I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 16 คำล่อลวง(1)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1661 | 2338 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ท่ามกลางความเงียบ ‘ซุยเมย์’ ยกดาบของเขาออกจากคอของ ‘ไรคัส’  ส่งผลให้ ‘ไรคัส’ ทรุดลงไปหอบหายใจกับพื้น

“ฮะ..ฮ่า..ชิบ”

“บัดซบ”

หลังจากนั้น ‘เอนมาร์ฟ’ ก็ล้มลงอีกคน เป็นผลมาจากการที่มานาถูกสูบออกจากตัวจนหมด ชัยชนะ บัดนี้การดูถูกเย้ยหยันที่พวกเขาได้แสดงออกไปได้ย้อนกลับคืนไปอย่างเต็มรูปแบบ

โดยทั่วไปเมื่อนกผจญภัยประสบชัยชนะ พวกเขาจะมีความสุขมากกับความสำเร็จนั้น แต่กันเขาแล้วไม่เป็นเช่นนั้น  ‘ซุยเมย์’ ยกเลิกเวทมนตร์จากดาบปรอท และปล่อยให้มันกลับสู่รูปแบบของเหลว รวมกับว่าเวลาถูกหมุนย้อนกลับ  ปรอทได้ไหลกลับเข้าไปในขวดที่ออกมา  ‘โดโรเธีย’ ผู้เป็นตัวแทนของสมาคมมองดูนักผจญภัยทั้งสองด้วยความประหลาดใจ

“โอ๊ะ…ดูเหมือนว่าเขาจะเอาชนะทั้งสองคนจริงๆด้วยสิ”

ใบหน้าของเธอแข็งค้างไปกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ผิดกับเลฟิลเลีย ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ ‘ซุยเมย์’ ราวกับว่าเขาเป็นนักรบฝีมือฉกาจผู้ไม่อาจจะประมาทได้ ทันใดนั้นการแสดงออกที่รุนแรงก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

“…ยอดเยี่ยม”

ถ้อยคำยกย่องที่เจือไปด้วยบรรยากาศอันตรายยังถึงถูกส่งออกมาจากเธอ  ‘โดโรเธีย’ เข้ามาหา ‘ซุยเมย์’

 “เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นมากค่ะ  ‘ซุยเมย์ซัง’ ! คุณต่อสู้กับ ‘ไรคัสซัง’ และ ‘เอนมาร์ฟซัง’ พร้อมๆกันและสามารถเอาชนะได้ มีสามาชิคในเมเทอร์ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำแบบเดียวกันนี้ได้”

“ขอบใจมาก จริงๆแล้วก็เพราะฉันมีเทคนิคที่ดีกว่าก็แค่นั้นเอง”

คำพูดที่ดูเหมือนกับถ่อมตัวของเขานั้นทำให้ ‘โดโดรเธีย’ จ้องมองมาด้วยความอิจฉาพร้อมกับโต้แย้ง

“ถ่อมตัวเกินไปแล้วค่ะ คุณเป็นนักเวทที่น่าทึ่งมาก หากเทียบกับพวกนักเวทในสมาคมจอมเวท ทักษะของคุณก็ยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นระดับสุดยอดอยู่ดี เห็นด้วยมั้ยคะ ‘เลฟิลเลียซัง’ ”

“ใช่ค่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้คุ้นเคยกับนักเวทที่แข็งแกร่งในสมาคมจอมเวทแห่งเมเทอร์มากนัก แต่จากที่เห็นทักษะของคุณต้องอยู่ในระดับสูงแน่นอน”

คำพูดของ ‘เลฟิลเลีย’ ให้ให้ซุยเมย์รู้สึกสงสัย

“…คุณสองคนเปรียบเทียบผมกับจอมเวทเก่งๆ แปลว่ารู้ความสามารถของผมสินะ?”

‘ซุยเมย์’ แสดงออกถึงความสนใจของเขาต่อเหล่าจอมเวทในโลกนี้ เขาต้องการที่จะรู้ว่าเวทมนตร์ที่แข็งแก่งในโลกนี้มันมีลักษณะเป็นยังไง เวทมนตร์อาจจะใช้แก้ปัญหาไม่ได้ในทุกกรณี

เพราะแบบนั้นเขาจึงต้องการรู้เบาะแสเกี่ยวกับจอมเวทผู้แข็งแกร่งในโลกใบนี้ หากเงื่อนไขความเก่งกาจนั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ใช้งานและความสามารถในการกักเก็บมานาและเวทมนตร์ขนาดใหญ่นั้นเกิดจากการทุ่มเทมานาปริมาณมหาศาลออกมาแล้ว มันก็ดูเหมือนจะน่ากลัวอยู่

นอกจากนี้ความจริงที่ว่าองค์ประกอบถูกใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาแล้ว พลังทำลายก็คงจะมากขึ้นอีก และที่แน่นอนก็คือ เวทนี้มีไว้สำหรับการต่อสู้ คำถามของเขาดูเหมือนว่าจะทำให้ ‘โดโรเธีย’ มีความสุข

“คุณกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ ‘ซุยเมย์ซัง’ ? จากที่เห็น ฉันนึกว่าคุณจะมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ซะอีก”

“อืม…ฉันดูเป็นแบบนั้น?”

“อะแฮ่ม..จากมุมมองของฉันแล้ว หากเปรียบเทียบคุณกับจอมเวทระดับ S ของทไวไลท์พาวิลเลียน ก็ต้องบอกว่าคุณยังอ่อนแอกว่าเล็กน้อย”

ท้ายประโยคของเธอดูเหมือนว่าจะมีความลังเลแอบแฝงอยู่ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเขากับจอมเวทระดับ S น่าสนใจดีนี่….

“เข้าใจแล้ว…ว่าแต่เปลวไฟสีขาวผู้ลือเลื่องนี่?…เธอเทียบได้กับจอมเวทระดับ S รึเปล่า?”

“เปลวไฟสีขาวซังเป็นที่รู้จักกันในความสามารถด้านการวิจัยค่ะ ถ้าเทียบเรื่องพลังโจมตีแล้ว ความสามารถของเธอยังเป็นรองผู้เชี่ยวชาญของที่นี่อยู่”

“โอ้ …”

คำตอบของ ‘โดโรเธีย’ เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้โอ้อวดความแข็งแกร่งของสมาคม  ‘ซุยเมย์’ เปล่งเสียงออกมาด้วยความสนใจ ‘เฟลเมเนีย  สติงเรย์’

แม้ว่าเธอจะเป็นจอมเวทที่เก่ง แต่เธอยังขาดประสบการณ์ในการต่อสู้อยู่ แม้ว่าพรสรรค์นั้นจะทำให้เธอโดดเด่นในหมู่จอมเวท  แต่เพราะประสบการณ์ยังน้อยอยู่เลยทำให้เธอไม่เก่งเท่าที่ควร นั่นเป็นข่าวดีทีเดียว ดูเหมือนว่าจะเร็วเกินไปที่จะผิดหวังเกี่ยวกับเวทมนตร์ในโลกนี้

“แล้วคุณล่ะ ‘กราคิสซัง’ ?คุณคิดว่ายังไงบ้าง?”

น่าแปลกที่ ‘เลฟิลเลีย’ มองเขาด้วยความสับสน

“….ฉันไม่คิดว่าคุณจะใส่ใจที่จะเปรียบเทียบกับคนอื่นๆเลยนะคะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ  ผมแค่อยากจะรู้ว่าคุณคิดว่าความสามารถของผมเป็นยังบ้างเท่านั้นเอง นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ต้องใส่ใจใช่หรือเปล่าครับ?”

‘เลฟิลเลีย’ หลับตาเพื่อจะรำลึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าก่อนจะตอบออกมา

“ก็จริงนะคะ…ตามความเห็นของฉันแล้ว  จากที่เห็นในวันนี้ฉันไม่คิดว่าความจุมานาของคุณสามารถเทียบกับจอมเวทที่แข็งแกร่งได้ค่ะ ถ้าเทียบอำนาจทำลายล้างของเวทมนตร์ของคุณ ฉันเกรงว่า..”

“หืม..อำนาจทำลายล้าง”

อย่างที่คิด ผู้ใช้เวทในโลกนี้ใช้เวทมนตร์ที่หยิบยืมพลังจากธรรมชาติและมุ่งเน้นไปที่พลังการทำลายล้าง เพียงแค่นั้นก็สามารถเป็นจอมเวทผู้แข็งแกร่งได้แล้ว?

“จอมเวทที่อยู่บนจุดสูงสุดนั้นสามสามารถล้างป่าหรือเมืองได้ด้วยคาถาบทเดียวเลยนะคะ มันอาจจะดูหยาบคายไปสักหน่อย แต่ว่าคุณดูไม่ใกล้เคียงกับอะไรแบบนั้นเลย”

(แถวบางผมก็มีนะจอมเวทที่ถือคทาและสามารถล้างป่าได้เนี่ย)

“ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ….”

อย่างที่คิดไว้เลย นับตั้งแต่ที่เขาไม่ได้เปิดใช้เตาปฏิกรณ์ฟิวชั่น  มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีช่องว่าขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขา สามารถทำลายป่าหรือเมืองด้วยคาถาบทเดียว? แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในระดับที่สามารถถล่มป่าหรือเมืองได้มันก็ยังเป็นระดับที่น่ากลัว  ผู้ใช้เวทในโลกเก่าของเขาก็ยังไม่สามารถทำถึงขนาดนั้นได้ อืม แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไรในตอนนี้นัก

“ขอบคุณมากครับ ผมได้รู้อะไรขึ้นมาอีกเยอะเลย”

“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่ามาขอบคุณกับเรื่องแค่นี้นี่ทำให้ฉันรู้สึกอายเหมือนกันนะคะ”

“อย่าคิดแบบนั้นสิครับ มีอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้ คำอธิบายพวกนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากเลย”

‘ซุยเมย์’ ก้มศีรษะลงด้วยความซาบซึ้งใจ   ‘โดโรเธีย’ เองศีรษะมองด้วยความสับสน

“….จริงๆแล้วคุณเป็นใครกันแน่ ‘ซุยเมย์ซัง’ ? ทั้งๆที่แข็งแกร่งขนาดนี้แต่ฉันกลับไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”

“ผิดแล้ว ถ้าฉันเป็นที่รู้จักทั้งที่มีฝีมือแค่นี้ มันคงเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก”

‘ซุยเมย์’ กล่าวอย่างเย้ยหยันตน  ‘โดโรเธีย’ มองอย่างไม่พอใจ

“กรุณาอย่างดูถูกทไวไลท์พาวิลเลียนนะคะ การรวบรวมข้อมูล รวมถึงชื่อของคนที่มีความสามารถของเรา ค่อนข้าง……ดีทีเดียว”

ความเชื่อมั่นของเธอหวั่นไหวในตอนท้ายของประโยค ความรู้ของ ‘ซุยเมย์’ นั้นเป็นเรื่องที่รู้กันโดยทั่วไปในญี่ปุ่น ไม่มีทางที่คนในโลกอื่นจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาเด็ดขาด ความพยายามคาดเดาของเธอถูกหยุดไว้โดย ‘ซุยเมย์’

 “เอ่อ..จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันมาจากที่ไหนสักแห่งที่ไกลมากๆ”

“ที่ไหนสักแห่งที่ไกลมาก? ทางใต้เหรอคะ?”

“ไม่  ทางตะวันออกดูจะเป็นคำอธิบายที่ถูกต้องมากกว่า”

‘ซุยเมย์’ คิดถึงแผนที่ที่เขาได้ศึกษาในปราสาท เพื่อเตรียมตัวไว้ให้พร้อม เขาความแน่ใจว่าเขารู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์เป็นอย่างดี ห่างไปทางทิศตะวันออกของแอสเทอร์ เป็นพื้นที่รกร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นส่วนผสมกันระหว่าป่า ภูเขา และทะเลทราย ไม่เคยมีการติดต่อใดๆกับอาณาจักรในพื้นที่และไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับบริเวณนี้ เพราะแบบนั้นมันน่าจะดีกว่าหากตอบออกไปแบบนี้

“เข้าใจแล้วค่ะ ความรู้ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับทิศตะวันออกนั้นมีน้อยมาก หมายความว่าความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ของคุณมาจากทางทิศตะวันออกใช่รึเปล่าค่ะ”

“จะว่าแบบนั้นก็ได้”

เขาตอบด้วยใบหน้าที่ยากจะอ่านออก เธอละความสนใจ ในขณะที่ ‘เลฟิลเลีย’ นิ่งเงียบก่อนจะพึมพำ

“เวทมนตร์เฉพาะตัวนั่นมัน…. “

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

“…ไม่มีอะไรคะ”

” … ?”

อะไรกันที่เธอกำลังสนใจอยู่? แววตาของเธอเองก็ดูแปลกๆ

“ใช่แล้ว เวทมนตร์ของคุณเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ไม่ว่าจะป็นความเร็วในการใช้งานหรือความแข็งแกร่งของเวทป้องกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในโลกนี้คงไม่มีใครทำแบบนี้ได้”

“ชมเกินไปแล้ว”

ถูกชมซึ่งหน้าแบบนี้ทำให้เขาค่อนข้างอายอยู่  ‘โดโรเธีย’ หันไปหาเลฟิลเลียเมื่อเธอนึกอะไรบางอย่างออก

“ฉันนึกออกแล้ว  ‘เลฟิลเลียซัง’ คุณบอกว่ากำลังจะเดินทางไปที่จักรวรรดิเนลเฟเรียนใช่มั้ยคะ?”

“อ๊ะ? ใช่แล้วค่ะ”

‘เลฟิลเลีย’ ยืนยัน เธอกำลังมุ่งหน้าไปที่เนลเฟเรียน? อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น

“โอ้?  ‘กราคิดซัง’ คุณกำลังมุ่งหน้าไปที่จักรวรรดิงั้นเหรอ? “

“ค่ะ เพื่อเป็นการเตรียมการสำหรับเยี่ยมชมวิทยาลัยเวทมนตร์ของจักรวรรดิ ฉันเลยมาเข้าร่วมสมาคมค่ะ”

“วิทยาลัยเวทมนตร์….เข้าใจแล้ว…”

วิทยาลัยเวทมนตร์ จากที่เขาอ่านมามันเป็นสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในจักรวรรดิที่สอนทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการใช้เวทมนตร์ และรวบรวมนักเรียนจากทั้งสามอาณาจักรเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาเวทมนตร์เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ดูเหมือนจะน่าสนใจอยู่นะ แต่ว่า….. ไม่สนใจหรอก…. ไม่ว่าจะเป็นองค์กรในการวิจัยหรือหน่วยงานวิชาการก็ตาม ‘ซุยเมย์’ ก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ในโลกเก่าของเขา เขาก็เคยเข้าสถาบันแบบนี้ตามคำสั่งขององค์กรเหมือนกัน นอกจากจะไม่ช่วยในการพัฒนาแล้ว ยังต้องคอยช่วยเหลือคนอื่นอีก เขาจึงมีทัศนคติไม่ดีต่อมันนัก

“ใช่แล้วค่ะ ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์มากนัก เพราะแบบนั้นฉันจึงต้องไปที่นั่นเพื่อเรียนรู้มัน”

“คุณต้องการที่จะเรียนรู้เวทมนตร์?”

“ใช่ค่ะ ฉันวางแผนว่าจะศึกษามันอย่างละเอียด”

‘เลฟิลเลีย’ ดูเหมือนจะเป็นคนประเภทที่มั่นใจในตัวเองสินะ ยังไงก็ตาม บางทีพวกเขาอาจจะได้พบกันอีกครั้งระหว่างทาง ไม่ใช่แค่ว่ากำลังมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิเหมือนกันเท่านั้น แม้แต่จุดหมายปลายทางเองก็ยังเป็นที่เดียวกัน จู่ๆ ‘โดโรเธีย’ ก็ถอนหายใจ

“คุณนักดาบหญิง ด้วยความสามารถของคุณแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะสามารถสร้างชื่อให้กับตัวเองที่นี่ได้ แต่คุณก็ยังจะไปจากเรา อ่า อย่างน้อย ‘ซุยเมย์ซัง’ ก็ยังอยู่ที่นี่”

“ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องนั้นน่ะ หลังจากที่ฉันเตรียมการเสร็จแล้ว ฉันก็จะออกจากเมืองเหมือนกัน”

ความเงียบพลันบังเกิด  หลังจากนั้น ‘โดโรเธีย’ ก็ตะโกนใส่ ‘ซุยเมย์’

“….หา!? นี่ฉัน  นี่ฉันอุตส่าห์คิดว่าจะมีนักเวทผู้เก่งกาจมาเข้าร่วมกับเรา และทำให้สมาคมจอมเวทต้องตกอกตกใจกันทั้งที ทำไม ทำไม…..”

อืม นี่คือสิ่งเธอเธอกำลังคิดอยู่งั้นเหรอ?

“…โทษที”

“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้…? ในที่สุดสมาคมเราจะได้มีโอกาสนั้นทั้งที…”

“จริงอ่ะ ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันมีสิ่งที่ต้องไปทำอยู่….”

“ฮึก..ฮึก ฉันเข้าใจแล้ว หากคุณทั้งสองคนมีจุดมุ่งหมายในใจอยู่ก่อนแล้ว..”

“ใช่แล้ว ปลายทางสุดท้ายของฉันคือจักรวรรดิ”

“คุณก็ด้วยเหรอ?”

“ใช่ จักรวรรดิเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆน่ะ”

“เหรอคะ?อืม ไม่รู้ว่าเราจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ แต่โปรดดูแลตัวเองจนถึงตอนนั้นด้วยนะค่ะ”

“เช่นกัน”

“ฉันคงต้องไปแล้วค่ะซุยเมย์ซัง จากการต่อสู้เมื่อกี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลย”

เธอกล่าวคำอำลา มีบางสิ่งที่รบกวนอยู่ภายในจิตใจของ ‘ซุยเมย์’   เขาเฝ้ามองไปที่เธออย่างเคร่งเครียด

“……”

“มีอะไรเหรอคะ?”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร ดูแลตัวเองด้วยนะ”

เขาเฝ้ามองจนกระทั่งเธอออกจากประตูสนามฝึกไป ดวงตาของซุยเมย์หรี่ลงเมื่อเขาเห็นว่ารูปร่างอันงดงามนั้นหายไปแล้วถ้าเป็นเธอก็คงจะดี เธอไม่ใช่คนชอบคุยมากนัก ไม่มีเพื่อนและระวังตัวมาก ยังไงก็ตาม เธอก็มุ่งหน้าไปที่จักรวรรดิอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่จะรั่วไหลออกมา …….เพื่อพิสูจน์ว่าเธอไปแล้วจริงๆ  ‘ซุยเมย์’ ถามขึ้นโดยไม่ละสายตาออกจากประตู

“การจัดระดับของฉันคืออะไร?”

เมื่อไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของ ‘ซุยเมย์’ ขณะที่เขาตั้งคำถามนี้ได้  ‘โดโรเธีย’ เงยหน้ามองเพดาน

“นั่นก็….อืม  ‘ซุยเมย์ซัง’ คุณเอาชนะ ‘ไรคัสซัง’ และ ‘เอนมาร์ฟซัง’ ได้”

“…ถูกต้อง”

” … “

‘ไรคัส’ หน้าซีดเผือดพลางมองไปที่ ‘เอนมาร์ฟ’ ที่ทำหน้าเสียใจไม่แพ้กัน ความพ่ายแพ้ถึงสองครั้งไม่แปลกอะไรที่ทั้งคู่จะท้อแท้   ‘โดโรเธีย’ มองทั้งคู่ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงธุรกิจ

“ระดับ C  น่าจะเหมาะสมที่สุด แต่เมื่อพิจารณาความสามารถที่คุณได้แสดงออกมาแล้วสมควรจะเป็น ระดับ B เพราะงั้นเราจะลงทะเบียนให้คุณในระดับ B ค่ะ”

“โอ้ … “

‘ซุยเมย์’ กล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจการประเมินผลนี้เกินความคาดหมายของเขา ระดับ B แม้ว่าเขาจะปกปิดความสามารถไว้อีกมาก เขาก็ยังได้รับการประเมินค่อนข้างสูง เมื่อตัดสินแล้ว  ‘โดโรเธีย’ ก็เผยสีหน้าอันเปี่ยมสุขออกมา

“นั่นคือความจริงที่น่าประทับใจมาก คุณได้กลายเป็นหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงไปแล้วค่ะซุยเมย์ซัง”

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”

“แน่นอนค่ะ ฉันรับรองได้”

เธอพูดด้วยความมั่นใจราวกับจะบอกว่า

“ปล่อยทุกอย่างให้ฉันจัดการเอง”

แน่นอนว่า ถ้าเป็นนักผจญภัยใหม่ที่จะโผล่มาด้วยการประเมินระดับสูงแล้ว ชื่อของเขาจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวก่อน”

” … ?”

จากเงื่อนไขแรกเข้า แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถหลีกหนีภารกิจที่จะเข้ามาได้อย่างแน่นอน

“จะเกิดอะไรขึ้น หากทั้งสามคน-รวมเธอด้วยโดโรเธีย เปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกไป”

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments