I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 36 เหตุการณ์ที่หน้าประตูเมือง(2)

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1620 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แม้จะพบเห็นในนิยายหลายเรื่องที่กล่าวถึงชุดที่ว่านี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอคนที่ใส่ชุดนี้จริงๆ สำหรับเขาแล้ว แบบนี้มันก็ไม่เลวเลยล่ะ  ‘เลฟิลเลีย’ ก็คิดในทำนองเดียวกัน

“น่ารักแฮะ”

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของพวกเขาต่อเสื้อผ้าของเธอ เด็กสาวที่ถูกเรียวว่าร้อยตรีนั้นเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่อย่างไม่ใส่ใจ ‘ซุยเมย์’ และ ‘เลฟิลเลีย’  ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“มารับรายงานประจำวัน”

“…….ครับผม!”

ชายหนุ่มตอบรับ ก่อนจะหันไปหยิบเอกสารที่วางอยู่บนตู้ด้านหลังมาให้อย่างรวดเร็ว เด็กสาวรับมาและกวาดตามองอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยว่า

“ลำบากแล้วนะ”

……จักรวรรดิเนลเฟเรียนแตกต่างจากอาณาจักรอื่นๆในเรื่องรูปแบบของกองทัพและเจ้าหน้าที่ แทนที่จะบอกว่ามันคือกองทัพ ต้องบอกว่ามันเหมือนกับโรงเรียนมากกว่า เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขานี้

กะจากสายตาแล้วน่าจะอายุประมาณสิบสองหรือไม่ก็น้อยกว่านั้น อายุน้อยเกินกว่าจะเป็นทหารได้ น่าจะเป็นนักเรียนทหารมากกว่า ราวกับตระหนักถึงสายตาที่จับจ้องตนได้ เด็กสาวคนนั้นหันมามอง ‘ซุยเมย์’ ด้วยดวงตาอันง่วงงุน

“……นี่ ทหารเด็กแบบนี้หายากรึเปล่า?”

“ไม่หรอกค่ะ…..”

แม้ว่าจะไม่รู้จุดประสงค์ของ ‘ซุยเมย์’ แต่ ‘เลฟิลเลีย’ ก็ตอบไปตามตรง

“ผมนึกว่าทหารจะมีแต่คนที่โตแล้วเท่านั้นนะเนี่ย”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจขึ้นมาทันที

“เด็กอย่างเธอไม่มีสิทธิพูดแบบนั้นหรอกนะ”

“ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย!”

‘ซุยเมย์’ ถอนหายใจอย่างปลงๆ พักหลังๆมานี่ เขาเริ่มรู้สึกว่า ‘เลฟิลเลีย’  เริ่มจะความคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ขึ้นไปทุกวันแล้ว เด็กสาวสองคนมองหน้ากันเป็นทำนองว่า

“มีปัญหาอะไร?”

“จะเอายังไง?”

และแล้วเด็กสาวทั้งสองก็เริ่มขยับตัว แน่นอนว่าสำหรับเริ่มต้นการต่อสู้

“เลฟิลเลีย”

“คุ………ซุยเมย์คุง ต่อให้เป็นคุณก็หยุดการต่อสู้นี้ไม่ได้หรอกค่ะ”

“แต่ถ้าคุณไม่หยุด เราอาจจะมีปัญหาได้นะ”

‘เลฟิลเลีย’ ไม่สนใจคำพูดของชายหนุ่มสักนิด ทั้งคู่เดินวนเป็นวงกลมเพื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม สายตาทั้งคู่จับจ้องกันอย่างไม่กระพริบ ไม่รู้ว่าใครหาจุดอ่อนได้ก่อนกัน รู้ตัวอีกครั้ง ‘เลฟิลเลีย’ กับเด็กสาวคนนั้นก็กระโจนเข้าหากันซะแล้ว

“ฮึ้ม…..”

“กรอด……”

ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันมากขนาดที่สามารถจิ้นได้เลย จากนั้นทั้งคู่ก็ถอยห่างออกจากกัน ก่อนจะเข้าปะทะกันอีกนับครั้งไม่ถ้วน

สองคนนี้กำลังพยายามทำอะไรกันแน่  ‘ซุยเมย์’ ส่ายศีรษะขณะที่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่มันไม่เหมือนการต่อสู้เลยสักนิด มันเป็นเหมือนกับเด็กสองคนกำลังเล่นเกมอะไรสักอย่างอยู่อย่างนั้นแหละ หลังจากที่มองอยู่นาน

‘ซุยเมย์’ ก็หัวเราะขึ้นอย่างขบขัน (นึกว่าเล่นอะไรกัน ที่แท้แข่งกันเรื่องหน้าอกนี่เอง) ถึงจะแข่งกันไปอีกนานแค่ไหน มันก็ยังเปลี่ยนความจริงเรื่องที่ทั้งคู่ยังคงเป็นเด็กไปไม่ได้หรอก

แต่ว่า เรื่องนี้เขาคงพูดออกไปไม่ได้เด็ดขาดเชียว ถ้าเทียบกันแล้ว ‘เลฟิลเลีย’ ดูเหมือนจะเด็กกว่ามาก ช่วยไม่ได้ที่เด็กสาวที่สวมผ้าผิดตาอยู่จะยิ้มออกมาราวกับผู้ชนะ

“ฉันโตกว่า ฉันชนะ คุๆๆๆ”

“หน่อยแน่ๆ ไม่ต้องทำมาอวดเบ่งเลยนะ”

ใบหน้าของ ‘เลฟิลเลีย’ เต็มไปด้วยความสิ้นหวังเมื่อได้ยินคำโอ้อวด

“เน่ๆ ตัวเองเด็กกว่าเพราะงั้นเรียกเค้าว่าพี่สาวเลย”

“ไม่เอานะๆ ถ้าฉันกลับสภาพเดิมได้ละก็…..”

จริงๆแล้วหน้าอกของ ‘เลฟิลเลีย’ มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่ว่า ไม่พูดออกไปคงจะดีกว่า

“สภาพเดิม…?”

เด็กสาวคนนั้นทวนคำพูดก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

“เธอ”

“อะไร?”

“ก็เข้าใจหรอกนะว่ากำลังอยู่ในวัยเพ้อฝัน แต่ เอาความจริงกับจินตนาการมารวมกันมันไม่ดีนะ”

“ห๊ะ?!?”

เด็กสาวกล่าวอย่างเห็นใจ  ‘เลฟิลเลีย’ ซึ่งได้ยินอย่างนั้นก็เหมือนกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ เด็กหญิงถึงกับเซถลาไปนั่งบนเก้าอี้อย่างสิ้นหวัง

“เลฟิลเลีย?”

“……… ‘ซุยเมย์คุง’  ขอฉันอยู่เงียบๆคนเดียวสักพักได้มั้ยคะ”

“แต่ว่า….”

“ไม่ต้องปลอบฉันหรอกค่ะ ฉันขอเวลาทำใจเงียบๆคนเดียวก็พอ”

“……”

หลังจากที่ยิ้มอย่างว่างเปล่าให้กับ ‘ซุยเมย์’   ‘เลฟิลเลีย’ หันไปนั่งจมอยู่กับตัวเองเงียบๆคนเดียวที่ริมห้อง ราวกับว่าโลกนี้ได้ทอดทิ้งเธอไปแล้ว เด็กสาวที่สวมผ้าปิดตาหันมาถาม ‘ซุยเมย์’

“มาจากไหนกันคะ?”

“มาจากทางตะวันออกน่ะ ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของฉันเอง”

“ทางตะวันออก แอสเทลเหรอคะ?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

หลังจากที่ ‘ซุยเมย์’ ยอมรับว่ามาจากแอสเทล ดวงตาอันง่วงงุนนั้นก็แปรเปลี่ยมาเป็นคมกริบทันที

“แล้ว………”

“อะแฮ่ม…..คุณร้อยตรี!”

‘ซุยเมย์’ กล่าวเสียงแหบต่ำ เมื่อพบการเล่นไม่ซื่อของฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าจะเป็นคนจากประเทศพันธมิตร เด็กสาวคนนี้ยังอุตส่าห์ใช้เวทมนตร์แทรกแซงจิตใจเพื่อล้วงความลับ

“คุณมาทำอะไรกันที่นี่”

“ฉันจำเป็นต้องตอบรึเปล่า?”

‘ซุยเมย์’ ตอบเรียบๆ ถ้าเป็นคนปกติโดนเวทมนตร์ระดับนี้เข้าไปละก็ ตอนนี้คงหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว

“เอาล่ะๆ ร้อยตรี เธอควรจะใจเย็นๆลงสักหน่อยนะ”

“งั้นก็ตอบมาสิคะ”

หัวใจของเด็กสาวถึงกับเต้นระรัว ผู้ชายคนนี้สามารถต่อต้านเวทมนตร์ของเธอได้ แอสเทลเป็นพันธมิตรของจักรวรรดิไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะใช่ศัตรู แล้วทำไมถึงต้องต่อต้านล่ะ เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ว่านี้  ‘เลฟิลเลีย’ ก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก เพราะงั้นอย่าพูดมากน่า”

“ชิ แต่ว่าบรรยากาศแถวนี้ดูอันตรายชอบกล”

“แน่นอนสิ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอาณาจักร มันต้องอันตรายอยู่แล้ว”

“ ‘เลฟิลเลีย’  เป็นอะไรรึเปล่า?”

เด็กสาวทำท่าเหมือนกับจะป่วย มันต้องไม่ใช่เพราะเธอแพ้จากการโต้เถียงเมื่อกี้แน่

“ทั้งๆที่พวกฉันพยายามเข้าไปในเมืองอย่างถูกต้องตามมารยาทอันดี แต่สิ่งที่จักรวรรดิตอบแทนกลับมาคือการพยายามฆาตกรรมเนี่ยนะ ฮ่าๆๆ ตลกดีนะที่คนในกองทัพจักรวรรดิจะไร้ยางอายได้ขนาดนี้”

“หมายความว่ายังไงกันคะ?”

“เขาว่ากันว่า กองทัพหลวงของจักรวรรดินั้นเที่ยงธรรมเหนือสิ่งใด แต่ว่า การกระทำของเธอนี่ จะเรียกแบบนั้นได้รึเปล่านะ ฉันละอยากจะรู้จริงๆ?”

คำพูดของ ‘เลฟิลเลีย’ ทำให้ใบหน้าของเด็กสาวบิดเบี้ยวด้วยความขมขื่น แน่นอนว่ากองทัพของจักรวรรดินั้นเน้นในเรื่องของระเบียบวินัยมาก และตอนนี้ ‘เลฟิลเลีย’ ก็กำลังย้ำถึงสิ่งนั้นอยู่

“นั่นมันก็จริง แต่ว่า…..”

เด็กสาวจ้องไปยัง ‘ซุยเมย์’ ด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง

“เพื่อความปลอดภัยของจักรวรรดิแล้ว ฉันจำเป็นต้องละเมิดกฎนั้น”

คำขู่ที่ไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของเด็กสาว ทำให้ ‘ซุยเมย์’ ขมวดคิ้ว

“อยากจะทำอะไรงั้นเรอะ”

“ฆ่าค่ะ”

เด็กสาวตอบอย่างไม่ลังเล นี่มันควรจะเป็นคำพูดของเด็กผู้หญิงวัยนี้เหรอนี่ ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นละก็เธอคนนี้ยังไม่ขึ้นมัธยมด้วยซ้ำไป  ‘ซุยเมย์’ คิดอย่างสับสน

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถใช้มาตรฐานการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่มมาตัดสินคนในโลกนี้ได้ มันเป็นเรื่องของความต่างกันทางวัฒนธรรม แต่ว่าเด็กผู้หญิงวัยนี้ได้รับบรรจุเป็นทหารได้นี่ คิดกี่ทีมันก็น่าทึ่งไปซะทุกครั้ง

เด็กสาวกล่าวอย่างไม่สนใจสถานะของตนสักนิด เธอแค่อยากจะทำอย่างที่เธออยากจะทำเท่านั้นเอง ‘ซุยเมย์’ หรี่ตามองอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะทำหน้าอ่อนโยน(?)

“อ่า เอาล่ะ สาวน้อย”

“สาวน้อยอะไรกัน อย่าถึงว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ก็มาข่มเหงกันได้นะค่ะ…….ฉันน่ะ ฉันน่ะเป็นถึงนายทหารของจักรวรรดิเชียวนะ”

‘ซุยเมย์’ มองท่าทางกระสับกระส่ายของเด็กสาวอย่างขบขัน ในขณะที่ ‘เลฟิลเลีย’ หรี่ตามองเขาอย่างไม่ชอบใจ

“อย่าบอกนะว่า…..”

เมื่อรับรู้ถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนท่าทีทันที เด็กสาวที่รับรู้สึกสัญญาณบางอย่างเช่นกัน รีบหันหลังกลับทันที

“……..บู่ ฉันจะกลับแล้ว”

เด็กสาวกล่าว ก่อนจะหยิบบันทึกและรีบเดินไปที่ประตูทันที

“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”

เมื่อช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดผ่านไป  ‘ซุยเมย์’ ถอนหายใจก่อนจะเอือมมือไปจับเด็กสาวไว้

“อย่าทำเป็นเมินกันซะสิ ร้อยตรีแซนดาร์ค”

“ปล่อยฉันนะคะ”

‘ซุยเมย์’ เกาศีรษะแก้เก้อ ขณะที่ ‘เลฟิลเลีย’ พูดอย่างนึกขึ้นได้

“เดี๋ยวก่อนนะ เธอคือ ‘ลิเลียน่า  แซนดาร์ค’ ใช่รึเปล่า?”

“คุณรู้จักเหรอ?”

“พ่อของเธอ ‘โรเกีย แซนดาร์ด’  เป็นหนึ่งในสิบสองจักรพรรดิเวทค่ะ”

“อืม ผมนึกออกแล้ว  ‘มิซิกิ’ เคยพูดถึงเขาอยู่ครั้งหนึ่ง”

สิบสองจักรพรรดิเวทฟังแล้วดูอาจจะแปลกๆอยู่สักหน่อย แต่พวกเขาคือคนที่เชี่ยวชาญการใช้เวทมนตร์ของโลกนี้ ดูเหมือนว่า ‘เลฟิลเลีย’ จะเข้าใจถูกแล้ว เด็กสาวพยักหน้ายอมรับ

“ใช่แล้ว เพราะงั้นคุณก็ควรปล่อยฉันไปได้แล้วนะคะ”

เพื่อบอก ‘ซุยเมย์’ เป็นนัยว่าเขาควรจะหยุดวุ่นวายกับเธอสักที เด็กสาวพูดกับ ‘ซุยเมย์’ และ ‘เลฟิลเลีย’ ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้

“รอเอกสารยืนยันสักครู่นะคะ”

‘ซุยเมย์’ มองไปยัง ‘เลฟิลเลีย’ ที่เวทมนตร์แทรกแซงจิตใจยังส่งผลอยู่ เขาจึงเดินไปกรอกเอกสารแทนขณะที่ฟังเสียซุบซิบคุยกัน

“นี่คุณเคยได้ยินเรื่องผู้กล้าที่แอลเทลเรียกมารึเปล่า”

“รู้สึกจะชื่อว่า ‘เรอิจิ’ ใช่มั้ย”

‘เรอิจิ’ งั้นเหรอ  ‘ซุยเมย์’ ชะงักมือ  ‘เลฟิลเลีย’ ที่รับรู้เรื่องราวของชายหนุ่มเป็นอย่างดี หันมาเป็นเชิงถาม

 “ซุยเมย์คุง……”

“อ่า เพื่อนของผมเองน่ะ”

มันเป็นแบบนี้นับตั้งแต่วันที่เขาออกเดินทางมาแล้ว ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ดูเหมือนหัวข้อนี้จะเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนายอดฮิตอยู่ซะทุกที่ไป จนเขาเริ่มจะสงสัยแล้วว่าในใจของคนที่กำลังพูดเรื่องนี้อยู่เขารู้สึกยังไงกันนะ

“นี่ ได้ยินว่าเขาสามารถใช้เวทได้ทุกประเภทเลยนะ แถมยังสามารถเอาชนะพวกจักรพรรดิเวทได้อีก”

“โอ้ เจ๋งเป้ง ฉันละอยากทำอย่างนั้นได้บ้างจัง”

“แหม ถ้าฉันทำได้บางนะ ไม่ต้องทั้งหมดหรอกขอแค่สองประเภทก็ยังดี ฉันคงไม่มาเป็นทหารแล้วล่ะ”

คำพูดของพวกเขา ทำเอา ‘ซุยเมย์’ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

“……..?”

เสียงหัวเราะของ ‘ซุยเมย์’ ทำเอา ‘เลฟิลเลีย’ อ้าปากค้าง ตั้งแต่รู้จักกันมา เธอไม่เคยเห็นเขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงอย่างนี้มาก่อนเลย

“นี่ พวกคุณเพิ่งมาจากคูรันด์ใช่มั้ย? ได้ยินข่าวที่กองทัพปีศาจบุกแอสเทลบ้างรึเปล่า”

“รู้สึกว่ากองทัพปีศาจจะแพ้นะ แถมขุนพลปีศาจที่ชื่อราจัสยังถูกจับตัวไว้ได้อีก”

‘ซุยเมย์’ หันไปมองหน้า ‘เลฟิลเลีย’ อย่างประหลาดใจ

“ว่าไงนะ!?”

“เอ๋….จริงอ่ะ!?”

‘ซุยเมย์’ หันไปหาคนพูดด้วยความสงสัย

“น่าตกใจใช่มั้ยละ มันหาได้ยากมากเลยนะเนี่ยที่…..”

เจ้าหน้าที่ทั้งสามมองหน้ากันอย่างตกใจที่จู่ๆเข้าก็ปล่อยให้ความลับทางการทหารรั่วไหลออกมา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิดเนี่ย……

ปล.1 ดูท่าที่เขาว่ากันว่า อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า ดูท่าจะเป็นความจริง ไม่ได้แปลแค่สัปดาห์เดียว ฝืดขึ้นเยอะครับ เป็นการแปลที่มึนมาก สงสัยต้องไปหยอดน้ำมันสักหน่อยแล้ว

ปล.2 เฟลเมเนีย เลฟิลเลีย ลิเลียน่า ดูเหมือนจะมีแต่สระเอียกันทั้งนั้น สงสัยไทเทเนียคงไม่รอดแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ(นี่ไม่ได้สปอยแต่อย่างใดนะขอรับ)

ปล.3 ไม่รู้เลยว่าใครปักธงใคร ^o^a

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments