I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 32 ขอความสุขคืนมาอีกครั้ง(2)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1273 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ช่วยเหลือคนที่ไม่สามารถช่วยได้ ความมุ่งมั่นในตอนที่เขาพูดเรื่องนี้ ไม่แปลกที่เขาจะน่าหลงใหล แล้วฉันละ ฉันควรจะทำอะไร? แล้วแล้วหมัดของ ‘ราจัส’ ก็ปะทะกับร่างกายของ ‘ซุยเมย์’ เข้าจนได้

เขาลอยลงมานอนแอ้งแม้งอยู่ตรงหน้าฉัน แม้จะได้รับบาดเจ็บจนทั่วทั้งตัว แต่เขาก็ยังคงลุกขึ้นได้โดยที่ยังไม่เสียพลังหรือความมุ่งมั่นเลยสักนิด มันราวกับว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ฉันอยากรู้เหลือเกิน ว่าอะไรทำให้เข้าต้องทำขนาดนี้

“ซุยเมย์คุง….ทำไมคุณถึงต้องทำขนาดนี้”

อะไรที่พลักดันให้คุณยังก้าวไปข้างหน้า? เมื่อฉันถาม เขาก็ตอบกลับมาห้วนๆโดยไม่หันกลับมา

“เพราะผมต้องการที่จะปกป้องคุณ”

“…..”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา บางอย่างในก็ฉันก็เริ่มฟื้นฟูขึ้น หัวใจที่เคยแตกสลายก็เริ่มอบอุ่นขึ้น

“คุณรู้ใช่มั้ยว่ามันเป็นยังไง? คุณเองก็มีคนที่อยากปกป้องเช่นกัน คุณมาที่นี่เพราะว่ามีคนที่คุณต้องการปกป้อง แม้ว่ามันจะทำให้คุณต้องเสี่ยงชีวิต ใช่มั้ย?”

“อา……”

ใช่แล้ว ฉันต้องการที่จะปกป้อง ความคิดและความเชื่อของเขา ก็เป็นเหมือนกันกับฉัน นี่คือเหตุผลที่เขายังคงต่อสู้อยู่แม้จะได้รับบาดเจ็บ มันดีแล้วเหรอที่ฉันจะมายอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ ไม่

ฉันไม่ต้องการให้มันจบแบบนี้ ฉันไม่ต้องการให้การต่อสู้จบลงแบบนี้ ฉันต้องการที่จะไล่ตามความฝันของฉันอีกครั้ง เหมือนกับชายหนุ่มคนนั้น คนที่มีความฝันเดียวกันกับฉัน …

ชายหนุ่มคนที่ว่ายังคงเข้าไปต่อสู้กับศัตรูอีกครั้ง ด้วยความเชื่อมั่นของเขา เมื่อฉันสำนึกได้ ฉันก็ไม่ควรนั่งมองอยู่เฉยๆอีกต่อไป

“ฉัน…..”

ขออีกสักครั้ง อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ขอให้ฉันได้มีพลังในการต่อสู้อีกครั้ง ฉันอธิฐานแม้ว่าร่างกายของฉันจะชุ่มโชกไปด้วยเลือด แม้ว่าความเจ็บปวดจะอัดแน่นอยู่ในทุกอณูของร่างกาย

“ข้าแต่เทพธิดาอาร์ชูน่าผู้เป็นที่เคารพสักการะของพวกเรา สำหรับข้าพระองค์ผู้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงตนเองได้ สำหรับข้าผู้ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ข้าขออ้อนวอน ขอให้ข้าได้เปลี่ยนแปลงไปสักครั้ง ขอให้ข้าได้รับโอกาสนั้นสักครั้ง ข้าขออ้อนวอน”

มันเป็นความปรารถนาที่มาจากส่วนลึกในหัวใจของเธอ เพื่อฟื้นฟูคำอำนวยพรให้สามารถกลับมาจับดาบได้อีกครั้ง แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เทพธิดาไม่ได้อยู่ในโลกนี้ เธอเพียงแค่เฝ้ามองมาจากบนนั้นเท่านั้น แต่เธอก็หวังว่าถ้อยคำเหล่านี้จะสามารถทำให้เธอเปลี่ยนไปได้

เมื่อฉันลืมตาขึ้น ร่างกายของฉันก็เต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างกับว่าที่ฉันคุกเข่าอย่างอ่อนแรงก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องโกหก ความอ่อนแอที่ครอบของหัวใจฉันก่อนหน้านี้ก็หายไปยังกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่อน

หนึ่งในที่มาของความแข็งแกร่งและความกล้าหาญของฉัน คือชายที่อยู่ตรงหน้านี้ เขาสอนให้ฉันมั่นใจในความเชื่อของตัวเอง ฉันสอนให้ฉันยอมรับความเป็นจริง เพราะแบบนั้นฉันจึงสามารถลุกยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง ฉันคว้าดาบขึ้นมาและเหวี่ยงออกไปสุดแรงเกิด ลำแสงสีแดงเข้ม ผ่าไปตรงกลางระหว่าง ‘ซุยเมย์’ และ ‘ราจัส’

“วะ-เหวอ…..เดี๋ยวก่อนสินังตัวดี! นี่แกไปเอาแรงมาจากไหนอีก?”

“เลฟิลเลีย……”

พวกเขาพูดออกมาพร้อมกันด้วยใบหน้าตกตะลึงและใบหน้ามีความสุข ไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าใครทำหน้ายังไง พลังแห่งจิตวิญญาณที่ฉันปล่อยออกมาย้อมทุกอย่างให้เป็นสีแดง ราวกับวิญญาณในสงคราม  ‘ราจัส’ ที่ไม่สามารถทนรับพลังลมที่กรรโชกแรงได้ ก้าวถอยหลังไปทันที

“…..ชิ”

‘ราจัส’ เอาแขนมาปิดหน้าไว้เพื่อหลีกเลี่ยงแรงลม ฉันพูดออกมาขณะที่ชี้ดาบใส่เขา

“…..ดูไว้ซะ ‘ราจัส’  นี่แหละคือพลังที่จะกำจัดแก กำจัดปีศาจสาวกของพระเจ้าแห่งความชั่วร้าย”

“พลังทำลายอะไรห่ะ? นังผู้หญิงขี้ขลาด”

“หุบปากนะ…ฉันจะไม่หนีอีกแล้ว ไม่ว่าจากใครหรือชะตากรรมแบบไหนก็ตาม”

“นังโง่! สิ่งเดียวที่แกทำได้ก็คือ อ๊ากกกก”

ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องเมื่อหมัดและดาบปะทะกัน ด้วยพลังที่แข็งแกร่งในตอนนี้ฉันไม่ถอยหลังอีกแล้ว

“กะ-เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันถึงแตกต่างจาก่อนหน้านี้”

ในตอนนี้ราวกับว่าตัวฉันที่อ่อนแอได้ตายไปแล้ว และที่ยืนอยู่ในตอนนี้คือตัวฉันคนใหม่ การโจมตีของฉันไม่ได้ไร้ความหมายอีกต่อไป

“ย้ากกกกก”

ฉันเร่งพลังลงใบในดาบมากขึ้น และควงดาบราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงสับสนนั้น ครั้งนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ความเร็วและจำนวนที่ฉันโจมตีออกไปก็เพิ่มมากขึ้น ในที่สุดการโจมตีของฉันก็ไม่ได้เป็นแค่การป้องกันอีกต่อไป บางทีเขาอาจจะตกใจ แต่ราจัสก็ยังเหวี่ยงแขนไปรอบๆเรื่องโจมตีแบบสุ่ม โชคดีที่ราจัสมองเห็นทางหยุดการโจมตีนี้

แสงสีแดงเข้ามาโอบล้อมฉัน ไม่ใครสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของฉัน การโจมตีสีแดงเข้มรวดเร็วจนน่าตกใจ เพียงพอที่จะทำให้การโจมตีของราจัสพลาด

“นี่แก…..”

เมื่อเขาสังเกตเห็นและหันมองไปรอบๆมันก็สายเกินไปแล้ว ในตอนนั้นฉันเหวี่ยวดาบเข้าไปที่กลางลำตัวของ ‘ราจัส’

“คุก….คุ”

เกิดบาดแผลเป็นทางยาวบนหน้าอกของ ‘ราจัส’  แม้จะไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก แต่แผลเหล่านั้นก็ทำให้พลังงานที่ชั่วร้ายอันเป็นต้นกำเนิดพลังของปีศาจเบาบางลงไป นี่เป็นโอกาสที่ดี

“กาลา วาร์นา”(บาซัน)

ฉันเหวี่ยงดาบขึ้นเหนือศีรษะและทุ่มเทพลังทั้งหมดในการเหวี่ยงมัน แสงสีแดงเข้มก็ระเบิดออกมา ลำแสงขนาดใหญ่นั้นตัวผ่านผืนดินและท้องฟ้า  ‘ราจัส’ ถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีแดงจากการโจมตี

“ไม่จริงน่ะ….”

‘ราจัส’ ยังคงมีชีวิตอยู่ แม้ว่าผลจากบาซันจะทำให้เขามีแผลอยู่ทั่วตัว แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ได้แม้ว่าเขาจะรับการโจมตีของฉันและ ‘ซุยเมย์’ เข้าไปอย่างต่อเนื่อง นี่คือความแข็งแกร่งของปีศาจงั้นเหรอ?

“คุ!!”

ในตอนนี้ใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการโจมตีอย่างต่อเนื่อง  ‘ราจัส’ ก็ก้าวเข้ามา ขณะที่ฉันกำลังกังวลว่าเขาจะทำอะไร แต่ร่างสูงใหญ่นั้นก็หันไปมองรอบๆ เขากำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่?

“ยะ-หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!!”

“…..แล้วข้าจะกลับมาอีกครั้งนักดาบแห่งนอเซียส”

เขาตัดสินใจว่าเขากำลังตกเป็นรอง ‘ราจัส’ พูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น และพยายามจะหนีไป ในขณะที่เขาบินขึ้นไปบนฟ้า

“ย้ากๆๆๆๆๆ”

ฉันโจมตีเข้าไปที่ด้านหลังของ ‘ราจัส’ อย่างต่อเนื่อง แต่แสงสีแดงนั้นก็ไม่อาจจะก้าวข้ามปัญหาในเรื่องของระยะทางได้ มันไปไม่ถึงเป้าหมายและแปลเปลี่ยนไปเป็นเพียงแค่สายลมธรรมดา ฉันไม่อยากให้เขาหนีไปได้ แต่ฉันจะทำยังไง ถ้าหากฉันบินได้เหมือน ‘ราจัส’

เรื่องนี้มันคงไม่เป็นปัญหา บางทีนี่อาจจะจบแล้วจริงๆ ฉันหันหน้ากลับมาเพื่อของคุณ ‘ซุยเมย์’  ขอบคุณที่เขามาช่วยฉัน ทำให้ฉันสามารถที่จะเอาชนะศัตรูที่ทำลายบ้านเกิดของฉันผู้ที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะสามารถเอาชนะได้

“บ้าจริง….”

การต่อสู้ถูกเลื่อนไปในครั้งหน้า……ทุกอย่างกำลังจะจบลงในแบบเดิมอีกแล้ว…..ถ้าฉันมีพลังมากกว่านี้อีกสักนิด…ถ้าฉันมีพลังมากกว่าเขา….บางที่ฉันอาจจะ….

ฉันกัดริมฝีปากอย่างสิ้นหวัง แสงมานาสีแดงเข้มเกิดขึ้นที่ด้านหลังของฉัน ความร้อนที่ส่งออกมานั้นมันเหมือนกับระเบิดที่สร้างขึ้นจากมานา และคนสร้างมันขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหน

“ซุยเมย์คุง?”

ผู้ชายคนนี้ยังมีมานาเหลืออยู่อีกเหรอ? เขายังคงมีความแข็งแกร่งหลงเหลือจากการกวาดล้างกองทัพปีศาจและป้องกันการโจมตีของราจัสอยู่อีก?

เขาเดินมาทางนี้ด้วยที่ทางสบายๆ เหมือนกับว่าเขาแค่ออกมาเดินเล่น ในไม่ช้าเขาก็มายืนอยู่ข้างฉันและร่ายคาถาอะไรบางอย่าง

“อับเรค อัด ฮาบรา” (จงตายตกไปภายใต้สายฟ้าของข้าซะเถอะ)

…….ดาบยักษ์สีแดงเข้าก็กลายเป็นแค่สายลม เมื่อมากระทบกับด้านหลังของเขา อันตราย อันตรายเกินไปแล้ว นังผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง แถมยังแข็งแกร่งขึ้นอีก

แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันจะต้องเป็นเพราะไอ้นักเวทสารเลวนั่นแน่ๆ เขาขบฟันแน่น เมื่อได้ลิ้มรสความขมขื่นจากการล่าถอย

“ข้าจะไม่ลืมความอัปยศนี้ มนุษย์เอ๋ย เมื่อแผลของข้าหายเมื่อไหร่ ข้าจะกลับมาจ่ายคืนให้พร้อมดอกเบี้ยเลย…..”

‘ราจัส’ บินสูงยิ่งขึ้นขณะที่บ่น

“มันอาจจะอันตรายสักหน่อยที่จะบินผ่านเมฆคิวมูนิมบัสไปในตอนที่บาดเจ็บแบบนี้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้…..”

สิ่งที่ข้ามองเห็นนั่นคือเส้นทางแห่งการหลบหนี มันเป็นไปได้ที่พวกนั้นจะดึงข้าลงกลับไปที่พื้นถ้าข้าบินต่ำเกินไป ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ระวังไว้ก่อนดีกว่า น่าโมโหชะมัด ที่นังผู้หญิงคนนั้นทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัสได้

อืม ถ้าข้ากระโดดเข้าไปในเมฆสีดำนั่นในสภาพแบบนี้ มันอาจจะไม่ปลอดภัยนัก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมากังวลในตอนนี้ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่ข้าจะสามารถกลับไปได้ ขณะที่ข้ากำลังจะทะลุผ่านเมฆนั่นไป

“…..อะไรน่ะ?”

ข้าก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่อยู่ด้านบน สมองของข้าก็ขาวโพลน กับสิ่งที่ไม่คาดคิดนั้น ไม่มีเมฆคิวมูโลนิมบัส ไม่มีอยู่บนท้องฟ้าเลยสักก้อน

“……”

ข้ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ข้าหันมองไปทางซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว เมฆคิวมูโลนิมบัส หายไปไหน เมื่อกี้มันยังอยู่ตรงนี้แท้ๆ ข้ามองอย่างสงสัย ไม่มีเมฆคิวมูโลนิมบัส มีเพียงท้องฟ้าโปร่งกับแสงของดวงดาว

ก่อนหน้านี้มันมีเสียงฟ้าร้องอยู่นี่นา ตอนที่กำลังต่อสู้ แล้วทำไมตอนนี้มันถึงไม่มี? มันจะมีเสียงฟ้าร้องไปได้ยังไงในเมื่อไม่มีเมฆฝน ข้ามองไปบนฟ้า

“…….อะไรน่ะ!?”

ข้าถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นสภาพทึ่อยู่ด้านล่าง สิ่งที่น่าเหลือเชื่อนั่นเกือบทำให้ข้าลืมหายใจ กองทัพที่ควรจะอยู่ทั่วทั้งภูเขานั้นหายไปหมด ที่พวกนั้นน่าจะอยู่กันเต็มไปด้วยควันไปและพื้นดินที่ยุบตัวลงไป มันบางคนติดอยู่ในน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ละลายอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพิษและกรด

ที่นอนเหยียดอยู่บนพื้นดินนั่นก็เป็นรูปร่างที่ดูคุ้นเคย พวกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ลูกน้องของเขานั่นเอง กองทัพที่เขาได้นำมา มันเหมือนกับว่าไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก

“กะ-เกิดอะไรขึ้นที่นี่”

ไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้เด็ดขาด แม้ว่ามนุษย์จะส่งกองทัพมาก็ตาม แต่พวกมันก็ไม่เคยสร้างสิ่งน่ากลัวขนาดนี้ขึ้นมาได้ ข้ารู้ดีจากการต่อสู้ที่นอเซียส แล้วสถานการณ์เลวร้ายนี่เป็นฝีมือใครกัน ใครเป็นคนทำมัน ข้านึกออกแล้ว มันจะต้องเป็นเจ้านั่น

เพราะพวกมันขวางทางฉันอยู่ คำพูดของเจ้านั่นดังก้องขึ้นในใจยังกับมากระซิบที่ข้างหูของข้า คำพูดนั่นกับความโหดร้ายที่เกิดด้านล่างนี่ อ่า ก่อนที่เจ้านั่นจะมาถึงตัวข้า ลูกน้องของข้าได้ขวางไว้ คนที่ทำเรื่องทั้งหมดนั่นคือเจ้านั่นเอง คนที่ประกาศตัวว่าเป็นนักเวท …..

สายฟ้าฟาดลงบนพื้นดินแรงระเบิดนั้นทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางมัน พลังที่ถูกสร้างขึ้นจากเจ้านั่นเหวียงพวกนั้นไปมายังกับก้อนกรวด ก่อนจะบดขยี้พวกมันให้กลายเป็นฝุ่นผง คลื่นกระแทก มันน่าจะเป็นคลื่นกระแทก มันแรงเกินกว่าที่จะเป็นเวทมนตร์ คลื่นที่ว่าทำลายทุกอย่างรอบตัวเขา เกิดเป็นลมหมุนที่อาจจะเพิ่มขนาดขึ้นอีก

“นั่นมันอะไรน่ะ? ให้รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ”

ถูกแล้วที่ขุนพลปีศาจราจัสจะไม่รู้จัก  ‘อับรา มาริน’  เวทมนตร์ในสายความเชื่อแบบอับราฮัม ที่รู้จักกันใช่ชื่อทั่วไปว่า

“เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์”

หรือ

“เวทมนตร์ของพระเจ้า”

เป็นเวทมนตร์ที่จะดึงพลังศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อขับไล่ปีศาจ-อับราคาดาบรา (สายฟ้าแห่งความตาย) มันเป็นเวทมนตร์ที่เขาไม่ถนัดที่สุด คาถาที่ใช้ต่อต้านภูตผีปีศาจ โดยอาศัยทฤษฏีเวทมนตร์สมัยใหม่

ด้านหลังของชายหนุ่มปรากฏบางอย่างซึ่งคล้ายกับหมอก เป็นรูปร่างของผู้หญิงที่ดูไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิต รูปร่างที่ว่านั่นเหมือนกับรูปปั้นที่ถูกสร้างจากอะไรบางอย่างที่เป็นสีเทา มีพลังอะไรบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากมัน

“…….อาาาาาาาาาา”

รูปปั้นนั้นอ้าปากกว้างและตะโกนเรียกบางอย่างออกมาจากทั้งฟ้า ……

ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน พลังของมนุษย์คนนี้ลึกลับยิ่งนัก พลังแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ในโลกนี้ควรมี หรือเขาจะเป็นผู้กล้าที่ถูกเรียกตัวมาจากโลกอื่น ไม่ เป็นไปไม่ได้ แม้ผู้กล้าจะได้รับพลังมาจากเทพธิดา มันก็ไม่ใช่พลังอะไรแบบนี้ จริงอยู่ที่ผู้กล้าที่ถูกเรียกตัวมาโดยเทพธิดาจะมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าคนปกติ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังถึงขนาดนี้ มันเป็นเวทมนตร์ที่ไม่ต้องอาศัยพรจากเทพธิดา

เป็นอะไรที่ไม่น่าจะมีอยู่ในโลกซึ่งถูกสร้างโดยพระเจ้าใบนี้ สายฟ้าที่ปรากฏด้านหน้าของข้าเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัวที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาในชีวิต ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนที่มีพลังแบบนี้  พลังมากมายขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะสามารถใช้ออกมาได้ แล้วทำไมผู้ชายคนนั้น…….. ผู้ใช้เวท  ‘ยาคางิ ซุยเมย์’

“นักเวท….?…..ไม่ ไม่ใช่?…. เจ้านั่นไม่ใช่นักเวท!!”

สายฟ้าแบ่งออกเป็นหลายพันเส้น ส่งเสียงดังสนั่น ก่อนจะไปรวมตัวกันตรงจุดกึ่งกลางของวงเวท รูปปั้นนั้นตะโกนอย่างไม่รู้จบ และแสงสีฟ้ากระพริบตรงเส้นขอบฟ้า ข้าจ้องมองอย่างตกใจไปที่ชายคนนั้น ผู้ปล่อยบรรยากาศแห่งความตายออกมา

“บัดซบ!!!”

จำไว้นะเจ้าสิ่งชั่วร้าย ที่ลิ้มรสความสิ้นหวังของมนุษย์อย่างกับน้ำผึ้ง แกกำลังขวางทางฉันอยู่ ข้าเห็นริมฝีปากของเขาขยับอย่างชัดเจน จากนั้นเขาก็วางมือลงบนใจกลางวงเวท ทันใดนั้นสายฟ้านับพันเส้นก็พุ่งออกมาจากวงเวทเหมือนกับเสาขนาดยักษ์และทำลายทุกอย่างไปในพริบตา

ความมืดของพระเจ้าที่ข้าบูชา ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรข้าในตอนนี้ได้เลย ขุนพลปีศาจราจัสกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งก่อนจะถูกดูดเข้าไปในเส้นแสงที่ถูกสร้างขึ้นจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

ปล.1 ตอนหน้าก็ทันอิ้งแล้วครับ

ปล.2 ทำไมผมรู้สึกว่าเลฟิลเลียกำลังถูกซุยเมย์หลอกอยู่ก็ไม่รู้ หรือว่าผมคิดไปเอง?

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments