I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 38 เชื้อพระวงศ์

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1207 | 2380 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘เรอิจิ’ ขี่ม้าไปทางเหนือที่มีภูเขาซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ ท้องฟ้าที่ควรจะเป็นสีฟ้าใส ตอนนี้มันกลับไม่เป็นแบบนั้น อีกทั้งพื้นที่ที่ควรจะเป็นป่าตอนนี้กับกลายเป็นที่โล่งแจ้งยังกับว่ามันเคยได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงมาก่อน

เขาบังคับม้าให้ช้าลงเมื่อเห็นกลุ่มคนอยู่ด้านหน้า เมื่อมองให้ดี มันคือกองทหารของแอสเทลนั่นเอง หนึ่งในทหารเหล่านั้นตะโกนใส่ ‘เรอิจิ’

“หยุดอยู่ตรงนั้น!”

เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ  ‘เรอิจิ’ จึงหยุดม้าแต่โดยดี ทหารคนนั้นตะโกนใส่ ‘เรอิจิ’ ด้วยความไม่พอใจ

“แกเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”

“เอ่อ…..”

‘เรอิจิ’ อ้าปากกำลังจะตอบ แต่ ‘เกรกอรี่’ ชิงตวาดใส่ทหารคนนั้นซะก่อน

“เจ้าหนู แกคิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่! เห็นนั่นมั้ย นั่นเจ้าหญิง ‘ไทเทเนีย’  ส่วนคนที่แกตะโกนใส่นี่ก็ท่านผู้กล้าเรอิจิ”

“!?”

เสียงคำรามนั้นทำให้ทหารถึงกับตกตะลึง เขารีบกวาดสายตามองผู้มาใหม่นั้นทันที เมื่อสังเกตให้ดี เหล่าทหารก็จำได้ทันทีว่านั่นคือเจ้าหญิง ‘ไทเทเนีย’ และผู้กล้า ‘เรอิจิ’

“ขะ-ขอโทษขอรับ โปรดอภัยให้กับความไร้มารยาทของข้าด้วย”

“อ่า ช่างมันเถอะ พวกคุณเป็นทหารของคูรันด์รึเปล่า?”

“ไม่ใช่ขอรับ พวกเราเป็นทหารของท่าน ‘ดยุคฮาเดียส’ ”

ทหารตอบคำถามของ ‘ไทเทเนีย’ ทันที คำตอบนั้นทำให้ ‘เรอิจิ’ ถึงกับโมโหขึ้นมา แต่ ‘ไทเทเนีย’ ก็ยังคงรักษาท่าทางของชนชั้นสูงไว้ได้อย่างสง่างาม

“ ‘ดยุคฮาเดียส’ อยู่ที่นี่งั้นเหรอ”

“ท่าน ‘ดยุค’ อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วขอรับ”

“ไปพาเขามาที่นี่”

“ขอรับ”

ทหารคนนั้นรีบวิ่งออกไปทันที ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าเขาเงื่อออกเหมือนกับไปอาบน้ำมาเลยทีเดียว เมื่อเสียงฝีเท้าของทหารคนนั้นออกไปไกลแล้ว  ‘เรอิจิ’   ‘ไทเทเนีย’ และ ‘มิซึกิ’ ขยับม้าเข้ามาใกล้กันทันที

“ ‘เรอิจิคุง’   ‘ดยุคฮาเดียส’ นี่….”

“ไอ้เจ้าเชื้อพระวงศ์ที่เอา ‘ซุยเมย์’ เป็นเหยื่อล่อไง ไม่นึกเลยว่ามันจะอยู่ที่นี่”

“แล้วเราจะทำยังไงกันดี”

“…….ดูเหมือนว่า”

แม้ว่าอยากจะแก้แค้นแค่ไหน แต่ตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งมากพอ อีกอย่าง ‘มิซึกิ’ ก็อยู่ที่นี่ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกกังวล ระหว่างที่ ‘เรอิจิ’ กำลังคิด  ‘มิซึกิ’ ก็มองเข้าด้วยสีหน้าเว้าวอน

“….. ‘เรอิจิคุง’  นายจะทำตามอารมณ์ไม่ได้นะ แม้ว่า ‘เทียร์’ จะอยู่ที่นี่ก็เถอะ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเกิดไปทำร้ายเชื้อพระวงศ์เข้า”

“อ่า…ฉันรู้ ฉันรู้ ขอบใจนะมิซึกิที่เป็นห่วง”

สิ่งที่ ‘เรอิจิ’ ทำกับ ‘เกรกอรี่’ ก่อนหน้านี้ทำให้มิซึกิรู้สึกกลัว เธอไม่ต้องการให้เขาขาดสติแบบนั้นอีก ……

หลังจากนั้นก็มีกลุ่มทหารและอัศวินกลุ่มใหญ่เดินย่ำโคลนมาทางที่พวกเขาอยู่กัน ท่าทางเด็ดเดี่ยวองอาจราวกับว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี คนที่เดินอยู่ตรงกลางนั้นใส่ชุดเกาะที่ดูก็รู้ว่าถุกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต

ดูผ่านๆแล้วอายุน่าจะประมาณสี่สิบพอๆกับ ‘เกรกอรี่’  หนวดเคราถูกแต่งไว้อย่างดีและมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ข้างแก้ม สูงเกือบสองเมตรแถมยังมีกล้ามเนื้อที่อัดแน่นขนาดที่เด็กหนุ่มอย่าง ‘เรอิจิ’ เทียบไม่ติด

ดูๆแล้วคนคนนี้ใหญ่ความรู้สึกไม่เป็นมิตรเลยสักนิด เมื่อเขามองเห็น ‘เรอิจิ’ ก็สั่งให้ทหารและอัศวินหยุดเดิน และกระจายกำลังไปรอบๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาพวก ‘เรอิจิ’ อย่างสบายๆ ก่อนจะคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ ‘ไทเทเนีย’ เหมือนกับทหารคนอื่นๆ ก่อนที่ ‘ไทเทเนีย’ จะพูดว่า

“ ‘ดยุคฮาเดียส’ โปรดทำตัวตามสบาย”

นายทหารคนนั้น ‘ดยุคฮาเดียส’ ก็ลุกขึ้นก่อนจะกล่าวรายงาน

“องค์หญิง ‘ไทเทเนีย’  ไม่ได้พบกันนานเลยนะขอรับ”

“ใช่แล้วค่ะ  ‘ดยุคฮาเดียส’  ดูเหมือนคุณจะสบายดีนะคะ”

“เป็นพระมหากรุณาขอรับ  ‘ลูคัส เดอ ฮาเดียส’  คนนี้ยังคงสบายดี พร้อมที่จะถวายการรับได้ไปได้อีกนาน”

“ดีค่ะ ฉันจะได้ไม่ต้องกังวล”

“…..”

การสนทนาระหว่าง ‘ไทเทเนีย’ และ ‘ฮาเดียส’  ทำให้ทุกคนทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก แม้จะทักทาย ‘ไทเทเนีย’ ตามปกติแต่จากคำพูดมันก็ยากที่จะมองว่าเป็นมิตร แม้ว่าหญิงสาวจะตอบโต้ด้วยคำพูดที่แข็งขื่น แต่ ‘ฮาเดียส’ ก็แค่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

“ได้ยินมาจากฝ่าบาทว่าองค์หญิงออกเดินทางไปกับผู้กล้า  ‘ชานะ เรอิจิ’ ไม่ใช่หรือขอรับ”

“ค่ะ”

‘ฮาเดียส’ หันมาทาง ‘เรอิจิ’  ก่อนจะหรี่ตามองอย่างไร้ความเชื่อมั่น อย่างที่ไทเทเนียบอกไว้  ‘เรอิจิ’ มองตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตร

“ไอ้หมอนี่นี่เอง….”

ผู้ชายคนนี้คือคนที่ชักนำอันตรายมาให้ซุยเมย์และคณะของเขา ผู้ไม่ซ่อนพฤติกรรมเย่อหยิ่งและก้าวร้าวของเขาไว้เลยสักนิด  ‘เรอิจิ’ มองอย่างเกลียดชัง แต่ก็ยังคงทำตัวสงบเสงี่ยม ……

ทันใดนั้นเอง ‘ฮาเดียส’ ก็พูดบางอย่างออกมา

“อาจจะช้าไปสักหน่อยที่จะแนะนำตัวตอนนี้ ท่านผู้กล้า ข้าคือ ‘ลูคัส เดอ ฮาเดียส’  แม่ทัพใหญ่ผู้ปกป้องชายแดนตะวันตกและตอนนี้ได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาป้องกับกองทัพปีศาจยังบริเวณนี้”

และกล่าวอย่างถือดีต่อว่า

“แล้วองค์หญิงและผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมาทำอะไรแถวนี้งั้นรึ”

‘เรอิจิ’ กล่าวเหตุผลที่เตรียมมาทันที

“เพราะการเคลื่อนไหวของกองทัพปีศาจในแอสเทลทำให้ทางจักรวรรดิเป็นกังวลมาครับ”

“อ่อ เพราะคำสั่งของจักรพรรดินี่เอง”

“อีกอย่าคือมันเป็นความรับผิดชอบของผมในฐานะผู้กล้า”

‘เรอิจิ’ กล่าวด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่อง แต่ไทเทเนียไม่ยอมให้ ‘ฮาเดียส’ สังเกตเรื่องนั้นได้ เธอรีบเบี่ยงประเด็นทันที

“ท่าน ‘ฮาเดียส’  เรื่องกองทัพปีศาจนี่มันยังไงคะ?”

“สถานการณ์ก็อย่างที่องค์หญิงเห็นนั่นแหละขอรับ”

“แล้ววางแผนจะโจมตียังไงคะ”

“ทันทีที่กองพยัคฆ์กลับมาเราจะเข้าโจมตีทันที”

กองพยัคฆ์ที่ว่านั้นคือหน่วยทหารลาดตระเวนนั่นเอง จากที่สังเกตเห็นดูเหมือนว่าพวกทหารจะเตรียมพร้อมกันแล้วในตอนนี้ แต่ ‘เรอิจิ’ สังเกตเห็นบางอย่างจากบทสนทนาของ ‘ไทเทเนีย’ และ ‘ฮาเดียส’

“นี่…..จะโจมตีกองทัพปีศาจด้วยทหารแค่นี้เนี่ยนะ”

เท่าที่เขาเห็นทหารที่อยู่ที่นี่กะจำนวนได้ประมาณสองถึงสามร้อยคนเท่านั้น จะใช้จำนวนทหารแค่นี้ไปโจมตีปีศาจนับพันงั้นเหรอ

“อย่างกังวลไปเลยผู้กล้า ที่เห็นอยู่นี่เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เรากระจายกำลังโอบล้อมพื้นที่นี้อยู่และจะเข้าโจมตีพร้อมกัน”

“อย่างนี้นี่เอง”

“ใช่แล้ว ทหารของเมเทอร์และคูรันด์นั้นเชี่ยวชาญพื้นที่นี้เป็นอย่างดี เพราะงั้นให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”

จากคำพูดของ ‘ฮาเดียส’  เขากำลังบอกเป็นนัยว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ ‘เรอิจิ’

“ถ้ากองพยัคฆ์กลับมาเมื่อไหร่ เราจะดำเนินการทันที”

“หน้าที่ของผู้กล้าน่ะ มีแค่รอและดูเท่านั้นแหละ”

‘ฮาเดียส’ กล่าวสำทับ ถ้ามองดูให้ดีจะพบว่าเขายิ้มเหยียดให้ ‘เรอิจิ’ อยู่

“คุณมีหน้าที่ของคุณ ผมก็มีหน้าที่ของผม”

“ฟุฟุ  ‘ฮาเดียส’ คนนี้หาได้ดูถูกท่านผู้กล้าหรอกนะ แต่ว่าฝีมือแค่นี้น่ะ ยังฝ่าเข้าใจกลางกองทัพปีศาจไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“……”

‘ฮาเดียส’ ยังคงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ และแล้ว ‘เรอิจิ’ ก็นึกขึ้นมาได้ ว่าที่พวกเขาต้องมาอยู่ที่นี่มันเป็นเพราะผู้ชายคนนี้นี่นา ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้น ‘เกรกอรี่’ ได้เข้ามาจับแขน ‘เรอิจิ’ ไว้และมองไปที่ ‘ฮาเดียส’ เป็นเชิงต่อว่า เขาจึงบอกว่าจะกลับไปรอกองพยัคฆ์ที่ศูนย์บัญชาการ โดยที่ไม่สนใจเจ้าหญิงที่อยู่กับผู้กล้าสักนิด

ทันใดนั้น ‘ไทเทเนีย’ ก็หลับตาลงพลางกล่าวว่า

“พอได้แล้วค่ะ”

เธอกล่าวกับ ‘เรอิจิ’ ที่มองอย่างเกลียดชังไปที่ ‘ฮาเดียส’ ที่กำลังถอยห่างออกไป ชายหนุ่มมองอย่างไม่เชื่อสายตา

“ทำไมละ ‘เทียร์’  คุณไม่เกลียดไอ้หมอนั่นรึไง?”

“จริงอยู่ที่ว่าเขาเป็นคนเองแต่ใจ ชอบวางอำนาจ แต่เขาก็มีอิทธิพลมากนะคะ”

คำพูดของหญิงสาวทำให้เรอิจินิ่งอึ้ง

“แล้วคุณอยากให้ผมทำยังไงล่ะ?”

“อืม…..คุณคิดว่าในสายตาของประชาชน ‘ดยุคฮาเดียส’ เป็นคนยังไงคะ”

“ไอ้สารเลวละมั้ง”

‘เรอิจิ’ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ  ‘ลูคัส เดอ ฮาเดียส’ อย่างตรงไปตรงมา เป็นว่าถือตัวว่าเป็นเชื้อพระวงศ์เลยทำตัวเป็นหมาบ้าที่เที่ยวแว้งกัดคนไปทั่ว ในความรู้สึกเขาแล้ว นั่นมันเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

“คุณคิดว่าประชาชมมองเขาเป็นคนเลวเหรอคะ?”

“ก็คงงั้น….ผมละเกลียดไอ้หมอนั่นแบบสุดๆเลยรู้มั้ย”

“เรอิจิซามะ คุณรู้ตัวมั้ยคะ? ว่าวันนี้คุณหยาบคายมากเลยค่ะ”

“หา…..”

เห็นได้ชัดว่า ‘ไทเทเนีย’ กำลังโกรธมาก เรอิจิถึงกับหยุดคิด นี่เขาแสดงอารมณ์ออกมามากไปงั้นเหรอ?  ‘มิซิกิ’ กล่าวถามอย่างงุนงง

“เขาเป็นคนที่ต่อว่าไม่ได้งั้นเหรอ?”

“ ‘ดยุคฮาเดียส’ เป็นนายทหารที่สืบสายเลือดของราชวงศ์แอสเทลค่ะ เขาเป็นนักรบโดยกำเนิด”

มิน่าล่ะเขาถึงชอบเอาชนะนัก ดู่จากท่าทางลักษณะแล้วเขาไม่แปลกใจเลยสักนิด  ‘มิซิกิ’ เอียงศีรษะอย่างสงสัย

“แล้วแผลเป็นที่หน้าเขาล่ะ”

“ได้ยินมาว่าเขาได้รับแผลนั้นมาจากสงครามเมื่อนานมาแล้ว ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหรอกนะ”

เพียงแค่ได้ยินเรื่องเล่ามาเท่านั้น  ‘ไทเทเนีย’ หันม้ามาก่อนจะเอ่ยอย่างระมัดระวัง

“ฟังฉันให้ดีนะค่ะ เรื่องของ ‘ดยุคฮาเดียส’ ฉันจะเป็นคนรับหน้าไว้ให้เอง ส่วน ‘เรอิจิซามะ’ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นลุคและ ‘รอฟเฟรย์’ จะเป็นคนช่วยคุณเอง”

อัศวินทั้งสองรับคำของ ‘ไทเทเนีย’

“ ‘เกรกอรี่’  ส่วนคุณมากับฉันค่ะ”

“องค์หญิง…..”

“อย่ากังวลไปเลยค่ะ ยังไงซะ ‘ดยุคฮาเดียส’ ก็ไม่กล้าทำอะไรฉันเกินไปนักหรอก”

“แต่ว่า……องค์หญิง…..”

‘ไทเทเนีย’ ส่ายหน้าให้ ‘เกรกอรี่’  ขณะที่ ‘ลุค’ และ ‘รอฟเฟรย์’ มองเจ้าหญิงของพวกเขาด้วยความเคารพ

“จะเอาแบบนั้นจริงๆเหรอเทียร์”

“ค่ะ”

“ถึงฉันจะไม่ชอบมันเท่าไหร่ แต่ว่า….”

“หืม?”

คำพูดของ ‘มิซิกิ’ ทำให้ ‘เรอิจิ’ รู้สึกสับสน อัศวิน ‘ลุค’ ที่ขี่ม้าตัวเดียวกับหญิงสาวอยู่ก็มองด้วยความสงสัย จากนั้นก็มีทหารหลายคนเดินออกมาจากในป่า หรือนี่จะเป็นกองพยัคฆ์ที่ไปสอดแนม  ‘เรอิจิ’ เห็นพวกเขารีบมุ่งหน้าไปยังกองบัญชาการที่ฮาเดียสกำลังนั่งรออยู่ และ ‘ฮาเดียส’ ก็ร้องถามทหารเหล่านั้นทันที

“กองทัพปีศาจเป็นยังไงบ้าง?”

“ท่านครับ กองทัพปีศาจมัน…..”

นายทหารคนนั้นหอบหายใจขณะที่เหงื่อหยดลงบนพื้นดิน เขารายงายถึงสถานการณ์ของปีศาจที่ ‘ฮาเดียส’ ไม่สามารถจินตนาการออกเลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และทหารคนนั้นก็พูดมันออกมา

“พวกมันถูกกำจัดไปจนหมดแล้วครับ…..”

ความจริงที่น่าตกตะลึง

“-!?”

“ตายหมดเลยงั้นเหรอ?”

“…..เป็นไปไม่ได้ จากที่ได้รับรายงานมาพวกมันมีมากกว่าพันตัวนี่ ต้องใช่พลังมากขนาดไหนกันถึงกำจัดทั้งหมดนั่นได้?”

เสียงของ ‘ฮาเดียส’ ที่ ‘เรอิจิ’ ได้ยิน ดูเหมือนเขาจะตกใจมาก เพราะแม้แต่เรอิจิเองยังตกตะลึง รายงานดังกล่าวทำให้รอบข้างเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที  ‘ไทเทเนีย’ พูดขึ้นบ้าง

“แน่ใจว่าไม่ผิดพลาดนะคะ?”

“อ่า…?”

ทหารคนนั้นเมื่อมองเห็นเธอเขาก็ลังเลที่จะพูดออกมา แต่เสียงของ ‘ฮาเดียส’ ทำให้เขาพูดออกมาทันที

“จริงแท้แน่นอนครับ เราพบศพปีศาจนอนตายเต็มไปหมดเลย”

“โอ้………”

‘ไทเทเนีย’ เงียบไปทันที แม้ว่ามันจะไม่ใช่ข่าวร้าย แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนสับสนจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ จากนั้น ‘ฮาเดียส’ จึงหันมาพูดกับ ‘ไทเทเนีย’

“รู้สึกเหมือนมันจะบังเอิญเกินไปหน่อยมั้ยองค์หญิง”

“…..ไม่นี่ค่ะ แม้ว่ากองทัพปีศาจจะอยู่ที่นี่ก็จริง แต่นี่ก็เป็นทางผ่านจากเนลเฟเรียนไปยังแอสเทลอยู่แล้ว หรือท่านดยุคคิดว่าฉันกำลังโกหก?”

“พูดอะไรอย่างนั้น…..”

‘ฮาเดียส’ รีบปฏิเสธทันที่ เขาจะหาเรื่องใส่ตัวงั้นเหรอ ไม่แน่นอนยังไงซะเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์  โดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นจะไม่ยอมพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอันตรายแน่นอน หาพิจารณาให้ดีแล้ว เขาควรจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปจะดีกว่า ระหว่างที่  ‘ฮาเดียส’ กำลังตริตรองเรื่องนี้อยู่  ‘ไทเทเนีย’ ก็ถามขึ้น

“ ‘ดยุคฮาเดียส’  คุณจะทำยังไงต่อไป”

“….คงต้องไปสำรวจดูสักหน่อยขอรับ”

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments