I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 23 จิตวิญญาณแห่งดาบ(1)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1142 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“ดูเหมือนว่าจะยังไม่จบนะคะ”

‘เลฟิลเลีย’ แสดงความคิดเห็นในขณะที่คนอื่นๆมองไปที่เธอด้วยความวิตกกังวล นักเวทสาวจ้องมองไปยังทิศทางที่ ‘เลฟิลเลีย’ กำลังมองอยู่

“ละ  ‘เลฟิลเลียซัง’ พูดถูกแล้วค่ะ พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ดูเหมือนจะเยอะกว่าเมื่อกี้อีกด้วย”

“พูดจริงดิ?”

“บ้าเอ้ย! คนเจ็บยังไม่ได้รักษาเลย”

คนพูดของหญิงสาวทำให้คนคุ้มกันและเหล่านักผจญภัยปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง ความจริงที่ว่าการต่อสู้กับปีศาจอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขามีคนไม่พอ และไม่ต้องพูดถึงคนเจ็บที่ยังไม่ได้รับการรักษาอีก แถวนี่ยังมีปีศาจจำนวนมากกว่าครั้งที่แล้ว

ทำให้ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่แย่สุดๆ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่พวกเขาจะรู้สึกหวาดกลัว  ‘ซุยเมย์’ หลับตาลง เพื่อใช้สัมผัสของผู้ใช้เวทตรวจสอบอีกครั้ง สิบเหรอ? ไม่สิ ประมาณยี่สิบได้ พวกเธอพูดถูกนี่มันมากกว่ารอบที่แล้วซะอีก เหมือนกับก่อนหน้านี้ พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ความแข็งแกร่งพอๆกับกลุ่มที่สู้ก่อนหน้านี้ พวกปีศาจเหมือนกันสินะ ซุยเมย์มองไปยังกลุ่มคนที่กำลังทำท่าทางเลิกลั่ก

“….เราควรจะทำยังไงกันดี?”

“ไม่เห็นต้องถามเลย ก็ต้องสู้ไงละ มันไม่มีทางจะหนีได้หรอก”

“ฟังนะ! พาทุกคนที่บาดเจ็บมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย ส่วนคนอื่นๆเตรียมตัวไว้ให้พร้อม”

เสียงร้องสั่งดังขึ้นไปทั่ว ท่ามกลางบรรยากาศชุลมุนเมื่อรู้ว่าศัตรูกำลังจะมาถึง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มคุ้นเคยกับการจัดการมากกว่าครั้งแรกที่ต้องต่อสู้แล้ว แม้จะรู้ว่าศัตรูคราวนี้มีมากกว่าครั้งที่แล้ว เกลนซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเกวียนสินค้ากับพ่อค้าคนอื่นๆจนถึงตอนนี้ได้เดินออกมาเขาเดินไปที่กลุ่มคนคุ้มกันที่กำลังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อยู่

“การต่อสู้ยังไม่จบเหรอ?”

เกลนถามด้วยเสียงแหบพร่า สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับการสู้รบอย่างเขา จากคำพูดและการแสดงออกของคนอื่น ปีศาจเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก จากที่เห็นเมื่อสักตรู่ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องจริง หนึ่งในนั้นตอบเขา

“ครับ คุณควรรีบไปซ่อนตัวนะ ดูเหมือนตอนนี้จะมีปีศาจจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”

“อะ อะไรนะ? แล้วเราจะเป็นอะไรรึเปล่า?”

“….นั่นสินะ ดูเหมือนว่ามันจะมีจำนวนมากกว่าครั้งที่แล้วซะด้วย และตอนนี้เราก็ยังไม่ได้รักษาคนเจ็บเลย มันอาจจะไม่ดีนักก็เป็นได้”

“อะไรกัน…..คุณกำลังจะพูดว่าเรากำลังจะตายยังงั้นเรอะ?”

“ไม่ ไม่ต้องห่วงเราจะปกป้องพวกคุณเอง แต่ว่า….”

“อะไร?”

“ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด แนวป้องกันอาจจะแตกและจะมีหลายคนหนีไป”

“…….ทำไมมันถึงเป็นยังงั้นล่ะ?”

“ถ้าการป้องกันล้มเหลว โปรดพาพ่อค้าคนอื่นๆหนีไปด้วยนะครับ”

เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังและเศร้าสร้อย นักผจญภัยบอกกับเกลนว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีบางคนหนีไปและมันจะทำให้แนวป้องกันอ่อนแอลง เพราะพวกเขามาที่นี่เพื่อเงินเท่านั้น และมันก็มีค่าน้อยกว่าความปลอดภัยของพวกเขา

ถ้าเกิดเรื่องนั้นขึ้น มันจะดีที่สุดหากคิดหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน เงาแห่งความสิ้นหวังปรากฏบนในหน้าของเกลน ตอนแรกเขาคิดว่าการเดินทางครั้งนี้คงจะเป็นไปได้อย่างสะดวกราบรื่น

แต่ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางมันก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ไม่เพียงแค่มีปีศาจปรากฏตัวเท่านั้น พวกเขายังถูกบุกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ทั้งๆที่เขากำหนดขบวนเดินทางขนาดเล็กและจ้างคนคุ้มกันมาอย่างเต็มที่แล้วแท้ๆ

ความคิดหนึ่งวิ่งเข้ามาสู่จิตใจของเขา  ‘เกลนคราง’ ฮือในลำคอ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า  ‘เลฟิลเลีย’ เป็นคนแรกที่สังเกตถึงการจู่โจมครั้งที่สองได้กำลังเดินมา ท่าทางของเธอยังดูน่าเชื่อถือเหมือนเคย

“อย่างกังวลไปเลยค่ะเกลนโดโนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้ปีศาจแม้แต่ตัวเดียวรอดไปได้แน่นอน”

เขาเอียงศีรษะ

“มันเป็นไปได้เหรอกราคิสโดโนะ…..ถึงแม้ว่าคุณจะมั่นใจมากเลยนะ แต่ปีศาจกับเด็กสาวนี่มัน…..”

มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดนั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะพูดออกมา จากที่เขาเห็น เธอเป็นแค่หญิงสาวผู้น่าจะอ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อถือที่เธอพูด เพราะเขาไม่ได้เห็นสิ่งที่เธอทำในป่า ไม่แปลกอะไรหากเขาจะรู้สึกสงสัย นักผจญภัยที่คุยกับ ‘ซุยเมย์’ ก่อนหน้านี้ ถือโอกาสเดินเข้ามาและกล่าวยื่นยัน

“ไม่ต้องห่วง! เลฟิลเลียแข็งแกร่งมากนะ เธอสามารถฆ่าปีศาจได้ด้วยการฟันแค่ฉับเดียว”

“ใช่แล้ว เลฟิลเลียซังยังเคยกำจัดครึ่งยักษ์ด้วย เพราะงั้นคุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปีศาจพวกนี้หรอก”

นักเวทสาวกล่าวสนับสนุนคำพูดของนักผจญภัย เมื่อเทียบกับนักผจญภัยคนอื่นแล้วพวกเขาทั้งคู่เคยพบเจอประสบการณ์เกี่ยวกับเลฟิลเลียมาก่อน จากคำพูดของพวกเขาทำให้เกลนจ้องมองพวกเขาและเลฟิลเลียด้วยความประหลาดใจ แม้จะตกอยู่ใต้สถานการณ์อันน่าสะพรึงกลัวพวกเขาก็ยังคงสาสมารถรักษาความเยือกเย็นไว้ได้

“จริงๆหรือ?”

“แน่นอน เพราะงั้นไม่ต้องกังวลไป”

แม้เลฟิลเลียจะยืนยันอย่างมั่นใจ แต่เกลนก็ไม่มั่นใจนัก ถึงอย่างนั่นเขาก็ไม่ได้รับรู้ความกลัวจากเสียงของเธอ เขาจึงวางใจลงบ้าง ถ้าหากเด็กสาวคนนี้สามารถบดขยี้ปีศาจก่อนหน้านี้ได้ พวกมันคงไม่ได้แข็งแกร่งไปมากกว่ามดละมั้ง ในตอนนั้นเอง….

“……เชื่อเถอะครับ”

จากผลการต่อสู้ก่อนหน้านี้ นักผจญภัยและนักเวทสาวมอง ‘เลฟิลเลีย’ อย่างชื่นชม คำพูดนี้ไม่ได้มาจากใครที่ไหน  ‘ซุยเมย์’ นั่นเอง

“……ได้โปรดอย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะซุยเมย์คุง ฉันเองก็กังวลเหมือนกัน คุณก็รู้”

‘เลฟิลเลีย’ เอ่ยค้ายอย่างอายๆ

“ถึงคุณจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าคุณไม่ได้บอกแบบนั้นเลยนะครับ คุณรู้มั้ย?”

“…..อ๊ะ”

‘ซุยเมย์’ ยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่เกลนหันไปทาง ‘เลฟิลเลีย’  สายตาของเขาแสดงออกถึงความไม่อย่าเชื่อ เขากระแอม และพยายามความคุมอารมณ์

“….ผมเข้าใจแล้ว แล้วผมจะคอยดู”

“ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ”

‘เลฟิลเลีย’ กล่าวอย่างถ่อมตน หลังจากจบการสนทนา  ‘เลฟิลเลีย’ หันไปทาง ‘ซุยเมย์’

“ ‘ซุยเมย์คุง’ ”

“หืม?มีอะไรเหรอ?”

เกิดอะไรขึ้น? น้ำเสียงที่เธอเรียกเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความกังวล  ‘ซุยเมย์’ หันไปมอง ‘เลฟิลเลีย’

“ฉันขอโทษนะค่ะหากว่ามันน่าลำคาญ แต่ว่าคุณสบายดีมั้ยหลังจากการต่อสู้เมื่อกี้ ถ้าไม่แล้วอย่าฝืนตัวเองนะค่ะคุณควรจะไปอยู่กับคนอื่นๆ”

เธอกล่าวเสียงขรึม ที่เธอพูดเรื่องนี้เพราะพลังของฉันไม่ได้ผลกับปีศาจสินะ จากมุมมองของนักเวทแล้ว มันจะดีที่สุดหากหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ลำบาก คนอื่นๆก็คงจะพูดแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าในสถานการณ์ที่มีศัตรูมากมายขนาดนี้ไม่มีใครมารับประกับความปลอดภัยให้เขาได้ เพราะงั้นเขาจึงไม่ควรจะอยู่เฉยๆอย่างไม่ทำอะไรเลย

“ไม่เป็นไรหรอก”

“คุณแน่ใจหรือคะ?”

นักผจญภัยคนอื่นๆเองก็อยากจะถามคำถามนี้เหมือนกัน

“คุณแน่ใจเหรอคะ? คุณใช้เวทมนตร์ไปตั้งเยอะ ไม่เหนื่อยเหรอ? “

“ไม่นะ  พอดีผมมีพลังงานสำรอง”

“พลังงานสำรองมันคืออะไร?…..ความมั่นใจมากเกินไปเป็นต้นเหตุของความผิดพลาดนะคะ คุณรู้มั้ย”

“ขอบคุณที่เตือน”

‘ซุยเมย์’ ตอบกลับอย่างสุภาพ เพราะเขารู้ว่าที่เธอพูดเพราะเป็นห่วง เขาจึงไม่โต้แย้งอะไร  ‘ซุยเมย์’ พยักหน้าอย่างลวกๆ แต่นักผจญภัยที่สู้ร่วมกันกับเขาจ้องมองด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อ  ‘เลฟิลเลีย’ พูดขึ้นอีกครั้ง

“แต่ ‘ซุยเมย์คุง’  ไม่ใช่ว่าเวทมนตร์ของคุณไม่ได้ผลกับปีศาจเหรอคะ?”

“อ่อ…ผมมีแผน”

“คุณแน่ใจเหรอคะ?”

“เวทมนตร์ของผมอาจไม่ได้ผล ปัญหาที่ผมพบตอนนี้คือเวทมนตร์มันไม่ยอมทำงาน หลังจากที่พยายามสังเกตมาอย่างต่อเนื่องผมก็พบระบบการทำงานบางอย่าง”

เขาอธิบายถึงที่มาของความเชื่อมั่น  ‘เลฟิลเลีย’ ขมวดคิ้วเข้าหากัน ราวกับสิ่งที่เขาพูดต่างจากความเข้าใจของเธอ

“….?ระบบการทำงาน ไม่ใช่องค์ประกอบ?”

“อืม จะอธิบายยังไงดี….คือมันค่อนข้างจะซับซ้อน”

เธอมองชายหนุ่มที่กำลังครุ่นคิด แทนที่จะตอบคำถาม เวทมนตร์ที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ ไม่มีเวทมนตร์ไหนที่ที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ในโลกของเขาระบบเป็นวิธีการที่พวกเขาใช้จัดลำดับของเวทมนตร์

เป็นเหตุผลที่ว่าเวทในโลกของเขาไม่ได้มีที่มาจากที่เดียว แม้ว่าวิทยาศาสตร์จะแพร่หลายในสังคม และเรื่องราวของเวทมนตร์กลายเป็นเรื่องในตำนาน แต่ก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงศาสตร์ลึกลับชนิดนี้ นอกจากโหรศาสตร์ คำสาป พวกเขายังมีศาสตร์แห่งอนเมียวซึ่งรวบรวมคาถาต่างๆจากพุทธศาสนานิกายวัชรยานและนิกายอื่นๆ และเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฝากโลกตะวันออก

‘เซนจุตซึ’  ที่เป็นที่รู้จักกันก็มีมากกว่าสามสิบชนิดแล้ว ถ้าแบ่งไปตามธาตุต่างๆก็ไม่สามารถแบ่งจำนวนออกมาได้ อีกทั้งในโลกของเขายังมีวัตถุเวทที่ไม่สามารถไขความลับของมันได้อีก ยังมีระบบเวทพื้นฐานที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ ซึ่งเขาไม่ชอบใช้มันนัก

เพราะว่าเขามีบัญญัติเวทซึ่งมีประสิทธิภาพสำหรับตัวเองมากกว่า อย่างเช่นพวกเวทมนตร์จิตวิญญาณหรือเวทศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเวทมนตร์สองประเภทที่เขาใช้ได้อย่างไม่เชียวชาญนัก แต่ไม่ได้หมายความว่ามันอ่อนด้วยกว่าเวทมนตร์ในโลกใบนี้

หลังจากที่เขาค้นพบระบบการทำงานของปีศาจ เขาก็ยังใช้มันในการทำลายศัตรูซึ่งเปล่งพลังออกมาเต็มที่ก่อนหน้านี้อยู่เลย ไม่ว่าปีศาจจะมันกับสักสิบหรือยี่สิบตัว ตราบใดที่เขารู้จำนวนที่ถูกต้องมันก็ไม่มีปัญหาอะไร หากมีอะไรที่เขากังวล ก็คงเป็นที่การเปิดเผยความสามารถของตัวเองในการกำจัดศัตรูมากกว่า

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเขาคงต้อง เขาก็คงต้องทำเพื่อความปลอดภัยของกลุ่ม อย่างร้ายที่สุดเขาอาจจะต้องเปิดใช้เตาปฏิกรณ์ฟิวชั่น บางทีเขาอาจจะต้องใช้พลังอย่างเต็มที่ เพราะถ้าหากการเก็บความลับของเขาทำให้มีใครเป็นอะไรขึ้นมา เขาคงจะเสียใจน่าดู แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของเขาหากเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ท่ามกลางกระแสความคิดนี้

“บู่ คุณเงียบอีกแล้วซุยเมย์คุง ปกติแล้วคนทั่วไปจะแตกตื่นในสถานการณ์แบบนี้นะ”

“สองคนนั้นก็บอกอยู่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง”

ปาก ‘ซุยเมย์’ ก็กระตุกกับคำพูดของเธอ

“คุณแต่ต่างจากพวกเขานะคะ ฉันรู้สึกได้ว่าคุณไม่ได้กังวลอะไรเลย”

“ไม่รู้สิ จริงๆผมอาจจะทำเป็นใจกล้าก็ได้นา”

“คุณนิสัยเสียมากเลยค่ะ”

ดูเหมือนว่า ‘เลฟิลเลีย’ จะไม่ชอบใจกับคำตอบของเขานัก ครั้งนี้เขาจึงตอบอย่างจริงจัง

“ผมเคยเจอเหตุการณ์ที่หนักกว่านี้ แค่นี้ไม่ทำให้ผมแตกตื่นได้หรอก”

“หมายความว่า คุณเจอวิกฤตแบบนี้มาก่อน”

“มากกว่าหรือน้อยกว่าผมก็ตอบไม่ได้หรอกนะ ถึงผมจะดูเป็นแบบนี้ แต่ก็มีประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาก่อนเหมือนกัน”

“เช่นอะไรคะ?”

“ความลับครับ”

แม้ว่าเขาจะตอบบ่ายเบี่ยงแต่ ‘เลฟิลเลีย’ ก็ยังยิ้มให้อย่างสดใส

“คุณเป็นคนแปลกนะค่ะ แม้คุณจะพูดคุยด้วยอย่างยินดี แต่คุณก็ไม่ยอมเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย”

“เพราะว่าผมเป็นผู้ใช้เวทไงล่ะ”

“บู่ สักวันหนึ่งฉันจะต้องกระชากหน้ากากของคุณออกมาให้ได้เลย”

“ด้วยวิธีไหนครับ?”

“ด้วยดาบของฉันค่ะ”

“อ๊ะ…..คุณนี่น่ากลัวก็ที่ผมคิดไว้อีกน๊า เลฟิลเลียซัง”

‘ซุยเมย์’ พูดกับ ‘เลฟิลเลีย’ ด้วยน้ำเสียงขบขัน คนละแบบกับที่เขาใช้พูดคุยกับคนอื่นๆ และเกลนก็เข้ามาขัดจังหวะคนทั้งคู่

“…… ‘กราคิส โดโนะ’  คุณไม่ต้องไปเตรียมตัวหรือ”

“ไม่ค่ะ ตราบใดที่ฉันมีดาบเล่มนี้ก็พอแล้ว”

“ ‘ยาคางิ โดโนะ’  ที่ผมพาคุณมาด้วยเพราะคุณเชี่ยวชาญเวทรักษา เพราะงั้นอย่างกดดันตัวเองนะครับ”

‘ซุยเมย์’ เกาศีรษะขณะที่ตอบเกลนผู้กำลังกังวล

“ผมซาบซึ้งที่คุณเป็นห่วง แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่เป็นไร”

“แต่ว่า…..”

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments