I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 27 หลั่งน้ำตาให้กับคำสาปแช่ง

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1248 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หลังจากที่คุยกับ ‘เลฟิลเลีย’ เสร็จแล้ว คืนนั้น ‘ซุยเมย์’ ออกมานั่งดูดาวอยู่เพียงลำพัง

“มันน่าจะอยู่ทางนั้นสินะและนั่น…..”

ฉากหลังสีม่วงเข้มตัดกับแสงดาวซึ่งสุกสกาวอยู่บนฟากฟ้า เขามองไปยังท้องฟ้าซึ่งไม่อาจมองเห็นได้ในโลกของเขา  ‘ซุยเมย์’ สุ่มหาทิศทางที่ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับดวงดาวในโลกนี้

แต่เขาก็ใช้เวลาว่างหลายครั้งในการสังเกตพวกมัน จนตอนนี้เขาสามารถเข้าใจตำแหน่งของดวงจันและการโคจรของดวงดาวต่างๆแล้ว ยังไงก็ตาม (แม้ว่าฉันจะเข้าใจมันแต่ก็เอามาใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย….)

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาสงบใจลงหลังจากที่มายังโลกใบนี้ คือ ‘ซุยเมย์’ สามารถใช้ดวงดาวเหล่านี้ในการทำนายได้ แน่นอนว่าโดยการสังเกตสเปกตรัมของดาว

หมายถึงรังสีที่ดาวดวงนั้นๆปล่อยออกมา และวิเคราะห์พวกมันด้วยเวทมนตร์ เขาตรวจสอบคุณลักษณะของพวกมันและความเป็นไปได้ที่จะนำมาใช้ประกอบในเวทมนตร์ แต่การทำนายซึ่งเป็นศาสตร์แห่งโหราศาสตร์จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อรู้ชื่อดาวและความหมายของพวกมัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะใช้อิทธิพลของดวงดาวได้ทรงประสิทธิภาพที่สุด

ขณะที่ตอนนี้เขาไม่รู้เรื่องพวกนั้น ทำให้เขาไม่สามารถใช้วิชาโหราศาสตร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เวทดาวตกเป็นตัวอย่างหนึ่ง เวทต้นฉบับของเขาตราบใดที่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับเวลาและสถานที่พร้อมแล้ว ขอแค่มีพื้นที่โล่งๆก็ใช้ได้ แต่ในโลกนี้ เวทมนตร์ที่ดีที่สุดของเขาแสดงพลังออกมาได้แค่ครึ่งเดียวของตอนปกติเท่านั้น

เมื่อเป็นแบบนี้ ช่วยไม่ได้ที่ ‘ซุยเมย์’ จะถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า หลังจากที่จบการสนทนากับ ‘เลฟิลเลีย’  ‘ซุยเมย์’ และ ‘เลฟิลเลีย’ ก็เดินเข้าไปในป่าเพื่อหาสถานที่ตั้งค่าย เจอฝูงหมาป่าระหว่างทางบ้างแต่ไม่เจอมอนสเตอร์ และโชคดีที่พวกเขาพบแหล่งน้ำ และถ้ำที่สามารถเก็บความเย็นได้

ดวงอาทิตย์ลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว จากวันเปลี่ยนเป็นคืน พวกเขารีบเตรียมสถานที่ให้เร็วที่สุด หลังจากกินอาหารเย็นมันก็ล่วงเลยมาจนป่านนี้แล้ว เงยหน้ามองดูดาวพร้อมกับคิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้

เขายังไม่ได้ตัดสินใจถึงแผนการต่อไปของเขาเลย การที่เขามาอยู่ที่นี่ เป็นเพราะอารมณ์ล้วนๆ แล้วต่อจากนี้เขาควรจะทำอะไร? สละความคิดทุกอย่างเพื่อหาวิธีต่อสู้กับปีศาจที่ชื่อราจัสงั้นเหรอ เพราะยังไงมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว

“เขาบอกว่าจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกองทัพสินะ”

ความคิดของเขาเกี่ยวกับขุนพลปีศาจราจัส และสิ่งที่เขาพูดไว้ ราจัสบอกกับ ‘เลฟิลเลีย’ ว่าเขาจะพาลูกน้องอีกหลายร้อยหลายพันมาตามล่าเธอ พวกปีศาจสามารถใช้กองกำลังที่ใหญ่ขนาดนั้นเพราะมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?

บางทีเขาอาจจำเป็นต้องใช้เวทดาวตกเหมือนกับที่เขาให้เปลวไฟแห่งอัสเชอร์บานิปาลก็ได้ เมื่อเขานึกถึงพลังโจมตีที่ลดลงเหลือครึ่งเดียว เขาก็อดที่จะรู้สึกหดหู่ไม่ได้  ‘ซุยเมย์’ ถอนหายใจอีกครั้งด้วยความโศกเศร้า

“หือ? นั่นเลฟิลเลียนี่”

ทำไมเธอถึงออกมาจากถ้ำ?  ‘ซุยเมย์’ มองเห็นร่างอันงดงามของ ‘เลฟิลเลีย’ ในชุดเครื่องแต่งกายเหมือนกับอัศวินกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง  ‘เลฟิลเลีย’ เดินโซเซไปมาเหมือนกับละเมอ เดินตรงเข้าไปยังส่วนลึกของป่าราวกับหุ่นกระบอกที่ถูกเชิด

……เธอกำลังจะไปไหนในเวลากลางคืนแบบนี้ แม้แต่อาวุธก็ไม่พกไปด้วย หลังจากทานอาหารเย็นเธอบอกว่าเธอเหนื่อยและขอไปนอนพักก่อน มันก็ไม่แปลกหรอกเพราะว่าเธอเพิ่งสู้กับปีศาจ ทะเลาะกับกองคาราวาน แถมยังจัดการกับฝูงหมาป่าอีก ไม่แปลกอะไรที่เธอจะรู้สึกเหนื่อยมาก แต่นี่เธอกำลังจะทำอะไร?

“ถ้าฉันจำไม่ผิด ทางนั้นมัน……”

ทางที่ ‘เลฟิลเลีย’ มุ่งหน้าไปมันเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำตกไหลลงมา แต่ในถ้ำก็มีน้ำเพียงพอแล้วนี่ ทำไมเธอถึงยังไปที่นั่นอีก?

“……”

ความรู้สึกไม่สบายใจลอยอยู่ทั่วไปในอากาศ  ‘ซุยเมย์’ ลูบที่หลังต้นคออย่างรู้สึกสังหรณ์ใจ วิธีเดินของ ‘เลฟิลเลียมัน’ ก็ดูไม่ปกติ แถมเธอยังไม่พบอาวุธไปอีก บางทีมันอาจจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในป่า

ทางที่ดีเขาควรจะตามเธอไป  ‘ซุยเมย์’ คิด ก่อนจะกระโดดลงจากก้อนหินและวิ่งตาม ‘เลฟิลเลีย’ เข้าไปในป่า หลังจากวิ่งตัดตามพุ่มไม้ เข้าไปในป่าในที่สุดเขาก็มาถึงแหล่งน้ำ ขณะที่เขากำลังจะก้าวออกจากพุ่มไม้เพื่อเข้าไปค้นหาหญิงสาว เขาก็ลื่นเข้ากับอะไรบางอย่าง

“เอ๊ะ อะไร?”

เพราะว่ามันมืดมาก เขาจึงไม่สังเกตเห็นมัน เพื่อยืนยันว่ามันคืออะไร ‘ซุยเมย์’ จึงหยิบมันขึ้นมา และก็พบว่า

“เอ๊ะ….”

‘ซุยเมย์’ ทำเสียงสับสนโดยไม่รู้ตัว ด้วยใบหน้าเหรอหรา เขายกมันขึ้นมาและก็ได้รู้ว่ามันคือ…..เสื้อผ้า เสื้อผ้าที่ผู้คนต้องสวมใส่กัน นี่มันยังมีชุดชั้นใน…..เมื่อมองให้ดี ‘ซุยเมย์’ ก็พบว่ามันเป็นชุดที่ดูคุ้นตาเหลือเกิน มันไม่ใช่ของใครที่ไหน มันคือชุดอัศวินของ ‘เลฟิลเลีย’ นั่นเอง!!!!!!

“เอ่อ….นี่มัน… โอ้พระเจ้า  นี่มัน…..”

‘ซุยเมย์’ ตื่นตกใจเกินกว่าจะสามารถเรียบเรียงคำออกมาให้เป็นประโยคได้ ความสับสนและตื่นตระหนกทำให้เขายิ่งติดอ่างมากขึ้น หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ยืนยันได้ว่านี่คือชุดชั้นในของ ‘เลฟิลเลีย’  และถ้าตอนนี้เสื้อผ้าและชุดชั้นในของเธออยู่ตรงนี้นั้นก็หมายความว่า

“ผู้หญิงคนนั้นกำลังเปลือยกายอยู่….”

หลังจากที่ ‘ซุยเมย์’ เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว เขารู้ว่าเสื้อผ้าและชุดชั้นในที่กองอยู่บนพื้นหมายความว่ายังไง ‘ซุยเมย์’ ประมวลผลในใจอย่างรวดเร็วราบกับจะเรียกใช้เวทมนตร์ ก่อนจะค่อยๆแอบชำเลืองไปมองทางที่ ‘เลฟิลเลีย’ น่าจะเปลือยกายอยู่

อ๊า…….  ‘ซุยเมย์’ ร้องตะโกนขึ้นมาในใจเพื่อปรามความคิดของเขา นั่นมันไม่ดี เขาไม่ควรจะทำมัน เขาสู้สึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากทำแบบนั้น

ตอนนี้ ‘ซุยเมย์’ เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกชักนำเขามาที่นี่ มันคือความเข้าใจผิด แต่ถ้ามองจากมุมของคนอื่นแล้ว นี่มันก็ดูเหมือนเขาตั้งใจที่จะมาถ้ำมองผู้หญิงอาบน้ำชัดๆ ถ้ามีใครมาเห็นเขาในตอนนี้แล้วล่ะก็ เขาจะต้องถูกเข้าใจผิดแน่ๆ แต่ว่า…..

“ไม่ได้นะ ‘ซุยเมย์’  แกจะหันไปมองไม่ได้! แต่ว่าฉันก็อยากเห็น ไม่..ไม่ได้! ไม่ ฉันต้องลืมมันไปซะ ใช่ ฉันต้องลืมทุกอย่าง! เพียงแค่ลืมและหันหลังกลับไปเท่านั้น….”

ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ  ‘ซุยเมย์’ ปฏิเสธการยั่วยุที่อยู่ในสมองของเขา ความสามารถในการคิดอย่างใจเย็นหายไปโดยสมบูรณ์

ตอนนี้ ‘ซุยเมย์’ อยู่ในภาวะสับสนอย่างที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าไปมองใกล้ๆแต่ฉากที่ว่าก็ยังตราตรึงอยู่ในสมองของเขา

โดยที่ ‘ซุยเมย์’ ไม่อาจจะทำอะไรกับมันได้เลย ปกติแล้วเขาทุ่มเทสมองเพื่อความสมบูรณ์แบบในการใช้เวทมนตร์และการรักษาตัวตนของเขาเท่านั้น เขาไม่อาจลบรูปร่างอันงดงามและสัดส่วนอันสมบูรณ์แบบนี้ออกไปจากสำนึกของเขาได้เลย ทันใดนั้น ‘ซุยเมย์’ ก็ได้ยินเสียงบางอย่าง

“อ๊า….อั๊ค…อึก…. ”

“ห่ะ?”

‘ซุยเมย์’ สูดลมหายใจเข้า เพื่อลืมเหตุการณ์ที่ทำให้เขาร้องด้วยความสับสน แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเขาได้ยินบางสิ่งซึ่งแสดงออกถึงความทุกทรมาน เสียงหอบของหญิงสาวซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นี่มันไม่ใช่แค่การอาบน้ำเหรอ?

เสียงที่ว่าทำให้ ‘ซุยเมย์’ หันไปมองอีกครั้ง เขาเห็น ‘เลฟิลเลีย’ กำลังพิงก้อนหินอยู่ใกล้ริมน้ำ เมื่อมองให้ดีจะพบว่าเธอมีท่าทีแปลกๆ นี่มันดูไม่เหมือนกับการอาบน้ำแต่เหมือนเธอกำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ในน้ำมากกว่า

ทำไมเธอถึงส่งเสียงพึมพำ? อะไรทำให้เธอร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด? ตอนนั้นเอง ‘ซุยเมย์’ เห็นรอยสักบางอย่างกำลังคืบคลานอยู่บนหน้าท้องของหญิงสาว

”… อา”

เมื่อเห็นผลกระทบ เขาก็ตระหนักถึงตัวตนของรอยสักนี้ได้ เมื่อเห็นเธอร้องด้วยความเจ็บปวดเขาก็ลืมความเขินอายไปในบัดดล

คำสาป…. ทันทีที่เขาตระหนักถึงความจริงข้อนี้ คำถามก็แล่นขึ้นมาในใจของเขา ทำไมล่ะ? ทำไมเขาถึงมัวแต่สนใจอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเท่านั้น เขาคิดอย่างหดหู่

ในเมื่อตรงนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทนทุกข์จากคำสาปอยู่ มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคำสาปอะไรแบบนี้ ถ้าเขามองไม่ผิดรอยสักสีแดงคล้ำที่ทาบทับอยู่บนผิวขาวผ่องของ ‘เลฟิลเลีย’ มันจะต้องเป็นคำสาปของโลกนี้  ‘เลฟิลเลีย’ ร้องครางขึ้นและร่างกายของเธอก็บิดไปมาด้วยความเจ็บปวด ใครกับที่เป็นคนร่ายคำสาปพวกนี้?

“…..ชิ”

‘ซุยเมย์’ เดาะลิ้นอย่างขมขื่น ในฐานะของคนที่รู้จักคำสาปเป็นอย่างดี เขามีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งต่อคนที่ใช้คำสาปและคนที่ถูกสาป ใช่แล้ว ‘ ซุยเมย์’ หวังไว้ว่าเขาจะสามารถทำลายคำสาปของผู้หญิงที่ต้องทุกข์ทรมานกับความโศกเศร้าเพราะคำสาป

ด้วยเหตุนั้นเขาจึงมุ่งศึกษาเกี่ยวกับคำสาปเพื่อหวังจะทำลายพวกมัน เขาไม่อาจยกโทษให้กับการดำรงอยู่ของสิ่งที่ชั่วร้ายชนิดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าทำให้สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด การเคลื่อนไหวที่ผิดศีลธรรมนี่มันทำให้เขาสุดจะทน

นั่นมันเป็นคำสาปที่เลวร้าย ที่ทำลายเด็กผู้หญิงคนหนึ่งด้วยวิธีที่นอกรีต ความเศร้าโศก ถ้าหากหญิงสาวคนไหนที่ถูกกังขังด้วยคำสาปและบังคับให้ทำพฤติกรรมลามกอนาจาร มันไม่มีทางอธิบายด้วยคำอื่นไปได้นอกจากคำว่า เศร้าโศก ทำไมต้องสาปแช่งหญิงสาวบริสุทธิ์ด้วยคำสาปที่น่าสะอิดสะเอียนแบบนี้?

ทำไมถึงต้องสาปแช่งด้วยคำสาปที่ทำลายจิตวิญญาณของหญิงสาว? ทำไมต้องใช้คำสาปที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องร้องไห้ด้วยความปวดร้าว? จิตใจของ ‘ซุยเมย์’ ถูกเผาไหม้ไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธ และด้วยความคิดเหล่านั้น เขาเดินเข้าไปใกล้ก้อนหินที่หญิงสาวอยู่

“เลฟิลเลีย”

ราวกับว่าเขาต้องการพูดคุยกับเธอ  ‘ซุยเมย์’ แตะไปที่ไหล่ของหญิงสาวที่กำลังหอบด้วยความเจ็บปวด  ‘เลฟิลเลีย’ เงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่พร่ามัว สติของเธอฟื้นคืนมาเล็กน้อย

” อ่า . . . . . . . . . . . . . ? “

ใบหน้าของเธอยังคงมีร่องรอยของคำสาปแช่งและแดงก่ำ เธอมองด้วยความสับสน

 “อา …”

‘เลฟิลเลีย’ รู้สึกเหมือนว่ามีคนเรียกเธออยู่ เมื่อรู้ที่มาของเสียงน้ำ ดวงตาของหญิงสาวสะท้อนถึงความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะที่พวกเขามองหน้ากัน ใบหน้าของ ‘เลฟิลเลีย’ ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นบิดเบี้ยว ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

ฉันไม่ได้อยากให้ใครมาเห็นสภาพน่าอายของฉัน  ‘เลฟิลเลีย’ แสดงออกถึงความเจ็บปวดออกมาทางสีหน้า แม้ว่าจะถูกคนอื่นเห็น ‘เลฟิลเลีย’ ก็ยังไม่หยุดการกระทำของเธอ อำนาจของคำสาปทำให้เธอไปสามารถควบคุมร่างกายของตนได้

“อา …”

จากมุมมองของคนอื่นอาจมองว่าเธอกำลังพยายามยั่วยวนเขา

” ไม่ . . . กรุณา อย่าดู . . . . . . . ได้โปรด . . . . . . . “

เสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมราวกับไม่ต้องการให้ใครมาเห็นด้านที่ไม่เหมาะสมของเธอ

หลังจากที่ผลของคำสาปดูเหมือนจะบรรเทาลง ‘เลฟิลเลีย’ ยืนอยู่บนพื้นดินตรงที่เขานำชุดอัศวินมาให้  ‘ซุยเมย์’ ถึงเกี่ยวกับคำสาปขึ้นมาเบาๆ

 “มันเป็นคำสาป?”

ชายหนุ่มถามเพื่อยืนยัน  ‘เลฟิลเลีย’ พยักหน้าโดยที่ไม่ได้หันมามองที่เขา เมื่อ ‘ซุยเมย์’ กำลังจะถามต่อ  ‘เลฟิลเลีย’ ก็พูดขึ้นด้วยแววตาหดหู่

 “ฉัน…”

” … “

“…..ฉันเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ของ ‘นอเซียส’   ไม่สิ ตอนนี้ไม่มี ‘นอเซียส’ แล้ว ต้องบอกว่า ฉันเคยเป็นหนึ่งในพวกเขา”

‘เลฟิลเลีย’ ก้มหน้าและถอนหายใจ ราวกับว่าหญิงสาวกำลังเยาะเย้ยตัวเองอยู่ จากนั้นเธอก็พูดต่อ

“ราชตระกูลของ ‘นอเซียส’ เป็นตระกูลซึ่งสืบทอดพลังอำนาจทางจิตวิญญาณ และในครอบครับของฉัน ฉันเกิดมาพร้อมกับพลังทางจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพ ฉันถูกเลี้ยงดูขึ้นมาเพื่อปกป้องนอเซียส หลังจากนั้นฉันก็ฝึกวิชาดาบและการใช้พลังทางจิตวิญญาณของฉันเพื่อปกป้องอาณาจักรจากปีศาจที่อยู่ทางเหนือ…”

‘เลฟิลเลีย’ หันไปทางซุยเมย์เพื่อยืนยันบางสิ่ง

“ฉันเคยบอกคุณว่า ‘นอเซียส’ พ่ายแพ้ปีศาจใช่มั้ยคะ?”

“…ใช่…”

“ในตอนนั้น….ประมาณครึ่งปีที่ผ่านมาเราได้รับมอบหมายให้ไปต่อสู้กับกองทัพปีศาจจำนวนมหาศาล ฉันและสหายที่ร่วมสู้กันมาเป็นไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในเมืองหลวง…”

‘เลฟิลเลีย’ พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด และกล่าวต่อว่า

“ปีศาจเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้กระทั่งเวลาให้ประชาชนหนีออกจากอาณาจักร กองทัพปีศาจสามารถเข้าควบคุมประเทศในเวลาไม่นาน โดยที่เราไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย บางที่เราอาจจะอัญเชิญผู้กล้ามาก็ได้ แต่มันสายเกินไปแล้ว พวกเขาจึงเรียกร้องพลังของฉัน แต่ฉันเองก็ไม่สามารถต่อสู้กับปีศาจได้ ในฐานะราชวงศ์พวกเราจึงเลือกที่จะปกป้องนอเซียสจนถึงที่สุด”

ด้วยศักดิ์ศรีและพลังที่เหลืออยู่พวกเขาจึงไม่ปล่อยให้ปีศาจทำตามความต้องการได้ง่ายๆ แต่ว่า….

“ในขณะที่คนอื่นๆเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย แต่ฉัน ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ตายเพราะอำนาจของจิตวิญญาณ ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้จนถึงที่สุดที่ปราสาท พ่อแม่ของฉันสั่งให้ฉันทิ้งทุกอย่างและรีบหนีไป….”

นี่เป็นสิ่งที่ ‘เลฟิลเลีย’ เสียใจมากที่สุดในชีวิต และตัวของเธอก็หดเล็กลงด้วยความโศกเศร้า  ‘ซุยเมย์’ เกิดมาในประเทศญี่ปุ่นสมัยใหม่และคงจะมีความสุขถ้าอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว

แต่กับคนในโลกนี้ที่มีชีวิตอยู่เพื่อการต่อสู้และความภาคภูมิในที่ได้รับสืบทอดหน้าที่จากบรรพบุรุษ สถานการณ์แบบนี้คงเป็นอะไรที่ยากจะรับไหว สำหรับคนที่ได้รับมอบพลังทางจิตวิญญาณมาด้วยแล้วนี่คงเป็นอะไรที่เลวร้ายจนยากจะทานทน

“ระหว่างทางฉันได้รับคำสาปนี้ ในขณะที่กำลังจะหลบหนีไปยังประเทศอื่น ฉันต่อสู้กับปีศาจแล้ว…..”

“ผู้ชายคนนั้นเหรอ….?”

“….ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ราจัส แต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นผู้บังคับบัญชาของราจัสและกองทัพปีศาจ ดูเหมือนว่าจะเชี่ยวชาญในการใช้คำสาป ด้วยเหตุผลอะไรฉันก็ไม่ทราบ แต่ระหว่างที่ฉันต่อสู้กับปีศาจอยู่เธอก็สาปฉันราวกับว่าฉันเป็นแค่ของเล่น เป็นหนอนแมลงที่กำลังคืบคลานอยู่บนพื้น”

ทุกสิ่งทุกอย่างของ ‘เลฟิลเลีย’ กลายเป็นทางตันทันที ผลของคำสาปทำให้เธอต้องการแก้แค้นอย่างที่สุด ตอนนี้ ‘ซุยเมย์’ นึกถึงบางสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

“งั้นก่อนหน้านี่ ที่โรงแรม…..”

”คุณยังจำได้หรือคะ ใช่ค่ะ คืนนั้นฉันตามหาแหล่งน้ำที่มีขนาดใหญ่เหมือนกับที่นี่ ในตอนเช้าเมื่อฉันตื่นขึ้น ฉันก็พยายามหลบออกจากที่นั่นและวิ่งกลับไปที่โรงแรม หลังจากนั้นฉันก็วิ่งไปชนคุณเข้า”

‘ซุยเมย์’ ยังคงถามต่อ

“คุณรู้มั้ยว่าทำไมคำสาปถึงกำเริบ?”

“เมื่อฉันใช้พลังของจิตวิญญาณมันก็จะกำเริบค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันรับคำขอของสมาคมนักผจญภัยเพื่อปราบมอนสเตอร์”

“แล้ววิธีแก้คำสาปละ”

” ฉันพยายามแล้ว แต่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย เพราะฉันไม่ใช่นักเวท แม้แต่บาทหลวงของโบสถ์แห่งความรอดเองก็ทำอะไรมันไม่ได้เหมือนกัน”

เพราะงั้นเธอถึงทำแบบนี้งั้นเหรอ? เพราะไม่มีวิธีรักษา หรือยับยั้งคำสาป เธอถึงต้องหาสถานที่จัดการคำสาปที่จะไม่ถูกพบเห็น หลังจากนั้น ‘เลฟิลเลีย’ ก็เงียบไป ก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างกับกำลังเยาะเย้ยตัวเอง

“หึหึฮ่าๆๆๆ”

“เลฟิลเลีย?”

“หัวเราะฉันสิคะ หัวเราะเยาะผู้หญิงคนนี้ กับคำสาปที่ชั่วช้านี้ ฮ่าๆๆๆ ฮือ….”

‘เลฟิลเลีย’ พูดขณะที่คว้าคอเสื้อของ ‘ซุยเมย์’   เธอกำคอเสื้อของเขาไว้ขณะที่หัวเราะเยาะตัวเอง แม้ว่าเธอจะกำลังหัวเราะอยู่แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“มันตลกใช่มั้ยคะ เพราะพลังของจิตวิญญาณทำให้ฉันต้องละทิ้งคนที่กำลังต่อสู้ ท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่การลงโทษเท่านั้น เพื่อปกป้องทุกคนที่มีพลังนี้งั้นเหรอ นั่นเป็นเรื่องบ้าๆเท่านั้น ใช่มั้ยคะ? แม้ว่าจะถูกสาปด้วยคำสาปที่น่าอับอายนี้ ฉันก็ยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้ตาย….”

การลงโทษของพระเจ้างั้นเหรอ? แน่นอนว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ ทั้งๆที่ขมขื่นขนาดนั้น ทำไมเธอยังหัวเราะอยู่อีก ทั้งๆที่เจ็บปวดขนาดนั้น แล้วหัวเราะทำไม? น้ำตาแห่งความสิ้นหวัง มันมีอะไรที่ตลก

“แต่มันก็ปกป้องคุณไม่ใช่เหรอ?”

“นั่น….ก็จริงอยู่ว่า….มันปกป้องฉัน”

“นั่นแหละความจริง เพราะงั้นอย่าดูถูกตัวเองเกินไปนัก”

“แต่ฉันก็ยังวิ่งหนี ฉันยังคงต้องวิ่งทั้งๆที่ไม่อยากจะทอดทิ้งใคร”

“เลฟิลเลีย….”

‘ซุยเมย์’ หลับตาลง ขณะที่หญิงสาวไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปแล้ว เธอปล่อยให้มันไหลลงไปยังต้นคอของชายหนุ่ม ในที่สุด ‘เลฟิลเลีย’ ก็พูดต่อ

“หลังจากบ้านเกิดของฉันถูกทำลาย และตัวฉันตกอยู่ใต้ผลของคำสาปที่น่าสะอิดสะเอียนนี้ ยังมีอะไรที่ทรมานกว่านี้อีก…..”

บ้านเกิดและคนรู้จักของเธอหายไป และเธอยังถูกลงโทษด้วยคำสาปแช่งนี้อีก คงไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปมากกว่านี้อีกแล้ว แววตาของเธอทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบ  ‘ซุยเมย์’ คว้าไปที่ไหล่ของ ‘เลฟิลเลีย’

“เลฟิลเลีย ผมขอโทษนะถ้าผมทำหยาบคายเกินไปสักหน่อย”

“อ่า……”

เขาถอดเสื้อที่เปียกชุ่มของเธอออกไปและสัมผัสไปที่ผิวอันเปล่าเปลือยของหญิงสาว

“อ่าไม่ …”

” … “

‘เลฟิลเลีย’ รับรู้ถึงอันตราย เธอหลับตาแน่น และพยายามทำเสียงแข็ง นักดาบสาวผู้ห้าวหาญและไม่เคยหวั่นเกรงการเผชิญหน้ากับปีศาจ แต่ตอนนี้เธอกลับหวาดกลัวเมื่อชายหนุ่มแตะลงบนรอยสาปของเธอ

“ตรวจสอบ..”

สิ่งที่เขาใช่นั้นมันคือเวทมนตร์วิเคราะห์ เครื่องหมายแห่งคำสาปแช่งของ ‘เลฟิลเลีย’ ปรากฏขึ้นบริเวณมือของเขา

จากนั้นโครงสร้างของคำสาปก็หลั่งไหลเข้ามายังความคิดของเขา เพราะผลที่ คำสาปบังคับให้เธอทำมันไม่ใช่คำสาปตามปกติ หลังจากที่วิเคราะห์ด้วยเวทมนตร์ดูแล้ว ‘ซุยเมย์’ ก็เข้าใจมันมากขึ้น

แต่ว่าแม้แต่เขาซึ่งรอบรู้ในเรื่องเวทมนตร์สมัยใหม่ เขาก็ไม่สามารถรักษามันได้  ‘ซุยเมย์’ พึมพำคาถาบางอย่างเพื่อใช้เวทมนตร์ของเขาในการบรรเทา

“อั๊ค อึก….อ่า”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของ ‘เลฟิลเลีย’ ผ่อนคลายลง หลังจากที่หญิงสาวกลับมาหายใจอย่างมั่นคงอีกครั้ง  ‘ซุยเมย์’ ก็ถามทันที

“เป็นไง ดีขึ้นมั้ย?”

“อ่า….ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ  มันคือ?”

“เวทมนตร์ของผมน่ะ มันช่วยลดผลจากคำสาป แต่มันก็ช่วยได้ไม่มากหรอก”

“เหรอคะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทำแบบนี้ได้เลย…”

น้ำเสียงโล่งอกนั้นยิ่งทำให้ ‘ซุยเมย์’ รู้สึกผิด แม้ว่าเขาจะลงผลของคำสาปได้ แต่นั่นก็เป็นแค่วิธีแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น

“ขอโทษนะ ที่ผมทำได้แค่ลดผลของมันเท่านั้น คำสาปนี้จะไม่หายไปตราบใดที่ต้นตอของมันยังไม่ถูกกำจัด…..”

‘ซุยเมย์’ ก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกผิด คำสาปของ ‘เลฟิลเลีย’ เป็นคำสาปที่เชื่อมกับสภาพจิตใจ เวทมนตร์ที่ส่งผลต่อจิตใจ เป็นประเภทคำสาปที่เป็นที่นิยมมาก นักมานุษยวิทยาของอังกฤษและผู้ใช้เวทมนตร์  ‘เจมส์จอร์จเฟรเซอร์’  เขาเชื่อว่ามีการเชื่อมต่อระหว่างวัตถุที่มีรูปร่างคล้ายกัน ในทางทฤษฏีแล้วมันมีอิทธิพลต่อกันและกัน

และการเชื่อมต่ออันลึกลับนี้สามารถใช้ขยายผลของคำสาปได้ ตัวอย่างการเลียนแบบประเภทนี้ อาจเป็นตุ๊กตา หรือรูปภาพ เพื่อใช้ในการร่ายคาถา อย่างเช่น ตุ๊กตาสาปแช่งในประเทศญี่ปุ่นและตุ๊กตาวูดูจากเฮติ คำสาปของ ‘เลฟิลเลีย’ อาจจะอยู่ในประเภทนี้ ถ้าหากไม่รู้ว่าอะไรคือสื่อกลางระหว่างคำสาปและผู้ถูกสาป มันก็ยากจะทำลายมัน

” ขอโทษนะ นี่คือทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้ “

” . . . ไม่เป็นไรค่ะ . . .แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว “

‘ซุยเมย์’ ตระหนักถึงหนทางของเขา เมื่อต้องเผชิญกับคำสาปที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้ ขณะที่หญิงสาวเห็น ‘ซุยเมย์’ ขอโทษด้วยความรู้สึกดังกล่าว

‘เลฟิลเลีย’ ยิ้มอย่างพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ หลังจากที่น้ำตาแต่ละหยดไหลลงบนใบหน้าของ ‘เลฟิลเลีย’   ทั่วทั้งป่าก็ตกอยู่ในความเงียบราวกับรับรู้ความโศกเศร้าของเธอ

“อือๆๆๆๆ”

แม้จะรับรู้ว่าเลฟิลเลียรู้สึกยังไง ในฐานะที่เป็นคนนอก ‘ซุยเมย์’ อ้าปากราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีคุณสมบัติพอที่จะเช็ดน้ำตาแห่งความเสียใจและปลอบประโลมเธอได้ ขณะที่ ‘เลฟิลเลีย’ ร้องไห้ราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด  ‘ซุยเมย์’ ทำได้แต่เพียงนิ่งเงียบเท่านั้น

ปล.1  ต้องขออภัยที่ต้องตัดฉากล่อแหลมออกไปไม่น้อยเลยครับ ถึงแบบนั้นก็ยังคงหวาดเสียวว่านิยายจะโดนแบนรึเปล่าหว่าอยู่เลย

ปล.2 บทนี้จะมีความหลายหลายทางอารมณ์เยอะไปไหนปล.3 ช่างเป็นบทที่ทำให้คิดถึงนิยายของตัวเองเหลือเกิน ซุยเมย์หรือแกจะเป็นไซออนกลับชาติมาเกิด ห่ะ!! แต่เอ๊ะไซออนยังไม่ตายนี่หว่า

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments