I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 28 ความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริง

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1230 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หลายวันต่อมาจากวันที่ ‘ซุยเมย์’ พบคำสาปของ ‘เลฟิลเลีย’  เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์และมอนสเตอร์โดยเฉพาะปีศาจ พวกเขาจึงยังไม่ได้ออกจากป่า ในวันนี้ พวกเขาสองคนทานอาหารกลางวันง่ายๆ ตรงริมแม่น้ำไม่ไกลจากที่พักนัก

“ซุยเมย์คุง ช่วยส่งน้ำผึ้งให้หน่อยได้มั้ยคะ”

“อ่ะ นี่…”

“ขอบคุณค่ะ”

‘ซุยเมย์’ ส่งน้ำผึ้งเพื่อให้ ‘เลฟิลเลีย’ ทาบนขนมปัง ก่อนที่เธอจะของคุณเขา หลังจากที่เธอกัดขนมปัง ‘ซุยเมย์’ ก็พูดขึ้น

“นี่  ‘เลฟิลเลีย’ ”

“อืม ขนมปังนี่แข็งมาก คุณควรจะจุ่มน้ำก่อนกินนะค่ะ”

“อืมขอบคุณ ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะน้ำผึ้งหวานมาก โดนน้ำนิดหน่อยไม่ทำให้รสชาติเสียหรอกคะ”

“……”

‘ซุยเมย์’ ปิดปากลงอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น เธอก็กลายเป็นแบบนี้ จงใจหลีกเลี่ยงการสนทนากับเขา เมื่อเขาเริ่มจะเปิดปากพูด เธอก็จะขัดจังหวะทันที

จนตอนนี้พวกเขายังไม่ได้คุยอะไรกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลย อย่างที่คิดไว้ ว่าเธอจะเป็นแบบนี้หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น ใช่แล้ว หลังจากคืนนั้นเป็นตนมา  ‘เลฟิลเลีย’ ก็พบว่ามันยากที่จะเผชิญหน้ากับ ‘ซุยเมย์’  แต่….

“นี่  ‘เลฟิลเลีย’ ”

“…..อะไรคะซุยเมย์คุง? เกี่ยวกับอาหารรึเปล่าคะ? ฉันพอแล้ว หรือคุณอยากจะได้อะไรอีก”

“ไม่ ไม่ใช่ แก้มคุณ มีน้ำผึ้งติดอยู่”

‘เลฟิลเลีย’ ร้องอย่างตกใจเมื่อได้ฟังที่ ‘ซุยเมย์’ พูด และเช็ดแก้มอย่างเร็ว ก่อนจะมอง ‘ซุยเมย์’ อย่างไม่พอใจ

“ทำไมคุณไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้คะ…..เอ๊ะ ไหนน้ำผึ้ง”

“อืม จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรติดแก้มของคุณอยู่หรอก”

‘ซุยเมย์’ ตอบหน้าตาย ขณะที่ ‘เลฟิลเลีย’ ลุกขึ้นด้วยความโกรธ

“คุณ…คุณแกล้งฉันอีกแล้ว”

“อืม ก็ใช่ แต่เพราะคุณไม่ยอมพูดกับผมสักที ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีก็เท่านั้น”

“อุ๊บ…….”

“……นี่ ‘เลฟิลเลีย’  เรากำลังเดินทางด้วยกันอยู่นะ เพราะงั้นเราต้องสื่อสารกันมาขึ้น ถ้าคุณไม่รู้ละก็ การพูดคุยกันจะทำให้ร่วมงานกันได้ดีขึ้นนะ”

“…..”

ท่าทีที่เหมือนกับก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปทันที หญิงสาวก้มศีรษะลงด้วยความโศกเศร้า

“อืม…ผมรู้ว่ามันอึดอัด หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมก็รู้สึกอายนิดๆเหมือนกัน ถึงมันจะยากนิดหน่อยแต่เราควรจะพยายามเพื่อสถานภาพอันดีของพวกเรา”

“พอแล้ว ‘ซุยเมย์คุง’  ขอบคุณที่เป็นห่วงนะค่ะ แต่ อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย”

“เลฟิลเลีย”

‘ซุยเมย์’ พูดออกมาหลังจากความพยายามในการซ่อมแซมความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกเธอปฏิเสธ

“ในเมื่อมันเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะพูดอีกครั้งนะค่ะ คุณไม่ควรมาที่นี่กับฉันเลย”

“….คุณหมายความว่ายังไง”

“ถ้าคุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับฉัน คุณก็จะประสบกับโชคร้าย เพราะงั้นเราควรจะมีความสัมพันธ์ต่อกันให้น้อยที่สุด”

‘เลฟิลเลีย’ เงียบลงหลังจากพูดจบ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความสิ้นหวังก็สะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ เมื่อเห็นความทุกข์ระทมในดวงตาของหญิงสาว ช่วยไม่ได้ที่ ‘ซุยเมย์’ จะรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย

“ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฉันไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้วค่ะ ถ้าคุณยังอยู่กับฉันต่อไป คุณก็จะถูก ‘ราจัส’ ฆ่า ฉันรับไม่ไหวอีกแล้วหากต้องมีคนมาตายเพราะฉันอีก”

“อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินว่าผมจะถูกปีศาจฆ่าสิ”

“ไม่หรอกค่ะ มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ปีศาจแข็งแกร่งมากนะค่ะ มันไม่ใช่อะไรที่สามารถกำจัดได้ง่ายๆ ถ้าถึงเวลานั้นฉันก็ต้องทิ้งคุณเพื่อรักษาพลังจิตวิญญาณของฉัน ฉันไม่ต้องการทิ้งใครอีกแล้วค่ะ ฉันหนีมามากพอแล้ว”

“……”

‘ซุยเมย์’ ถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังและน้ำเสียงอ้อนวอนของ ‘เลฟิลเลีย’

“ฉันรู้ว่าคำของของฉันมาอาจจะเอาแต่ใจไปสักหน่อย แต่คุณช่วยสัญญากับฉันได้มั้ยค่ะ ว่าเมื่อออกจากป่าได้แล้วเราจะแยกย้ายกันไป”

“อืม คุณไม่คิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะตอบตอนนี้งั้นเหรอ”

“นั่นมันก็…..”

‘เลฟิลเลีย’ ก้มหน้าลงเพราะคำพูดของ ‘ซุยเมย์’  มีเสียงดังจากพุ่มไม้ด้านหลังพวกเขา

“ ซุยเมย์คุง ”

“อืม”

‘เลฟิลเลีย’ หมุนตัวในขณะที่ส่งเสียงร้องเตือนและ ‘ซุยเมย์’ ก็ทำแบบเดียวกันด้วยเสียงฮึดฮัด จากด้านหลังพวกเขารู้สึกได้ถึงความมีตัวตนอันคลุมเครือ เหมือนกับจิตวิญญาณที่ไม่หลงเหลือความเป็นเอกลักษณ์

หมาป่าหรือจิ้งจอก? มอนสเตอร์หรือปีศาจ?  ‘ซุยเมย์’ เตรียมพร้อมสำหรับการรับการโจมตีทันที บรรยากาศตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ บางสิ่งบางอย่างทำให้รู้สึกได้ถึงความกดดัน สิ่งที่ออกมาจากพุ่มไม้ คือคนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

“ชะ-ช่วยด้วย”

” … ?!?”

“เอ๋!”

การปรากฏตัวของบุคคลที่ไม่คาดคิดทำให้ ‘ซุยเมย์’ และ ‘เลฟิลเลีย’ รู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่แต่งตัวคล้ายนักผจญภัย เดินโซซัดโซเซ เสื้อผ้าฉีกขาดและมีรอบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ทั่วตัว ร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยไฟไหม้ เสียงแหบพร่าและลมหายใจที่ติดขัด เพราะบาดแผลที่รุนแรงทำให้เขาล้มลงไปนอนกับพื้นไปทันที  ‘เลฟิลเลีย’ จึงรีบวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ

“นี่ ได้ยินมั้ย?”

“อ่า…เธอ…เธอ…”

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”

“ปีศาจ…เราเจอพวกมัน…ในภูเขา”

“ในภูเขา..?  ปีศาจ…?”

พวกเขาจับคำพูดได้เพียงสองสามคำ ใบหน้าขีด ‘เลฟิลเลีย’ ก็ซีดลงไปถนัดตา  ‘ซุยเมย์’ สังเกตเห็นบางอย่างและวางมือลงบนบ่าของหญิงสาว

“ ‘เลฟิลเลีย’ ….ผู้ชายคนนี้”

“อะไรคะ?”

“เขาคือนักผจญภัยในตอนนั้น”

“ในตอนนั้น อ่า…..”

‘เลฟิลเลีย’ ตระหนักถึงความจริงบางอย่างขึ้นมาได้ทันที เพราะบาดแผลและรอยเลือดมากมาย ทำให้เธอไม่ได้สังเกตว่า ผู้ชายคนนี้คือนักผจญภัยที่ไล่เธอออกมาจากกองคาราวาน

เขาวิ่งมาที่นี่คนเดียวหลังจากถูกปีศาจเข้าโจมตี? อย่างน้อยเขาควรจะช่วยสักหน่อย เพื่อจะได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้  ‘ซุยเมย์’ รวบรวมมานาไว้บนฝ่ามือก่อนจะพูดกับ ‘เลฟิลเลีย’

“ ‘เลฟิลเลีย’ วางเขาลงก่อน ผมจะใช้เวทรักษา”

“ค่ะ”

‘เลฟิลเลีย’ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสถานการและวางชายคนนั้นลงตามคำแนะนำของ ‘ซุยเมย์’  หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังปราศจากความไม่พอใจใดๆ

“ช่วยเขาด้วยนะคะ”

“อืม”

‘ซุยเมย์’ พยักหน้ารับก่อนจะลงมือร่ายเวทรักษา ตราบใดที่ยังไม่เสียเลือดถึงขึ้นร้ายแรง เวทมนตร์ของเขาก็สามารถฟื้นฟูกลับมาจนเป็นปกติได้ เมื่อ ‘ซุยเมย์’ ร่ายเวท แสงสีเขียวจางๆก็ปกคลุมบริเวณบาดแผล และค่อยๆหายไป ยังไงก็ตาม….

“…..”

จู่ๆ ‘ซุยเมย์’ ก็หยุดการรักษาลง หลังจากผ่านการรักษามาแล้วครึ่งทาง ‘ซุยเมย์’ ก็หยุดมองนักผจญภัยอย่างเงียบๆ

“เอ๋….?”

‘เลฟิลเลีย’ ตกอยู่ในความสับสนขึ้นมาทันที ทั้งๆที่รักษาไปได้ครึ่งทางแล้วทำไม ‘ซุยเมย์’ ถึงหยุดไปดื้อๆ เธอร้องด้วยความประหลาดใจ

“ ‘ซุยเมย์คุง’  เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงหยุดละคะ?”

“……ทำไม่ได้ อวัยวะภายในของเขาเสียหายจนหมดแล้ว ไม่ว่าจะรักษายังไงมันก็ไม่มีประโยชน์”

ทำไมถึงรักษาไม่ได้ละ ทั้งๆที่แผลปิดไปแล้วแท้ๆ เลฟิลเลียคิดอย่างสับสน เป็นธรรมดาที่ ‘เลฟิลเลีย’ จะสงสัยในคำอธิบายนี้

“ทำไมกัน… ทั้งๆที่แผลของเขาปิดแล้วแท้ๆ ทำไมคุณถึงบอกว่ารักษาไม่ได้ ทำไมละ…?”

“อืม ถึงแผลจะปิดไปแล้ว แต่ว่า….”

“แต่อะไรคะ?”

เขาควรจะได้รับการรักษานั่นคือสิ่งที่หญิงสาวอยากจะพูด แต่ ‘ซุยเมย์’ ได้แต่ส่ายศีรษะด้วยใบหน้าขมขื่น เมื่อเห็นใบหน้านั้น ในใจของ ‘เลฟิลเลีย’ ก็เต็มไปด้วยคำถาม

“ทำไมกัน?”

‘เลฟิลเลีย’ พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ความรู้สึกสิ้นหวังอัดแน่นเต็มหัวใจของเธอ แม้ว่าจะเป็นคนที่เกลียดเธอแต่หญิงสาวก็ยังอดรู้สึกขมขื่นไม่ได้  ‘เลฟิลเลีย’ สงสัยว่า ‘ซุยเมย์’ อาจจะหยุดด้วยเหตุผลอื่น

“ ‘ซุยเมย์คุง’  ถ้าคุณหยุดรักษาเพราะว่าเขาเป็นคนไล่ฉันออกมาจากคาราวาน ฉันไม่ใส่ใจเรื่องนั้นหรอกนะค่ะ เพราะงั้นได้โปรดช่วยรักษาเขาด้วยเถอะ”

“…..”

“ซุยเมย์คุง!”

“ไม่ได้…. เลฟิลเลียฟังผมนะ ต่อให้ผมรักษาแผลเขาจนหายดีแล้วก็ตาม แต่อวัยวะภายในของเขาบอบช้ำมากเกินไป จิตวิญญาณของเขาก็อ่อนแอมาก ไม่ว่าเราจะทำอะไรไป เขาก็ไม่รอดแล้ว”

“อะ-อะไรกัน…..”

เมื่อเห็นชายคนนี้กำลังจะหมดลมหายใจ  ‘เลฟิลเลีย’ ก็ถึงจับพูดไม่ออก  ‘ซุยเมย์’ กล่าวต่อ

“ผมไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับจิตวิญญาณของคนอื่นได้หรอก”

“……ไม่มีวิธีเลยหรือคะ?”

“ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม อาจจะมีโอกาสประมาณหนึ่งในหมื่น แต่เราไม่มีเวลาแล้ว เพราะตอนนี้เขากำลังจะตายเต็มที”

“……….”

หลังจากที่ได้ยินคำวินิจฉัยของ ‘ซุยเมย์’   ‘เลฟิลเลีย’ ได้แต่กัดริมฝีปาก มันน่าท้อแท้ใจจริงๆที่จะต้องมาเห็นคนตายเพราะการกระทำของปีศาจอีกแล้ว หญิงสาวสาบานในใจอย่างเงียบๆว่าเธอจะต้องกำจัดปีศาจตนนี้ให้ได้

ระหว่างทั้งสองคนเต็มไปด้วยความเงียบ ชายคนนั้นหันไปหา ‘เลฟิลเลีย’

“คนอื่นๆ….กำลังถูกปีศาจโจมตีอยู่”

“ยังมีคนรอดชีวิตงั้นเหรอ?”

“ไม่รู้สิ…บางที”

“แปลว่าอาจจะยังมีคนรอดชีวิตอยู่?”

ไม่มีการตอบสนองใดๆ เพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุด ชายคนนั้นอ้าปากกว้าง เมื่อเห็นแบบนั้น ‘เลฟิลเลีย’ จึงถามเบาๆ

“คนอื่นๆอยู่บนภูเขาใช่รึเปล่า?”

‘เลฟิลเลีย’ ถามด้วยน้ำเสียงสงบ น้ำเสียงของเธออาจจะดูไร้มนุษยธรรมไปสักนิด ชานคนนั้นพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหมดลมหายใจไป

“…..ชิ”

“……”

‘เลฟิลเลีย’ ทำน้ำเสียงโหดร้ายเมื่อชายคนนั้นเสียชีวิต  ‘ซุยเมย์’ เอื้อมมือไปปิดตาของเขาลง

‘เลฟิลเลีย’ ลุกขึ้นหันหลังให้กับ ‘ซุยเมย์’  หันไปทางทิศที่เธอกำลังจะมุ่งหน้าไป

“….เลฟิลเลีย?”

‘ซุยเมย์’ ถามขึ้น หญิงสาวหันกลับมาและกล่าวขอโทษ

“ขอโทษนะคะ ‘ซุยเมย์คุง’ ”

“ขอโทษเรื่องอะไร คุณจะทำอะไร? ทำไมถึงหันหน้าไปทางนั้น?”

“ยังต้องถามอีกเหรอคะ……”

ไม่รู้สิ ใครจะตอบได้ในเมื่อตอนนี้เธอหันหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาไม่เคยไปมาก่อน ในที่สุด ‘เลฟิลเลีย’ ก็เหมือนจะทำใจได้ เธอหันมาหา ‘ซุยเมย์’ และบอกจุดประสงค์ด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

“ ‘ซุยเมย์คุง’  ฉันจะไปช่วยกองคาราวานค่ะ”

“ช่วยพวกเขา พูดจริงเหรอ?”

“แน่นอนค่ะ ฉันไม่ชอบพูดล้อเล่นอยู่แล้ว”

“คุณรู้เหรอว่ากองคาราวานอยู่ตรงไหน?”

“พวกเขามุ่งหน้าไปตามเส้นทางในภูเขาค่ะ เพราะงั้นไม่น่าจะอยู่ไกลนัก”

“แต่ไม่มีอะไรบอกได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่”

“ค่ะ แต่อาจจะมีคนรอดชีวิตอยู่ก็ได้”

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงต้องไปช่วยพวกเขา แต่เธอไปควรไปที่นั่น เพราะว่า…

“มันอาจจะเป็นกับดักของปีศาจเพื่อล่อคุณออกไปก็ได้นะ”

“กับดักเหรอคะ?”

“ใช่! คิดดูสิจะมีใครปล่อยให้คนที่กำลังบาดเจ็บวิ่งหนีมาได้? ถ้าคุณไป คุณก็จะเจอกับราจัสที่กำลังรออยู่”

ถูกต้อง นี่จะต้องเป็นกับดัก กับดักเพื่อล่อเลฟิลเลียให้กลับไปหากองคาราวาน พวกมันถึงปล่อยให้ชายที่บาดเจ็บเจียนตายคนนี้หนีมาได้ เพราะพวกมันรู้ว่าเธอจะต้องเข้ามาติดกับดักอย่างแน่นอน

มันแปลกเกินไปที่นักผจญภัยสามารถมาถึงที่นี่ได้ เมื่อเขามาถึงที่นี่มันก็เป็นไปได้สูงมาที่ราจัสกำลังรอคอยเธออยู่ เมื่อเธอไปช่วยกองคาราวาน ไม่ว่า ‘ซุยเมย์’ จะพูดอะไรไป หญิงสาวก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“….มันอาจจะเป็นแบบนั้น”

“อาจจะอะไร? คุณก็รู้ว่านี่คือความจริง”

“ค่ะ ที่คุณพูดฉันเข้าใจดี”

“แล้วทำไม….”

“ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากจะไปช่วยทุกคนค่ะ ที่ทุกคนต้องมาตกอยู่ในอันตรายแบบนี้มันเป็นเพราะฉัน”

‘เลฟิลเลีย’ ระเบิดอารมณ์ใส่ ‘ซุยเมย์’ เมื่อเขาไม่ยอมรับการกระทำของเธอ นี่อาจจะเป็นความกังวลที่สะสมอยู่ในใจของเธอตลอดมา ความรู้สึกอยากจะช่วยคนอื่น

“ผมบอกแล้วไง ว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณ”

“ไม่ค่ะ มันเป็นความผิดของฉัน คุณบอกเองว่านี่เป็นกับดักที่ปีศาจวางไว้เพื่อล่อฉันออกไป”

“…..ถ้าคุณไป คุณจะตายนะ”

การบุกเข้าไปยังที่มั่นของฝ่ายตรงข้าม มันเป็นแผนการที่ศัตรูได้วางเอาไว้ และคนที่กระโจนเข้าไปคือฝ่ายที่เสียเปรียบ นั่นเป็นเหตุผลที่ ‘ซุยเมย์’ พยายามให้เลฟิลเลียกลับมาหาเขา

“ ‘เลฟิลเลีย’ ! คิดให้ดี! ใจเย็นๆและปล่อยให้มันผ่านไป”

แต่ ‘เลฟิลเลีย’ ก็ไม่หันกลับมา

“ ‘เลฟิลเลีย’  กลับมาเถอะ คุณก็รู้ว่าที่ผมพูดมันเป็นความจริง”

“…….”

“ ‘เลฟิลเลีย’ ! ไหนคุณเคยบอกว่าคุณจะต้องไม่ตายนี่ จิตวิญญาณไม่อนุญาตให้คุณตายไม่ใช่หรือไง!”

เมื่อ ‘ซุยเมย์’ พูดเรื่องนี้ออกไป  ‘เลฟิลเลีย’ ซึ่งเงียบมาตลอดก็พูดออกมาบ้าง

“แล้วคุณ……”

“หืม?”

“คุณมันจะมาเข้าใจอะไร! ! !”

“ห๊ะ! ! !?”

หญิงสาวตะโกนเข้าใส่ ‘ซุยเมย์’ บ้าง จากนั้นความรู้สึกในใจของเธอก็พรั่งพรูออกมา

“คุณจะให้ฉันแกล้งทำเป็นไม่เห็นเรื่องพวกนี้เหรอคะ? ฉันเคยทิ้งคนสำคัญของฉัน ทิ้งครอบครัวของฉัน และตอนนี้คุณยังต้องการให้ฉันทิ้งคนที่ตกอยู่ในอันตรายเพราะฉันอีกเหรอคะ?”

คำพูดของ ‘เลฟิลเลีย’ สะท้อนเข้าไปในใจของ ‘ซุยเมย์’  นี่คือความคิดและความรู้สึกของเธอในตอนนี้งั้นเหรอ? ไม่มีใครช่วยหยุดยั้งความเจ็บปวดของเธอได้ ไม่มีใครช่วยได้เลย เธอไม่สามารถหยุดความคิดที่จะไปช่วยคนพวกนั้นได้ เพื่อทำให้เธอสงบลง เขาควรจะทำยังไง?

“เพราะงั้นฉันถึงต้องอยู่ที่นี่หรือคะ? ไม่สนใจคนอื่นและปล่อยให้พวกเขาตาย? เพราะที่ฉันจะได้ปลอดภัย เลยต้องสละชีวิตของพวกเขา……ฉัน…ทำแบบนั้นไม่ไหวอีกแล้วค่ะ”

เสียงของ ‘เลฟิลเลีย’ เต็มไปด้วยความขมขื่น มันคือเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งร้องอุทธรณ์ต่อความโหดร้ายของโลกใบนี่ เพราะการกระทำที่เหมือนกับการทรยศของเธอทำให้เธอยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นและมากขึ้นอีก

และตอนนี้เธอก็ไม่อาจจะรับมันไหวอีกแล้ว และน้ำตาของเธอก็เริ่มไหลออกมา น้ำตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวด มันคือการตกผลึกของหญิงสาวผู้ถูกคุมขังด้วยคำว่าความรับผิดชอบและหน้าที่

……ในที่สุดเธอก็สงบลง  ‘เลฟิลเลีย’ กล่าวคำขอโทษและหันหลังกลับไปอีกครั้ง และกล่าวคำอำลา ราวกับว่าพวกเขาจะไม่ได้พบกันอีกตลอดกาล

“…..ขอโทษนะค่ะ ‘ซุยเมย์คุง’  แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฉันมีความสุขมาที่ได้อยู่ร่วมกันกับคุณ”

“ ‘เลฟิลเลย’ ! อย่าไปนะ! เดี๋ยวก่อน!”

เสียงห้ามปราบนั้นถูกเมินเฉย และหญิงสาวก็เริ่มวิ่งออกไปด้วยความเร็วจากพลังของจิตวิญญาณ

“อ่า….เธอทิ้งฉันไปจริงๆด้วย….”

‘ซุยเมย์’ บ่นขึ้นเมื่อถูกทิ้งไว้กลางป่า คำพูดของเขาไปไม่ถึงเลฟิลเลียอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มหยุดวิ่งไล่ตามเธอและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอทิ้งฉันไป เพื่อช่วยคนที่ด่าว่าและไล่เธอออกมาเนี่ยนะ

“ชิ….”

ความจริงข้านั้นทำให้ ‘ซุยเมย์’ ขบฟันแน่น มันจะดีจริงๆเหรอที่เธอออกไปต่อสู้คนเดียวด้วยความสิ้นหวังแบบนั้น ถ้าหากเขาไล่ตามเธอไป ชีวิตเขาอาจจะอยู่ในอันตรายได้ และแน่นอนเขาจะต้องสู้กับราจัสและสมุนของเขา

มันเป็นการต่อสู้ที่โหดร้าย และเขาอาจจะตายได้ แต่เขาจะต้องไม่ตาย เขามีเหตุผลของเขา เพื่อทำตามความประสงค์ของพ่อและตระหนักถึงแนวทางของสมาคม เขาปฏิญาณไว้แล้ว แม้ว่าคนที่เขาสาบานด้วยจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่คำสาบานก็ยังคงเป็นคำสาบาน

เมื่อตัดสินใจไปแล้วเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะทำตามสัญญานั้นได้ แล้วตอนนี้เขาควรจะทำยังไง ใช้ข้ออ้างนั้นเพื่อพาตัวเองไปอยู่ในที่ปลอดภัยงั้นเหรอ? ไม่สนใจการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น และปลอยให้หญิงสาวเดินเข้าไปสู่หนทางที่ไม่มีทางรอดใช่มั้ย?

ใช่- -หัวข้อการวิจัยของเขาเพื่อช่วยคนที่ไม่มีทางรอด เขาไม่อาจทิ้งสิ่งนั้นไปได้ ตราบใดที่มันยังไม่สำเร็จ เขาควรจะทำยังไงกับความขัดแย้งกับเสียงสะท้องที่ก้องอยู่ในใจของเขากันล่ะ?

ตั้งเมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มกลัวตาย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มกลัวสิ่งที่ไม่รู้จักและลังเลที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเขากลายเป็นคนอ่อนแอ ขี้ขลาด และไร้พลัง ตอนนี้ เขาคิดอย่างระมัดระวัง อะไรคือพลังที่เขาครอบครองอยู่ ที่เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะเรียนรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ทรงพลังทั้งหมด

ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ไม่ใช่พลังเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมดในโลกงั้นเหรอ? ไม่ใช่พลังที่ดำรงอยู่เพื่อไม่ปล่อยให้ใครตกอยู่ในอันตรายงั้นเหรอ?

……..ตราชั่งในหัวใจของเขาถูกสั่นคลอน แม้ว่าเขาจะรู้ตัวช้าไปหน่อย แต่นี่คือความจริงที่ในใขของเขากำลังขัดแย้งกันเอง เขาต้องชั่งน้ำหนักว่าแผนของเขาจะชนะหรือว่าแพ้ แต่ว่า…

มันเป็นแบบนี้ก็เพราะสิ่งที่เขาสาบานในวันนั้น

“ใช่แล้ว ยาคางิ ซุยเมย์ แกเป็นผู้ใช้เวทของสมาคม ทุกสิ่งที่ขัดแย้งกับแนวทางของสมาคมมันคือสิ่งที่ผิด….”

เขาพูดกับตัวเองเช่นนั้น เพื่อที่จะหยุดความคิดของตัวเอง เพื่อตอกย้ำเป้าหมายกลับเข้าไปในใจของเขา ในตอนนี้มีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้น

” …… “

ดวงตาของซุยเมย์ฉายประกายเย็นเยียบอันคมกริบ การเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ด้านหลังของเขา จากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปีศาจ ทำให้มันไม่ต่างอะไรจากผี ไม่แสดงปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิต เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและน่าสะอิดสะเอียน

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเวทรักษาจึงใช้ไม่ได้ผล สิ่งมีชีวิตลึกลับด้านหลังของซุยเมย์ แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้รับผลจากการโจมตีมากนัก แต่พลังของจิตวิญญาณต่างหากที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หนักซะจนวิญญาณแทบแหลกสลาย เพราะงั้นนักผจญภัยที่ได้รับการโจมตีทางร่างกายในตอนแรกจึงไม่รู้ตัวว่าถูกโจมตีจิตวิญญาณด้วย เพราะการโจมตีที่สร้างความเสียหายให้วิญญาณจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะถึงเวลาแบบนี้ นี่จะต้องเป็นกับดักที่สร้างมาเพื่อเลฟิลเลียอย่างแน่นอน

“-ทั้งหมดนี่”

“บัดซบเอ้ย”

หลังจากที่ ‘ซุยเมย์’ กำลังวิ่งไล่ตามหญิงสาวที่กำลังหลั่งน้ำตาแห่งความทุกข์เนื่องจากการตำหนิตัวเอง ศพเดินได้ก็ใกล้เข้ามา…..

 

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments