I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 30 อดีตและปัจจุบัน

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1273 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

พ่อเป็นคนเงียบๆ ฉันพบเขาทุกครั้งที่หลับตาลง เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยตื่นเต้นกับอะไรมากนัก บางครั้งก็รู้เหมือนกับคนที่ไร้ความรู้สึก มักจะนั่งอยู่อย่างเงียบๆบนรถเข็น  ‘ยาคางิ คาซามิตซึ’  เขาชอบนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกตรงระเบียงและมองไปยังท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย

เขาเป็นผู้ใช้เวทที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกฝั่งตะวันออก สุขุม และไม่ค่อยพูดมากนัก แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ค่อยพูดกับฉันเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน เราพูดคุยกันบ้างเป็นบางครั้ง

แต่มันก็ยังห่างไกลจากคำว่าบทสนทนาอยู่ดี  จะมีตอนที่เขาพูดมากขึ้นบ้างก็ตอนที่เขาสอนเวทมนตร์กับฉัน หลังจากที่สอนเกี่ยวกับความลึกลับของเวทมนตร์ ทัศนคติของผู้ใช้เวท เขาพูดราวกับว่าเขาจำมันได้ทั้งหมด จากนั้นเขาก็พูดเกี่ยวกับปรัชญาของสมาคม

การสร้างหัวข้อวิจัยที่หัวหน้าของสมาคมพูดถึง หลายสิ่งที่เขาโกหก เขาพูดราวกับมันติดเป็นนิสัย  ค้นหาความลึกลับและตระหนักถึงศักยภาพของคน ถ้ามีใครมาได้ยินเข้าก็คงคิดว่ามันเป็นความฝันแบบเด็กๆเท่านั้น

ฉันก็เคยคิดแบบนั้น เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก พ่อพูดเกี่ยวกับปรัชญาของสมาคมอย่างกระตือรือร้น ฉันเคยถามเขาว่าทำไมถึงยึดติดกับมันนัก

หลังจากวันนั้น เขาก็ไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย ฉันเคยได้ยินเขาพูดถึงผู้หญิงเขาอยากปกป้อง เธอเป็นหญิงสาวผู้ถูกสาปด้วยคำสาปแห่งการทำลาย ผู้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเจ็บปวด

หญิงสาวผู้ไม่อาจเบ่งบานได้ทั้งในที่มืดและที่สว่าง เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารที่ถูกผู้อื่นรังเกียจ โชคชะตากำหนดมาให้เธอไม่สามารถประสบพบกับความสุขได้  โศกนาฏกรรมถูกกำหนดไว้ตลอดเส้นทางของเธอ เธออยู่เคียงข้างพ่อเสมอและร้องไห้ในอ้อมกอดของเขา

พ่อเคยบอกว่า เขาเห็นเธอยิ้มเพียงครั้งเดียวในชีวิต คือตอนที่เขาสัญญาว่าจะปกป้องเธอไปจนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้ายของเขา แต่เขาก็ไม่อาจรักษาสัญญานั้นได้ เขาบอกว่าเขาไม่สามารถปกป้องแม่ของฉันไว้ได้

นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อของฉันพูดไว้ก่อนที่เขาจะจากไป ในการต่อสู้กับมังกรที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ขณะที่กดลงบนบาดแผลที่เขาได้รับจากการปกป้องฉันและส่งระเบิดครั้งสุดท้ายไปที่มังกร ทำไมเขาถึงพูดเรื่องนี้ในตอนนั้น?

มีเวลามากมายก่อนหน้านี้ที่เขาจะพูดกับฉัน ทำไมเขาถึงเก็บเรื่องราวทั้งหมดไว้ เก็บเป็นความลับจากลูกชายคนเดียวของเขา เมื่อฉันถาม เขาก็ตอบว่า เขาไม่ต้องการโยนภาระให้กับฉัน ฉันคือเด็กที่เกิดมาระหว่างหญิงสาวผู้โชคร้ายและชายผู้โง่เขลา

ตั้งแต่วันที่ฉันเกิดมา คำสาปก็ถูกทาบทับบนวิญญาณของฉัน ถ้าเขาพูดเรื่องนี้ ฉันก็จะไล่ตามหัวข้อการวิจัยแบบเดียวกับที่เขาทำ และเดินไปบนเส้นทางซึ่งไร้ความหวังแบบเดียวกับเขา

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับมัน แล้วทำไมเขาถึงพูดมันตอนนี้ล่ะ? เขาเปลี่ยนใจที่จะทำตามคำสาบานที่เคยตั้งใจว่าจะไม่เปิดเผยแล้วงั้นเหรอ?

มันเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะว่าเขากลายเป็นคนช่างพูดขึ้นมาทันที่เมื่อย่างกายเข้ามาอยู่หน้าประตูแห่งความตาย ที่เขาพูดในตอนนี้มากกว่าตอนที่เขาสอนเวทมนตร์ให้ฉันซะอีก

จากนั้นก็ถอนหายใจ เพราะเขาเพิ่งรับรู้ถึงความสิ้นหวังบนเส้นทางของเขางั้นเหรอ? หรือเพราะว่าเขารู้สึกอนาถใจในความช่างพูดของตัวเองขึ้นมา? หลังจากที่ถอนหายใจแล้ว เขาก็พูดสิ่งที่ดูไม่เข้ากับตัวเขาขึ้นมา

ในตอนนี้เขาก็ยังคงเสียใจ แม้ว่าร่างกายของเขาจะผุพันและย่อยสลายไปกับผืนดิน แต่ความทรงจำและความฝันของเขาที่ใช้ร่วมกันกับเธอ เขาไม่ต้องการให้มันหายไปพร้อมกับพร้อมกับร่างกายของเขา ความรู้สึกที่ไม่เคยจางหายไปของเขา

มันเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความกังวล เขาต้องการให้ฉันจำมันไว้ ว่าครั้งหนึ่งเคยชายหญิงคู่หนึ่ง พวกเขามีความฝันร่วมกัน ว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้พบความสุขบนเส้นทางที่พวกเขาก้าวเดินไปด้วยกัน ในตอนนั้น สิ่งที่ฉันทำได้เมื่อเขาสารภาพความรู้สึกนั้น มีเพียงคำตอบเดียวที่ฉันให้กับเขาได้

ใช่แล้ว มันไม่มีทางเลือก ฉันกลายเป็นผู้ใช้เวท แบบเดียวกับที่พ่อเคยเป็น คำพูดของเขายังคงตอกย้ำฉันอยู่ในทุกๆวัน

“ซุยเมย์ ในชีวิตของพ่อมีสองสิ่งที่สำคัญ นั่นคือเวทมนตร์และชิซิมะ ตอนนี้พ่อเหลือแค่ลูกแล้ว รับปากพ่อสิว่าลูกจะค้นหาปรัชญาของสมาคม ค้นหาความจริงที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง”

ช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันไม่เคยแม้แต่จะพบหน้า หลังจากกล่าวคำของโทษทิ้งท้าย ชายผู้ฝันว่าจะได้มีความสุขกับครอบครัวนั้นก็ทิ้งฉันไปโดยไม่แม้แต่จะฟังคำตอบของฉัน ถ้าหากสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้คือความจริง ทุกครั้งที่เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาคงจะจิตนาการถึงครอบครัวที่อบอุ่นละมั้ง

เขาพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะกีดขวางฉันให้ออกห่างจากเส้นทางที่อันตราย เพื่อหวังว่าฉันจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจตอนนั้น ทำให้ฉันตะโกนใส่มันกรที่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา

ฉัน…..จะต้องจ่ายอะไรไปบ้าง หากจะทำให้ความฝันของพ่อเป็นจริงขึ้นมาได้ ……

ใช่แล้ว เหมือนกับในวันนั้น วันที่ฉันต้องสูญเสียพ่อไป คำสาบานของฉันได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง จากวันนั้นฉันไม่เคยแยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิดได้อีกเลย ความปรารถนาของฉันมีเพียงการไล่ล่าปริศนานั้นไปเท่านั้น เดินไปให้สุดเส้นทาง และพิสูจน์ว่าไม่มีใครที่สามารถช่วยได้จริงๆ มันเป็นแค่ความฝันของเด็กๆเท่านั้น มันไม่มีทางที่จะไปให้ถึงปลายทางได้อยู่แล้ว

เหมือนกับละไอหมอกในตอนเช้า แต่ฉันก็ยังคงต้องการจะทำมัน มันคือความฝันที่ฉันต้องการจะทำให้สำเร็จ วิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ ภูมิปัญญาที่อาจแก้ไขกฎแห่งธรรมชาติได้

ตามบันทึกแห่งอคาชิค อดีต ปัจจุบันและอนาคต อวกาศและดวงดาวเองก็ถูกบันทึกไว้เช่นกัน หากในอนาคตมีคนที่ไม่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือนั้น ปรัชญาของผู้นำที่จะไล่ตามความฝันนั้นไป มันก็เป็นแค่เส้นทางที่ไร้จุดหมายเท่านั้น คำสาบานที่เหมือนกับคำสารภาพนั้น ในตอนนี้มันคือคำสัญญา

“……พ่อ คำพูดที่พ่อเคยพูดไว้มันเหมือนกับคำสาปที่ผูกผมไว้ แต่ในฐานะลูกชายและผู้ใช้เวทแล้ว ผมเองก็อยากจะเห็นถึงสิ่งที่พ่อไล่ตาม เพราะแบบนั้น…..”

เหมือนกับที่พ่อเคยทำ ฉันจะไปช่วยคนที่ไม่สามารถช่วยได้ จะไปช่วยเธอแม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับโลกนี้ก็ตาม ฉันปิดตาลงและรำลึกถึงคำสาบานนั้น ฉันจะช่วยเธอ ฉันจะปกป้องเธอจากความโชคร้ายที่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตา

เมื่อฉันลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง รอบกายนั้นก็เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย ความอาฆาตพยาบาทที่ปล่อยออกมานั้นทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงจนเกินจะทน นี่มันเป็นสถานการณ์ที่ตลกชะมัด ที่ฉันไม่ออกจากปราสาทไปกับพวกเขาก็เพื่อหลีกเรื่องจากอะไรแบบนี้ นี่มันเหมือนกับการประชดเลยจริงๆ

“ เหอะ…..”

ฉันจำสิ่งที่ราจัสพูดกับ ‘เลฟิลเลีย’ ได้ ที่อยู่ทางซ้ายและทางขวานี้คือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ว่างั้นเหรอ? พันหรือว่าหมื่นนะ ช่างเถอะ รีบๆกำจัดมันดีกว่า

‘ซุยเมย์’ ก้าวไปข้างหน้า ไปหาปีศาจที่มากมายราวกับคลื่นในมหาสมุทร เมื่อพวกมันสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของเขา ปีศาจก็เข้าโจมตีทันที สวะชั้นปลายแถวพวกนี้ไม่ได้ครอบครองพลังอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นมานา หรือร่างกายที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงพรของพระเจ้าที่ชั่วร้ายนั่นก็ด้วย

“เหอะ…..”

น่าลำคาญ น่าลำคาญสุดๆ ปีศาจงั้นเรอะ สิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือจินตนาการงั้นเรอะ ทำไมผู้ใช้เวทสมัยใหม่อย่างฉันต้องมาต่อสู้กับสวะที่น่ารำคาญพวกนี้ด้วย ปรัชญาของสมาคมที่พ่อตามหามันควรจะเป็นจุดหมายปลายทางของฉันสิ ทำไมฉันจะต้องมาต่อสู้กับปีศาจพวกนี้ด้วย

ใช่แล้ว ขณะที่พวกมันตระหนักถึงตัวฉันและมองฉันด้วยสายตาเย็นชา ฉันเบื่อ เบื่อทุกอย่าง ปีศาจกางกรงเล็บของมันและเข้าจู่โจม ‘ซุยเมย์’   เขาหลับตาลงและถอนหายใจ ไอ้พวกหมูสกปรกอย่างพวกแกน่ะ รู้อะไรเกี่ยวกับการต่อสู้บ้าง

“เอค ฮอก โลโก เอวาเนสเซนต์”(จงกลายเป็นผงไปซะ)

หลังจากจบบทร่าย สายฟ้าก็ฟาดลงมายังร่างกายของปีศาจที่ล้อมอยู่รอบตัวของ ‘ซุยเมย์’  และร่างกายของพวกมันก็แตกสลายไปทันที โดยที่เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองพวกมันสักนิด  ‘ซุยเมย์’ รับรู้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังและมุ่งหน้าไปทางทิศนั้นทันที พวกมันกำลังทำอะไร?

สัญลักษณ์ของอะไรบางอย่างที่คลายคลึงกับลัทธิที่ชั่วร้าย เหมือนกับ 72 ปีศาจอัญเชิญของซาโลมอน จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นลูกไฟสีดำ เปลวไฟที่ว่านั้นมุ่งหน้ามาหา ‘ซุยเมย์’  มันช้าสุดๆเมื่อเทียบกับกระสุนที่ถูกยิงจากรถถัง มันช้ากว่าตั้งสามเท่าได้

‘ซุยเมย์’ ร่ายคาถาใส่มันทันที หลังจากนั้นลูกไฟที่ว่าก็บินหายลับไป อ่อนหัดชะมัด  ‘ซุยเมย์’ ร่ายเวทป้องกันที่แม้แต่กระสุนเจาะเกราะก็ยังไม่อาจทะลวงได้ พร้อมกับเดินตรงไปข้างหน้า แม้แต่ปีศาจที่บินอยู่บนอากาศ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยมันไป

“เอต กาเดียน อิน เตอรัม”(จงร่วงลงมาซะ)

เขากระตุ้นมานาเพิ่มขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้า ทุกย่างเท้าของเขาเหยียบย่ำลงไปบนซากศพของปีศาจอย่างไม่ใส่ใจ  ‘ซุยเมย์’ รับรู้ถึงความผิดปกติของตัวเอง

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหากต่อสู้อย่างถูกวิธี ปีศาจพวกนี้ก็ไม่ได้ต่างจากก้อนกรวดอะไรเลย  ‘ซุยเมย์’ เป็นคนโง่ แม้ว่าเขาจะเป็นคนโง่ แต่เขาไม่สามารถหยุดได้ เขาไม่สามารถหยุดเพราะเขาสัญญาไว้แล้ว

“ฉัน……”

ฉัน….ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินบนเส้นทางนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเดินบนเส้นทางนี้ แม้ว่าฉันจะล้มเหลว หรือว่าจะล้มลง ฉันก็จะไม่มีไม่มีวันยอมแพ้ เพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นไปได้ ที่จะช่วยพวกเขาจากชะตากรรมแห่งอคาชิค เพื่อความฝันของพ่อ….ความฝันของฉัน ฉันอาจจะดูเป็นคนโง่ หากจะฝ่ากองทัพปีศาจพวกนี้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้

“-อาร์เกียติอัส โอเวอร์โหลด”(เปิดใช้เตาปฏิกรณ์เต็มกำลัง)

ด้วยคาถานี้ วงเวทสีรุ้งก็ปรากฏบนพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขา วงเวทที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณห้าเมตรประกอบไปด้วยตัวเลขและตัวอักษรอันซับซ้อน โอบล้อมอยู่รอบตัวเขา คลื่นมานามหาศาลถูกปล่อยออกไป แสงสว่างจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์กระแทกออกไปทุกทิศทาง กองทัพปีศาจทั้งหมดก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ

พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีของคลื่นพลังก็แตกสลายและหายไปกับอากาศธาตุ เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง เมฆก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง  ‘ซุยเมย์’ สะบัดฝุ่นบนเสื้อของเขาที่เกิดจากการระเบิดมานา  ปีศาจที่อยู่ด้านหน้าของเขานั้นก็ยังคงเป็นจำนวนที่มหาศาลอยู่ดี ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่พ่อเคยพูดไว้

“เส้นทางที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังสินะ….หึๆๆๆ ดูเหมือนว่าฉันจะพบมันแล้ว”

ต่อหน้าของฝูงสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ  ‘ซุยเมย์’ กล่าวคำนั้นออกมา เขาไม่สนใจเกี่ยวกับราชาปีศาจ หรือห่วงเรื่องการกลับไปยังโลกของเขาในตอนนี้ สิ่งที่ ‘ซุยเมย์’ ต้องการในตอนนี้คือการปกป้องผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments