ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” ทำลายพลังวิญญาณของตัวเอง เจ้าคิดว่าตัวเองมีค่าพอขนาดที่จะพูดคำนั้นกับข้าได้อย่างนั้นหรอ ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกัน ถึงได้กล้ามาท้าข้า ? “
‘ตู่กู่ โอวหยุน’ มอง’ชูเฟิง’อย่างรังเกียจราวกับว่ามองมดปลวก ที่สามารถขยี้ให้ตายตอนไหนก็ได้
” หากเจ้าไม่กล้า ก็แค่พูดมันออกมาอย่ามาพูดไร้สาระมากความ “
‘ชูเฟิง’ ขยายแขนทั้งสองข้างออก และพยักไหล่ ในขณะที่ใบหน้า เต็มไปด้วยการดูหมื่น
” ข้าไม่กล้างั้นหรอ เจ้าคิดว่าข้ากลัวสาวะอย่างเจ้างั้นหรอ ได้ วันนี้ข้าจะทำลายพลังวิญญาณของเจ้า . . . . ตามที่เจ้าต้องการ !!! “
‘ตู่กู่ โอวหยุน’ กระจายแรงดันวิญญาณระดับ 8 แก่นแท้ออกมา ไปทิศทางของ ‘ชูเฟิง’เมื่อแรงดันวิญญาณห้อมล้อมเขา ‘ชูเฟิง’สัมผัสได้ทันทีถึงพลังวิญญาณมหาศาลที่ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ ปล่อยมา ความรู้สึกมันเหมือนว่า ถูกภูเขาลูกมหึหากดทับบนไหล่ของตัวเขา และการที่เขาจะเคลื่อนไหวคงจะเป็นไปได้ยาก
” ถ้าหากเจ้าอยากจะทำลายพลังวิญญาณของตัวเองมากนัก เด๋วข้าจะทำให้เป็นจริงเอง แต่เจ้าไม่ต้องเหนื่อยแม้แต่น้อย เพราะข้าจะช่วยเจ้า . . . . “
‘ตู่กู่ โอวหยุน’ หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ค่อยๆเพิ่มแรงดันวิญญาณเขาไปให้มัน แข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น
” บ้าจริง . . . . . ไม่คิดว่าชายคนนี้จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้”
ในขณะที่เขาถูกแรงดันวิญญาณเข้าปะทะ ‘ชูเฟิง’ ได้แต่เหงื่อไหลตกดั่งห่าฝน ขาทั้งสองข้างของเขาก็ค่อยๆทรุดลงพลังวิญญาณระดับ 8 แก่นแท้ของ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ แน่นอนว่าเหนือกว่า ‘หลิน หลาน’ หรือ ‘หลี่ จางฉืง’ หรือคนอื่นๆที่เขาเจอมา ซึ่งพลังวิญญาณระดับ 9 กำเนิดของเขา ไม่อาจเทียบกับ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ ได้เลย
” เห้ออ ความต่างชั้นมันห่างกันเกินไป แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ระหว่างอัจฉริยะแต่มันก็ ห่างกัน 8 ระดับ นี่ไม่ใช่การประลองแล้ว “
” ชูเฟิง มันไม่มีสมองเอาซะเลย ข้าก็พอเข้าใจความรู้สึกของเขา ที่ต้องการแก้แค้นให้ หลี่ จางฉิง แต่ภายในสถานการณ์เช่นนี้เขาคงไม่มีทางเอาชนะได้ เขาแค่รนหาที่ตายเท่านั้นถึงได้ไปท้าเดิมพันแบบนั้นกับตู่กู่ โอวหยุน!!! “
เห็น ‘ชูเฟิง’ โดน ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ กดดัน ด้วยแรงดันวิญญาณทุกคนก็สามารถบอกได้ว่า พวกเขานั้นแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่ง’ชูเฟิง’แทบจะไม่มีโอกาสตอบโต้เลยแม้แต่น้อย นี้มันเป็นการท้าทายที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนอยู่แล้ว
” จบซะที เด๋วข้าจะทำลายพลังวิญญาณของเจ้า!!! “
‘ตู่กู่ โอวหยุน’ ที่คิดว่าตัวเองคว้าตั๋วแห่งชัยชนะไว้ในมือในตอนนี้ในดวงตาเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร จากนั้นเขาก็ปล่อยแรงดันวิญญาณที่แข็งแกร่งมากกว่าเมื่อก่อนออกมาจากร่าง ถาโถมใส่ ‘ชูเฟิง’คลื่นของแรงดันที่แข็งแกร่ง ถ้า ‘ชูเฟิง’ ทนรับมันไว้อย่างนั้น ไม่นานเขาก็คงกลายเป็น กองเลือด
จริงๆ’ตูกู่ โอวหยุน’ก็ไม่ได้แค่ต้องการทำลายพลังวิญญาณของ’ชูเฟิง’เพียงอย่างเดียว แต่เขาวางแผนที่จะเอา ชีวิต ของ ‘ชูเฟิง’ อีกด้วยในตอนนั้น มีคนหลายคนต่างพากันถอนหายใจ ด้วยความรู้สึกเสียดาย อัจฉริยะที่หาได้ยาก อย่าง ‘ชูเฟิง’
พวกเขาต่างคิดว่า’ชูเฟิง’ไม่ควรปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ ไปท้าทาย ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ ในอนาคตของเขาคงจบสิ้นแล้วในขณะที่ ทุกคนรู้สึกว่า ‘ชูเฟิง’ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
จู่ๆ ‘ชูเฟิง’ ก็ระเบิดออร่าที่แข็งแกร่งออกมาจากร่างกาย ออร่านั้นพุ่งขึ้นท้องฟ้า ปกคลุมไปทั่วอากาศ วินาทีนั้น แรงดันวิญญาณของ ‘ตูกู่ โอวหยุน’ ถูกพัดหายไปไม่เหลือแม้แต่น้อยแทบจะทุกคนได้แต่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความ ช็อก
เนื่องจากปัจจุบัน พลังวิญญาณของ’ชูเฟิง’ ไม่ใช่อาณาจักรกำเนิดวิญญาณ แต่เขาเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้วิญญาณ อีกทั้งยังเป็นแก่นแท้ ระดับ 3 อีกด้วย
” เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆชูเฟิงถึงได้เข้าสู่ระดับ 3 แก่นแท้วิญญาณ จากระดับ 9 กำเนิดวิญญาณ ได้ ? “
” ข้ารู้แล้ว!!! มิน่าล่ะชูเฟิงถึงกล้าท้าทาย ตู่กู่ โอวหยุน แบบนั้น เขาต้องปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้ให้คนเห็นว่าเขาอยู่แค่ระดับ 9 กำเนิดวิญญาณ แต่แท้จริงพลังของเขาอยู่ในอาณาจักรแก่นแท้วิญญาณระดับ 3 “
เห็นอ่อร่าที่เปลี่ยนไปของ ‘ชูเฟิง’ คนที่ไม่รู้ต่างพากันคิดว่า ‘ชูเฟิง’ ซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้ แต่การที่เขาเข้าสู่ระดับ 3 แก่นแท้วิญญาณตั้งแต่อายุ 16 ปี อีกทั้งบวกกับการต่อสู้ที่เหนือสามัญสำนึก ต้องทำให้ใครหลายๆคนต้องประหลาดใจอย่างมาก จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
” ต้านต้าน ดูเหมือนว่าข้า ต้องยืมพลังเจ้าอีกครั้งแล้ว เพื่อจะได้รับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่งแบบนั้น “
ปัจจุบัน ‘ชูเฟิง’ กำลังยืนอยู่บนเวทีการต่อสู้ ขณะที่พลังแก่นแท้ลอยอบอวลอยู่รอบๆตัวของเขา จนเสื้อผ้าถูกพัดไปมา ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมาก และนั้นก็คือความแตกต่างระหว่างอาณาจักรแก่นแท้กับอาณาจักรกำเนิด
” ชูเฟิง อย่าได้ประมาท ตู่กู่ โอวหยุน ไม่ได้เอาชนะได้ง่ายๆ หากข้าไม่ให้เจ้ายืมพลัง เจ้าคงไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่ “
‘ต้านต้าน’ เตือนอย่างจริงจัง
” ไม่ต้องห่วง ข้าเข้าใจดีเลยล่ะว่ายังมีสาวกอีกมากมายของสำนักหลิน หยุน ที่แข็งแกร่ง “
” อย่าง เฟิงฮ้าว เป็นต้น หากเขาไม่กงวัลเรื่องความเป็นความตายจากการโจมตีของข้า และมีความกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของเขา ซึ่งนั้นเป็นเหตุที่ทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจ ข้าเกรงว่าแค่ทักษะ ท่องนภา กับ ธนูร้อยแปลง ก็คงไม่พอที่จะเอาชนะเขาได้ “
” แต่สำหรับ ตู่กู่ โอวหยุน ไม่ว่าจะเป็นพลังวิญญาณของเขาหรือความสามารถหรือแม่แต่กระทั้งวิธีการของเขาทั้งหมดล้วนแต่เหนือกว่า เฟิงฮ้าว เขาเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งและข้าก็ไม่คิดจะประมาท แต่ไม่ว่าเขาจะแกร่งแค่ไหนข้าก็ต้องเอาชนะเขาให้ได้ในวันนี้ ไม่งั้นข้าจะไม่สามารถลบล้างความอัปยศที่เกิดขึ้นกับสำนักมังกรฟ้าได้เลย “
ทักษะการวิเคราะห์และการสังเกตุของ’ชูเฟิง’นั้นร้ายกาจอย่างมาก เมื่อเขาเห็น ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ เอาชนะ ‘หลี จางฉิง’ได้ง่ายๆ เขาก็รู้อยู่แล้วว่า ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ คือคนที่ยากจะจัดการสำหรับระดับความยาก ก็อาจจะพอๆกับหญิงสาวชุดม่วง ที่เขาคิดว่าจัดการยากที่สุดในรุ่นๆเดียวกับ ‘ชูเฟิง’ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่า ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ จะมีวิธีการ หรือ ไพ่ตายอะไรอีก
” เจ้าปิดบังพลังวิญญาณไว้งั้นหรอ ? ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้าอวดดีต่อหน้าข้า แต่ยังไงมันก็แค่ระดับ 3 แก่นแท้ หากเจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้ด้วยพลังวิญญาณระดับนั่น นั้นจะไม่เหลิงไปหน่อยหรือไง “
ใบหน้าของ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ ดูสงบไปเลยหากเทียบกับหน้าของคนอื่นๆ เขาไม่ได้ตกใจมากนักกับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นของ ‘ชูเฟิง’ ถึงจะเป็นแบบนั้นสายตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะสังหารคู่ต่อสู้
” จะเหลิงไม่เหลิง เด๋วจะได้รู้กัน!!! “
‘ชูเฟิง’ กระโจนใส่จนเกิดเส้นประกายแสงไปยังด้านหน้าของ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ ในเวลาเดียวกัน เขาก็สร้างดาบใหญ่สีทองในมือทั้งสองข้าง เมื่อเข้าระยะประชิด ‘ชูเฟิง’ ก็สับดาบทั้งสองไปที่แขนของ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’
” สวะอย่างเจ้า มันสมควรตายยิ่งนัก เด๋วข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองความแข็งแกร่งของข้า “
ขณะที่ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ กล่าว เขาก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน เขายื่นมือของเขาออกมาและเหวี่ยงใส่ ‘ชูเฟิง’ หมัดที่เขาต่อยออกไปมันรุนแรงและรวดเร็วอย่างมาก ซึ่งมันอาจจะทะลวงผ่านภูเขาไปเลยก็ได้
* พรึบบบบ*
จู่ๆแสงสว่างก็ปรากฏขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าของ’ชูเฟิง’ ซึ่งทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ภายในพริบตาเขาก็หายไป ในตอนนั้นไม่เพียงแต่เขาจะหลบหมัดที่รวดเร็วของ ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ ได้ เขาก็โผล่ขึ้นมาด้านหลังของ’โอวหยุน’อีก จากนั้นดาบใหญ่สีทองในมือของเขาก็สับลงไปที่ตัว ‘ตู่กู่ โอวหยุน’ ขณะที่ดาบกำลังจะฟาดลงมา เขาก็หันกลับมา
” เจ้าไม่ได้เป็นคนเดียวหรอกนะที่มีทักษะติดตัว “
ขณะที่ดาบฟาดลงมา ร่างของ’ตู่กู่ โอวหยุน’ก็กลายเป็นภาพเบลอผ่านไป จากนั้นเขาก็ปรากฏขึ้นมาด้านหลังของ ‘ชูเฟิง’
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนมือของเขาเป็นหอกสีฟ้าสดใสและแทงไปที่ ‘ชูเฟิง’ เพื่อสังหาร
เชิญอ่านตอนต่อไป . . . . .
เนื่องจากจุดจบของประลองก็เป็นที่ๆรู้กัน . . . . .
ที่มา: