I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 24 ขุนพลปีศาจ(2)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1202 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจได้จบลง  ‘ซุยเมย์’ ก็กลับไปทำหน้าที่หลักของเขา การรักษาก็มีนักเวทคนอื่นๆกำลังทำอยู่เหมือนกัน แต่กับเวทรักษาของ ‘ซุยเมย์’ แล้วมันเหนือล้ำยิ่งกว่าความสามารถของพวกเขาซะอีก

“เฮ้อ…เสร็จสักที”

เขาถอนหายใจหลังจากที่รักษาคนเจ็บคนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว แม้การรักษาของเขาไม่ได้พิเศษอะไรนัก ยังมีหลายส่วนที่ต้องปรับปรุง แต่ถ้าหากมองจากมุมของคนอื่นแล้วความสามารถในการรักษาของเขาก็ยังค่อนข้างสูงอยู่ดี คนคุ้มกันทดสอบแขนที่ได้รับการรักษาจากเขาโดยการขยับไปมาหลายๆครั้ง

“ขอโทษด้วยนะ พี่ชายนักเวท”

“ไม่เป็นไร มันเป็นงานของฉันอยู่แล้ว”

เป็นคนตอบที่ทำให้คนคุ้มกันหัวเราะอย่างมีความสุข

“เวทมนตร์ของพี่ชายสุดยอดไปเลย ทำให้บาดแผลของพ่อผมหายทันทีโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ด้วย และยังรักษาแขนขวาผมให้หายได้ทันทีอีก ผมไม่เคยเห็นเวทมนตร์อะไรที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อนเลย”

“มันไม่ใช่เรื่องปกติยังงั้นเรอะ?”

“บาดแผลเล็กๆก็ใช่ครับ แต่แผลขนาดใหญ่เท่าที่ผมรู้ไม่มีใครทำได้หรอก”

“ฮะ…..”

คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย จากสิ่งที่ได้ยิน  ‘ซุยเมย์’ ก็คาดเดาได้ว่าสิ่งที่นักเวททั่วไปทำได้คือการเยียวยาบาทแผล แม้ว่ามันดูเหมือนจะหายดี แต่ก็ไม่ใช่การรักษาจริงๆ

“พวกเขาทำแบบคุณไม่ได้หรอกนะ”

“งั้นเหรอ…”

‘ซุยเมย์’ ตอบกลับอย่างคลุมเครือ เมื่อรับรู้ความจริงข้อนี้ เขาจะระมัดระวังเพิ่งขึ้นอีก เพื่อไม่ให้แตกต่างกันมากนัก

“เอ่ะ  ตรงนั้นมีอะไรกันน่ะ?”

พ่อค้าและนักผจญภัยยืนรวมกันอยู่

“…….คงเตรียมตัวเพื่อจะออกเดินทางละมั้งครับ”

คนคุ้มกันตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ จากสิ่งที่ราจัสกล่าวเอาไว้ก่อนไป ว่ามันกำลังจะไปรวบรวมกองทัพ นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะมามัวเอ้อระเหยกัน ควรจะรีบออกเดินทางได้แล้ว แล้วพวกเขามารวมกันอยู่ตรงนี้ทำไม?

“อืม ในเมื่อเรารักษาเสร็จแล้ว ทำไมเราไม่ไปดูกันละครับ”

“เอาสิ”

‘ซุยเมย’ และคนคุ้มกันเดินตรงไปยังสถานที่ชุมนุม เมื่อมาถึงเขาก็สังเกตเห็นความตึงเครียดอบอวลไปทั่ว เกิดอะไรขึ้น? สิ่งนี้รบกวนความคิดของเขา แต่เขาก็เฝ้าดูสถานการณ์ต่อไป

ท่ามกลางวงล้อมของพวกพ่อค้าและนักผจญภัยนั้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก หนึ่งในผู้ถูกว่าจ้าง ผู้ต่อสู้อย่างกล้าหาญจนถึงตอนนี้ ‘เลฟิลเลีย’  เพราะว่าเธอสามารถบดขยี้ปีศาจได้ เธอควรจะได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี

แต่ตอนนี้ฝูงชนที่อยู่รอบตัวเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและไม่พอใจ ซึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ขณะที่เธอถูกล้อม  ‘เลฟิลเลีย’ ก็พูดขึ้น

“……ทำไมพวกคุณถึงมาล้อมฉันไว้ละค่ะ มันน่าจะมีอย่างอื่นที่พวกคุณควรทำมากกว่านี้นะ”

‘เลฟิลเลีย’ พูดขณะที่มองคนที่ล้อมอยู่รอบตัว นักผจญภัยคนหนึ่งก้าวออกมาก

“เราควรจะทำอะไรล่ะ”

“รีบเดินทางไงคะ ถ้าเรายังชักช้าอยู่ ปีศาจอาจจะเข้ามาโจมตีอีกครั้ง”

“โจมตีอีกครั้ง……”

เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันดำมืด การตอบสนองของเขาทำให้เลฟิลเลียถามขึ้นอีกครั้ง

“คุณอยากจะพูดอะไรคะ? ถ้ามีอะไรก็พูดออกมาได้เลย”

“ข้าว่าที่พวกปีศาจมาโจมตีเรา ก็เพราะว่าเจ้านั่นแหละ? เพราะเจ้าเป็นคนที่เหลือรอดจากนอเซียส”

“……”

“…….ไม่ต้องมาทำตัวไร้เดียงสา เรื่องทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดของเจ้า! ที่เราถูกโจมตีก็เพราะว่าเจ้ามาสมัครเป็นนักผจญภัย”

คำพูดนั้นทำให้ ‘เลฟิลเลีย’ รู้สึกลังเล

“ที่เราเป็นเป้าหมาย มันเกี่ยวอะไรกับฉันคะ?…..”

“เหอะ มีอะไรพิสูจน์ละ”

“….”

‘เลฟิลเลีย’ ถึงกับพูดไม่ออก เมื่อมองหน้าคนที่ใส่ร้ายตน เขาบอกว่าเพราะราจัสรู้จักเธอ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมปีศาจถึงเข้ามาโจมตี เป็นธรรมดาของนักผจญภัยที่จะสงสัย และเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เหมือนกัน

“เพราะปีศาจต้องการตามล่าเจ้า พวกเราถึงต้องมาซวยไปด้วยยังไงละ”

“นั่นมัน…..”

“อะไร……….ถ้ามีข้อแก้ตัวอะไร ก็พูดมันออกมา”

เธอไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้จึงเลือกก้มหน้าลงแทน เพราะไม่สามารถยืนยันตัวเองได้ เธอจึงเลือกจะเงียบแทน แต่ ‘ซุยเมย์’ รู้ว่าจะต้องโต้แย้งคำกล่าวหาของพวกเขายังไง

“ฉันขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ย?”

“ฮ่ะ?”

“ตอนที่เรากำลังต่อสู้กับปีศาจก่อนหน้านี้ ราจัสก็พูดอยู่ว่าเพิ่งรู้ว่าเลฟิลเลียอยู่ที่นี่’? และตอนนี้เลฟิลเลียก็ยังคงอยู่ตรงนี้ ให้นายกล่าวหา ไม่ได้ถูกพาไปไหนสักหน่อย เพราะงั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ปีศาจจะจงใจมานี่เพราะเธอตั้งแต่แรก “

แต่ว่าน่าเสียดาย

“นี่คือหลักฐานงั้นเหรอ? มันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้สักนิด”

“ทำไมมันถึงจะไม่เกี่ยวละ….?”

นักผจญภัยสูญเสียความยับยั้งชั่งใจไปแล้ว เขายังคงกล่าวหาต่อไปอย่างบ้าคลั่ง

“เพราะพวกมันมี เบาะแสเกี่ยวกับที่อยู่ของเธอไงล่ะ พวกมันถึงค้นหาตามแถวๆนี้ หลักฐานแค่นี้พอมั้ยล่ะ”

ข้อสันนิษฐานที่ว่า เพราะปีศาจรู้เบาะแสที่อยู่ของหญิงสาวมันจึงโจมตีเข้ามาในครั้งแรก ก็ฟังดูเป็นคำอธิบายที่เข้าทีอยู่

“ยังมีอีก สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดหลังจากที่เราถูกซุ่มโจมตีครั้งแรก เธอก็พูดว่ามันจะมีการโจมตีเข้ามาอีก! ทำไมเธอถึงรู้ล่ะ แน่ละมันชัดเจนอยู่แล้วว่าที่เธอรู้ เพราะว่าพวกปีศาจมันกำลังตามล่าเธออยู่”

แน่นอนว่าเรื่องนี้ ‘ซุยเมย์’ เองก็สังเกตเห็น ตอนที่ ‘เลฟิลเลีย’ เตือนพวกนักผจญภัย เขาเองก็สงสัยเหมือนกัน ยังไงก็ตาม…

“ฮึ่ม นั่นเพราะ ‘เลฟิลเลีย’ ไวต่อการปรากฏตัวของปีศาจยังไงละ”

“มันก็อาจจะใช่….แต่ ไหนละหลักฐาน…”

“นั่นมันก็….”

มันเป็นสิ่งที่ ‘ซุยเมย์’ เองก็ไม่สามารถยืนยันได้เหมือนกัน ถ้าให้ ‘ซุยเมย์’ ไปหาหลักฐานมาตามที่นักผจญภัยเรียกร้อง แน่นอนว่าแม้แต่ ‘ซุยเมย์’ เองก็ทำไม่ได้ และถึงแม้ว่าเขาจะหาหลักฐานมาได้จริงๆ ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก

“หามาไม่ได้ใช่มั้ยละ เพราะงั้นหลีกไป”

“อะไร?”

ทุกคำพูดที่ชายคนนี้พูดออกมา ทำให้ความหงุดหงิดของ ‘ซุยเมย์’ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงยียวนนี่ก็ทำให้เขาชักจะเลือดขึ้นหน้าขึ้นไปทุกที จากนั้นกลุ่มคนด้านหลังก็แหวกออกและชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

“ทั้งสองคนหยุดได้แล้ว”

“เกลนซัง….”

พวกเขาหันไปทางเสียงของผู้มาใหม่ ผู้นำของเหล่าพ่อค้า   ‘เกลน’ นั่นเอง

“พวกคุณมาที่นี่เพื่อปกป้องกองคาราวาน อย่าให้ความไม่ลงรอยกันมาทำให้คนอื่นมีปัญหาไปด้วย เพราะงั้นจบเรื่องนี้ซะ”

“เพื่อยุติข้อโต้แย้งนี้คุณต้องตัดสินใจ เกลนซัง”

“เข้าใจแล้ว ในฐานะของผู้นำกองคาราวาน ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”

“โอ้…..”

นักผจญภัยได้แต่พยักหน้าเมื่อเจอความเด็ดขาดของ ‘เกลน’  แม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถในการแต่ต่อสู้ แต่เข้าก็เป็นถึงหัวหน้ากองคาราวานซึ่งต่างจากนักผจญภัยมากนัก

“ตกลงมั้ย?”

‘เกลน’ หันไปถามคนอื่นๆ พวกเขาทุกคนพยักหน้า เสียงต่อว่า ‘เลฟิลเลีย’ จึงเงียบลง เมื่อทุกคนสงบลงแล้ว เขาจึงหันไปพูดกับ ‘เลฟิลเลีย’ อย่างเย็นชา

“…… ‘กราคิสซัง’  ผมในฐานะของหัวหน้ากองคาราวาน ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของสมาชิกทุกคนของผม ”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร คำอธิบายของเขาสื่อสิ่งที่เขาตั้งใจออกมาอย่างชัดเจน

“เพราะว่าเราเป็นเป้าหมายของพวกปีศาจและคุณเป็นต้นเหตุ ในฐานะที่ผมเป็นผู้รับผิดชอบของคาราวานนี้ ผมไม่อาจปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปได้ คุณเข้าใจใช่มั้ยว่าผมหมายถึงอะไร”

“ฉัน ฉันเข้าใจแล้ว คุณต้องการให้ฉันไป”

“!?”

“ถูกต้อง”

แม้คำพูดจะวกวน แต่ ‘เลฟิลเลีย’ ก็เข้าใจถึงสิ่งที่เกลนพูด เกลนพยักหน้ารับ ฝูงชนเริ่มจะโวยวายออกมาอีกครั้ง

“ตัดสินใจถูกแล้ว”

“รีบๆเก็บข้าวของไปเลย”

“ออกไปซะนังตัวซวย”

คำพูดที่โหดร้าย โดยไม่ได้สนใจสภาพจิตใจของ ‘เลฟิลเลีย’ เลยสักนิด แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะนำอันตรายมาสู่กองคาราวาน ไม่ว่าเธอจะเป็นสาเหตุของมันหรือไม่ สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดก็ยังคงเป็นเธออยู่ดี วิธีที่ดีที่สุด คือไล่เธอออกไปให้ห่างพวกเขามากที่สุด  ‘ซุยเมย์’ ไม่อาจระงับความโกรธของเขาได้อีกต่อไปแล้ว

“เฮ้! นี่คุณบังคับให้เธอออกไปคนเดียวยังงั้นเรอะ!?”

“แน่นอนสิ ที่ปีศาจหมายหัวพวกเราไว้ เพราะผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่ เข้าใจรึเปล่ากองทัพปีศาจเลยนะโว้ย”

“ถ้าเธอไปตัวคนเดียว เธอจะทำยังไงกับเรื่องอาหารและน้ำละ”

แม้ว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับปีศาจ แต่เรื่องอื่นก็สำคัญเหมือนกัน ถ้าหากต้องเดินทางคนเดียว อาหารและน้ำคือเครื่องยืนยันเดียวว่าเธอจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ มันคือเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะนี่คือกองคาราวานสำหรับเดินทางไกลอยู่แล้ว อาหารและน้ำจึงไม่ใช่ปัญหาของทุกคน

หากพิจารณาถึงระยะทางที่เหลือแล้ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะให้มันกับเธอ หมายความว่า เมื่อพวกเขาตัดสินใจเนรเทศเธอ พวกเขาก็ตั้งใจที่จะปล่อยให้เธอตายอยู่แล้ว นักผจญภัยไม่ได้หันมามองสักนิด

“แล้วไง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเราอยู่แล้วนี่”

เขาพูดออกมาแบบนั้น  ‘ซุยเมย์’ หันไปมองคนอื่นๆ

“………….พวกคุณก็คิดแบบเดียวกันสินะ?”

ชายหนุ่มพูดออกไปแม้เขาจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม เหมือนกับน้ำเสียง เขาจ้อมมองออกไปด้วยสายตาเย็นเยือก

“ชิ….”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา นักผจญภัยก็มองด้วยสายตาดูถูกและพูดอะไรบางอย่างออกมา

“อะไร? ไม่ว่าแกจะกลบเกลื่อนสักแค่ไหน แกก็คิดเหมือนพวกข้านั่นแหละน่า ถูกรึเปล่า?”

“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น”

“แล้วที่แกล้งทำแบบคนดีจนถึงตอนนี้เพราะอะไร? อ่อ ข้าเข้าใจแล้ว เพราะเธอสวยใช่มั้ยล่ะ”

“ห่ะ..!”

“ดูสิพวกเรา นอกจากนังผู้หญิงคนนี้จะล่อพวกปีศาจให้มาหาเราได้แล้ว ยังทำให้ผู้ชายคนหนึ่งหลงหัวปักหัวปำได้อีก”

ฟางเส้นสุดท้ายขาดลง ตอนนี้ซุยเมย์โกรธมากยิ่งกว่าทุกครั้งที่เขาเคยเป็น ฉันจะไม่ยอมอยู่เงียบๆอีกแล้ว ปกติแล้ว ‘ซุยเมย์’ มักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่เสมอ เขาไม่เคยปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล

แต่ตอนนี้ ‘ซุยเมย์’ ไม่อาจควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เขายกนิ้วชี้ไปที่นักผจญภัย หมายจะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ

“อะไร? แกพยายามจะทำอะไร?”

โดยไม่ตระหนักถึงมัจจุราชที่กำลังย่างกรายเข้ามา นักผจญภัยยังคงพ่นถ้อยคำโง่ๆออกไป พร้อมกับทำหน้ายียวน ทันใดนั้นเองไฟแห่งความโกรธของ ‘ซุยเมย์’ ก็ถูกดับลงโดย ‘เลฟิลเลีย’

“ ‘ซุยเมย์คุง’ พอได้แล้วค่ะ!”

” … “

“ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอกค่ะ”

“ชิ…”

คำพูดของ ‘เลฟิลเลีย’  ทำให้ซุยเมย์กลับมาได้สติอีกครั้ง เขาก็เข้าใจแบบเดียวกัน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ทางออกของเธอก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อลดความเสี่ยงต่อคาราวานมาที่สุด เธอจำเป็นต้องไปเท่านั้น  ‘เกลน’ พูดด้วยน้ำเสียงเสียใจ

“ ‘กราคิสซัง’ เราจำเป็นต้องไปแล้ว คุณคงรู้นะว่าต้องทำยังไง……”

“ฉันต้องมุ่งหน้าไปคนละทางกับคาราวานใช่มั้ยค่ะ ฉันเข้าใจ”

นี่ยังคงเป็นคำตอบเดียวของเขา เพื่อลดความเสี่ยงของกลุ่ม ขณะที่ทั้งคู่คุยกัน  ‘ซุยเมย์’ หันไปหานักผจญภัยที่รู้จักกับ ‘เลฟิลเลีย’  นักเวทสาวที่เคยพูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุขกันเธอ นักรบที่ยกย่องความสามารถของพวกเขา

ตอนนี้ท่าทางของพวกเขาห่างเหิน ไม่แม้แต่จะหันมามองทาง ‘เลฟิลเลีย’  ยังไงซะ ‘ซุยเมย์’ ก้ไม่ได้ตำหนิพวกเขา ไม่แปลกอะไรหากพวกเขาจะหวาดเกรงต่อกองทัพปีศาจ หากพวกเขาเพิกเฉยต่อความเห็นของคนอื่นและปกป้อง ‘เลฟิลเลีย’  ใครจะบอกได้ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง

แม้ว่าพวกเขาจะแน่ใจว่า ‘เลฟิลเลีย’ ไม่ใช่เป้าหมายของปีศาจก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะเลือกความปลอดภัยให้ตัวเอง  ‘ซุยเมย์’ ก็ไม่มีสิทธิไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าพวกเขาขี้ขลาด …….หลังจากการเจรจาอันยาวนาน  ‘เลฟิลเลีย’ ก็เรียก ‘ซุยเมย์’

“ ‘เลฟิลเลีย’ …….”

“………. ‘ซุยเมย์คุง’  แม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่ฉันจะอธิฐานให้คุณปลอดภัยนะคะ”

“……”

เวลาแบบนี้เธอยังสามารถยิ้มได้อีกเหรอ? สายตาของเขาจับจ้องไปที่รอยยิ้มของเธอ อยากจะถามว่า นี่มันดีแล้วจริงๆเหรอ แต่เขาก็รู้ว่าเธอจะตอบว่าดีแล้ว เธอหันไปยังด้านหลังที่มีดาบขนาดใหญ่สะพายไว้อยู่ สิ่งที่ปรากฏในสายตาเขาก็เปลี่ยนไป ตอนนี้หญิงสาวค่อยๆเล็กลง ทำไมละ?

“ไปได้แล้ว”

ใช่ นั่นแหละเหตุผลว่าทำไม

“เฮ้ ได้ยินมั้ย?”

เพราะครั้งนี้มันแตกต่างจากเรอิจิและคนอื่นๆ เพราะครั้งนี้คือ ‘เลฟิลเลีย’   ‘เลฟิลเลีย’ หยุดและมองกลับมา เหมือนกับเธอถูกทิ้งไว้ในโลกนี้เพียงคนเดียว

“…..ขอเสบียงส่วนของฉันด้วย”

ก่อนที่จะรู้ตัว คำพูดก็หลุดออกจากปากไปแล้ว

“หือ?”

นักผจญภัยอุทานด้วยความตกใจ สายตาของ ‘เลฟิลเลีย’ และ ‘ซุยเมย์’ ยังคงจ้องมองกันและกัน

“ฉันจะไปกับเธอ ขอบคุณสำหรับการดูแลเสมอมา”

“อะไรกัน”

นักผจญภัยยังคงร้องอุทานอีกครั้ง เกลนถอนหายใจ

“คุณจะไปจริงๆเหรอ? ถ้าคุณไปตอนนี้คุณจะไม่ได้ค่าจ้างนะ”

“ไม่ต้องหรอก ผมต้องการแค่อาหารกับน้ำเท่านั้น สำหรับการทำงานของผมจนถึงตอนนี้ ตกลงมั้ย?”

“……ผมเข้าใจแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะยาคางิซัง”

‘เกลน’ หลับตาก่อนจะตอบตกลง เพื่อไม่ให้คนอื่นมองเห็นความรู้สึกของเขา ถ้าหากเขาไม่เด็ดขาดแล้ว เขาคงไม่อาจเป็นผู้นำคาราวานได้

“อะไร? สุดท้ายแล้-”

****บึ้ม*****

โดยที่ยังไม่ได้พูดจบประโยคนักผจญภัย(คนเดิม)ก็ลอยหายไปด้วยเวทมนตร์ของ ‘ซุยเมย์’ ที่สุดจะทนกับการดูหมิ่นของชายคนนั้นเต็มที

“เอาจริงเหรอ….?”

นักผจญภัยที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันตั้งแต่แรกถามอย่างเป็นกังวล

“ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล…”

‘ซุยเมย์’ ตอบขณะรับกระเป๋าเสบียง

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments