I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 22 พลังของปีศาจ(2)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1138 | 2361 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แม้ว่าเขาจะกำลังสับสน แต่ก็ยังคงลอบสังเกตสถานการณ์รอบๆ การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่ไปทั่ว และตอนนี้ยังคงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก

อาจจะเป็นเพราะปีศาจที่บุกเข้ามาโจมตีมีน้อยกว่านักผจญภัยที่รับหน้าที่คุ้มกัน คนอื่นๆดูเหมือนจะยังไม่มีปัญหาอะไรในตอนนี้…….. ถ้าอย่างนั้น….. ชิ! ‘ซุยเมย์’ ยังคงหลบกรงเล็บของปีศาจที่ระดมโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“หยุดอยู่เฉยๆสิฟ๊ะ จะหลบทำไม”

“ใครมันจะโง่อยู่เฉยๆให้โดนฆ่าล่ะ”

“หงุดหงิดแล้วนะเว้ย!”

“หึ!”

‘ซุยเมย์’ คำราม ก่อนจะสะบัดนิ้วอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดปีศาจได้ทันที อันที่จริงคือมันไม่บาดเจ็บอะไรเลย แต่เขาก็ทำให้มันกระเด็นถอยหลังไปได้

“…….เจ้าโง่ววว ทำอะไรซ้ำไปซ้ำมายังกับคนไม่มีสมอง”

“โทษที ฉันไม่ได้มีเวทมนตร์อะไรเยอะแยะขนาดนั้น”

“อู้”

การแสดงออกของปีศาจไม่เหมือนกับที่เคย สัญชาตญาณบอกให้ซุยเมย์รีบร่ายเวททันที

“พริมูม เอ็กซ์ชิพิโอ”

(เปิดใช้งานปราการที่หนึ่ง) เพื่อป้องกันการโจมตีจากปีศาจ  ‘ซุยเมย์’ เปิดใช้งานโล่ป้องกัน โล่ปรากฏขึ้นมาทันทีพร้อมๆกับเกิดเสียงเสียดสีและประกายไฟ

“ห๊ะ-?”

สีหน้าตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปีศาจ ตั้งแต่สู้กันมานี่เป็นครั้งแรกที่ซุยเมย์ใช้คาถาป้องกัน

……..อะไรน่ะ? ทำไมเวทมนตร์โจมตีก่อนหน้านี้ไม่ได้ผล แต่การป้องกันของโล่สีทองสุกใสได้ผลล่ะ?

ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีพลังที่ทำให้เวทมนตร์ไม่เป็นผล โล่ของเขาควรจะถูกทำลายไปแล้วสิ แต่นี่มันยังมีประสิทธิภาพดีอยู่เลย คำถามมากมายวนเวียนในใจของ ‘ซุยเมย์’ ซ้ำไปซ้ำมา

“ทำไมล่ะ?ทำไมถึงหยุดการโจมตีของข้าได้!?”

“แปลกรึไง?”

“แน่นอนสิไอ้บ้า”

เมื่อปีศาจตระหนักได้ว่าการโจมตีของมันไม่เป็นผล มันก็เว้นระยะห่างเพิ่มมากยิ่งขึ้น  ‘ซุยเมย์’ ขมวดคิ้ว เสียงระเบิดดังมากทิศทางที่ไม่ไกลนัก เขาจึงละสายตาจากปีศาจตรงหน้าและมองไปทางจุดที่เสียงดังมา ก็เห็นว่าผู้คุ้มกันคาราวานกำลังโจมตีปีศาจด้วยเวทมนตร์ เวทไฟนั่นเอง

ผลของมันแตกต่างจากเวทมนตร์ของเขา ปีศาจถูกเผาจนไหม้เกรียมและสลายกายเป็นขี้เถ้า

“หมอนั่น…..”

ทำไมล่ะ? แม้เปลวไฟของเขาจะไม่ได้ผล แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่า ปีศาจไม่ได้มีภูมิคุ้มกันเวทมนตร์ ระหว่างที่ ‘ซุยเมย์’ กำลังประเมินสถานการณ์ ชายคนนั้นก็พูดออกมา

“เฮ้!นายกำลังทำอะไรอยู่ มานี่!”

“หืม?”

“นายนั่นแหละ เจ้าคนผมดำ มานี่”

เมื่อกำจัดศัตรูสำเร็จ เขาก็สังเกตเห็น ‘ซุยเมย์’  นักผจญภัยคนอื่นๆเมื่อกำจัดปีศาจได้ก็รีบวิ่งกลับมารวมกัน เมื่อสังเกตให้ดี พวกเขาอื่นกลุ่มคนที่ ‘เลฟิลเลีย’ เรียกว่าเพื่อนนั่นเอง

ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นนักเวทย์ร่ายคาถาและเปลวไฟก็พุ่งออกมาจากคทาเวทของเธอ ถ้ามองให้ดีจะสังเกตว่าปีศาจกำลังบินถอยหลัง เหมือนพยายามจะหลบเวทมนตร์นั้น…..

เหมือนกับที่มันเคยพยายามหลบการโจมตีของเขา แต่ตอนนี้มันถอยออกไปไกล บางทีนี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างเวทมนตร์ของเขาและของนักเวทสาว จากนั้น นักผจญภัยวิ่งมาที่ด้านข้างของเขา

“กลับไป พวกเราจะเป็นคนจัดการมันเอง”

“ไม่ ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้”

“ห่ะ? จัดการเองได้…..ก็เห็นอยู่ว่าทำไม่ได้”

“ทำไม่ได้? ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น”

“แล้วจะให้เรียกว่ายังไง! ในเมื่อปีศาจมันยังปกติอยู่ขนาดเนี่ย”

อืม ปฏิเสธไม่ได้แฮะ แต่ว่าขอเวลาอีกนิดไม่ได้รึไงกัน แค่อยากจะตรวจสอบเพิ่มอีกสักหน่อย อีกอย่างเขายังไม่ได้ใช้พลังจริงๆเลย ดูเหมือนว่าทุกคนจะมองว่า เขาไม่สามารถกำจัดศัตรูได้ และกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง

“……อืม บางที แต่ฉันอยากทำต่อนะ”

“ไม่มีทาง กลับไปเลย พวกเราจะเป็นคนจัดการเอง”

“เอ๋? ไม่เอาหรอก นั่นคู่ต่อสู้ของฉันนะ”

‘ซุยเมย์’ ปฏิเสธเสียงแข็ง ถ้าเขาปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือคนอื่น มันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ทันที เพราะเขาจะไม่สามารถหาคำตอบเรื่องที่ทำไมเวทมนตร์ของเขาถึงไม่ได้ผลกับปีศาจ

และเขาก็จะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะสามารถเอาชนะปีศาจได้ ถ้าปล่อยให้คนอื่นกำจัดให้คำตอบของปัญหานี้ก็จะกลายเป็นปริศนาต่อไป อีกทั้ง…..

“อะไร? ปัญหาอะไร? ถ้าพวกเรากำจัดมันได้ก็จะไม่มีปัญหาแล้วใช่มั้ย? เพราะงั้นกลับไปดูแลสินค้าได้แล้ว”

นักผจญภัยไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด เขาพุ่งออกจากเส้นทางการโจมตีของปีศาจ นักผจญภัยที่ยืนอยู่ด้านข้างของ ‘ซุยเมย์’ ก็กระโจนออกห่างเช่นกัน เมื่อเห็นว่าการโจมตีไม่ได้ผล ปีศาจจึงบินกลับมาอีกครั้ง มันพยายามที่จะโจมตีคนที่ดูอ่อนแอที่สุด

“มันมาแล้ว”

นักผจญภัยจับดาบเตรียมพร้อม ดูเหมือนเขาจะตั้งใจที่จะปกป้อง ‘ซุยเมย์’  เมื่อเห็นแบบนั้น ‘ซุยเมย์’ เริ่มร่ายคาถาอีกครั้ง

“อาตรัม มิกันซ์ โพรฟูนดูม กูพิโอ ชูเฟนโต อิส อูต โวมิคา!”

(TN:ผู้แปลภาษาอังกฤษเองก็ไม่รู้ความหมายของคาถานี้เช่นกัน) ด้านล่างของ ‘ซุยเมย์’ ปรากฏวงเวทสีทองขึ้น เขาสร้างพลังเวทอันบริสุทธิ์ขึ้นบนฝ่ามือขวา

“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าเวทมนตร์ของแกในอ่อนหัด”

เข้าใจสิ แต่ว่า ตราใดที่สมมติฐานไม่ได้รับการยืนยัน ไม่เคยมีผู้ใช่เวทคนไหนยอมแพ้หรอกนะ

“สเตลล่า มาริส!”

(คำสาปเยือกแข็ง) คำสาปสเตลล่า มาริส เมื่อเขาร่ายคาถา ลูกพลังในมือก็เปล่งแสงสีฟ้าและเวทมนตร์ก็แสดงผล ความเร่ง ความเร็ม เพิ่มมากขึ้น และเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีก ก้อนน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนฟ้าแล้วพุ่งตรงลงมายังปีศาจ

“น้ำแข็ง?”

ปีศาจรีบถอยหลังเพื่อหลบ เมื่อก้อนน้ำแข็งกระทบพื้น มันก็ลุกลามไปทั่วและแช่แข็งปีศาจเอาไว้

“………หวังว่าคงไม่ต้องใช้สายฟ้าด้วยนะ”

เหมือนกับตอนที่ร่ายเวทดาวตก ดูเหมือนดูเหมือนโลกของเขาจะง่ายกว่ามาก เมื่อต้องใช้เวทอะไรก็ตามที่ต้องร่วงลงมาจากทั้งฟ้า เวทมนตร์เกี่ยวกับดวงดาวเหมือนพลังการทำลายจะลดลงไปไม่น้อยเลย

“หึหึ อ่อนหัดเกินไปแล้วมนุษย์ คิดเหรอว่าน้ำแข็งนี่จะเกิดอะไรขึ้น?”

“หึๆๆ ขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องผิดหวัง แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะถูกทำลายได้ง่ายๆหรอกนะ”

“มันเรื่องอะไรกัน ทำไมข้าถึงทำลายมันไม่ได้!”

ปีศาจพยายามจะทำลายพันธนาการ แต่น้ำแข็งนี่แข็งแรงมากคำสาปน้ำแข็ง เวทมนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นตามแบบแผนของเซฟิราห์และคับบาล่าห์ ใช้โหราศาสตร์เพื่อเสริมแรงและกระจายผลของคำสาป เวทมนตร์น้ำซึ่งผสมผสานกันด้วยศาสตร์ทั้งสาม

นอกจากนั้นน้ำแข็งนี่จะแช่แข็งศัตรูของผู้ร่ายไว้ กลายเป็นคุกน้ำแข็ง พูดอีกอย่างก็คือ คำสาปนี้เป็นเวทมนตร์ที่ชั่วร้ายที่สุด คือคนที่ถูกสาปจะไม่มีวันทำลายคำสาปนี้ได้ นอกจากเป้าหมายจะถึงแก่ความตาย น้ำแข็งนี้จะไม่มีวันละลายไปตลอดกาล ในที่สุด มันก็ได้ผลสักที…….

‘ซุยเมย์’ คิดขณะที่เฝ้ามองศัตรู จริงๆแล้ว ถ้ามันอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างมันจะไม่ทำงาน เขาค่อนข้างจะประหลาดใจที่เห็นปีศาจถูกแช่แข็งอยู่ แม้ว่าเขาค่อนข้างจะคาดหวังกับคาถาบทนี้ก็เถอะ แม้ว่าปีศาจจะมีภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติต่อเวทมนตร์ก็เถอะ แต่คุกน้ำแข็งนี่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่สามารถจะทำลายได้ อืม แปลก แปลกมาก …นักผจญภัยตบบ่า ‘ซุยเมย์’

“อะไรกัน? นายใช้ได้สองธาตุเหรอเนี่ย น่าประทับใจมาก”

“เอ๋….”

“ไม่ต้องถ่อมตัว ฉันเห็นนายใช้เวทไฟด้วยนี่”

“เอ๋….”

จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ  ‘ซุยเมย์’ อยากจะตอบแบบนั้น นักผจญภัยร้องเรียกเพื่อนๆของเขา

“เอาล่ะ จัดการมันเลย! ตอนนี้มันขยับไม่ได้แล้ว”

ทันใดนั้นเอง

“…….!”

ปีศาจคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า เหมือนกับเสียงของสัตว์ป่า เสียงเล็กแหลมราวกับว่ามันร้องออกมาด้วยความเกลียดชัง ตอนนั้นเอง อยู่ๆระดับมานาของมันก็พุ่งขึ้นสูง ทำให้เกิดเงามือขึ้นรอบๆตัวมัน เกิดอะไรขึ้น? มานาระดับนี้มัน? เป็นไปไม่ได้….

ขณะที่ ‘ซุยเมย์’ วาดนิ้วขึ้นบนอากาศ เวทมนตร์แห่งความมือก็ก่อตัวขึ้น นักผจญภัยตะโกนออกมาเสียงดัง

“นะ น้ำแข็งมันกำลังจะแตกแล้ว!”

“หืม?”

‘ซุยเมย์’ ที่ถูกขัดจังหวะหันไปมองนักผจญภัย นักผจญภัยก็ชี้ไปยังจุดที่ปีศาจอยู่ด้วยสีหน้ากังวล ‘ซุยเมย์’ หันไปมองอย่างสงบ

“เอ๊ะ?”

“มาองมาเอ๊ะอะไรกัน นั่นคือพลังของปีศาจเมื่อมันใช้ออกมาอย่างเต็มที่น่ะรู้มั้ย?! มันกำลังจะทำลายน้ำแข็งแล้ว”

“เอ่อ ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ที่มันจะทำลายน้ำแข็งนั่น”

‘ซุยเมย์’ ตอบอย่างใจเย็น

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เห็นมั้ยนั่น มันเริ่มทำลายแล้ว ดูสิ”

“ดูอะไร…….?”

สายตาของเขาหันไปตามทิศทางที่นักผจญภัยชี้ ปีศาจยังคงถูกขังอยู่ในน้ำแข็งเช่นเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือน้ำแข็งเริ่มมีรอยร้าวแล้ว

” หือ . . . ? เดี๋ยว โอ้ย โอ้ย โอ้ย ! ล้อเล่นน่า ? ! นั่นเป็นคำสาป คำสาปเชียวนะ ! มันจะแตกแบบนี้ไม่ได้! “

“มาตกใจอะไรตอนนี้!”

“ไม่นะ ไม่ๆๆๆ ใครจะไปสงบสติอารมณ์ได้กัน ถ้าต้องมาเจออะไรแบบนี้”

‘ซุยเมย์’ กรีดร้องพลางกระชากผมตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เกิดอะไรขึ้น?ทำไมน้ำแข็งมันถึงแต่…….บ้าน่ะ นี่มันบ้าสิ้นดี ประเภทของเวทมนตร์เรียบว่าคำสาป มันไม่ได้เป็นแค่การสาปแข่ง มันคือเทคนิคของเวทมนตร์สมัยใหม่ที่ไม่ได้ใช้แค่ความอาฆาตเป็นพื้นฐานเท่านั้น แตกต่างจากพลังการทำลายที่เกิดจากการรวบรวมความแค้นเพื่อทำการสาปแช่ง สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งความรู้สึกเชิงลบเพื่อระบุเป้าหมาย แค่ต้องใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะเท่านั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ถึงเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ

“ชิบ ทุกคนรีบจัดการมันเร็วเข้า!”

นักผจญภัยที่อยู่ด้ายข้างร้องตะโกน ในขณะที่ ‘ซุยเมย์’ ขมวดคิ้วอย่างกังวล เสียวสะท้องดังก้องไปทั่ว นักผจญภัยคนอื่นๆมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเตรียมพร้อม แต่น่าเสียดายที่พลังสีดำที่ไหลออกมาจากตัวปีศาจทำให้พวกเขากระเด็นออกไป

“เวรล่ะ! อย่าเข้าไปใกล้มัน”

“ใช้เวทมนตร์สิ ฆ่ามันด้วยเวทมนตร์เลย”

“โอ้ เปลวไฟเอ๋ย จงเป็นหอกทิ่มแทงศัตรูของข้า!”

นักเวทเริ่มร่ายคาถา อืม มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าหากว่านี้เป็นปีศาจที่พวกเขาเผชิญก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้บางที่เวทมนตร์ของพวกเขาอาจจะไม่สามารถทำอะไรมันได้ เพราะปีศาจถูกขังอยู่ในน้ำแข็ง มันไม่มีวิธีที่จะยกเลิกคำสาปในโลกของเขา

ดังนั้น ‘ซุยเมย์’ เองก็ไม่สามารถยกเลิกผลของคำสาปได้ จากนั้นเวทมนตร์ที่ตั้งใจทำลายปีศาจก็อ่อนกำลังลง สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือปีศาจที่สมบูรณ์พร้อมและไร้รอยขีดข่วน

“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมคทาของพวกเรา…….มันถึงไม่ทำงาน!”

นักผจญภัยพูดด้วยเสียงสั่นๆ ในตอนนี้พลังของปีศาจก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ พลังมหาศาลนี้อบอวลไปทั่ว มันเป็นพลังที่แปลกประหลาด ไม่เหมือนกับความรู้สึกตอนที่พวกผู้ใช้เวทเปิดใช้งานเตาปฏิกรณ์ฟิวชั่นของพวกเขา พลังแบบนั้น … เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน …

 

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments