I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 25 ความคาดหวังจากสถานที่ที่ไม่คาดคิด

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1226 | 2368 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ในขณะที่ ‘เลฟิลเลีย’ ยืนยันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของปีศาจ อีกด้านหนึ่งก็ก้องกังวานไปด้วยเสียงแห่งความโกรธเกรี้ยว

“ ‘ซุยเมย์’ ถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ”

มันคือเสียงตะโกนที่อักแน่นไปด้วยความโกรธของ ‘เรอิจิ’ นั่นเอง หลังจากที่คำว่า ไม่จำเป็นต้องกังวล หลุดออกมาจากปากของ ‘เกรกอรี่’   ‘เรอิจิ’ ก็ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของเขาทันที ท่าทีซึ่งไร้ความเคารพนี้เกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว การได้เห็นสีหน้าโกรธจัดของคนที่ถูกเรียกถูกเรียกว่าผู้กล้า  ‘เกรกอรี่’ ก็ตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว

“มันเป็นความจริงใช่มั้ย”

“นะ แน่นอนว่ามันคือเรื่องจริง”

“อะ …!”

‘เรอิจิ’ ตกใจเกินกว่าจะแยกระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องล้อเล่นได้แล้ว  ‘เรอิจิ’ กัดริมฝีปากของเขาขณะที่กำคอเสื้อของเกรกอรี่อยู่  ‘ไทเทเนีย’ ที่เห็นว่า ‘เรอิจิ’ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็รีบเดินเข้าไปใกล้

“ได้โปรดใจเย็นๆค่ะ เรอิจิซามะ”

“แต่ว่า…..”

“โปรดฟังเกรกอรี่พูดให้จบก่อนค่ะ”

“…..ก็ได้”

‘ไทเทเนีย’ ชี้ให้เห็นถึงจุดที่น่าสงสัย เรื่องที่บอกว่า แม้จะเป็นเหยื่อล่อ แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไร …….เมื่อ ‘เรอิจิ’ รับปากว่าจะรับฟัง  ‘ไทเทเนีย’ ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับ ‘เกรกอรี่’

“บอกทุกอย่างที่คุณรู้มาได้แล้วค่ะ และอย่าได้ปดบังอะไรแม้แต่น้อยเชียว”

“ขอบพระทัยองค์หญิง”

‘เกรกอรี่’ คุกเข่าลงต่อหน้าองค์หญิงของเขา หน้าผากของเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ และเริ่มเล่าเรื่องราวอีกครั้ง

“ข้าได้ยินมาจากคนส่งสารที่มาติดต่อก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าปีศาจได้ส่งกองทัพไปยังพรมแดนแอสเทอร์เพื่อฆ่าผู้กล้า พวกเขาจึงใช้ซุยเมย์โดโนะเพื่อเป็นเหยื่อล่อกองทัพที่ว่านั่น”

ท่าทางของ ‘เรอิจิ’ ดูน่าสะพรึงเพิ่มขึ้นทุกที เขาถาม ‘เกรนกอรี่’

“คุณบอกว่า ‘ซุยเมย์’ ถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ? หมายความพวกพวกเขาขอให้ ‘ซุยเมย์’ ล่อพวกมันออกมายังงั้นเหรอ…….”

“ไม่  ‘ซุยเมย์โดโนะ’ ไม่รู้เรื่องนี้”

ทุกคนคาดเดาเกี่ยวกับสิ่งที่เกรกอรี่พูดออกมา ซึ่งมันค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ถ้าหาก ‘ซุยเมย์’ ไม่รู้ว่าตนเองถึงใช้เป็นเหยื่อล่อ แล้วตอนนี้จะเป็นยังไง?

“พวกเขาใช้ ‘ซุยเมย์’ เป็นเหยื่อ? เพื่อที่เมเทอร์จะได้ไม่โดนโจมตี”

“ใช่ขอรับ แผนนี้ถูกวางขึ้น เพื่อให้เราเดินทางไปสมทบกับ ‘ซุยเมย์โดโนะ’ ที่ออกจากเมเทอร์ได้ทัน”

“ตรงกับการเดินทางของเขา?”

“ทำไม ‘ซุยเมย์คุง’ ไม่เห็นบอกเราเลยว่าเขาจะเดินทางออกจากเมืองหลวง?”

ตอนที่พวกเขาออกเดินทาง  ‘ซุยเมย์’ บอกกับพวกเขาแค่ว่า เขาต้องการจะอาศัยอยู่ด้านนอกของปราสาท  ‘มิซึกิ’ ถามขึ้นมาทันที เมื่อสิ่งที่เธอได้ยินแตกต่างจากที่รับรู้ก่อนออกจากเมเทอร์

“หลังจากที่เราเดินทางออกจากเมเทอร์ ก็มีข่าวมาว่า ‘ซุยเมย์โดโนะ’ รับงานคุ้มกันคาราวานสินค้าจากสมาคมนักผจญภัยขอรับ”

“ ‘ซุยเมย์’ เป็นสมาชิกของสมาคมนักผจญภัยงั้นเหรอ?”

“ใช่ขอรับ ตามที่สายข่าวรายงานมา ดูเหมือนว่า ‘ซุยเมย์โดโนะ’ จะกลายเป็นสมาชิกของสมาคมนักผจญภัยทไวไลท์พาวิลเลี่ยน จึงสันนิษฐานว่าเขากำลังจะเดินทางออกจากเมเทอร์…..ขุนนางที่รู้เรื่องนี้และเกี่ยวข้อกับภารกิจปราบราชาปีศาจจึงถือโอกาสใช้ ‘ซุยเมย์โดโนะ’ เป็น…..เอ่อ”

เพราะแบบนั้นเขาจึงถูกเอาเปรียบ คำถามเกิดขึ้นในใจพวกเขา  ‘ซุยเมย์’ กำลังพยายามทำอะไร เขาปฏิเสธที่จะร่วมเดินทางกับ ‘เรอิจิ’ หรือในสถานที่ที่ปลอดภัย เขาเข้าร่วมกับสมาคมนักผจญภัยและรับภารกิจคุ้มกัน เข้าจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ ถ้าหากว่าเขาไม่มีแผน

“เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ซุยเมย์คุง’ ? เขาก็รู้ว่าเขาจะมีอันตรายแน่ ถ้าหากเขาออกจากเมือง”

“ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าซุยเมย์ต้องวางแผนอะไรไว้แน่”

สายตาของ ‘มิซึกิ’ แสดงออกถึงความไม่สบายใจ  ‘เรอิจิ’ จึงถาม ‘เกรกอรี่’ อีกครั้ง

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทำไมพวกขุนนางถึงกล้าใช้ ‘ซุยเมย๋’ เป็นเหยื่อล่อต่างหาก”

ถ้าหากปีศาจเข้าโจมตีจริงๆ พวกเขาก็มีทั้งกองทับของตัวเองและพันธมิตร ถ้าสู้ไม่ไหว ก็แค่รีบหนีไปแต่เนิ่นๆ ไม่มีเหตุผลที่จะใช้ ‘ซุยเมย์’ เป็นเหยื่อสักนิด

“ท่านผู้กล้า กองทัพขนาดใหญ่ของปีศาจกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา แม้พวกมันจะม้าช้าเพราะจำนวนทหาร แต่ในไม่ช้าพวกมันก็จะเข้าปะทะกับกองกำลังของมนุษย์ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้น  ‘ดยุคฮาเดียส’ จึงวางแผนนี้ขึ้น…”

“ ‘ดยุคฮาเดียส’ งั้นเหรอ?”

“ขอรับ”

น้ำเสียงของ ‘ไทเทเนีย’ เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ ‘เกรกอรี่’ ก้มศีรษะลง ใครคือ ‘ดยุคฮาเดียส’ กัน คุ้นๆเหมือนเคยได้ยินชื่อมาก่อน   ‘เรอิจิ’ พยายามค้นหาในความทรงจำอันว่าเปล่า

“ ‘เทียร์’  ใครคือดยุคฮาเดียส?”

“….. ‘ดยุคฮาเดียส’ เป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ค่ะ เขาได้รับการแต่งตั้งจากท่านพ่อให้วางแผนเกี่ยวกับการป้องกันการโจมตีของปีศาจ แต่ว่า….”

“แล้วเรื่องที่ ‘ซุยเมย์’ กลายมาเป็นเหยื่อล่อล่ะ”

ไทเทเนียส่ายหน้าทันที เกรกอรี่ซึ่งรู้สถานการณ์ดีจึงอธิบายขึ้น

“ขอรับ อย่างที่ข้าได้อธิบายไปว่าเป็นการตัดสินใจของดยุคฮาเดียสและขุนนางบางส่วน แน่นอนว่าพวกเขาสงสัยว่าพลังของผู้กล้าตอนนี้จะยังมีไม่เพียงพอ และยังเร็วเกินไปที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจแม้จะมีกองทัพของอาณาจักรสนับสนุนก็ตาม พวกเขาจึงได้คิดแผนนี้ขึ้นมา”

“ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะใช้ ‘ซุยเมย์’ เป็นเหยื่อล่อไม่ใช่เรอะ!”

“ไม่รู้ว่าทำไมพวกปีศาจถึงรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของผู้กล้า จากที่สอบถามจากปีศาจซึ่ง ‘ดยุคฮาเดียส’ จับตัวมาได้ ได้ความมาว่า หากพวกมันสามารถฆ่าผู้กล้าได้ ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ‘ซุยเมย์โดโนะ’ ที่ถูกอัญเชิญติดมาด้วยสามารถตบตาศัตรูได้……พวกเขาจึงปล่อยข้อมูลให้รั่วไหลไปยังอาณาจักรปีศาจว่าผู้กล้ากำลังเดินทางออกไปกับกองคาราวาน”

เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะแบบนี้สินะ พวกเขาถึงไม่เคยปะทะกับกองกำลังปีศาจเลย แม้ว่าพวกมันจะสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของผู้กล้า แต่ก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ เพราะว่าพวกปีศาจรับรู้ได้ถึงการอัญเชิญผู้กล้า

แม้ว่าจะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัด แต่มันก็คุ้มค่าที่จะโจมตี แปลว่าพวกมั่นมั่นใจว่าจะเอาชนะได้ ข้อมูลที่สำคัญที่สุดนั่นคือระยะเวลาที่อัญเชิญผู้กล้ามา

“…..พวกปีศาจเองก็น่าจะรู้ข่าวการเดินทางของพวกเรานี่ ทำไมมันถึงไม่โจมตีล่ะ?”

“มันง่ายมาก ‘มิซึกิโดโนะ’  เพราะว่าพวกปีศาจเคลื่อนไหวทันทียังไงล่ะ”

เพราะงั้นจะต้องมีใครบางคนในหมู่ปีศาจที่รู้ข่าวของผู้กล้าก่อนที่จะออกเดินทาง

 “ ‘ดยุคฮาเดียส’ ทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังปีศาจได้ยังไง? เขาไม่น่ารู้จักใครในหมู่ปีศาจ? เพราะงั้นเขาใช้วิธีอะไร?”

“ส่งไปกับทหารที่ส่งสารไปยังสถานที่ต่างๆไงขอรับ ด้วยเนื้อหาที่เขียนไว้ว่าผู้กล้าซ่อนตัวอยู่ในกองคาราวานที่ออกเดินทางไปยังคูรันด์”

“อะไรน่ะ!?”

“ถ้าอย่างนั้น มันก็….”

ความคิดที่น่ากลัวหมุนวนอยู่ในใจของเธอในขณะที่เสียงของ ‘มิซึกิ’ เริ่มสั่น ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจสิ่งที่เกรกอรี่พุดได้อย่างถ่องแท้ ในหน้าของหญิงสาวจึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ  ‘เกรกอรี่’ กล่าวต่อด้วยใบหน้าขมขื่นปนเสียใจ

“….ถ้าทหารที่ส่งข้อมูลเท็จถูกจับได้ พวกเขาก็จะถูกสอบปากคำ ภารกิจของพวกเขาก็คือการเปิดเผยข้อมูลที่เขารับรู้มา เพราะทหารที่รับรู้ข้อมูลเท็จมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะถูกสอบสวนแบบไหน พวกเขาก็จะพูดแบบเดิมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เมื่อพวกปีศาจรับสารเท็จนั่นไปแล้ว ทีนี้แผนการของพวกเราก็สำเร็จ”

“เรื่องนั้น……”

“นี่มันมากเกินไปแล้ว……”

เรื่องนี้ทำให้ผู้หญิงทั้งสองคนถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าของไทเทเนียแสดงออกถึงความคาดไม่ถึงขณะที่ ‘มิซึกิ’ ถึงกับน้ำตาคลอ ต่อหน้าทั้งคู่  ‘เรอิจิ’ ตะโกนต่อว่าเกรกอรี่ด้วยความโกระจัด

“…..ใช้ชีวิตคนเป็นเหยื่อล่อแบบนี้….นี่ยังเห็นชีวิตคนมีค่ากันอยู่รึเปล่า”

“ชีวิตของท่านผู้กล้ามีค่ามากกว่าทหารอย่างพวกเราขอรับ ถ้าหากสามารถปกป้องชีวิตของผู้กล้าไว้ได้ต่อให้ต้องเสียทหารไปอีกเป็นพันหรือเป็นหมื่นมันก็คุ้มค่า….”

“เพราะงั้น ‘ซุยเมยย์’ เลยต้องเสียสละเพราะความคิดบ้าๆพวกนี้งั้นสิ!!”

“คนที่ติดมาด้วยอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ว่า….”

‘เกรกอรี่’ เงียบเสียงลงเมื่อได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธของ ‘เรอิจิ’  และเสียงคร่ำครวญของ ‘มิซึกิ’  หลังจากที่พยายามจนสุดความสามารถ ในที่สุก ‘เรอิจิ’ ก็สามารถตั้งสติได้ เขากล่าวว่า

“….ไม่มีทางอื่น?”

“เมื่อข้าได้ยินว่ากองทัพปีศาจกำลังมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาตรงชายแดนของอาณาจักร มันก็สายเกินไปที่จะทำอะไรแล้ว”

“ทั้งๆที่รู้เรื่องนี้มาตลอดแต่ก็ไม่ยอมบอกอะไรกับพวกเราเลย”

“มันช่วยไม่ได้ขอรับ ข้าได้รับคำสั่งไม่ให้เปิดเผยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในฐานะอัศวินแล้วข้าไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้”

“แล้ว…. ‘ซุยเมย์คุง’ …..”

“….ข้อมูลที่พวกปีศาจได้ไปก็คือ  ‘ซุยเมย์โดโนะ’ ไม่มีพลังใดๆ สวมเสื้อผ้าที่แปลกและซ่อนตัวอยู่ในกองคาราวาน ถ้าพวกมันพบเจอคนที่ตรงกับเงื่อนไขดังกล่าว…..”

“แต่ถ้าเขาหนีไปซ่อนตัวทันล่ะ…..”

“ยากขอรับ กองทัพของปีศาจนั้นใหญ่มาก ยิ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายแล้ว พวกมันคงไม่ปล่อยให้มีอะไรรอดพ้นสายตาไปได้”

เมื่อได้ยินการวินิจฉัยของ ‘เกรกอรี่’  พวกเขาทุกคนแสดงออกถึงความสับสน มีทั้งตกตะลึง เสียใจ โศกเศร้า ทั้ง ‘ไทเทเนีย’ และ ‘มิซึกิ’ ก็ควาดเดากับไปต่างๆนาๆ แม้แต่ ‘เรอิจิ’ ก็เริ่มจะรู้สึกหลัวแล้วเหมือนกัน  ‘ไทเทเนีย’ เริ่มพูดอีกครั้ง

“อาณาจักรของเราไม่สามารถปกป้องเมเทอร์และคูรันด์ได้ยังงั้นเหรอ?”

“อ่า….จะพูดว่าแบบนั้นก็ได้ขอรับ”

คำพูดของ ‘ไทเทเนีย’ ดึง ‘เรอิจิ’ กลับมาสู่ความเป็นจริงคำถามว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ซุยเมย์’ บ้างดังก้องอยู่ในศีรษะของเขา ถ้าหากปีศาจกำหนดเป้าหมายไปที่ ‘ซุยเมย์’ แล้ว หมายความว่าพวกมันจะเริ่มไล่ล่ากองคาราวาน เมืองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอาจได้รับอันตราย

“สำหรับคูรันด์มีการป้องกันของกองทหารรับจ้างอยู่แล้ว ทางสมาคมจอมเวทเองก็เริ่มรวบรวมคน พวกนักผจญภัยเองก็เริ่มชุมนุมกันแล้ว แม้แต่ในเมเทอร์เองเหล่าอัศวินและจอมเวทก็เตรียมพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมต้องใช้ ‘ซุยเมย์’ ให้เป็นเครื่องสังเวยอีก……”

“เพราะเรามีเวลาไม่พอในการเรียกรวมพลขอรับ การสังเวย ‘ซุยเมย์โดโนะ’ และกองคาราวานจึงเป็นทางเลือกเดียว….”

มันไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเวลาระดมพลเพียงพอ การเสียสละคนแค่ไม่กี่คนถึงว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่า แต่ว่ามันไม่เป็นธรรมกับคนที่ต้องเสียสละเลย…. ความคิดที่ว่า ‘ซุยเมย์’ กำลังตกอยู่ในอันตรายทำให้ ‘เรอิจิ’ รู้สึกเป็นกังวลมาก  ‘มิซึกิ’ ที่ยืนอยู่ข้าเรอิจิถึงกับปาดน้ำตาเพราะความโหดร้ายนี้

“นี่มันมากเกินไปแล้ว….”

เสียงคร่ำครวจและน้ำตานี้คือความรู้สึกจริงๆของเธอ แม้เธอจะต้องการมีส่วนร่วมในการปราบราชาปีศาจ แต่เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง

…..อาณาจักรเรียกพวกเธอมาและขอความช่วยเหลือ แต่กลับตอบแทนพวกเขาแบบนี้ ช่วยไม่ได้ที่ ‘มิซึกิ’ จะร้องไห้ออกมา เช่นเดียวกับ ‘ไทเทเนีย’  เธอก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด ทั้งๆที่พวกเขาเพิ่งจะเป็นเพื่อนกันแท้ๆ เกรกอรี่คุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง

“ขออภัยจริงๆขอรับ”

ถึงจะมาขอโทษอะไรตอนนี้ มันก็เปลี่ยนความจริงที่ว่า ‘ซุยเมย์’ กำลังตกอยู่ในอันตรายไม่ได้หรอกนะ  ‘เรอิจิ’ ไม่สามารถหาคำด่าใดๆมาบรรยายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้ เขาอยากจะเข้าไปบีบคออัศวินวัยกลางคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้านี่เหลือเกิน เขาคิดว่าคำขอโทษแค่นี้มันจะพองั้นเรอะ? เขาคิดว่าการแสดงออกด้วยความจริงใจมันจะพอดับความโกรธในใจของเขาได้รึยังไงกัน? นี่คือวิธีการแสดงออกถึงความจริงใจของเขางั้นเหรอ? ‘เรอิจิ’ คิดอย่างเกลียดชัง อ่า…. เหมือนกับฟ้าฝ่าลงมากลางวันแสกๆ ถ้าคิดดูให้ดีก็จะเข้าใจ

“เรอิจิคุง?”

‘มิซึกิ’ มองไปที่เรอิจิที่ทำท่าเหมือนกับเข้าใจอะไรบางอย่าง

“ เกรกอรี่ซัง”

“อะ-อะไรขอรับท่านผู้กล้า?”

เขาวางมือไปบนไหล่ของ ‘เกรกอรี่’  ไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอโทษอะไรอีกแล้ว เพราะว่า….

“ ‘เกรกอรี่ซัง’  ตอนที่เราถามคุณ คุณไม่ยอมบอกใช่มั้ยว่าทำไมถึงรู้ว่าปีศาจอยู่แถวนี้ และรีบพวพวกเราออกไปจากที่นี่”

‘ไทเทเนีย’ และ ‘เกรกอรี่’ ทำหน้าตกใจ ขณะที่ ‘มิซึกิ’ ถามขึ้นทันที

“มีอะไรงั้นเหรอ ‘เรอิจิคุง’ ?”

“ถ้า ‘เกรกอรี่ซัง’ เป็นลูกน้องของ ‘ฮาเดียส’ จริงๆ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะบอกเราเกี่ยวกับ ‘ซุยเมย์’ ตั้งแต่แรก เพียงแค่พาพวกเราหนีไปและไม่แสดงท่าทางที่ทำให้พวกเราไม่ไว้ใจเขาก็พอ”

“อา….”

‘มิซึกิ’ พึมพำอย่างเข้าใจทันที ไม่น่าไว้ใจจริงๆด้วย ถ้าเขาบอกความจริงเกี่ยวกัย ‘ซุยเมย์’  เขาก็ต้องพบเจอกับความโกรธเกรี้ยวของพวกเธอ แต่นี่เขากลับไม่ทำมัน นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้เป็นลูกน้องของคนที่วางแผนนี้ขึ้นมา  ‘เกอกอรี่’ บอกเขาเกี่ยวกับแผนการทั้งหมด เพราะคุณธรรมในใจของเขาไม่อาจทดฝืนที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้อีกต่อไปแล้ว

“อ่า ผมขอโทษจริงๆที่ตะโกนใส่คุณไปโดยไม่คิดให้ดีซะก่อน”

“ท่านผู้กล้า…..”

เสียงของ ‘เกรกอรี่’ เริ่มสั่นเครือเมื่อรู้ว่าเรอิจิเข้าใจความคิดของเขาแล้ว  ‘ไทเทเนีย’ กล่าวขึ้นบ้าง

“ ‘เกรกอรี่’  ขอโทษด้วยจริงๆที่ฉันไม่ไว้คุณจนกระทั้งเมื่อกี้นี้”

‘เกรกอรี่’ ก้มศีรษะของเขาอย่างสุดซึ้งเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า ในขณะที่เขาสารถาพบาปของตนออกมาช้าๆ

“……ข้าไม่สามารถทำมันได้ ไม่สามารถหลอกคนที่ถูกเรียกตัวมาเพื่อโค่นล้มราชาปีศาจเพื่อช่วยโลกนี้ได้ ไม่สามารถแกล้งทำเป็นไม่รู้เมื่อเพื่อนของพวกเขาตกอยู่ในอันตรายอย่างไร้มนุษยธรรมได้….”

ในขณะที่เกรกอรีเปิดใจพูด เขาก้มศีรษะลงอีกครั้ง

“ขออภัยด้วยขอรับ ขออภัยที่ข้าไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย…..”

“พอแล้วครับ พอเถอะ”

หากจะบอกว่าใครเป็นคนผิด มันควรจะเป็นตัวเขาเอง เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ถูกเรียกตัวมาที่นี่ แต่เพื่อนทั้งสองของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่เขาก็ยังไม่สนใจคำเตือนของเพื่อนและทำให้ทุกอย่างเดินไปสู่หายนะ

“เรอิจิซามะ”

‘ไทเทเนีย ลุกขึ้นและเดินมาหาเขา แต่เรอิจิก็ไม่ได้ตอบรับ ทำให้ไทเทเนียเรียกด้วยความกังวลใจอีกครั้ง

“คุณจะไปเหรอคะ ‘เรอิจิซามะ’ ”

“….ต้องถามด้วยเหรอ? ผมควรจะไปช่วย ‘ซุยเมย์’ ได้แล้ว”

“แต่คุณจะไปที่นั่นได้ยังไงในตอนนี้?”

“ทะ ท่านผู้กล้า ข้าเข้าใจว่าท่านรู้สึกยังไง  แต่ท่านจะไปยังไง ม้าก็ไม่มี พวกมันถุกฆ่าตายไปหมดแล้ว”

“ยังมีม้าของ ‘รอฟเฟรย์’ อยู่นี่”

“แต่  ‘เรอิจิซามะ’  ถึงคุณไปตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก กับกองทัพปีศาจ ถ้าคุณไป คุณจะต้องตายนะคะ!”

‘เรอิจิ’ ไม่สามารถโต้แย้งคำของ ‘ไทเทเนีย’ ได้ แน่นอนมามันเป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยละ  ‘ไทเทเนีย’ พยายามจะหยุดเขาอีกครั้ง

“ ‘เรอิจิซามา’ โปรดคิดให้ดี ถ้าคุณเป็นอะไรไป พวกเราจะพ่ายแพ้ให้กับราชาปีศาจนะคะ”

“… ฮึ!”

‘เรอิจิ’ สำนึกขึ้นมาได้ทันที ว่าที่นี่เขาคือผู้กล้า หากทำตามอารมณ์ก็ไม่ต่างอะไรกับคนทรยศ แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้

“ไม่….”

“ระ-เรอิจิซามะ?”

“ผมจะไม่ทอดทิ้งซุยเมย์ เพราะ ‘ซุยเมย์’ คือเพื่อนของผม”

แม้ว่าเขาจะต้องเสียใจจากการกระทำของตัวเอง แต่เขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเพื่อน เหมือนกับ ‘มิซึกิ’   ‘ซุยเมย์’ คือเพื่อนผู้ไม่มีวันที่ใครจะมาแทนที่ได้ของเขา เขาไม่ต้องการจะสูญเสียมันไป แม้มันจะสายเกินไปแล้ว เขาก็จะไม่ยอมยืนอยู่เฉยๆ   ‘ไททาเนีย’ มองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง ดวงตาของเธอฉายแววลังเล ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำตัวยังไง  ‘เรอิจิ’ หันไปมอง ‘มิซึกิ’

“มิซึกิ…”

“ฉัน…ฉัน…”

“ไปกันเถอะ  ‘มิซึกิ’ ! ไปช่วย ‘ซุยเมย์’ กัน!”

‘เรอิจิ’ คว้าไหล่ของมิซึกิเพื่อกระตุ้นหญิงสาว กระตุ้นให้เธอไปช่วยเพื่อนของพวกเขา เขามั่นใจว่าเธอคงไม่ปฏิเสธ

“อึก…..”

เมื่อเขาสักเกตเห็นว่ามิซึกิกำลังตัวสั่น

“อา……”

จากแววตาของเธอ เรอิจิสามารถบอกได้เลยว่าเธอกำลังกลัว นั่นสินะ เด็กสาวคนนี้เพิ่งเคยลงสนามรบเป็นครั้งแรก เผชิญหน้ากับปีศาจเป็นครั้งแรก ไม่แปลกอะไรที่เธอจะกลัวในการต่อสู้ จะดีเหรอที่จะบังคับเด็กสาวคนนี้ให้ไปต้อสู้กับกองทัพปีศาจด้วยกันกับเขา?

ไม่ ไม่ดีแน่ ถ้าหากจะโยนภาระให้เด็กสาวที่กำลังตัวสั่นคนนี้ คำว่า ต่อสู้ด้วยกำลังของตัวเอง ลอยเข้ามาใจจิตใจของเขา เมื่อหันไปมองรอบๆเขาก็เห็นความสงสัยบนใบหน้าของทุกคน

“ขอโทษนะ  ‘มิซึกิ’ …”

“เรอิจิคุง?”

เขาหันหลังเดินออกไปทันที่ที่กล่าวขอโทษจบ ตอนนี้เขาไม่ต้องการจะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว

“ฉันจะไปคนเดียวเอง ทุกคนรีบไปในที่ปลอดภัยเถอะ  ‘รอฟเฟรย์ซัง’ !”

‘เรอิจิ’ ตะโกนเรียก ‘รอฟเฟรย์’ ที่เพิ่งกลับจากการลาดตะเวน โดยไม่รู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาเอียงศีรษะขณะที่ขี่ม้าอยู่

“เรียกผมเหรอครับ  ‘เรอิจิซามะ’ ?”

“ผมขอยืมม้าหน่อย”

“อืม? ได้สิครับ”

‘รอฟเฟรย์’ ลงจากหลังม้าและ ‘เรอิจิ’ ก็ขึ้นไปแทนที่ทันที

“รอก่อน ‘เรอิจิซามะ’ !!”

“เดี๋ยวก่อน ‘เรอิจิคุง’ !!”

เสียงร้องมาจากทางด้านหลังขณะที่เรอิจิควบม้าออกไป

ปล.เอ…นี่ยังนับเป็นดึกๆได้อยู่รึเปล่านะ?

 

 

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments