I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 17 ความทรงจำอันเลวร้าย

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1546 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หญิงสาวคนหนึ่งเคยมีความฝัน เป็นความฝันปกติธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป : ปกป้องที่อยู่กับคนที่ได้เลี้ยงดูเธอมา

สำหรับคนที่เกิดมาในโลกนี้ นี่เป็นความปรารถนาทั้งหมดที่พวกเขามีร่วมกัน หญิงสาวนิรนามในความทรงจำที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน กับความฝันที่คอยชี้นำเธอ แต่ยังคงมีความแตกต่างที่ชัดเจอระหว่างผู้หญิงคนนั้นและคนอื่นๆที่มีความฝันเช่นเดียวกันกับเธอ

ความจริงที่ว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เกิดจากการปลูกถ่ายวิญญาณโบราณของเหล่าอัครสาวกของเทพธิดา ‘อาชูน่า’  หน้าที่ของเธอคือการขับไล่ผู้รุกรานต่างเผ่าพันธุ์และเธอได้เป็นที่รู้จักกันในฐานะของมิโกะ(TN: ตัวละครนี้ถูกเขียนว่า “神子” ซึ่งปกติแล้วจะใช้ “巫女” อักษรเหล่านี้แท้จริงแปลว่า “คนของพระเจ้า”..)

เป็นหญิงสาวที่พัฒนาฝีมือดาบของเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เธอมักจะได้ยินคนพูดว่า

“วิญญาณซึ่งเป็นของขวัญจากเทพธิดา ‘อาร์ชูน่า’  มีอำนาจที่จะปกป้องพงศ์พันธุ์ของตน”

ไม่ได้รับอนุญาตให้พ่ายแพ้ เพื่อปกป้องความสงบสุขของประชาชน เป็นพลังที่ไม่ได้รับอนุญาตให้หายไป ผู้หญิงคนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป อธิฐานต่อเทพธิดาและฝึกฝนวิถีดาบอย่างไม่หยุดหย่อน

ในบางครั้งก็เดินทางขึ้นเหนือเพื่อขับไล่เผ่าพันธุ์อื่นที่รุกรานดินแดน วันและคืนที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป หญิงสาวก็ได้ตระหนักถึงความฝันของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เธอไม่อาจรับรู้ความสุขในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งได้ หญิงสาวก็ไม่เคยละทิ้งความฝันนั้น แต่แล้ว ความฝันนั้นก็มาถึงจุดสิ้นสุด…..

เมื่อราชาปีศาจคนใหม่ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ ความฝันของเธอก็หายไปราวกับหมอกควัน เมื่อข่าวมาถึงเมื่อหลวง มันก็สายเกินไปซะแล้ว กองทัพปีศาจนับล้านกวาดล้างภาคเหนือ เมื่องและหมู่บ้านมากมายถูกกลืนหายไปพร้อมกับกลียุคนี้ ศัตรูจำนวนมาก มิหนำซ้ำแต่ละตนนั้นเก่งกาจเกินความสามารถของมนุษย์

การบุกโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งนั้นทำให้เหล่ามนุษย์ตกอยู่ในความสิ้นหวัง ยังไงก็ตามหญิงสาวยังคงต่อสู้ด้วยความหวังที่จะมีชีวิตต่อ เพื่อปกป้องบ้านเกิดและประชาชนของเธอ เธอยังคงกวัดแกว่งคมดาบตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ ภายใต้คมดาบของเธอ ปีศาจมากมายกลายเป็นซากศพ

ผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าทหารคนใด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่อาจเอาชนะศัตรู ภายใต้การกวาดล้าง ความฝันของหญิงสาวแตกสลาย บ้านเกิดของเธอถูกทำลาย การบุกรุกนั้นทำให้ชีวิตของเหล่าผู้คนที่เธอต้องปกป้องจางหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตน

อำนาจที่ไม่อาจต่อต้านนั้น เมื่อมันมาถึง หญิงสาวก็รู้สึกตัว เธอพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของผู้นำศัตรู ความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือล้ำยิ่งกว่าปีศาจตนใด หลังจากความสูญเสีย เธอกลายเป็นเหยื่อของคำสาปอันเลวทราม

บางทีนี่อาจจะเป็นจุดจบของฉัน เธอคิด การพ่ายแพ้ต่อชะตากรรมเช่นเดียวกับคนอื่นๆ สำหรับบ้านเกิดอันที่พำนักสุดท้ายของเธอ เธอได้สู้กับศัตรูที่ร้ายกาจและทำให้เขาบาดเจ็บได้ การบาดเจ็บที่ไม่อาจรักษา ความโศกเศร้าต่อปณิธานที่แหลกสลาย ประชาชนของเธอบอกให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป

แท้จริงแล้วพลังของหญิงสาวมันคือของขวัญจากสวรรค์ พลังวิญญาณของเทพธิดาแห่งความยุติธรรมที่มอบให้โดยเทพธิดา ‘อาร์ชูน่า’ พลังที่มีไว้เพื่อต่อต้านพระเจ้าที่เหล่าปีศาจบูชา เธอคือความหวัง แสงสว่างนั้นจะต้องไม่จางหายไป

ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ตาย แม้จะต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้ความอัปยศ เธอจะต้องแข็งแกร่งขึ้น จนกระทั่งดาบของเธอจะได้แทงเข้าไปในหัวใจของราชาปีศาจ …….

หญิงสาวคนนั้นมีฝัน และตอนนี้เธอก็ไม่มีทางเลือกอีกต่อไป และเป็นอีกครั้งที่หญิงสาว  ‘เลฟิลเลีย กราคิส นอเซียส’   ร้องไห้อย่างเงียบๆเพียงลำพัง

หลายวันต่อมาหลังจากเหตุการณ์ทีสมาคม  ‘ซุยเมย์’ ที่ตื่นแต่เช้ากำลังกวัดแกว่งดาบของเขา

“ย้าก!ฮ่า!”

ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เขาเหวี่ยงดาบขึ้นลงด้วยลมหายใจที่มั่นคง นี่เป็นการฝึกเคลื่อนไหวของเขานับตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก มันไม่ใช่สิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากพ่อ แต่เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากโรงฝึกที่อยู่แถวบ้าน ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นผู้ใช้เวท แต่ก็เป็นผู้เชียวชาญการต่อสู้ระยะประชิดเช่นกัน

เขาคิดว่ามันเป็นทักษะที่จำเป็นต่อฐานะและนำเองลูกชายไปไว้ยังโรงฝึกแถวบ้าน การเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเพลงดาบที่เขาได้เรียนมาจากที่นั่น นักดาบจะเสื่อมสภาพลงหากขาดการฝึกฝนที่ต่อเนื่อง

สำหรับคนที่ไม่มีความสามารถ เพียงสัปดาห์เดียวก็อาจทำให้วิถีดาบทื่อด้านแล้ว นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ ‘ซุยเมย์’ อุทิศเวลาในปราสาทของเขาเพื่อศึกษา ความจริงที่ว่า ‘ซุยเมย์’ สามารถใช้เวทมนตร์ของเขาในการต่อสู้ได้ เพลงดาบไม่ใช่อะไรที่จำเป็น แต่เขาก็รู้สึกสบายใจกว่าเมื่อมีดาบอยู่ในมือ

“ฟู่…..น่าจะพอแล้วล่ะ….”

สูดลมหายใจเข้าลึกขณะที่ซับเหงื่อด้ายผ้าขนหนู สิ่งที่ต้องทำวันนี้เป็นเรื่องง่ายเมื่อเทียบกับปกติแล้ว แต่ในแง่ของแผนการมันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด วันนี้เป้นวันที่เขามาสามารถเหนื่อยจนหมดแรงได้ เพราะวันนี้เป็นวันที่ ‘ซุยเมย์’ จะต้องทำภารกิจคุ้มกันไปยังจักรวรรดิเนลเฟเรียน

ภารกิจคุ้มกันนี้จะพาเขาออกไปจากเมื่อนี้ ภารกิจของอาณาจักรอีกทั้งยังสอดคล้องกับเป้าหมายของเขาอีกด้วย เป้าหมายของเขาคือหาวิธีกลับบ้านและสร้างมันขึ้นมา ไปสิ้นสุดที่จักรวรรดิ สถานที่ที่ห่างไกลจากแอสเทอร์ สะดวกสบายทั้งเรื่องข้อมูลและทรัพยากรที่จำเป็น

จุดหมายแรกที่เขาต้องไปคือเมืองคูรันด์บนชายแดนทางด้านทิศตะวันตกของแอสเทอร์ติดกับจักรวรรดิ คูรันด์เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างแอสเทอร์และเนลเฟเรียน มันเป็นเมืองแห่งการค้าแห่งที่สองรองจากเมเทอร์

ที่นั่นเองที่ ‘ซุยเมย์’ ต้องไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบของจักรวรรดิก่อนที่จะเดินทางไปเขาวางแผนที่จะรวบรวมข้อมูลที่คูรันด์ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายของเขา ด้วยวัตถุประสงค์นี้ ‘ซุยเมย์’ จึงแฝงตัวเองไปกับคาราวานที่คุ้นเคยกับพื้นที่และการเดินทางมากกว่า ……

เขาถูกจับตามองจากสมาคมหลังจากการประเมินระดับเมื่อหลายวันก่อน เนื่องจากการต่อสู้อันดุเดือด เขาสันนิฐานว่าอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานที่คณะกรรมการจะยอมรับผลดังกล่าว แต่ความจริงแล้วมันใช้เวลาแค่สามถึงสี่วันเท่านั้น น้อยกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ซะอีก

นั่นเป็นเพราะว่าความสามารถในการใช้เวทฟื้นฟูของเขา เมื่อถึงเวลานักเวทระดับ D   ‘ซุยเมย์’ ก็ได้เข้าไปรับภารกิจเกี่ยวกับคาราวานซึ่งตอนนี้กำลังต้องการผู้คุ้มกัน

เมื่อหัวหน้าคาราวานพบว่า ‘ซุยเมย์’ สามารถใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูได้ เขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง สันนิษฐานได้ว่าโลกนี้ค่อนข้างให้เกียรตินักเวทผู้มีความสามารถในการใช้เวทฟื้นฟู แม้ว่าผลงานความสำเร็จในบันทึกของสมาคมของเขาจะยังว่างเปล่า

ถึงแบบนั้นหัวหน้าคาราวานก็ยังมีความเห็นว่าเขาเหมาะสมอยู่ดี หากไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว วันนี้เขาจะออกจากเมเทอร์ ใช่แล้ว  ‘ซุยเมย์’ คิดในใจขณะที่ซ่อนดาบปรอทของเขา ระหว่างทางกลับโรงแรมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง   ‘ซุยเมย์’ กำลังเดินกลับไปยังห้องของเขา เขาก็ชนเข้ากับใครบางคนตรงหัวมุม

“โอ้  ขอโท….”

ช่วงเวลาสั้นๆนั้นเขามองเห็นดาวระยิบระยับ  ‘ซุยเมย์’ สะบัดหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอโทษ

ทันใดนั้นเขาก็ชะงักค้าง ใช่แล้ว เขาถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียวกับเหตุการณ์กะทันหันนี้ คนที่ ‘ซุยเมย์’ ชนนั้น เป็นสมาชิกสมาคมรวมถึงอยู่ในโรงแรมเดียวกับเขา  ‘เลฟิลเลีย กราคิส’ นั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงไม่ใช่เพราะว่าคนที่วิ่งเข้ามาชนเป็นคนที่เขารู้จัก แต่เพราะว่าสภาพของ ‘เลฟิลเลีย กราคิส’  เธอวิ่งมาจากที่ไหนสักแห่ง ข้างนอกนั่น โดยใส่แค่ชุดชั้นใน ดวงตาก็แดงและช้ำ น้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้า

“อ่า….”

‘เลฟิลเลีย’ ดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว เธออ้าปากค้างด้วยความตกใจ ความโศกเศร้าที่กดทับวิญญาณของเธอดูเหมือนะจะทำให้เธอไม่สนใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ตัวเองเมื่อเมฆหมอกแห่งความมืดเข้าครอบงำ

“เอ่อ…เอ่อ….อา….”

ฝ่ายตรงข้าม  ‘ซุยเมย์’ เองก็อยู่ในลักษณะเดียวกันคือไม่รู้ทำแสดงปฏิกิริยายังไงกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้ แม้ว่าการปะทะกันจะไม่แรงนัก แต่เขาสามารถบอกได้ว่านี่ไม่ได้เกิดจากสิ่งนั้น ทั้งสภาพการแต่งกายและน้ำตาของเธอนั้นเกิดจากความเศร้าเสียใจ

“อ๊ะ ขอโทษด้วยค่ะ”

ในที่สุดดูเหมือนว่า ‘เลฟิลเลีย’ จะตั้งสติได้ เธอเช็ดน้ำตาและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ก่อนจะผละจาก ‘ซุยเมย์’ และวิ่งกลับไปที่ห้องพัก  ‘ซุยเมย์’ ยืนแข็งทื่ออย่างตกตะลึงก่อนจะพึมพำด้วยความสับสน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย……?”

ยังไงก็ตามในเช้าวันนั้นที่ผู้คนหายไปราวกับความฝัน ไม่มีใครตอบเขา  ปล.เป็นตอนที่สั้นสุดๆเลย

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments