I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 20 สถานการณ์ของเรอิจิและพรรคพวก(3)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1149 | 2361 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘ไทเทเนีย’ พยักหน้า อย่างที่พูดไป หากมีการเคลื่อนไหวของกองทัพขนาดใหญ่แล้วละก็มันคือภัยพิบัติ พากเขาจะต้องรีบกลับไปยังเมเทอร์เพื่อเป็นกำลังเสริมและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ต้องทำให้มั่นใจว่ากองทัพเสริมนี้จะสามารถช่วยเหลือกองทัพ ที่ถูดตัดความช่วยเหลือและสุดท้ายกระจะถูกล้อมกรอบโดยศัตรู รูปแบบของสงครามในครั้งนี้อันตรายมาก ไม่มีโอกาสได้เปรียบ และยัง

“แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปีศาจค่ะ แม้ว่ากองทัพปีศาจจะยังมาไม่ถึงตรงนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่ามีปีศาจอยู่ตรงนี้”

“นั่นก็จริง แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น”

“สายลับ…..หรือว่าพวกนี้จะเป็นสายลับ?”

“สายลับ….?”

“ก็ อืม ในโลกของพวกเราใช้เรียกคนที่แฝงตัวเขามาน่ะ”

“เข้าใจแล้วค่ะ แต่….”

“ฉันว่าไม่ใช่หรอก”

คำตอบของ ‘เรอิจิ’ ทำให้ ‘เทียร์’ และ ‘มิซึกิ’ สับสน

“ทำไมละ?”

“เพราะพวกนี้เข้ามาโจมตีเราทันที ถ้าหากเป็นสายลับพวกเขาควรจะซุ่มดูเราอยู่เงียบๆ ไม่น่าจะละทิ้งภารกิจแล้วเข้ามาโจมตีเราง่ายๆแบบนี้”

“จริงด้วย ถ้าพวกเขาซุ่มรอทีเผลอบางทีพวกเราอาจจะตายกันไปแล้วก็ได้”

“ก็จริงว่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะรู้ว่านี่คือพรรคพวกของผู้กล้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น”

อันทีจริงการต่อสู้นี้ก็จบลงได้อย่างไม่เลวนัก แต่ว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นกับดัก เพื่อจะทำลายพรรคพวกของผู้กล้า แต่ว่าไม่น่าที่พวกปีศาจจะรับรู้ตัวตนของผู้กล้านี่นา

“หรือว่าฉันจะคิดผิด”

‘ไทเทเนีย’ พึมพำพลางขมวดคิ้ว ขณะที่เธอพยายามจะไขปริศนานี้ เรอิจิหันไปทางอัศวินวัยกลางคน

“คุณคิดว่ายังไงบ้างครับ ‘เกรกอรี่ซัง’ ?”

เขาตอบคำถามด้วยการก้มศีรษะลงเชิงขอโทษ

“……ขออภัยด้วย แต่ข้าเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พวกปีศาจทำเช่นกันขอรับ”

“อย่างนั้นเหรอ? แต่ว่าคุณไม่สามารถเดาได้สักนิดเลยเหรอ”

” … ท่านผู้กล้า ข้าคิดว่าสิ่งแรกที่เราควรทำตอนนี้คือรีบออกไปจากที่นี่ “

‘เกรกอรี่’ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้นแต่เขาแนะนำให้รีบถอย หรือว่าเขารู้อะไรบางอย่างกัน?

“คุณคิดว่ายังมีปีศาจอยู่แถวนี้อีกงั้นเหรอ?”

“มะ ไม่ใช่ขอรับ ข้าไม่คิดเช่นนั้น”

“……?”

ไม่งั้นเหรอ  ‘เรอิจิ’ ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขากำลังปิดบังอะไรอยู่ เกรกอรี่ปฏิเสธว่าไม่มีปีศาจอยู่แถวนี้ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ‘เรอิจิ’ คิดว่าเขารับรู้ได้ถึงอันตราย เห็นได้ชัด จากท่าทางของเขา? หากไม่มีปีศาจอยู่แถวนี้แล้วทำไมถึงจะต้องรีบเร่งออกจากที่นี่ด้วย  ‘ไทเทเนีย’ พูดต่อ

“ ‘เกรกอรี่’  แม้ว่าเราจะเห็นด้วยว่าควรจะออกไปจากที่นี่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการทำความเข้าใจว่าทำไมถึงมีปีศาจอยู่ที่นี่ พวกมันกำลังพยายามจะทำอะไร หากไม่พิจารณาให้รอบคอบแล้วอาจมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นก็ได้”

“อย่างที่พระองค์ตรัส ฝ่าบาท”

‘เกรกอรี่’ ก้มศีรษะอย่างรับรู้ ดูเหมือนว่าเขาจะยอมรับเรื่องนี้แล้ว แต่เรอิจิก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกเมื่อได้ยินคำพูดและท่าทางของชายคนนี้ออกไปได้ เขารู้เรื่องอะไรมากัน…..

“…… ‘เทียร์’  เป็นไปได้หรือเปล่าว่าพวกปีศาจกำลังมาจากทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ?”

‘เรอิจิ’ ถามพลางมองไปรอบๆอย่างพิจารณา ถ้าหากพวกปีศาจกำลังเดินทางมากจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่พวกนั้นจะมาพบพวกเขาที่นี่

“ไม่ค่ะ ฉันไม่คิดแบบนั้น ด้วยพลังของผู้กล้าก่อนหน้านี้ เขาผลักดันพวกปีศาจไปทางทิศเหนือของแผ่นดิน ไม่มีทางเป็นแบบอื่นไปได้ ตามตำนานที่เล่าขานกันมาบอกไว้แบบนั้น”

“ตำนาน?”

“มันคือบันทึกที่เขียนถึงสิ่งที่เหล่าผู้กล้าทำไว้ค่ะ หลังจากที่ราชาปีศาจพ่ายแต่ต่อผู้กล้า กองกำลังของแต่ละประเทศจึงถือโอกาสนี้ทำลายพวกปีศาจ ส่วนปีศาจที่ยังหลงเหลืออยู่ถูกผลักดันให้หนีเข้าไปยังพื้นที่ทุรกันดารทางภาคเหนือ….สถานที่สุดท้ายที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าไปได้ หลังจากนั้นพวกเราจึงคิดว่าปีศาจสูญพันธุ์กันไปหมดแล้ว”

“ผมเข้าใจ”

มันดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ปีศาจจะมาจากทางทิศอื่น แต่ถ้าหากว่า

“มีหลายอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล”

“นั่นสิ”

‘เรอิจิ’ บ่นกับมิซึกิอย่างหงุดหงิด การปรึกษาของพวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์อะไร และสุดท้ายพวกเขาก็ไม่มีเบาะแสอะไรให้มาเชื่อมโยงต่อ ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างวิ่งตรงมา และจากนั้น

“ทะ ท่านผู้กล้า!”

เพื่อให้พวกเขารับรู้ตัวตน จึงตระโกนเสียงเรียออกมา เจ้าของเสียงที่ว่านี้ก็คืออัศวินหนุ่มที่ได้รับมอบหมายในงานเดียวกับ ‘เกรกอรี่’  : ให้การสนับสนุน ‘เรอิจิ’  ที่ยังไม่คุ้นชินกับโลกในนี้ เพื่อจะติดต่อกับปราสาทระหว่างช่วงเวลาที่ออกเดินทาง

จึงจำต้องมีคนรับหน้าที่ส่งสาร ชายคนนี้คือคนรับหน้าที่นั้น เช่นเดียวกับ ‘เกรกอรี่’ ที่เคยทำมาก่อนเช่นกัน อัศวินหนุ่มลงจากหลังม้าก่อนจะโค้งคำนับ

“ ‘รอฟเฟรย์ซัง’ ”

“ผมกลับมาแล้วขอรับ”

“ ‘รอฟเฟรย์’  คุณไม่เป็นไรนะ?”

‘ไทเทเนีย’ ถาม ‘รอฟเฟรย์’ ด้วยความประหลาดใจ เขาตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก

“อะ อัศวินเช่นผมทำให้เจ้าหญิงทรงเป็นห่วงด้วย”

“ ‘รอฟเฟรย์’ ”

“ชะ ใช่แล้ว ขออภัยขอรับ แต่ว่าตรงนั้น…..”

‘เกรกอรี่’ ส่งเสียงกระแอมให้อัศวินที่อ่อนอาวุโสเลิกตื่นตระหนก และตั้งสติสักที  ‘เรอิจิ’ จ้องไปยังชายหนุ่มเขม่ง

“คุณเห็นพวกปีศาจที่เข้ามาโจมตีเราเมื่อกี้มั้ย เรากำจัดพวกมันหมดแล้ว”

“ทั้งหมดนั่นเหรอเหรอ!?”

“ทั้งหมด”

ที่ว่าถูกสนับสนุนจากจำนวนศพที่เกิดจากการต่อสู้ ซึ่งดูเหมือนว่า ‘รอฟเฟรย์’ จะตกใจมาก แม้ว่าเขาจะมองเห็นมัน แต่เขาก็ยังคงโวยวายเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ใช่”

“ฝีมือของเรอิจิซามะสินะครับ!…….โอ้ขอโทษ ขอโทษด้วยครับ”

……..เขาเกือบจะร้องตะโกนออกมา มันจะดีกว่านี้ถ้าเขาพูดออกมาสักที หรือเขากำลังตื่นเต้นกับอะไร? ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะถาม

“เกิดอะไรขึ้น? เธอมาทำอะไรที่นี่ แล้วลุคล่ะ พวกเธอไปหาเจ้าหน้าที่ส่งสารกันสองคนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาถึงไม่กลับมาด้วย”

‘เกรกอรี่’ ถาม

“ครับ นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะรายงาน”

‘รอฟเฟรย์’ สูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ

“ถึงมันจะกะทันหันไปสักหน่อย แต่พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ครับ”

“ทำไมละ?”

“ดูเหมือนว่าพวกปีศาจจะกำลังเดินทางผ่านอาณาจักรธอเรียและชาร์ดอร์คอยู่ครับ แม้แต่ตอนนี้ก็กำลังจะเข้าสู่ชายแดนตอนเหนือของแอสเทอร์แล้ว”

ใบหน้าของ ‘รอฟเฟรย์’ ขณะกำลังรายงานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อาณาจักรชาร์ดอร์คและธอเรียเป็นอาณาจักรที่อยู่ทางเหนือของเนลเฟเรียน ซาเดียสและ…..

“อะไรนะ ‘รอฟเฟรย์’ ?เมื่อกี้พูดจริงเหรอ?!”

“คะ ครับ นั่นคือสิ่งที่เจ้าหน้าที่สื่อสารบอกมา…..”

‘รอฟเฟรย์’ หดตัวอย่างรู้สึกกดดัน เขารู้สึกว่า ‘ไทเทเนีย’ ซึ่งเป็นเจ้าหญิงกำลังกดดันเขา ยังไงก็ตาม ดูเหมือน ‘เรอิจิ’ จะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในคำรายงานนั้น

“ ‘รอฟเฟรย์ซัง’  เมื่อกี้คุณพูดว่า ดูเหมือนว่าจะมี คุณหมายความว่าอะไร?”

‘เรอิจิ’ ถามเรื่องนี้ เพราะเหมือนว่า ‘รอฟเฟรย์’ จะจงใจพูดให้คลุมเครือ มีปีศาจกำลังมางั้นเหรอ? จากคำพูดนั้น เขาไม่ค่อนแน่ใจนัก

“นั่นเป็นข้อมูลที่ได้มาจากทหารราดตระเวนครับ พวกเขาพบร่องรอยเข้าโดยบังเอิญและสรุปออกมาแบบนี้ ผมเลยไม่แน่ใจนัก…..”

“ร่องรอยอะไรงั้นเหรอ?”

“มีรอยเท้าและร่องรอยการใช้พลังซึ่งไม่ใช่ของมอนสเตอร์ครับ”

‘ไทเทเนีย’ ถามต่อไป

“แปลว่ายังไม่มีใครเห็นปีศาจจริงๆใช่มั้ย?”

“ถูกต้องครับ ศัตรูดูเหมือนว่าจะปกปิดความเคลื่อนไหว และยังไม่มีพยานหรือรายงานอะไรเกี่ยวกับการโจมตีเลย”

‘มิซึกิ’ แสดงความคิดเห็นอย่างลังเล

“……จากสิ่งที่พวกเรารู้ พวกนั้นควรจะเข้าโจมตีทันทีไม่ใช่เหรอ?”

ทุกคนพยักหน้า มันเป็นแบบเดียวกับที่ ‘มิซึกิ’ พูด ถ้าพวกปีศาจลอบเข้ามาในอาณาจักรได้แล้วจริงๆ ควรจะรีบเข้าโจมตีเพื่อสร้างความวุ่นวายสิ ถ้าหากว่าไม่ได้มีเจตนาเข้าโจมตี ศัตรูต้องการอะไรกันแน่ มันยากที่จะตีความจุดประสงค์ จากจำนวนกองทัพปีศาจแล้วมันง่ายมากที่จะเริ่มต้นสงคราม พวกนั้นกำลังรออะไรอยู่ และยัง

“กองทัพปีศาจเข้ามาในประเทศนี้จริงๆหรือเปล่า ข้อมูลนี้ยังมีจุดที่น่าสงสัยอยู่นะ”

“บางทีที่ปีศาจเข้าโจมตีเราอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ได้”

เมื่อ ‘รอฟเฟรย์’ ตระหนักถึงการโจมตีของปีศาจก่อนหน้านี้ เขาได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดในหัวและตั้งสมมติฐานขึ้น บางที่พวกปีศาจที่เข้ามาโจมตี อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพปีศาจก็เป็นไปได้ นั่นเป็นคำอธิบายได้ว่าทำไมเขาจึงช๊อกเมื่อมองเห็นศพปีศาจ

“นั่นคือสิ่งที่ผมคิดครับ”

‘รอฟเฟรย์’ ตอบอย่างเขินๆ

“แล้วลุคละ?”

‘เกรกอรี่’ ขัดจังหวะ

“เขาพาเจ้าหน้าที่สื่อสารไปยังจุดนัดพบและจากนั้นจึงกลับไปที่เมเทอร์ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนเขาจะกลับมาเจอกับเราในดินแดนของจักรวรรดิอีกสองวันนับจากนี้. “

“เข้าใจแล้ว”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะกลายเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด”

‘ไทเทเนีย’ พูดอย่างเครียดๆ

“ถ้าอย่างนั้นพวกปีศาจคงจะรับรู้ตัวตนของพวกเราแล้วจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื้อกี้”

คำถามของพวกเขาก่อนหน้านี้ได้รับคำตอบแล้ว ว่าทำไมถึงไม่ใช่การซุ่มโจมตี สิ่งนี้ถูกวางแผนไว้แล้ว จะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ว่ายังไงดี?

“อาจจะเป็นไปได้ว่าพวกปีศาจรับรู้ถึงการอัญเชิญผู้กล้าแต่ยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก นั่นทำให้เราเดาได้ว่าการโจมตีเมื่อครู่อาจจะเป็นการลองเชิงก็เป็นไปได้”

“อ่า…..”

“ฟังดูเข้าท่าอยู่ นั่นแปลว่าพวกมันทำไปเพื่อตัดกำลังผู้กล้าสินะ”

“เป็นไปได้สูง”

ใช่แล้ว ถ้าหากกองทัพปีศาจรับรู้ได้ถึงตัวตนของผู้กล้า พวกนั้นจะต้องรีบกำจัดปัญหานี้ออกไป พวกเขาจะต้องทำเป็นการลับและจัดทัพขนาดเล็กเพื่อทำการค้นหา นี่คำคำอธิบายที่ดีที่สุดที่ ‘มิซึกิ’   ‘ไทเทเนีย’ และคนอื่นๆคิดได้ ……….

แต่ว่า…….. ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว แต่ละหน่วยควรจะมีคนรับผิดชอบในการส่งสารสิ แต่ว่านี่แค่เข้าโจมตีอย่างเดียวเอง ดูเหมือนว่ามันจะเร็วเกินไปที่สรุป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือที่อยู่ของพวกเขาได้ถูกเปิดเผยแล้ว ในทางกลับกัน  ‘มิซึกิ’ ก็ยิ่งกังวลเพิ่มขึ้นไปอีก

“ถ้ามีปีศาจอยู่แถวนี้จริง เราก็มีปัญหาแล้ว เพราะม้าและคนอื่นๆถูกฆ่าไปหมดแล้ว….”

“ใช่ นี่อาจจะยังไม่ใช่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็ได้ พวกมันกดดันให้เราไม่สามารถหนีไปไหนได้และต้องเผชิญหน้ากันตรงๆ”

“ ‘รอฟเฟรย์’  พวกปีศาจมีจำนวนเท่าไหร่?”

“ผมเกรงว่าอาจจะมากกว่าหนึ่งพันครับ….”

“หนึ่งพัน….”

“…..นั่นมัน…”

‘มิซึกิ’ ถึงกับพูดไม่ออก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะพวกมันซึ่งๆหน้าได้อย่างแน่นอน แม้แต่ปีศาจก่อนหน้านี้ยังใช้เวลาตั้งนานในการจัดการ ไม่ต้องพูดถึงกองทัพจำนวนหนึ่งพัน มันไม่มีทางที่จะเอาชนะได้เลย จากนั้นคำพูดที่ ‘ซุยเมย์’ ก็ดังก้องในจิตใจของเขาอีกครั้ง มิซึกิแสดงออกถึงสีหน้าอันเจ็บปวด

“ทำไมเราถึงไม่รีบออกจากนี่นี่เดี๋ยวนี้เลยละ?”

“การเดินไปอย่างไม่มีจุดหมายไม่ใช่ความคิดที่ดี นอกจากนี้เราก็ไม่มีม้า ถ้าเราไม่กำหนดปลายทางและเตรียมอาหารและน้ำให้พร้อมแล้ว…”

‘มิซึกิ’ ตกใจกับคำพูดของ ‘รอฟเฟรย์’  ทุกคนพยักหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้น ‘ไทเทเนีย’ ได้หันไปหาอัศวินที่อยู่ข้างกาย ผู้ซึ่งไม่ได้กล่าวอะไรเลยระหว่างการสนทนาที่ผ่านมา

“ ‘เกรกอรี่’  คุณคิดว่าเราควรจะทำยังไง?”

“ไม่….”

ใบหน้าที่เคร่งขรึมและคำตอบที่คลุมเครือ  ‘เกรกอรี่’ ดูแปลกๆไปนับตั้งแต่ที่เหล่าปีศาจได้เข้ามาโจมตี

“…….ไม่งั้นเหรอ เดี๋ยวก่อนนะ ‘เกรกอรี่’  คุณกำลังพูดอะไรอยู่”

ในขณะที่ทุกคนพูดถึงปีศาจ เขาดูเหมือนจะกังวลอะไรอยู่ตลอดเวลา ทุกคนหันไปมองทาง ‘เกรกอรี่’  ที่พยายามซ่อนบรรยากาศอะไรบางอย่างเอาไว้

“บางที……..คงถึงเวลาแล้ว”

เขาพึมพำอย่างอ่อนแรง

“ ‘เกรกอรี่’ ?”

“…….รู้ตัวกันแล้วเหรอ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

พูดอะไรแปลกๆ? ……….ใบหน้าของเขาแข็งเกร็งขณะที่พูด และคำพูดของเขาหลังจากนั้นกลายเป็นตัวเร่งของความวุ่นวายครั้งแรกนับตั้งแต่ออกเดินทางมา…..

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments