I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 22 พลังของปีศาจ(1)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1220 | 2338 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ทุกคนตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง มีร่างคล้ายมนุษย์หลายร่างปรากฏตัวขึ้นในป่า ปีกเหมือนค้างค้าว เขาเหมือนแพะ ลำตัวสีแดงปรอด ชิ้นส่วนที่หลากหลายพออยู่รวมกันแล้วส่งผลให้ร่างนั้นดูน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นไปอีก

ในโลกเหนือจินตนาการนั้น สิ่งเหล่านี้ก็คือศัตรูของเหล่าผู้กล้า สิ่งมีชีวิตที่นำพาโลกเข้าสู่กลียุค เมื่อเทียบกันแล้วการรุกรานของพวกมันยังเลวร้ายซะยิ่งกว่าสัตว์เวทหรือมอนสเตอร์ที่เป็นศัตรูกับมวลมนุษยชาติเหมือนกันซะอีก

ลักษณะที่โดดเด่นของพวกมันก็คือ มันสามารถพูดจาภาษามนุษย์ได้และมีร่างกายอันแข็งแกร่ง แต่ว่าพวกมันเองก็มีอยู่หลายประเภท หลายเผ่าพันธุ์เช่นกัน

………อ่า เพราะที่โลกเก่านั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตพวกนี้อยู่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับอะไรแบบนี้เลยนะเนี่ย ‘ซุยเมย์’ คิดในใจขณะที่เฝ้ามองศัตรูกำลังรุกเข้ามา แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์มากมายในการต่อสู้กับมนุษย์

แต่นี้เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับหลุดออกมาจากจินตนาการ มันดูแตกต่างจากคำบอกเล่าเกี่ยวกับมังกรโบราณในโลกเก่าของเขาอยู่ แม้แต่แวมไพร์ก็ยังดูคล้ายมนุษย์มากกว่านี้

……ถ้าจะให้อธิบายว่าต่างกันตรงไหนละก็ คาดว่าวันนี้คงอธิบายไม่จบอย่างแน่นอน เขาไม่เคยคิดเลยว่าในโลกแฟนตาซีแห่งนี้เขาจะต้องมาพบเจอกับปีศาจ -ดูเหมือนตอนนี้เราจะยืนยันได้แล้วว่าศัตรูคือพวกปีศาจ คำถามก็คือพวกมันมาทำอะไรกันที่นี่? (จากที่นายกรัฐมนตรีบอกไว้ว่าปีศาจอยู่ทางเหนือไม่ใช่เหรอ?…….)

เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยจริงๆว่าปีศาจที่น่าจะอยู่ที่อาณาจักรนอเซียสซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ถึงสองอาณาจักรและคั่นกลางด้วยเทือกเขา

ทำไมมันถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ หรือพวกนั้นจะคิดผิด? เพราะว่าคิดแบบมนุษย์จึงมองข้ามความเป็นจริงบางอย่างไป ว่าศัตรูไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์เดียวกัน บางที่พวกมาอาจจะมีวิธีเคลื่อนย้ายกองทัพที่ไม่มีใครรู้ก็ได้

………. ถ้าเป็นแบบนั้นจริงมันก็หน้าหนักใจมากทีเดียว แต่เรื่องตรงหน้านี่ดูจะเป็นปัญหามากกว่า  ‘ซุยเมย์’ หยุดคิดหาคำตอบว่าทำไมพวกปีศาจถึงมาอยู่ที่นี่ เขามองตรงไปที่ศัตรูและแววตากระหายเลือดก็ปรากฏขึ้น เขามองไปที่ปีศาจซึ่งดูเหมือนว่ามันจะมองตรงมาที่เขาเช่นกัน

จากนั้นก็โบกแขนมายังทิศทางของเขา ปีศาจเริ่มโจมตีเข้ามาแล้ว นั่นมานาหรืออากาศกันนะ เขาเห็นลูกบอลเพลิงพุ่งตรงมาหาเขาอย่างกับธนูพุ่งออกจากแหล่งทันที่ที่ปีศาจตนนั้นโบกมือ คือว่าฉันจะโดนโจมตีง่ายๆแบบนั้นเลยรึไง ‘ซุยเมย์’ คิดอย่างเย้ยหยันก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ

การจู่โจมนั้นทำเอาพื้นดินระเบิดออก ฝุ่นฟุ้งกระจาย แต่ซุยเมย์ก็ยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วน ทำเอานักผจญภัยที่เหลือจ้องมองมาด้วยสายตาตื่นตะลึง ปีศาจพุ่งตรงเข้ามาเพื่อโจมตีเขาอีกครั้ง พร้อมๆกับที่ซุยเมย์วิ่งเข้าไปหามัน ก่อนจะหลบฉากออกจากการมองเห็นไป ปีศาจชะงักไปทันทีเมื่อเป้าหมายหายตัวไป

เขาไม่ได้หลบไปทางซ้ายหรือขวา แต่หายตัวไปจากสายตา ตอนนี้มันถูกบีบให้หยุดกลางอากาศ ซ่า!  ‘ซุยเมย์’ กระโดดเขามาจากอีกด้านหนึ่ง เมื่อรับรู้ถึงความเคลื่อนไหว ปีศาจตวัดเล็บเข้าโจมตีทันที แต่เพราะความกระทันทำให้มันเสียสมดุลในการบิน นั่นแหละคือสิ่งที่ซุยเมย์ต้องการ ซุยเมย์เบี่ยงหลบไปทางซ้ายก่อนจะคว้าแขนศัตรูและทุ่มลงพื้นด้วยวิชาคาราเต้

“อ๊า….”

“…..!”

‘ซุยเมย์’ เพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง และศัตรูก็ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นทันที แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก มันรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะบินขึ้นมาบนอากาศอีกครั้ง มันกระพือปีกอย่างระแวดระวัง และรักษาระยะห่างจาก ‘ซุยเมย์’ พอสมควร

หลังจากที่ถูกโยนลงมาบนพื้นแค่ครั้งเดียวมันก็เริ่มหวาดระแวง แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรนัก แต่ก็เสียหน้าอยู่ไม่น้อย

“มนุษย์ ใช้เทคนิคแบบนี้…ประหลาดนัก”

“แปลกเรอะ หยาบคายนะนั่น มันก็แค่ทักษะเล็กๆน้อยๆ”

“ฮึ่ม … “

‘ซุยเมย์’ ตอบอย่างเยาะเย้ย และทำให้ปีศาจหงุดหงิด แต่สิ่งที่ ‘ซุยเมย์’ อยากจะพูดมากที่สุดก็คือ

“พูดได้ด้วยเหรอ?”

เขาถามออกมาตรงๆ ปีศาจพยักหน้า

“อ่า มนุษย์ผู้น่าสงสาร คิดว่าตนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่พูดได้รึไง?”

“ก็มนุษย์มีภาษานี่”

‘ซุยเมย์’ ตอบอย่างไม่กังวล

“คิดว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีภาษาเรอะ? โง่รึเปล่าน่ะ”

“………เฉพาะมนุษย์? อืม ไม่หรอก แค่ไม่คิดว่าพวกนายจะมีภาษาไง”

“หยุดพูดไร้สาระสักที”

คำตอบของ ‘ซุยเมย์’ บ่งบอกถึงความเข้าใจผิดอย่างมหาศาล แต่นี่ไม่ใช่เวลามาพูดคุนกัน ปีศาจตนนั้นจึงหุบปากและส่งจิตสังหารออกมา

“อืม.”

หลังจากเผชิญกับความกดดันที่ส่งมา  ‘ซุยเมย์’ แค่มองตอบกลับไปเงียบๆ มันรู้สึกเหมือนกับว่า ‘ซุยเมย์’ กำลังกวนประสาทมันอยู่ ทำให้หงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มันจึงบอกกับตัวเองในใจว่าควรจะจบบทสนทนานี้ได้แล้ว

……….ปีศาจหยุดพูดแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เข้ามาโจมตีเหมือนกัน ดูที่การโจมตีก่อนหน้านี้จะทำเอามันหวาดหวาไม่น้อย มันจึงรอดูความเคลื่อนไหวของเขาเท่านั้น อยากเล่นจ้องตางั้นเหรอ?

‘ซุยเมย์’ ก็จ้องตอบกลับไปเช่นกัน พวกพ่อค้าหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวกันเรียบร้อยแล้วจึงไม่มีใครมองเห็นฉากนี้ พวกนักผจญภัยคนอื่นๆก็กำลังต่อสู้กับปีศาจอยู่ทางด้านหน้าคาราวานเช่นกัน

ดูเหมือนว่าพวกปีศาจจะมุ่งหน้าไปหาพวกคนคุ้มกัน จากส่วนลึกในป่า เขารับรู้ถึงตัวตนของ ‘เลฟิลเลีย’  ที่ตอนนี้พลังลดลงไปมาก ดูเหมือนว่าวิธีของเธอจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสินะ

……… ‘ซุยเมย์’ ไตร่ตรองสถานการณ์ดูอีกครั้ง ก่อนที่จะล้วงเขาไปหยิบของในกระเป๋าออกมาโดยไม่ละสายตาออกจากปีศาจ ทันใดนั้นดวงตาของมันก็เบิ่งกว้าง ถึงเวลาแล้วละมั้ง

“ช่วยตายให้หน่อยนะ…..”

“ห๊ะ…”

เปาะ! ทันที่ที่นิ้วของ ‘ซุยเมย์’ ส่งเสียง พื้นดินใต้เท้าของปีศาจก็ระเบิดทันที

“หา!”

เสียงระเบิดก็ดังขึ้นบนอากาศอีกครั้ง แต่นั่นก็แค่สับขาหลอก เวทมนตร์ที่เขาใช้ก็เพื่อกันไม่ให้ศัตรูขยับมาข้างหน้า ในขณะที่ ‘ซุยเมย์’ กระโดดถอยหลังเพื่อสร้างระยะห่าง เพื่อใช้เวทมนตร์

“….เอาล่ะ ทีนี้เรามาดูความแข็งแกร่งของศัตรูมนุษย์ในโลกนี้กัน”

‘ซุยเมย์’ บ่นเล็กน้อยในขณะที่รวบรวมมานา ในใจของ ‘ซุยเมย์’ ปรากฏรูปแบบตัวเลขที่สมดุลต่อการใช้เวทมนตร์ของเขา ก่อนจะร่ายคาถาเพื่อใช้งานมัน นี่คือเทคนิคของคัมบาล่าห์และเซฟิราห์

“เฟลมมา เอสท์ เลโก วีส วิซาร์ด”

(โดนนามผู้ใช้เวทนี้ เปลวไฟจงปรากฏ) อากาศสั่นไหว และเปลวเพลิงก็ระเบิดออกไป เปลวไฟพุ่งตรงไปยังปีศาจและลุกท่วมมัน ปีศาจตนนั้นไม่ได้ขยับไปไหน แต่ปล่อยในตนจมอยู่ใต้กองเพลิง

เอ๋? เมื่อเห็นศัตรูไม่ได้หลบไปไหน  ‘ซุยเมย์’ ก็ได้แต่ตกตะลึง นี่มันโง่หรือเพราะมีวิธีจัดการการโจมตีของเขากัน? เมื่องมองไปยังปีศาจในเปลวไฟ ซุยเมย์ครุ่นคิดว่ามันเตรียมการอะไรไว้กัน? นี่คือไฟเวทมนตร์ ไฟที่ไม่มีวันดับจนกว่าเป้าหมายจะถูกทำลายไป

……อย่างน้อยมันก็ควรจะเป็นแบบนั้น แต่ที่เขาเห็น ศัตรูดูเหมือนจะปลอดภัยดี ในที่สุดเปลวไฟก็มลายหายไป

“……..เอ๊ะ มันไม่ได้ผลเหรอ?”

เปลวไฟหายไปจากร่างปีศาจตนนั้น  ‘ซุยเมย์’ ได้แต่พึมพำอย่างประหลาดใจ

“……คิดจริงๆเหรอว่าสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยเวทมนตร์ง่อยๆแบบนี้นะ ประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้วนะ”

“…..”

……….ห๊ะ เวทมนตร์ง่อยๆงั้นเรอะ แต่ปีศาจก็ไม่มีร่องรอยของการถูกเผาสักนิด แม้ศัตรูจะคิดว่าเขาดูถูกมัน แต่ความจริงแล้ว ‘ซุยเมย์’ ไม่ได้ทำแบบนั้น ยังไงก็ตามปีศาจก็ยังอยู่ตรงหน้าเขาและไม่ได้รับผลกระทบจากเปลวไฟ ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะจบลงในคาถาเดียว แต่เขาคงจะประเมินฝ่ายตรงข้างต่ำเกินไปหน่อย

แม้ว่าเขาจะใช้เวทที่สอดคล้องกับปริมาณมานาของฝ่ายตรงข้ามแล้วก็ตาม แต่ผลกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ ปีศาจรวบรวมพลังอีกครั้ง ครั้งนี้มันไม่ได้เคลื่อนไหวแขนแต่ยิงก้อนหินออกมาตรงๆ ศัตรูดูเหมือนจะต้องการต่อสู้ระยะไกล เมื่อซุยเมย์หลบการโจมตีได้ ปีศาจตนนั้นก็รวบรวมพลังอีกครั้ง

หลังจากนั้นการโจมตีก็พุ่งมาจากทุกทิศทาง  ‘ซุยเมย์’ วิ่งหลบการโจมตีไปรอบๆโดยพยายามไม่เข้าใกล้ขบวนสินค้า พยายามกำจัดฉันงั้นเหรอ? ‘ซุยเมย์’ สังเกตเห็นสีหน้าฝ่ายตรงข้ามซึ่งเริ่มกังวลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ดูเหมือนเขาจะเป็นศัตรูที่กำจัดยากกว่าที่คิดไว้ ยังไงก็เถอะการต่อสู้ระยะไกลก็เป็นประโยชน์กับ ‘ซุยเมย์’ เช่นกัน

การเว้นระยะห่างเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ใช้เวท ระหว่างที่ถูกพลังของฝ่ายตรงข้ามไล่ล่า ‘ซุยเมย์’ ก็ร่ายเวทมนตร์อื่นขึ้น เมื่อเวทมนตร์หนึ่งล้มเหลว เขาจะร่ายเวทที่ทรงพลังมากขึ้น

“-เฟลมมา เอสท เลโก วีส วิซาร์ด เฮก อาโกน เอสตัว ซูรซูม!”

(โดนนามผู้ใช้เวทนี้ เปลวไฟจงปรากฏ จงโหมกระหน่ำจนกว่าศัตรูจะพินาศ) เหตุการณ์เหมือนกับตอนที่เปลวไฟปรากฏขึ้นมากก่อนหน้านี้ แต่ไม่ใช่แค่ที่เดียว มันปรากฏขึ้นมาทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านซ้าย ด้านขวา รวมแล้วเกือบห้าสิบลูกได้ เปลวเพลิงร่วงหล่นลงมาจากฟ้า และพุ่งขึ้นมาจากดินกลืนกินลูกพลังของปีศาจไปจนหมด

“ชิ….”

ครั้งนี้ปีศาจพยายามจะหลบเปลวไฟ แต่มันสายเกินไปแล้ว เปลวไฟเข้าปะทะกับเป้าหมาย แต่…..

” … อ่อนหัด! มีความตั้งใจแต่ก็ยังอ่อนหัด! “

” … !”

เปลวเพลิงลุกไหม้รอมรอบปีศาจ เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้รับอันตราย มันจึงเลิกพยายามหลบหนี ก่อนจะเปิดปากพูดดูถูกเขาอีกครั้ง ด้านในเปลวเพลิง แขว่งแขนมาทาง ‘ซุยเมย์’ อีกครั้ง

“เอาคืนไป..”

พลังมหาศาลลอยมาทาง ‘ซุยเมย์’ เมื่อเขาหลบ ต้นไม้ด้านหลังก็ระเบิดออก ยังไงก็ตามการโจมตีระดันนั้นซุยเมย์สามารถหลบได้อย่างง่ายดาย พริบตาต่อมาฝุ่นจากการระเบิดก็กระจายไปทั่ว  ‘ซุยเมย์’ ยกมือขึ้นมาเพื่อป้องกันใบหน้า ขณะที่คิดทบทวน ทำไมการโจมตีถึงทำอะไรมันไมได้

……. ศัตรูเป็นปีศาจ… มันเกี่ยวกับที่เวทมนตร์ไม่ได้ผลรึเปล่า? บางทีมันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่สามารถต่อต้านเวทมนตร์ได้ ……..ระดับมานาก็ไม่มากพอที่จะใช้ต่อต้านเวทมนตร์ ดูเหมือนจะเป็นไปโดยธรรมชาติ ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเวทงั้นเหรอ?

ถ้าหากร่างกายมันมีภูมิคุ้มกันเวทมนตร์ละก็ แสดงว่าจะต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก มิน่าละ ตอนที่เขาเหวี่ยงมันลงไปกองกับพื้น ถึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย มีความเป็นไฟได้ที่มันจะมีความต้านทางต่อเวทไฟ แต่ก็น่าจะมีขอบเขตอยู่เหมือนกัน เขาคิดว่ามันไม่ได้มีความต้านทานต่อเวทไฟเท่านั้น น่าจะสามารถดับได้ด้วย

อืม….เป็นไปได้สูง นั่นอาจจะเป็นเพราะไฟที่สร้างจากเวทมนตร์แตกต่างจากที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เปลวไฟที่เกิดจากเวทมนตร์ต่างจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเชื้อเพลิงและออกซิเจนเพียงพอ แต่มันเกิดจากการกระตุ้นปฏิกิริยาเผาไหม้ที่นอกเหนือจากเงื่อนไขการเผาไหม้ ไฟที่เกิดจากเวทมนตร์จึงไม่นับว่าเป็นไฟจริงๆ

ถ้าหากขัดขวางกระบวนการทางเวทมนตร์ไฟก็จะดับ ถึงมันจะดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่มันก็ยากที่จะลงมือทำจริงๆ เพราะเวทมนตร์ของ ‘ซุยเมย์’ นั้นไม่เหมือนกับของคนในโลกนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทำไมเวทมนตร์ของเขามันถึงไม่ทำงานกันล่ะ?

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments