? “
“ใช่ ถูกต้อง . . . . . . .”
เขาเปิดเผยเวทมนตร์ที่เขาสามารถใช้ได้ แต่ดูเหมือนว่าพนักงานต้องรับจะสับสน บางทีเธออาจจะไม่เข้าใจคำศัพท์ที่เขาใช้ก็เป็นไปได้
“อืม..ขอโทษนะค่ะ เนื่องจากฉันไม่มีประสบการณ์ในการใช้เวทมนตร์ ดังนั้นที่คุณพูดมาทั้งหมดฉันไม่เข้าใจเลยค่ะ”
นั่นไงล่ะ….
“ฮ่าๆๆๆๆ”
เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ซุยเมอิผู้ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี – รักษาพลังงานเป็นเทคนิคสำหรับการรักษาอาการบาดเจ็บ ด้วยเวทมนตร์ บางครั้งก็ถูกเรียกว่าเป็นเวทรักษา หรือการผ่าตัดในการรักษาจิตวิญญาณในกรณีที่อาการบาดเจ็บขยายเกินร่างกายกับจิตใจ
มันคือความสามารถในการรักษาอาการเจ็บป่วยร้ายแรงและเชื่อมแขนขาที่ถูกตัดขาดเวทประสานชนิดนี้ ในขณะที่ทำการฟื้นฟูด้วยเวทมนตร์–เป็นชื่อที่แนะนำสำหรับการฟื้นฟูและย้อนคืนสภาพเดิมของพวกเขา
มันหมายถึงการใช้สารอนินทรีย์ต่างๆ แต่ในขอบเขตที่จำกัด สามารถนำมาใช้สำหรับการรักษาได้เป็นอย่างดี … พนักงานต้อนรับตัดสินใจที่จะเลิกสนใจในสิ่งที่เธอไม่เคยได้ยินและถามอย่างอื่นแทน
อืม แล้วเวทมนตร์ฟื้นฟูที่ต้องทำด้วยการกลั่นโลหะล่ะคะ ?
( การเล่นแร่แปรธาตุ ” 錬金術 ” หมายถึง ” ศิลปะของการกลั่นโลหะ . ” โดยเฉพาะกับการจัดการโลหะ ทำให้เธอตั้งคำถาม )
“ยาฟื้นฟูที่มีการผลิตผ่านการเล่นแร่แปรธาตุ.”
“ยาฟื้นฟูโลหะ?”
นั่นมันยาประเภทไหนกันน่ะ! ซุยเมอิโต้กลับในใจ ก่อนจะพูดออกมาดังๆ
“ขอโทษที….ฉันไม่รู้จักไอ้ของที่ว่านั่นหรอก ช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ย?”
” โอ้ อืม โอเค การเล่นแร่แปรธาตุเป็นชื่อของมันบ่งบอกการควบคุมโลหะผ่านสื่อเวทมนตร์ มันมักจะใช้ในการสร้างวัตถุโลหะการประมวลผลของโอริฮารูกอน หรือการสร้างโกเลมส์ที่มีคุณภาพ ยาฟื้นฟูที่ซุยเมอิซังพูดถึง ดูเหมือนว่าจะแตกต่างกับยารักษาทั่วไปนะค่ะ “
“…”
” … ซุยเมอิซัง?”
“โทษที ไม่มีอะไร”
– การเล่นแร่แปรธาตุของโลกเขามีต้นกำเนิดมาจากอียิปต์โบราณและกรีซ มันรวมโลหะ, ยา, การหลอมแก้ว และเทคนิคทางเคมีของร่างกาย ความรู้กับการพัฒนายาสู่ความเป็นอมตะเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน อาจจะบอกได้ว่ามันคือจุดสูงสุดของความรู้ของมนุษย์ ณ ช่วงเวลาหนึ่งเลยก็ได้
หลังจากนั้นมาภายใต้อิทธิพลของคำสอนของเฮอเมสและตำนานการเล่นแร่แปรธาตุก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ในรูปแบบใหม่ ยาแห่งความเป็นอมตะได้กลายมาเป็นรูปแบบของศิลานักปราชญ์ และเป้าหมายหลักของมันได้กลายมาเป็นการเปลี่ยนโลหะมีค่าและการศิลานักปราชญ์ได้กลายเป็นหนึ่งในหลักสูตรของโรงเรียนเวทมนตร์ เพราะโลกนี้ไม่เคยมี
เฮอเมส หรือพาราเซลซัส มันก็เห็นได้ชัดว่าการเล่นแร่แปรธาตุของโลกนี้จะแตกต่างจากที่โลกของเขา โลหะวิทยาและการสร้างโกเลมส์สามารถเป็นข้อพิสูจน์ของการเล่นแร่แปรธาตุของโลกเขา แต่เขาผู้ซึ่งสนใจในการแพทย์
” ศาสตร์แห่งการรักษา “
เห็นได้ชัดว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับศาสตร์แห่งการแปรธาตุของโลกนี้ หลังจากนี้เขาคงต้องระวังคำพูดสักหน่อยเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
“….อืม ถ้าอย่างนั้นฉันจะระบุว่าคุณมีความสามารถในการใช้เวทฟื้นฟูนะคะ?”
“ตามนั้นแหละ”
หลังจากพยักหน้าเล็กน้อย พนักงานต้อนรับก็เขียนข้อมูลที่เกี่ยวข้องลงในแบบฟอร์มการลงทะเบียน จากนั้นเธอปรับเสียงเล็กน้อย
“-อะแฮ่ม ขอโทษค่ะ ต่อไปเราจะอธิบายเกี่ยวกับสมาคมนักผจญภัยของทไวไลท์พาวิลเลี่ยน และดำเนินการประเมินผลการจัดอันดับ รายละเอียดจะอธิบายในภายหลัง แต่ตอนนี้ฉันจะพูดคุยเกี่ยวกับทไวไลท์พาวิลเลี่ยนก่อน “
ซุยเมอิพยักหน้าและหญิงสาวเริ่มคำอธิบาย
“สมาคมนักผจญภัยทไวไลท์พาวิลเลี่ยน เป็นสมาคมนักผจญภัยที่ดำเนินงานอยู่ภายในของเขตของราชอาณาจักรแอสเทอร์ จักรวรรดิเนลเฟเรียนและสาธารณรัฐซาเดียสค่ะ การบริการของเราขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่ได้รับ ภารกิจในฤดูนี้ส่วนใหญ่จะเป็นมีดังต่อไปนี้ : ภารกิจคุ้มกันสำหรับผู้เก็บรวบรวมสมุนไพรในเขตพื้นที่อันตราย จู่โจมดันเจี้ยนโบราณ สำรวจภูมิภาคชายแดนและการกำจัดมอนสเตอร์ มีคำถามอะไรมั้ยค่ะ?”
ซุยเมอิเงียบต่อคำถามยืนยันของพนักงานตอนรับ ทุกอย่างที่บอกมาตรงกับที่เขาอ่านเจอในห้องสมุดของคัลเมเลีย สมาคมนักผจญภัยทไวไลท์พาวิลเลี่ยนเป็นองค์กรพิเศษที่มีความสามารถในการทำงานได้อย่างอิสระภายในเขตของสามอาณาจักร
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐซาเดียส ภูมิภาคที่มีสาขาใหญ่ตั้งอยู่ และในแอสเทอร์และเนลเฟเรียนเอาก็เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีอำนาจในการรับคำรองของจากรัฐบาล ซุยเมอิพยักหน้าเพื่อให้พนักงานตอนรับอธิบายต่อ
“ฉันขออธิบายต่อนะคะว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉันจะพูดว่างาน ‘หลัก’ ของเราอยู่ในของเขตของสามอาณาจักร แต่ถ้าให้พูดอย่างจริงจังก็คือสมาชิกของทไวไลท์พาวิลเลี่ยนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานนอกทั้งสามอาณาจักร คุณรู้มั้ยค่ะว่าทำไม?”
คำถามอย่างฉับพลันไม่คาดคิด แต่ไม่ยากดังนั้นซุยเมอิจึงตอบเธอตามตรง
“เพราะอาณาจักรอื่น ๆ มีท่าทีว่าเป็นศัตรูกับสามอาณาจักร เพราะว่าพวกเขาเป็นศัตรูใช่มั้ย?? ต่สมาชิกทไวไลท์พาวิลเลี่ยนจึงไม่สามารถเข้าสู่ประเทศอื่น ๆ ได้และนอกจากนี้ยังไม่สามารถใช้การเป็นสมาชิกสมาคมของพวกเขา หากพวกเขาทำเช่นนั้นก็จะนำไปสู่สถานการณ์ที่อันตราย อะไรแบบนั้น.”
“ถูกต้องค่ะ นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อคุณออกจากสามอาณาจักร คุณจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก หากคุณไม่ได้ไปผ่านช่องทางที่เหมาะสมแล้วมันค่อนข้างเป็นไปได้ว่าคุณจะถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะดีขึ้นมากตั้งแต่ปีศาจได้เข้าโจมตี แต่ยังคงดีที่สุดหากระมัดระวัง “
“เข้าใจแล้ว”
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้มากกว่าที่คิดและเพื่อให้ซุยเมอิเข้าใจ พนักงานต้อนรับ ทำสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่เธอย้ำถึงสามครั้งเพื่อให้เขาเข้าใจถึงอันตราย
” ย้าย กิลด์ของเราใช้ระบบเกรดเพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกของเรา การจัดอันดับไปจาก e-rank เพื่อ s-rank กับสมาชิกที่ได้รับค่าคอมมิชชั่นตามการจัดอันดับของพวกเขา มากขึ้นโดยเฉพาะ e-rank สมาชิกไม่สามารถรับค่าคอมมิชชั่น d-rank . ถ้าคุณต้องการที่จะใช้สูงกว่าคณะกรรมการจัดอันดับ แล้วจบงานมากจะปรับปรุงการประเมินของคุณและอนุญาตให้มีการจัดอันดับขึ้น”
“ต่อไปก็ ที่สมาคมของเราใช้ระบบการให้คะแนนในการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิก การจัดอันดับไปจาก E- rank ถึง S-rank สมาชิกจะได้รับค่าตอบแทนตามการจัดอันดับของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิก E-rank ไม่สามารถรับค่าตอบแทน D-rank หากคุณต้องการที่จะค่าตอบแทนที่สูงขึ้น หลังจากจบภารกิจจำนวนมากคุณจะได้รับการประเมินและอนุญาตให้เลื่อนระดับค่ะ”
“การประเมินขึ้นอยู่กับ?”
“ระดับความสำเร็จในการทำภารกิจนั่นคือเกณฑ์หลัก ระดับภารกิจและประเภทของเจ้าของงาน คือสิ่งที่จะประเมินรองลงมา”
ซุยเมอิพยักหน้าอย่างเข้าใจ แปลก การประเมินความแข็งแกร่งของสมาชิกขึ้นอยู่กับประสบการณ์การทำงาน มีค่าตอบแทนสำหรับการกำจัดปีศาจหรือแก๊งโจร
ดังนั้นเรื่องแบบนี้มันยุติธรรมดี ที่ระดับจะไม่เพิ่มหากถูกประเมินว่าไม่มีความสามารถ ซุยเมอิได้วางแผนสำหรับภารกิจที่มีผลตอบแทนที่เหมาะสมอยู่แล้ว ดังนั้นนี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
“นอกจากนี้การร้องขอส่วนใหญ่จะถูกประกาศให้สมาชิกของเรา จากเจ้าหน้าที่ของสมาคม หากคุณต้องการภารกิจไหนให้ดึงมันไปและส่งให้กับเจ้าหน้าที่ของเราเพื่อตรวจสอบความสามารถและความเหมาะสมของระดับของคุณในขณะนั้น กรุณาอย่าลืมเด็ดขาดนะคะ “
ขณะอธิบายซุยเมอิสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“ส่วนใหญ่?หมายถึงได้รับค่าตอบแทนโดยตรง?”
“สักเกตดีนะคะ ใช่ค่ะ ค่าตอบแทนจำนานมากเจ้าหน้าที่ของเราไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายนั้นได้ ในกรณีนั้นสมาคมจะรวบรวมจากสมาชิกและกำหนดปัญหาให้กับคนที่เหมาะสม ยังไงก็ตามคนที่ได้รับการแต่งตั้งมีทั้งสมาชิกระดับสูงหรือผู้ที่มีทักษะพิเศษ มีอะไรจะถามอีกรึเปล่าค่ะ”
“บางที”
ซุยเมอิตอบคลุมเครือ แต่ถ้าอยากใช้คำขอดังกล่าว แต่ว่าปัจจุบันเขาไม่มีผลงาน และยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากสมาคม มันก็จริงที่คำร้องขอดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่เขาควรกังวล
“เรื่องสุดท้ายนะคะ เกี่ยวกับบัตรสมาชิกของคุณ หลังจากนี้คุณจะได้รับบัตรสมาชิกซึ่งทำหน้าที่เป็นหลักฐานเช่นเดียวกับบัตรประชาชน เก็บไว้ให้ดีนะค่ะ เพราะถ้าหากตกไปอยู่ในมือของคนอื่น อาจจะเกิดอันตรายขึ้น กรุณาเก็บไว้ในที่ปลอดภัย หากใช้ผิดประเภท บัตรของคุณทำให้เกิดอันตรายต่อชื่อเสียงของสมาคม คุณจะได้รับการลงโทษตามความเหมาะสม โปรดระวังด้วย”
“จะจำไว้”
“สุดท้ายนี้ การเปลี่ยนแปลงบัตรสมาชิกขึ้นอยู่กับตำแหน่งของคุณและอื่น ๆ ในช่วงเวลาที่เมื่อตำแหน่งของคุณถูกประเมินหรือมีการเปลี่ยนแปลงเราจะต้องเรียกบัตรของคุณกลับมา ทางเราตองขออภัยในความไม่สะดวกที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยนะค่ะ “
จบด้วยคำอธิบายของเธอ พนักงานต้อนรับสูดลมหายใจลึก ๆ
“นั่นเป็นการแนะนำสมาคมค่ะ ต่อไปจะมีการประเมินอันดับ กรุณานั่งเหนือประตูนั่น และรอการตรวจสอบ “
เธอกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ประตู ซุยเมอิเดินไปตามคำบอก
ปล.สาระ สาระเต็มไปหมดเลย orz.
ที่มา: