ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“…… ‘ไทเทเนีย’ เองก็คุ้นเคยกับการต่อสู้เหรอ”
“ใช่แล้วล่ะ แต่ว่าพูดไม่ได้หรอกนะว่าประสบการณ์ในการรบจริงของฉันมีมากนัก”
คำพูดของ ‘ไทเทเนีย’ สร้างความประหลาดใจให้กับ ‘มิซึกิ’
“เอ๋ เธอเป็นเจ้าหญิงไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงมีประสบการณ์ในการต่อสู้ได้ล่ะ”
“มันต้องย้อนไปตั้งแต่ตอนที่พวกเราตัดสินใจจะเรียกผู้กล้ามา หากฉันอยากจะต่อสู้ร่วมกับผู้กล้าแล้ว ฉันต้องทำให้ตัวเองมั่นใจว่าจะไม่ตายง่ายๆ”
” เข้าใจแล้ว . . . . . . . “
‘มิซึกิ’ แสดงความเข้าใจ แม้แต่ ‘ไทเทเนีย’ ซึ่งเป็นเจ้าหญิงของประเทศยังต้องฝึกฝนการต่อสู้เหมือนกับเธอ ตอนนี้ ‘มิซึกิ’ เข้าใจแล้วว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกที่โหดร้ายนี้ก็ตามสักวันเธอก็ต้องพบเจอการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ดี
‘ไทเทเนีย’ ได้มีส่วนร่วมในการล่ามอนสเตอร์ในฐานะนักเวทตั้งแต่แรกแล้ว ความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของเธอแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์เป็นอย่างดี ตอนนี้เธอเข้าใจถึงเหตุผลนั้นแล้ว
เพราะเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เหมือนกับว่าเธอถูกทุกคนเดินทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆเมื่อมองเห็นความสิ้นหวังของ ‘มิซึกิ’ ‘ไทเทเนีย’ กล่าวปลอบใจ
“ ‘มิซึกิ’ อย่ารู้สึกแบบนั้นไปเลย ตอนที่ฉันลงมือครั้งแรกก็ไม่ได้รู้สึกดีนักหรอก”
“…..จริงเหรอ?”
“จริงสิ เมื่อครั้งแรกที่ฉันเขาสู่สมรภูมิการต่อสู้ ฉันก็เจอแบบเดียวกับที่เธอเจอวันนี้ หลังทุกอย่างจบลง ฉันก็ล้มลงและสลบไปเลย”
“จริงเหรอ?แต่เธอดูเหมือนคุ้นเคยกับการต่อสู้มากเลยนะ”
“นั่นเป็นเพราะฉันมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาหลายครั้งแล้ว เพราะฉันรู้ว่าจะต้องออกเดินทางมากกับท่านผู้กล้า ฉันจึงอ่อนแอไม่ได้”
“นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเป็นแบบนี้”
“ใช่แล้ว”
“เข้าใจแล้วล่ะ”
‘มิซึกิ’ พยักหน้าอย่างเข้าใจ ความไม่สบายใจก่อนหน้ามลายหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหญิงสาวทั้งสองให้กำลังใจกันและกันโดยที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้
แต่ ‘เรอิจิ’ กลับรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ไม่มีใครสามารถทำอะไรไปได้ทุกอย่างสินะ ‘มิซึกิ’ ที่มีสีหน้าไม่สู้ดีก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะดีขึ้นมากแล้ว เธอค่อยๆรวบรวมความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง
เดี๋ยวก่อนสิ รู้สึกแปลกๆแฮะ ไม่รู้ว่าทำไม ‘มิซึกิ’ ขมวดคิ้วอีกครั้ง เหมือนกับมีอะไรมากวนใจเธอ เกิดอะไรขึ้น?
“ ‘ซุยเมย์คุง’ จะเป็นยังไงบ้างนะ”
‘เรอิจิ’ ก็เข้าใจทันทีว่าเธอกำลังเป็นกังวลเรื่องอะไร ดังนั้น
“ ‘ซุยเมย์’ สินะ เขาบอกไว้ว่าเขาจะออกจากปราสาทไปไม่ไกลน่ะ”
“อืม นอกเมืองเหรอ ถ้าเขาไม่เข้าไปในป่าก็คงจะไม่มีอันตรายอะไรหรอก ตราบใดที่เขาไม่หลงทางไปไกลก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องเกี่ยวกับมอนสเตอร์”
“เหรอคะ? แม้ว่าเขาจะปฏิเสธที่จะร่วมเดินทางกับเรา ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะออกเดินทางคนเดียวเพราะเขาไม่ได้รับพรจากพระเจ้าอย่าง ‘เรอิจิซามะ’ หรือฝึกเวทมนตร์อย่าง ‘มิซึกิซัง’ ถ้าหากเขาเดินทางออกจากเมืองแล้วพบปีศาจเข้า เขาคงแย่แน่ๆเลยค่ะ”
‘ไทเทเนีย’ ออกความเห็น อย่างที่เธอพูด เขาเองก็ไม่คิดว่า ‘ซุยเมย์’ จะออกเดินทางคนเดียว เขายังต้องการน้ำ อาหารและสิ่งของต่างๆ อีกทั้งยังไม่รู้เส้นทางถ้าออกจากเมืองคนเดียวคงจะอันตรายน่าดู เขาเข้าใจความเป็นห่วงของหญิงสาวดี แต่ว่าพวกเธอเข้าใจผิดอยู่นิดหนึ่งนะ
“ ‘ซุยเมย์’ ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“……..?ทำไมเรอิจิซามะถึงพูดแบบนั้นละคะ?”
“ ‘ซุยเมย์’ รู้วิชาเคนจุตซึ ถ้าเขาออกเดินทางจริงผมคิดว่าเขาคงจะไม่มีอันตรายอะไรหรอก”
‘ไทเทเนีย’ ตกตะลึงกับคำตอบอันไม่คาดคิดนี้
“ ‘ซุยเมย์ซัง’ รู้วิชาดาบหรือคะ?”
“ถูกแล้ว”
เมื่อ ‘เรอิจิ’ พูด เขาประหลาดใจที่ดูเหมือน ‘มิซึกิ’ จะอึ้ง เธอส่ายหน้าราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเรื่องนี้ ใช่แล้ว ‘ซุยเมย์’ นั้นรู้วิชาเคนจุตซึ แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายเขาจึงไม่เคยใช้ดาบจริงเลยสักครั้งทำให้ทั้งคู่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นนักดาบ
“แต่ ‘เรอิจิคุง’ ‘ซุยเมย์’ คุงไม่ใช่สมาชิกชมรมเคนโด้ไม่ใช่เหรอ?”
‘มิซึกิ’ ถาม เอจะบอกว่าซุยเมย์นั้นไม่ใช่สมาชิกชมรมเคนโด้แต่สังกัดอยู่ชมรมกลับบ้าน จากที่ซุยเมย์บอกไว้ว่าเขาต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆเนื่องจากเหตุผลทางบ้านจึงไม่สามารถเข้าร่วมชมรมปกติได้ เห็นได้ชัดว่าไทเทเนียสับสนกับคำว่าชมรมกลับบ้าน ‘มิซึกิ’ จึงอธิบาย ‘เรอิจิ’ พูดต่อ
“จากที่ฉันรู้เขาไม่ได้เข้าร่วมชมรมหรอก แต่มีโรงฝึกอยู่แถวๆบ้านน่ะ”
“หือ?มีโรงฝึกอยู่แถวๆนั้น…?”
“ใช่ โรงฝึกที่สอนวิชาป้องกันตัวน่ะ”
เขาตอบขณะที่นึกแผนผังของเมืองไปด้วย ดุเหมือนมิซึกิจะนึกออกแล้ว
“อ้อ ที่นั่นเอง จากที่ฉันรู้นั่นเป็นโรงฝึกการป้องกันตัวให้ผู้หญิงนี่ มันไม่ใช่โรงฝึกเคนโด้สักหน่อย?”
“มันก็จริงที่โรงฝึกนั่นสองวิชาป้องกันตัว แต่ว่าโรงฝึกเก่าแก่น่ะจะสืบทอดวิชาโบราณมาด้วยนะ”
“จริงเหรอ?มันเป็นที่แบบนั้นเองเหรอเนี่ย”
“นั่นเป็นสิ่งที่ ‘ซุยเมย์’ บอกไว้”
“ไม่มีทาง……มีผู้หญิงในห้องเราหลายคนที่ไปที่นั่น…..ศิลปะการต่อสู้….แบบโบราณเหรอ”
คำอธิบายของเขาค่อนข้างละเอียด แม้ว่า ‘มิซึกิ’ จะรู้ว่านั่นเป็นโรงฝึกวิชาป้องกันตัว แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมากขนาดนี้ เป็นธรรมดาที่เรื่องนี้จะอยู่เหนือความคาดหมาย เธอตะโกนด้วยความประหลาดใจ
” หมายความว่า ‘ซุยเมย์คุง’ เป็นผู้สืบทอดศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ เหมือนตัวละครจากการ์ตูน ?
“เหมือนจะเป็นแบบนั้นแหละ”
คราวนี้ ‘ไทเทเนีย’ พูดขึ้นบ้าง
“จากที่คุณพูดมาดูเหมือนว่า ‘ซุยเมย์’ ซังจะรู้วิชาการต่อสู้ใช่มั้ยคะ?”
“อืม….เนื่องจากโลกของเราเป็นโลกที่สงบสุขคุณไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบเขากับคนที่นี่ได้ แต่ว่าซุยเมย์เป็นนักดาบอย่างแน่นอน”
“อ่า จากที่เห็นแล้วเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ชอบความรุนแรง นี่น่าตกใจจริงๆ”
“ใช่แล้ว คุณไม่สามารถตัดสินเขาจากภายนอกได้หรอ แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่าทักษะของเขาอยู่ในระดับที่น่าตกใจเลยล่ะ”
ความจริงก็คือ ‘เรอิจิ’ เองก็ไม่สามารถรายละเอียดที่ชัดเจนได้เช่นกัน เขาไม่เคยไปที่โรงฝึกที่ว่า หรือแม้แต่ตอนที่พวกเขาสู้กับอันธพาล ‘ซุยเมย์’ ก็ไม่เคยใช้วิชาดาบเลยสักครั้ง ดังนั้น ‘เรอิจิ’ จึงไม่เคยเห็นทักษะที่แท้จริงของ ‘ซุยเมย์’ ‘ไทเทเนีย’ คิดว่า ‘เรอิจิ’ มองโลกในแง่ดีเกินไป
“แต่ฉันไม่คิดว่านั่นจะทำให้เขาปลอดภัยหรอกนะคะ”
เธอกล่าวแย้ง น้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจ หากคิดถึงสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญเธอไม่คิดว่าดาบอย่างเดียวจะแก้ปัญหาได้ เป็นความจริงที่ว่า ‘ซุยเมย์’ ไม่เคยไปสู้กับมอนสเตอร์
เทคนิคที่พัฒนาขึ้นโดยมนุษย์จะมีประโยชน์อะไรในการไปต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยพบเจอ มันรับประกันไม่ได้หรอกว่า ‘ซุยเมย์’ จะปลอดภัย ยังไงก็ตาม
“คุณยังไม่รู้จัก ‘ซุยเมย์’ ดีพอ หมอนั่นน่ะไม่เคยเปิดช่องว่าให้ใครหรอกนะ”
“นายจะบอกว่าเขาสามารถหนีออกมาได้แม้จะวิ่งเข้าไปในดงมอนสเตอร์? อย่างที่เรารู้กันคนส่วนใหญ่จะกลัวจนก้าวขาไม่ออกด้วยซ้ำ”
“ถ้าเรากำลังพูดถึงผู้ชายที่ชื่อ ‘ซุยเมย์’ กันอยู่แล้วละก็ เขาไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก”
“จริงเหรอ?”
‘มิซึกิ’ ขมวดคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าโลกนี้นั้นอันตรายขนาดไหน มันก็จริงที่ว่าซุยเมย์เป็นคนที่ไม่เคยกลัวคืออะไร มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาถูกพวกอันธพาลล้อมไว้ เขาไม่ได้แสดงออกถึงความวิตกกังวลเลยสักนิด แค่พูดว่า มีอะไรเหรอ? เมื่อเผชิญหน้ากับความรุนแรงเขาก็ยังคงนิ่งเฉย
แต่ว่าตอนนี้ นอกจากนี้ เท่าที่ ‘เรอิจิ’ รู้เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในการเอาชนะศัตรูเลยสักครั้ง เขามักจะใช้จุดอ่อนเล่นงานคนอื่นอยู่เสมอ เทียบกันแล้ว ‘ซุยเมย์’ ยังเก่งกว่าเขามากนัก
“ยังไงก็ตาม ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก”
“ถ้าเรอิจิซามะพูดแบบนั้นแล้วละก็……”
‘ไทเทเนีย’ ประกาศว่าเธอจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป อยู่ๆ ‘มิซึกิ’ ก็เปลี่ยนท่าทางไปอีกครั้ง
“……..ถ้าอย่างนั้น ‘เรอิจิคุง’ ‘ซุยเมย์คุง’ เคยพูดว่า ฉัน ‘ยาคางิ ซุยเมย์’ เป็นนักดาบของโรงเรียนอย่างนั้นอย่างนี้แล้วแสดงออกถึงฝีมือดาบอันหน้าทึ่งหรือเปล่า”
“หือ?ไม่นะ ไม่เคนทำหรอก”
“นี่เรากำลังพูดถึงศิลปะการต่อสู้แบบโบราณอยู่ใช่มั้ย? ศิลปะการต่อสู้แบบโบราณน่ะ เทคนิคสุดยอดที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีผู้อยู่รอดเพียงคนเดียว!”
ดูจากท่าทางเร่าร้อนของเธอแล้ว ‘มิซึกิ’ หลงใหลการต่อสู้แบบโบราณเหรอ? ถ้าพูดถึงชนิดของศิลปะการต่อสู้แบบโบราณแล้ว มันเป็นเทคนิคเกี่ยวกับการฆ่าโดยตรง
ถ้าให้ต้องสู้กันจริงๆแล้วทักษะของพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่อาจจะต่อกรได้เลย แต่สิ่งที่เขารู้จากซุยเมย์แล้ว ที่นั่นปัจจุบันเป็นโรงฝึกเคนโด้ ดูเหมือนว่า ‘เทียร์’ จะหลงเชื่อ ‘มิซึกิ’ เข้าเต็มเปาซะแล้ว
“ทะ เทคนิคการฆ่า…..?”
” ใช่ ! ใช่เลย เทียร์ ศิลปะการต่อสู้โบราณของญี่ปุ่นถูกออกแบบมาด้วยสมมติฐานว่า การต่อสู้ถูกกำหนดช่วงเวลาไว้แล้ว ไม่ใช่แค่นั้น ! ทั้งสองฝ่ายจะโจมตีในเวลาเดียวกัน และ ชัยชนะและความพ่ายแพ้จะถูกตัดสินด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ! เรากำลังพูดถึงเพลงดาบระดับเทพ! “
” . . . . . . . “
จากคำพูดและท่าทีอันรุนแรงของ ‘มิซึกิ’ ‘ไทเทเนีย’ กลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัว เมื่อรวมสิ่งไร้สาระพวกนี้เข้าด้วยกันแล้ว……ชนิดของทักษะระดับปีศาจนี้ควรจะเป็น
“…….ฉันคิดว่า ‘ซุยเมย์คุง’ คงไม่สามารถบรรลุไปถึงระดับนั้นได้หรอก”
“โอ้….”
นั่นคือความจริง หลังจากที่ ‘มิซึกิ’ พูดจบ จู่ๆเธอก็ทำหน้ามุ่ย
“ฮืม! ‘ซุยเมย์คุง’ ที่แท้นายก็เป็นจูนิเบียวนี่เอง! แอบซ่อนตัวมาได้นานขนาดนี้ นายนี่มันร้ายกาจจริงๆ”
นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เธอโมโห เธอโกรธที่เขาแอบซ่อนและไปเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้เพียงคนเดียว ยังไงก็ตาม
“นี่ ‘ซุยเมย์’ ไม่ได้เป็นจูนิเหมือนเธอหรอกจะ ‘มิซึกิ’ อย่าไปเหมารวมว่าเขาเป็น ‘จูนิเบียว’ สิ….โอ้ ไม่นะ…”
หลังจากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าได้พูดคำต้องห้ามออกไป เมื่อมองไปที่ ‘มิซึกิ’ เธอกำลังยิ้มให้อย่างน่าหวาดผวา
“เร~อิ~จี~คุง”
“ขะ ขอโทษครับ!มันหลุดปากออกมาเอง”
“นายสัญญาไว้แล้วนะ นายลืมไปแล้วงั้นเหรอ”
“ครับผม!”
จริงๆแล้วเขาเคยสาบานกับ ‘มิซึกิ’ ไว้ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ออกมาอีก มันคือความลับของเธอ ‘ไทเทเนีย’ ก็ถามแทรกกลางมาว่า
“ ‘มิซึกิ’ ‘จูนิเบียว’คืออะไรเหรอ?”
“หวา?!….มันคือ เอ่อ….”
“คืออะไร?อย่าบอกนะว่ามันเป็นโรคร้าย”
( TN : ตัวสุดท้าย ( 病 ) ใน chuunibyou ( 中二病 ) หมายถึงโรคหรือความเจ็บป่วย )
“ใช่ ใช่แล้ว มันเป็นโรคที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ในโลกเราเป็นกัน ผลกระทบของมันน่ากลัวมาก”
คำถามของ ‘ไทเทเนีย’ ทำให้มิซึกิหวาดกลัว และเธอพยายามโกหกอย่างเต็มกำลัง แม้ว่ามิซึกิจะพยายามหลีกเลี่ยงการสนทนาให้หัวข้อนี่อย่างเต็มกำลัง แต่ว่านี่มันก็เกิดจากการกระทำของตัวเธอเอง ดูเหมือนว่าเธอจะประสบความสำเร็จในการโกหก ‘ไทเทเนีย’
ในที่สุดหัวข้อการสนทนานี้ก็จบลงสักที ท่าทางของ ‘ไทเทเนีย’ กลับมาจริงจังอีกครั้ง
“มีอีกอย่างที่เราต้องกังวล เกี่ยวกับพวกปีศาจ”
“จริงสิ พูดแล้วนึกขึ้นได้ พวกปีศาจมาทำอะไรในที่แบบนี้กัน?”
“ปีศาจ หรือว่า…..”
“ค่ะ”
‘ไทเทเนีย’ พยักหน้า ‘มิซึกิ’ เองก็แสดงท่าทีหนักใจออกมาเช่นกัน จากช่วงเวลาที่ปีศาจปรากฏตัวออกมาครั้งแรกและโจมตีพวกเขา จนถึงตอนนี้นี่เป็นสิ่งที่ต้องคิด นี่เป็นครั้งแรกที่หัวข้อนี้ถูกหยิบขึ้นมาพิจารณา เมื่อพูดถึงปีศาจที่พวกเขาเพิ่งสู้ไป ‘มิซึกิ’ ก็แสดงท่าทีอึดอัด ‘เรอิจิ’ พูดถึงสิ่งที่เขาคาดเดาอยู่
“หรือว่าพวกปีศาจกำลังจะบุกเนลเฟเรียน?”
“แน่ใจเหรอคะ”
“อืม….เป็นไปได้สูงมาก ดูจากการที่พวกปีศาจมาปรากฏตัวที่นี่แล้ว”
ในขณะที่ ‘เรอิจิ’ พูด ‘มิซึกิ’ ก็ชะงัก มันเป็นเพราะว่าเธอยังไม่ชินกับการต่อสู้และตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังจะเผชิญการต่อสู้อีกครั้งพวกปีศาจนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิญกับมอนสเตอร์หรือสัตว์เวทมนตร์
เวทมนตร์ของ ‘มิซึกิ’ แสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถกำจัดมอนสเตอร์ได้ แต่กับปีศาจแล้วเธอไม่แม้แต่จะเผามันได้ อย่างที่เกิดกับปีศาจตัวเมื่อกี้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกไม่สบายใจ แต่ไทเทเนียปฏิเสธสมมติฐานนี้
“ไม่ค่ะ อย่างนี้ตอนนี้ฉันก็บอกได้ว่าความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ยังน้อยอยู่”
“ทำไมถึงคิดว่าอย่างนั้นละเทียร์?”
“ก็อย่างที่คุณพูดค่ะ ‘เรอิจิซามะ’ ตอนนี้เราอยู่ในเขตแดนของจักรวรรดิ การพบกับปีศาจที่นี่จึงทำให้คุณคิดอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วหลังจากที่ปีศาจเข้ากวาดล้างนอเซียสแล้วยังไม่มีประเทศไหนถูกโจมตีอีกเลย นอกจากนั้นยังมีประเทศที่ขวางกั้นอีกตั้งสองประเทศการเข้าโจมทีที่นี่ดูเหมือนจะเป็นการใจร้อนเกินไป”
‘มิซึกิ’ เห็นด้วยกับ ‘ไทเทเนีย’
“ใช่แล้ว แม้ว่าพวกนั้นจะเร่งเดินทัพขนาดไหนก็ไม่มีทางที่จะเข้ามาที่นี่ได้โดยไม่ผ่านอาณาเขตไหนหรอก”
“หากพิจารณาว่าพวกนั้นผ่านประเทศทั้งสองและมาได้ไกลถึงขนาดนี้ พวกนั้นต้องการจะโจมตีเมเทอร์งั้นเหรอ…….โกหกน่า?”
“ไม่ผิดแน่”
ที่มา: