I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 31 ก่อนจะสิ้นหวัง

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1260 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“ย้ากกกกก”

นั่นคือเสียงร้องตะโกนเพื่อเรียกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ออกมาเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์อันน่าสิ้นหวังนี่รึเปล่านะ ‘เลฟิลเลีย’ ระเบิดพลังของเธอเข้าสู่ตัวดาบและส่งเปลวไฟที่ลุกขึ้นมาอย่างรุนแรงเข้าโจมตีขุนพลปีศาจ ‘ราจัส’ ลำแสงสีแดงเข้มตัดผ่าแผ่นดิน ภูเขาและท้องฟ้า

‘ราจัส’ ยกแขนที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังแห่งความมืดขึ้นขวางไว้ทันทีพลังวิญญาณที่กำจัดมอนสเตอร์มานับไม่ถ้วน ตอนนี้มันไม่แม้แต่จะสามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับขุนพลปีศาจได้ ราจัสหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

“แฮกๆๆๆ”

“ฮ่าๆๆๆ อะไรกัน อะไรกัน นักดาบแห่งนอเซียสทำได้แค่นี้เองงั้นเรอะ”

“หุบปากซะ!!!!!”

น้ำเสียงเย้ยหยันนั้นทำให้เธอโจมตีด้วยลำแสงสีแดงอย่างต่อเนื่อง  ‘ราจัส’ หยุดการโจมตีนั้นลงด้วยหมัดซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความชั่วร้ายของเขาเมื่อคลื่นพลังสีแดงและคลื่นพลังแห่งความมืดมากระทบกันก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

แม้แต่พื้นดินที่ทั้งสองยืนอยู่ก็ไม่อาจรองรับพลังของดาบและหมัดนี้ได้พลังของ ‘เลฟิลเลีย’ น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากเธอทำให้ขุนพลปีศาจถอยหลังไปได้ก้าวหนึ่ง เขาก็จะทำให้เธอถอยไปสองก้าว หากเธอโจมตีเข้าไปสิบครั้ง เขาจะโจมตีกลับมาสิบเอ็ดครั้งยิ่งต่อสู้ไปมากเท่าไหร่ บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

“อั๊ค!!”

ท่ามกลางกระแสการโจมตีที่หลั่งเข้ามาไม่ขาดสาย  ‘ราจัส’ หยุดรวบรวมพลังเพื่อจะโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าเธอจะสังเกตเห็นมัน

แต่เธอก็ไม่อาจจะทำอะไรมันได้  ‘ราจัส’ โจมตีเข้ามาถึงห้าครั้ง พลังหมัดที่หนักหน่วงยิ่งกว่าหินผานั่น แม้แต่ครั้งเดียวเธอก็ยังไม่สามารถรับไว้ได้เธอครางออกมาเบาๆ ขณะที่คลื่นพลังมากระทบร่างและดันตัวเธอให้ถอยหลังไป

“แฮ่กๆๆ”

เธอคุกเข่าลงบนพื้นและหอบหายใจออกมาอย่างรุนแรง  ‘ราจัส’ พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“คุๆๆๆ นี่มันเหมือนกับตอนนั้นเลยน๊า”

“…..ตอนนั้น?”

“ช่ายยย ตอนที่พวกเราโจมตีอาณาจักรของเจ้าไงล่ะ”

เธอจำมันได้ จำเรื่องที่ ‘ราจัส’ พูดออกมาได้ในทันที วันที่กองทัพปีศาจบุกโจมตีนอเซียส เธอไม่เคยลืมมันเลย ในตอนที่กำลังต่อสู้กับปีศาจที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่รู้จบ

สิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมาท่างกลางปีศาจเหล่านั้นก็คือ ‘ราจัส’ นั่นเอง ด้วยพลังอันมหาศาล มันทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าทั้งหมดในตอนนั้น เธอก็คุกเข่าแบบเดียวกับตอนนี้โทษตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอ ต้องมองดูพรรคพวกที่ถูกฆ่าทิ้งต่อหน้าต่อตา

หลังจากนั้นเธอก็สู้กับเขาอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ยังคงจบลงแบบเดิมในท้ายที่สุดของทุกการต่อสู้ เธอถูกบังคับให้มองดูคนที่เสียสละเพื่อช่วยเธอ มองดูเหล่าคนสำคัญของเธอมองดูการเสียสละของพวกเขา เพียงเพื่อปกป้องเธอจากปีศาจ

“ฮึก…..ฮึก…..”

เมื่อเห็นเธอครางจากความโหดร้ายที่อยู่ในความทรงจำ  ‘ราจัส’ แสยะยิ้มขึ้น

“จำได้รึเปล่า? ว่าเจ้าไม่มีวันจะเอาชนะข้าได้หรอก”

ถูกแล้ว เธอไม่มีวันเอาชนะได้ แม้ว่าจะโกรธแค้นสักแค่ไหน แต่มันก็คือความจริง คำพูดของราจัสเปรียบเหมือนสายฟ้าที่ฝ่าลงมากลางใจของหญิงสาว

“เงียบนะ….”

“รู้สึกไร้ค่าสินะ? เหอะๆๆๆ ที่บอกว่าจะต่อสู้เพื่อคนอื่นน่ะ มันก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ สุดท้ายแล้วเจ้ามันก็เอาแต่หนี”

“หุบปาก…..หุบปาก…..หุบปากสักที”

“หุบปากงั้นเรอะ? อะไร…อะไร รับไม่ได้ความความขี้ขลาดของตัวเอง? ไม่อยากให้ใครรับรู้ด้านที่น่าอับอายงั้นสิ ไม่อยากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้านำพวกเขามาตาย?ที่เจ้าวิ่งหนีไป เพราะเจ้าต้องการช่วยชีวิตอันมีค่าของเจ้า? ข้าพูดผิดรึเปล่าละ?”

เธออยากจะต่อยหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความมั่นใจและความคิดที่ว่าเขามองผ่านความจริงทุกอย่างนี่เหลือเกิน เขารู้ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย

ทุกอย่างเป็นเพียงการชักนำของโชคชะตา ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคนที่เสียสละเพื่อจะปกป้องเธอ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอ

“รู้มัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์ทุกคนหลังจากที่เจ้าหนีออกมาจากนอเซียส”

“แก แกกำลังจะพูดอะไร”

“พวกพ้องของเจ้า ครอบครัวของเจ้า แน่นอนข้ากำลังพูดถึงคนพวกนั้นที่ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อให้เจ้าหนีออกมาได้ ท้ายที่สุดพวกเขาก็พบเจอกับความโชคร้าย”

“แกทำอะไรพวกเขา”

“ข้าทำอะไรงั้นเหรอ?  ข้าก็ฉีกแขนขาของพวกมันไงล่ะ ก่อนจะค่อยๆทรมาน ให้พวกนั้นตายอย่างช้าๆ ฮ่าๆๆ นั่นมันโคตรจะสุดยอด เสียงโอดครวญพวกนั้นน่ะสุดยอด เมื่อเจ็บปวดจนถึงที่สุด พวกมันก็เริ่มสาปแช่งเทพธิดาอันเป็นที่เคารพรักที่น่าขยะแขยงนั่น หึหึฮ่าๆๆๆๆๆ”

“….!!”

เสียงหัวเราะของ ‘ราจัส’ ดังก้องกังวานในใจหญิงสาว เมื่อเธอคิดถึงสิ่งที่ขุนพลปีศาจพูด ดวงตาที่ว่างเปล่าราวกับคนที่ไร้ชีวิตก็ปรากฏขึ้นมาในใจเธอ

“ท่านพ่อ…..ทุกคน…..”

“ตอนนี้เจ้ากำลังมองอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นงั้นเหรอ ความน่าสยดสยองที่คนที่เจ้ารักได้รับงั้นเหรอ หึๆๆๆ”

“กล้าดียังไง….กล้าดียังไง……!”

“โกรธงั้นเรอะ? ฮ่าๆๆๆ นักดาบแห่งนอเซียสเอ๋ย เจ้าไม่มีสิทธิจะโกรธหรอกนะ มันเป็นบทลงโทษสำหรับการวิ่งหนีของเจ้านั่นล่ะ”

“กรอด!!”

ใช่แล้ว อย่างที่ ‘ราจัส’ พูด เป็นเพราะเธอ เพราะพลังจิตวิญญาณของเธอมันถึงเป็นแบบนี้

“น่าสมเพชชะมัด….”

จากนั้นหมัดของ ‘ราจัส’ และถ้อยคำเยาะเย้ยก็ถูกส่งมาที่เธออีกครั้ง

“อั๊ค…”

ไม่ มันยังไม่จบ เธอไม่ยอมให้มันจบแค่นี้หรอก

“…..”

พร้อมๆกับเสียงหัวเราะนั้น ในมือของ ‘ราจัส’ ปรากฏลูกพลังที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วมันคือ….

“ฮึก….ฮึก….”

ความสิ้งหวังแทรกซึมเข้ามายังทุกส่วยในร่างกายของเธอฉากที่เธอเคยเห็นราจัสทำมานับครั้งไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในสายตาของเธอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมราจัสถึงถูกเรียกว่าขุนพลปีศาจ

เพราะเวทมนตร์ของมันสามารถสลายป้อมปราการในตอนนั้นได้อย่างไม่เหลือร่องรอยลูกกลมสีแดงเข้มที่ใหญ่พอจะกลืนเธอเข้าไปได้ทั้งตัว หยุดขยาย มันสั่นไหวเหมือนกับทะเลที่เงียบสงบก่อนพายุจะมา ราวกับว่ามันรอการปลดปล่อยไม่มีทางที่จะหลบเลี่ยงมันไปได้เลย มันมีพลังขนาดที่ทำลายป้อมปราการ

สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้คือเร่งพลังวิญญาณเพื่อปกป้องตัวเองคลื่นสีดำขนาดยักษ์กลืนกินเธอทั้งตัว

“อ่า……”

พลังงานสีดำอันมีที่มาจากพลังแห่งความชั่วร้ายโอบล้อมรอบตัวเธอ มันให้ความรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังถูกทำลาย ท่ามกลางความมืดมิดนี้ ราวกับว่าเธอได้สูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าไป….

หลังจากที่คลื่นพลังผ่านพ้นไป ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ต้นไม้ หรือแม้แต่ศพของเหล่านักผจญภัยก็อันตธานไปด้วย

“อา….อั๊ค”

แม้ว่าหญิงสาวจะสามารถทนต่อการโจมตีนี้ได้ แต่ตอนนี้พลังของเธอก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว แต่เธอ ผู้ซึ่งครอบครองพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งจะมาตายที่นี่ไม่ได้ เพื่อตอบแทนคนที่เสียสละให้เธอมาตลอด เธอจะต้องรอดชีวิตร่างกายของเธอถูกยกขึ้นไปบนอากาศ

“ปล่อยฉันไปเถอะ”

กำปั้นอันหนักหน่วงถูกต่อยเข้ามาที่ท้องหญิงหญิงสาวผู้ไร้พลัง

“ไม่มีทาง”

‘ราจัส’ ที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ ยกยิ้มขึ้นก่อนจะต่อยเข้าไปอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง เสียงแห่งความเจ็บปวดถูกเปล่งออกมาทุกครั้งที่หมัดกระทบกับร่างกายของหญิงสาวหลังจากที่หมัดสุดท้ายจบลง  ‘เลฟิลเลีย’ ก็ถูกเหวี่ยงทิ้งลงมาบนพื้นราวกับเศษเนื้ออันไร้ค่า

“อา..อา…..”

เธอนอนราบไปกับพื้น น้ำลายก็ไหลออกมาขณะที่หอบหายใจเจ็บเหลือเกิน เจ็บมาก แต่หัวใจของเธอเจ็บปวดยิ่งกว่าร่างกายมากนัก ทั้งร่างกายและจิตใจ

หลังจากที่ผ่านการโจมตีของ ‘ราจัส’ มานับครั้งไม่ถ้วน ตอนนี้เธอไม่สามารถขยับร่างกายได้อีกต่อไป ไม่สามารถใช้พลังอะไรออกมาได้ ตอนนี้เธอไม่อาจทำอะไรได้เลยแต่ ‘ราจัส’ ไม่ได้หยุดการโจมตีไว้แค่นั้น

“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”

“อั๊ค……”

“เจ้าพยายามจะปกป้องคนอื่นทั้งๆที่มีพลังแค่นี้เนี่ยนะ?”

คำถามลอยมาหาเธอ ขณะที่พยายามจะลุกขึ้น โดยใช้ดาบมาค้ำยัน มันทำให้เธอคิดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ เธอจะต้องไม่คิดถึงมัน

“ว่ายังไงล่ะ?”

เธอรู้อยู่แล้ว

“ถ้าเจ้าย้อนเวลากลับไปได้ คิดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ได้รึเปล่าละ?”

เพราะว่าเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ

“ใช่แล้ว เจ้าน่ะ ไม่สามารถปกป้องใครได้หรอก”

หยุดสักที….

.“อา….อึก….”

‘ราจัส’ พูดถูก ไม่ใช่แค่ครอบครับของเธอเท่านั้น แม้แต่กองคาราวานก็ด้วย แม้ว่าเธอจะกลับมาที่นี่ เธอก็ไม่อาจจะช่วยพวกเขาได้เธอไม่เคยเอาชนะปีศาจตนนี้ได้เลย

ไม่เคยเลยสักครั้งมันเป็นความเจ็บปวดที่ร้ายแรงซะยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายซะอีก ความเจ็บปวดที่เกิดจากการที่ไม่สามารถทำอะไรได้

“ยอมรับซะเถอะ ว่าเจ้าน่ะ มันไร้ประโยชน์”

“ฉัน……”

“ทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดของเจ้า ของเจ้าคนเดียวเท่านั้น พวกนี้ทั้งหมดต้องมาตายเพราะเจ้าคนเดียว”

“อา-”

“ข้าพูดถูกมั้ยล่ะ?”

“อา!!!!!!!!!!!!”

หญิงสาวปล่อยดาบของเธอ และทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรงไม่มีแรงเหลือที่จะจับดาบขึ้นมาได้อีกแล้ว

“………”

“-ที่สุดแล้ว ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย”

ความโศกเศร้าเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของหญิงสาวไม่มีทางที่จะต่อสู้กับราจัสได้เลย สิ่งที่ล้ำค่าของเธอ ความภาคภูมิใจของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกพรากไปโดยที่เธอไม่สามารถขัดขืนได้เลย

“อืม ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้หรอก มันจะดีกว่าหากให้เจ้ากลายเป็นของเล่นของลูกน้องของข้า หลังจากที่ฆ่าคนที่เจ้ารักจนหมดแล้ว ค่อยฆ่าเจ้าตอนนั้นก็ยังไม่สาย หึๆๆฮ่าๆๆๆ”

เธอเห็น ‘ราจัส’ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องหลังจากที่เขาพูดจบ จากนั้นปีศาจที่แผ่พลังสีดำมืดก็เดินหน้าเข้ามาตามคำสั่งของเขาในตอนนั้นเองเธอมองเห็นปีศาจที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างชัดเจน รอยยิ้มที่น่าขยะแขยงนั่น ทุกอย่างกลายเป็นภาพช้าลงเมื่อพวกมันใกล้เข้ามา

“อ่า……”

นั่นคือเสียงที่เธอเปล่งออกมา…….ทำไมกัน ทำไมเธอถึงต้องมาลงเอยแบบนี้ ทำไมถึงต้องทำลายสิ่งมีค่าของเธอก่อน แล้วถึงจะยอมให้เธอตาย? ทำไมถึงต้องทำลายจิตใจของเธอถึงขนาดนั้น?

ตอนนี้เธออยากไปอยู่ที่อื่น ให้ห่างที่ที่นี่เหลือเกินอะไรกันที่เธอทำผิด ความผิดพลาดไหนกันที่ชักนำบทสรุปที่น่าเศร้านี้มาความหวังงั้นเหรอ อะไรกันที่เรียกว่าความหวัง มันยังมีอยู่ในโลกนี้รึเปล่านะอ่า

มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถามหาความหวังที่ว่านั้นแล้ว จะหวังอะไรกับมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความสกปรกแล้วชั่วร้าย เธอมันโง่เองที่เชื่อมั่นในตัวมนุษย์มาจนถึงตอนนี้แม้ว่าน้ำตาจะไหลออกมาอย่างไม่อาจจะกลั้นไว้ได้ แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคง

“ใครก็ได้ ช่วยด้วย…..”

สิ่งที่ออกมาจากปากเธอคือความปรารถนาที่แท้จริง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ในตอนนี้ แต่เธอก็อยากจะรอด แม้ว่าปาฏิหาริย์อาจจะไม่มีจริง แต่เธอก็ยังอยากจะคาดหวังขณะที่เธอกำลังจมดิ่งลงสู่ความมืด

เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นแสงสีฟ้าสว่างจ้าย้อมทุกอย่างที่ผ่านเปลือกตาของเธอเข้ามาให้กลายเป็นสีขาว ปีศาจที่กำลังย่างกรายเข้ามา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ‘ ราจัส’

ทุกสิ่งทุกอย่างจมหายลงใบในแสงสีขาวนั้นจนหมดเมื่อเสียงและเสียงสว่างนั้นจากหายไป ปีศาจทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเธอก็หายไปด้วยขณะที่เธอลืมตามองไปรอบๆ มือของใครบางคนก็ยื่นมาเช็ดน้ำตาให้กับเธอมีใครบางคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

“คุณเป็นใครคะ?”

บางอย่างสีดำกำลังพลิ้วไหว คนที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นคือคนที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี ชายหนุ่มที่สวมชุดสีดำสนิท ผู้แผ่พลังออกมามหาศาลอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ต้องหลับตาก่อนที่เปลวไฟสีขาวนั้นจะลุกไหม้

หลังจากที่แสงจางหายไป  ‘ซุยเมย์’ ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นความโหดร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไปทำให้เขายังมองเห็นไม่ชัดนักอ่า ความชั่วร้ายที่ดำรงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ความชั่วร้ายที่คอยเยาะเย้ยคนที่ใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์ว่าโง่เขลา ความชั่วร้ายที่คอยทำให้คนเหล่านั้นหลั่งน้ำตา

ความชั่วร้ายที่ทำให้ผู้คนต้องโศกเศร้าและตกอยู่ในความสิ้นหวังเพราะมันความชั่วร้ายที่คอยฉุดดึงความภาคภูมิใจของคนที่ยึดมั่นในความยุติธรรมความชั่วร้ายที่คอยข่มเหงบรรดาผู้ที่ปกป้องคนอื่นให้อภัยไม่ได้ใช่แล้ว

ไอ้คนที่ทำร้ายคนอื่นเพื่อความสุขของตัวเองน่ะท่ามกลางแสงสว่างเจิดจ้า  ‘ซุยเมย์’ ค่อยๆก้าวเข้าไปหา ‘เลฟิลเลีย’ และยืนอยู่ต่อหน้าเธอหลังจากที่แสงสว่างจางหายไป ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด

‘ซุยเมย์’ บรรจงเช็ดน้ำตานั้นด้วยมือของเขา เขาไม่ต้องการให้เธอต้องมาร้องไห้อีกแล้ว เขาอยากให้น้ำตานั้นหายไปทันทีดวงตาของเธอบวมแดงจากการร้องไห้ ร่างกายสั่นเทิ้ม ช่างน่าสงสารนัก เพียงแค่มองก็รับรู้ได้เลยว่าเธอเพิ่งผ่านความเจ็บปวดเกินกว่าจะจินตนาการได้มา ‘ซุยเมย์’ กระซิบเบาๆ

“ขอโทษนะที่ผมมาช้า”

“อา…..”

น้ำเสียงที่นุ่มนวลหลั่งไหลออกมาจากหัวใจของหญิงสาว มันเป็นเหมือนกับเสียงถอนหายใจครั้งสุดท้ายก่อนที่หัวใจของเธอจะถูกทำลายเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งต้องใช้เวลานับไม่ถ้วนไปกับความโศกเศร้าและเจ็บปวดจากการกล่าวโทษตัวเอง

ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงต้องเจออะไรแบบนั้น ทำไมหญิงสาวผู้ไม่เคยโลภในสิ่งใด และแสวงหาความชอบธรรมต้องประสบชะตากรรมเหล่านี้ ทำไมโลกใบนี้ต้องชักนำความทุกข์ยากมาให้กับเธอด้วย?

“อา……”

ฉันจะทำให้คนที่ทำให้เธอต้องร้องไห้ รู้จักบางสิ่งที่มันไม่มีวันเอาชนะ

ฉันจะทำให้คนที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด รู้จักความเจ็บปวดที่มากกว่าที่มันเคยเจอมา

ฉันจะทำให้คนที่มั่วเมาในชั่วร้าย รู้ว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าตัวมันอยู่

“เจ้าเป็นใคร…..?”

“ผู้ใช้เวท  ‘ยาคางิ ซุยเมย์’ ”

ฉันจะทำให้มันได้รู้จัก พลังของผู้ใช้เวทยุคใหม่เอง

ปล.1 เลฟิลเลียยังปลอดภัยดีนะครับ ยังไม่ได้ถูกทำอะไร

ปล.2 ขอบคุณความอุปการคุณจาก Game of Thrones ซีซั่น6 ที่ทำให้คอมว่างจนกระทั่งแปลบทนี้จบ

ปล.3 และสุดท้ายนี้ขอขอบคุณกำลังใจจากผู้อ่านทุกท่าน ที่ทำให้ผมผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของเมื่อวานนี้มาได้ ขอบคุณมากครับ ojz

ปล.4 ตัวหนังสือในตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ อ่านได้โอเคมั้ย เพราะผมสายตาสั้นมากเลยมองไม่เห็นอะไรนอกจากตัวหนังสือติดกันเป็นพรืด เลยไม่รู้ว่าคนอื่นเห็นอย่างผมรึเปล่า?

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments