ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ตาต่อตาฟันต่อฟันหรือนี่หมายความว่าเจ้าจงใจอย่างงั้นรึ?”
หลังจากที่ได้ยินคำของ’ชูเฟิง’ มันทำในผู้คนของสำนักหลิง-หยุนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และเปิดเผยเจตนาฆ่าออกมาอย่างชัดเจนจนพวกเขารู้สึกได้ว่าอยากฆ่า’ชูเฟิง’และหั่นศพของเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เหอะ แล้ววิธีการใดกันที่ ตู่กู๋ โอวหยางล่วงเกินเจ้าสำนักของข้า? ในฐานะที่ท่านเป็นถึงผู้จัดการประชุมร้อยสำนักทำใมท่านถึงไม่ห้ามการกระทำของศิษย์ในสำนักท่าน?”
“หรือว่าคนในสำนักหลิง-หยุนของท่านนั้นมีสิทธิ์ที่จะทำร้ายใครก็ได้อย่างนั้นใช่หรือไม่? แล้วการที่ข้าได้ทำร้ายคนของสำนักหลิง-หยุนและท่านต้องการชดใช่ในสิ่งที่ข้าได้ทำ แล้วอาการบาดเจ็บของเจ้าสำนักข้าล่ะก็ไม่เห็นมีหมาตัวไหนในสำนักหลิง-หยุนของท่านออกมาชดใช้เลยสักคน”
“ในฐานะที่เป็นสำนักอันดับหนึ่งในอาณาจักรมังกรฟ้านี่ยังเรียกว่าเป็นธรรมอยู่ได้อีกหรือไม่?”
‘ชูเฟิง’นั้นได้กล่าวออกไปอย่าไม่เกรงกลัวเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเขาก็ยังคงที่จะถามกลับไปอย่างรุนแรง
“นี่เจ้า….”
ในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคำถามที่ตรงไปตรงมาของ’ชูเฟิง’มันทำให้ผู้คนจากสำนักหลิง-หยุนนั้นมีใบหน้าที่ซีดขาวเพราะพวกเขานั้นไม่สามารถที่จะลบล้างคำสบประมาทเหล่านี้ได้
ดังนั้นตราบใดที่’ชูเฟิง’ยังไม่ได้ฆ่า ‘เฟิงฮ้าว’พวกเขาก็ไม่มีสิทธ์ที่จะล้อมรอบและโจมตี’ชูเฟิง’ได้ เพราะหลังจากที่’ตู่กู๋ โอวหยาง’นั้นได้เป็นฝ้ายที่ทำลายแขนของ ‘หลี่ จางฉิง’ก่อน
*** แปะ แปะ แปะ… ***
ทันใดนั้นก็ได้มีระเบิดเสียงตบมือดังออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ … ดีดีดี”
หลังจากนั้นก็ได้มีเสียงหัวเราะแปลกผิดปกติดังออกมา ซึ่งเจ้าของเสียงนั้นก็คือเจ้าสำนักหลิง-หยุน ‘หยาน หยางเทียน’
ในขณะที่เขายืนอยู่บนเวทีสูงเขาได้ตบมือพร้อมกับแสดงรอยยิ้มแล้วมองไปยัง’ชูเฟิง’ด้วยสายตาที่ไม่ชอบมาพากล
“มันดูเหมือนว่าจะมีศิษย์ที่ค่อนข้างเป็นที่น่าประทับใจได้ปรากฏตัวขึ้นในสำนักมังกรฟ้าแล้วซินะ ชื่อของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในชุมนุมร้อยสำนักนี้เป็นของเจ้าแล้ว”
หลังจากที่หัวเราะ ‘หยาน หยางเทียน’ก็ได้ประกาศเสียงดังออกมาอย่างกึกก้อง
*** ฮู่วว ~ ***
หลังจากที่ ‘หยาน หยางเทียน’กล่าวไปแม้ว่าคนจากสำนักหลิง-หยุนจะไม่เต็มใจแต่พวกเขาก็ไม่อาจเลือกได้ พวกเขาจึงถกถอยออกมาอย่างรวดเร็วและไม่กล้าที่จะโจมตี’ชูเฟิง’อีก แม้แต่สำนักต่างๆโดยรอบที่ได้เห็นเหตุการณ์พวกเขายังถึงกับตะลึง
การที่ ‘หยาน หยางเทียน’ไม่ได้ฆ่า’ชูเฟิง’นั้นมันทำให้พวกเขาคิดกันไปเองกันต่างๆนาๆ และที่เป็นไปได้มากที่สุดบางทีมันอาจเป็นเพราะว่า’หยาน หยางเทียน’นั้นอยากจะรักษาพรสวรรค์ของ’ชูเฟิง’เอาไว้
เพราะหลังจากที่’ชูเฟิง’ได้สำแดงพลังอำนาจของตนเองออกมานั้นมันได้ท้าทายสามัญสำนึกของผู้คนจำนวนมาก ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งมันยังบ่งบอกออกมาได้อย่างชัดเจนว่า’ชูเฟิง’นั้นเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏในอาณาจักรมังกรฟ้ามาก่อน
และถ้าการเติบโตของเขายังคงพัฒนาอยู่เช่นนี้ต่อไปเลื่อยๆภายในอนาคตเขาจะต้องมีความแข็งแกร่งเกิน ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’อย่างแน่นอนและไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาในตอนนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโงดังอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผู้คนบางกลุ่มได้คิดถี่ถ้วนดีแล้ว เขาก็จำได้ว่า ‘หยาน หยางเทียน’นั้นไม่ใช่คนชนิดที่จะมีเหตุมีผลด้วยที่ว่าทำใมสำนักของเขาจึงเป็นที่โดดเด่นและพัฒนามาเลื่อยๆจนเติบโตขึ้นมาถึงจุดนี้ได้เพราะวิธีการของสำนักหลิง-หยุน นั้นไร้ความปรานีไม่ว่าใครก็ตามที่กระทำผิดกฎของสำนักหลิง-หยุนมันผู้นั้นจะต้องมีจุดจบที่ไม่สวยงาม
ซึ่งการที่’ชูเฟิง’ได้ทำการตัดแขนของ ‘เฟิงฮ้าว’ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ มันก็เท่ากับว่าเขาได้ตบหน้า ‘หยาน หยางเทียน’และคนในสำนักหลิง-หยุนทั้งหมด แล้วเช่นนี้เหตุใดกันเขาถึงได้ยอมปล่อย’ชูเฟิง’ไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
เช่นนั้นมันอาจเป็นไปได้ว่าที่ ‘หยาน หยางเทียน’ไม่ได้ทำการใดนั้นมันอาจเป็นเพราะ ‘ฉี เฟิงหยาง’ เพราะสิ่งเดียวในอาณาจักรมังกรฟ้าที่ ‘หยาน หยางเทียน’หวั่นเกรงก็ควรจะเป็น คฤหาสน์องค์ชายกิเลน
ไม่ว่าเขาจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับชูเฟิงจริงหรือไม่ แต่เขาคือ ‘ฉี เฟิงหยาง’เป็นบุคคลที่ถูกจัดให้อยู่ในลำดับที่สองของคฤหาสน์องค์ชายกิเลน ถึงแม้ว่า ‘หยาน หยางเทียน’นั้นจะมีพลังวิญญาณที่กล้าแกร่งมากแต่เขาก็ยังคงที่จะต้องไว้หน้า ‘ฉี เฟิงหยาง’ อยู่บ้างเช่นกัน
ในตอนแรกพวกเขาสงสัยกันว่าทำใมคนอย่าง ‘ฉี เฟิงหยาง’ถึงได้กลายไปเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเด็กเหลือขออย่าง’ชูเฟิง’ได้ แต่หลังจากที่ได้เห็นพลังการต่อสู่ที่โครตจะแข็งแกร่งของ’ชูเฟิง’แล้วพวกเขาก็ได้บรรลุในจุดประสงค์และความตั้งใจของ ‘ฉี เฟิงหยาง’ ในทันที
เพราะในทีนี้มันหมายความว่า ไม่ได้มีเพียงแค่ ‘ชูเฟิง’และ ‘ฉี เฟิงหยาง’อีกแล้ว มันยังมีคฤหาสน์องค์ชายกิเลนที่ยังคอยหนุนหลังและสนับสนุนพวกเขาอยู่ ซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่า ‘หยาน หยางเทียน’จะอยากจัดการ’ชูเฟิง’แต่ก็ต้องคิดถึงผลที่จะตามมาด้วยเช่นกัน
“ชั่งเป็นที่หน้าประทับใจจริงๆที่ชูเฟิงมีความสามารถถึงขนาดนี้และแถมยังมีการป้องกันของ คฤหาสน์องค์ชายกิเลนที่คอยหนุนหลังพวกเขาอยู่อีกด้วย ความสามารถที่โดดเด่นเช่นนี้ข้านึกภาพความสำเร็จของเขาในอนาคตไม่ออกจริงๆว่าจะออกมาเป็นเช่นไร”
“ตั้งแต่ที่สำนักมังกรฟ้ามีศิษย์ดังกล่าวเช่นนี้ปรากฏตัวออกมา มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่สำนักมังกรฟ้าจะกลับมามีพลังและอำนาจดั่งเดิมอีกครั้ง”
“ใช่เขาได้รับชื่อศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในชุมนุมร้อยสำนักครั้งนี้ด้วยอายุเพียงแค่นี้ มันนับได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประวิติศาสตร์เลยที่เดียว นับได้เลยว่าชูเฟิงเขาจะต้องเป็นอัจฉริยะในประวัติการเลยที่เดียว!”
ในทันทีผู้คนจากสำนักอื่นๆนอกจากสำนักหลิง-หยุนแล้วพวกเขาเกือบจะทุกคนได้รับการสรรเสริญความแข็งแกร่งของ’ชูเฟิง’ พวกเขาได้กล่าวถึงอนาคตของ’ชูเฟิง’กันไปต่างๆนาๆว่าพวกเขาได้เห็นการเกิดใหม่ของบุคคลที่ดีที่จะมาคอยปกครองอาณาจักรมังกรฟ้าของพวกเขา
เหล่าเจ้าสำนักต่างๆเริ่มรู้สึกที่จะอิจฉาต่อสำนักมังกรฟ้าที่ได้มีศิษย์ที่ดีเยี่ยมเช่นนี้ปรากฏตัวออกมา แต่ในเวลาเดียวกันในฐานะที่พวกเขาเป็นคนของอาณาจักรมังกรฟ้า พวกเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ในอาณาจักของพวกเขานั้นได้ปรากฏอัจฉริยะที่ดีเยี่ยมแบบนี้ออกมา
เกือบทุกคนที่มีอคติกับ’ชูเฟิง’ก่อนหน้านี้ก็ได้หายออกไปจากความคิดของพวกเขาทันที ในสายตาของพวกเขายังคงแสดงถึงอาการช็อกจากความแข็งแรงของ’ชูเฟิง’อยู่
‘ชูเฟิง’ได้ใช้ความแข็งแรงของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นว่าเขานั้นไม่ใช่ขยะ แต่เขาคืออัจฉริยะ
“หมายเลขหนึ่งของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เป็นได้แค่ชื่อนั้นข้าน้อยไม่ต้องการ”
แต่ในเวลานั้นเขาได้กล่าวออกมาและผลักดันชื่ออันทรงเกียรตินี้ออกไปด้วยลักษณะที่เขาไม่ชอบมัน
“ว่าใงนะ? ชูเฟิงไม่ต้องการใช้ชื่อของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นนั้นได้หรือไม่”
หลังจากที่กล่าวมันออกมามันเป็นกับเป็นเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดออกมาอย่างน่ากลัวจนทำให้ถึงกับหัวโล่งกันเลยทีเดียว พวกเขาทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นและได้ยินทุกอย่างยังถึงกับตะลึงและตกใจเป็นอย่างมาก เพราะชื่อของการเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นคือความปรารถนาของใครหลายๆคนที่ต้องการได้ครอบครองมัน มันคือความฝันของเหล่าศิษย์นับไม่ถ้วน แต่มันกลับถูกปฏิเศษโดย’ชูเฟิง’ นั้นมันหมายความว่าเช่นไร?
“ชูเฟิงสิ่งที่เจ้าพูดมันหมายความว่าเช่นไร”
‘หยาน หยางเทียน’ ขมวดคิ้วเบาๆและกล่าวถาม
“ชื่อของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมันก็ควรที่จะมีไว้สำหรับศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรมังกรฟ้าเท่านั้น”
“และการที่ ตู่กู๋ โอวหยุนที่เป็นถึงหมายเลขหนึ่งของสำนักหลิง-หยุนของท่านยังไม่ได้ประมือกับข้าน้อย เช่นนั้นแล้วการที่ข้าน้อยจะใช้ชื่อของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น มันก็ออกจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อนข้างจะสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่นัก”
‘ชูเฟิง’มองไปยัง ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ที่ยืนอยู่ข้าง ‘หยาน หยางเทียน’
“ฮ่าๆ เจ้ามีความต้องการที่จะท้าทายข้า”
‘ตู่กู๋ โอวหยุน’หัวเราะเสียงดังปานลูกกระเดือกจะแตกซึ่งภายในเสียงหัวเราะของเขานั้นเต็มไปด้วยการดูถูกและเย้ยหยัน
“ข้าชูเฟิงขอท้าทายเจ้า ตู่กู๋ โอวหยุนเจ้ากล้าที่จะลงมาสู้กับข้าได้หรือไม่?”
‘ชูเฟิง’ยังคงเจิดจรัสดังแสงไฟขณะที่เขาชี้ไปที ‘ตู่กู๋ โอวหยาง’พร้อมตระโกนกล่าวเสียงดังลั่น
“โอ้วสวรรค์! นี่ชูเฟิงเขาบ้าไปแล้วอย่างนั้นรึ? นี่เขากล้าจริงที่จะท้าทาย ตู่กู๋ โอวหยุน?”
หลังจากที่’ชูเฟิง’ได้กล่าวออกไปใบหน้าของทุกคนที่ได้ยินนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากถึงขณะทำให้เกิดอาการเอ๋อ และงงงวย กับระดับพลังวิญญาณที่ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’มีแต่’ชูเฟิง’ยังกล้าจะที่จะท้าทาย? เขาเป็นถึงบุคคลที่มอบความพ่ายแพ้ให้กับเจ้าสำนักมังกรฟ้าที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสำนักที่แข็งแกร่ง!
ถึงแม้ว่า’ชูเฟิง’จะมีพรสวรรค์มากมายสักเพียงใดแต่เขาก็ยังคงมีพลังวิญญาณอยู่แค่ในแดนแหล่งกำเนิดวิญญาณเท่านั้น แล้วเหตุใดกันเขาถึงได้กล้าที่จะท้าทาย ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ เขานั้นถือได้ว่าแตกต่างจาก ‘เฟิงฮ้าว’เป็นอย่างมาก เขาได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วราชอาณาจักรว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในอาณาจักรมังกรฟ้า
แม้แต่เจ้าสำนักต่างๆก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะเขาได้ เขาถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ยงคงกระพันในแดนแก่นแท้วิญญาณ บางคนก็ยังคงสงสัยว่าบางที่ ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ นั้นอาจเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรมังกรฟ้า นอกจากเจ้าสำนักหลิง-หยุนและคฤหาสน์องค์ชายกิเลน
แม้แต่เจ้าสำนักหลายๆคนยังกลัวเขายังงี้แล้ว’ชูเฟิง’ยังคงคิดกล้าที่จะท้าทายเขา เป็นเรื่องธรรมชาติมากที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ยินหรือรับรู้ต่างก็ต้องตกใจกันทั้งนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถยอมรับได้
“ฮ่าๆ ชั่งเป็นคำใหญ่โตที่ดูไร้ยางอายยิ่งนัก เจ้ากล้าคิดได้เช่นไรว่าข้า ตู่กู๋ โอวหยุนนั้นจะกลัวเด็กเหลือขออย่างเจ้า?”
‘ตู่กู๋ โอวหยุน’กล่าวพร้อมกับยิ้มอันเย็นชาและกลายเป็นภาพเบลอของแสงและมุงตรงเข้าสู่เวทีต่อสู้และยื่นยู่ในด้านหน้าของ’ชูเฟิง’
“ถ้างั้นเราไม่มาทำให้การต่อสู้ครั้งนี้มันน่าสนใจขึ้นมาอีกนิดกันล่ะ? วันนี้ข้าและเจ้าจะต่อสู้กันต่อหน้าของผู้คนและเอาชื่อของศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรมังกรฟ้าเป็นเดิมพัน ผู้ที่ชนะจะได้รับเกียรติและความเป็นสง่าราศีจากผู้คนโดยรอบนี้และสำหรับผู้แพ้จะต้องทำลายพลังวิญญาณของตนเองต่อหน้าทุกคนที่อยู่โดยรอบนี้ เจ้าคิดว่าเช่นไร”
‘ชูเฟิง’ยื่นข้อตกลงและกล่าวอย่างกระชันชิดกับ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’
เชดเข้ร่างกายอย่างประทะสัตว์ๆ
“โอ้วสวรรค์! นี่เขาบ้าไปแล้ว! เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!”
ในทันทีที่ได้กล่าวคำพูดนี้ออกมาเหล่าผู้คนที่ได้ยินนั้นอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา และเต็มไปด้วยลมหายใจที่หนาวเย็นพวกเขานั้นต่างรู้สึกไม่สบายใจกับคำกล่าวของชูเฟิงอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เขาได้ท้าทาย ‘ตู่กู๋ โอวหยุน’ที่มีพลังวิญญาณถึงระดับ 8 แดนแก่นแท้วิญญาณในขณะที่เขาการพลังวิญญาณอยู่แค่ระดับ 9 ของแดนกำเนิดวิญญาณ เขายังเลือกที่จะทำข้อตกลงในการต่อสู้ให้ผู้แพ้ทำลายพลังวิญญาณของตนเองเช่นนี้ นี่มันอาจเรียกได้ว่าเขาขุดหลุมฝังศพให้กับตัวเองชัดๆในตอนนี้มันไม่มีทางเลือกให้ถอยกลับอีกแล้ว นี่เขากำลังรนหาที่ตายจริงๆใช่หรือไม่?
#################################################################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 3 หัวดอที่จะมาเผาชูเฟิงไปพร้อมกลับคุณ
1 : ฮู่วว นี่หรือที่เรียกว่าเก่งอายุที่ก็หน้าจะ 30 40 แล้วหมางงง โด่วเพิ่งแค่อยู่ระดับที่ 8 แดนแก่นแท้วิญญาณ มึงเคยเจอเด็ก
อายุแค่ 12 ปี แล้วอยู่ในระดับ 1 แก่นแท้วิญญาณไหม หรือจะเอาเด็ก 10 ควบที่อยู่ในแดนสวรรค์วิญญาณดี ขอแค่บอก
ว่าเดะป๋า ไปดึงตัวมาจากเล่ม 6 เล่ม 7 ให้ 555555 ไอ้พวกคนล้าหลังไอ้ทวีปขี้ไก่ ว่างั้นไหมล่ะ 2
2 : โอ้ย 1 นายก็ไปเอาเรื่องในอนาคตอันแสนไกลมาพูด พูดถึงตอนนี้ดีกว่าว่าชูเฟิงจะงั้นไม้ไหนออกมาสู้หรือว่าเฟิงจะ
เปิดตัวกับการต่อสู้ครั้งนี้ *0* โอ้วไม่นะ 286-290 จะโพล่มาตอนนี้เลยรึป่าว หรือว่าจะยังไม่เปิดเผย หึ่ยเดาทางมันไม่
ออกจริงๆความคิดแม้งล้ำลึกชูเฟิงมักเป็นคนมีแผนการที่ชาญฉลาดเสมอถึงแม้ว่ามันจะมีบางครั้งที่ทำอะไรโง่แล้วคิด
หน้าคิดหลังถึงความเดือดร้อนที่จะตามมาบางก็นะ แต่ก็เอาเถอะครั้งนี้คนดูออกจะเยอะแยะคิดว่ามันคงไม่เป็นเช่นนั้น
ว่าไหม 1
1 : ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน 2 ข้ารู้แต่เรื่องในอนาคตถ้าอยากรู้ผลลัพธ์ก็ลองไปถามไอ่ 3 หัวควยดูสิ
3 : ตายๆไปซะไอ้เฟิงกูจะเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งมึง ขอให้ทั้งมึง และ อาณาจักรมังกรฟ้า ร่มไปถึง ฉี เฟิงหยางต้องพบ
กับความพิศนาศของให้ ไอ้ฉี โดนจับไปทรมานขอให้เมียทั้งสองมึงโดนจับไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้อีกครั้งขอให้มึง
โดนตามล่าไปตลอดชีวิต ชาบู ชาบู ชาบู ด้วยนามแห้งอิลูมินาติจงขอให้มันเป็นไปดั่งที่ข้าได้พูดเอาไว้ด้วยเถอะ
2 : 3 นายกำลังทำอะไรน่ะ นี่นายไปดมกาวมารึป่าวหรือทำงานหนักจนเพี้ยนไปแล้ว ได้ข้าวว่าหนีการแปลไปทำงานมา
นิ??
3 : โปรดอย่าเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น 2!!
1 : เดี้ยวๆหมายความว่ายังใงที่มึงกล้าสาปแช่ง พี่ฉีเฟิงกูว่ะห่ะไอ้ 3 พี่ฉีกูออกจะเก่งกล้าสามารถแถมระดับพลังก็ยังไม่รู้
แน่ชัดเดี้ยวพอสักตอนที่ 291-292 พี่แก่จะสำแดงพลังออกมาและเมื่อถึงตอนนั้นพี่แกจะโดนจับไปทรมานได้ยังใงๆมึง
พูดให้ดีดีนะเว้ย
3 : กูก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังใงหลังจากตอนที่ 292 ไปแล้วหรอกนะแต่ก็บอกได้เลยคำเดียว ใครก็ตามที่เป็นแบ็คชุเฟิงมันต้อง
ชิบหายทุกคน!!
1,2 : มึงรู้ได้ยังใง 3……
3 : อิลูมินาติบอกกูมา…
1 : ………..ข้าว่ามันบ้าไปแล้วล่ะ 2
2 : ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ 1
#################################################################################################
…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน####…..
ที่มา: