I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 39 คำอธิบายกับร่องรอยที่เหลืออยู่

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1222 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขานั่นมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย กลิ่นเหล็กและกำมะถันที่อบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้รู้สึกแสบร้อนในจมูกทุกครั้งที่หายใจเข้า

เพียงแค่มองเห็นมันขนของพวกเขาก็ตั้งชันด้วยความสยดสยอง เขาสึกสึกได้เลยว่าทุกคนกำลังอยู่ในอาการตกตะลึง แม้แต่นายทหารที่นำทางมาก็ยังหอบหายใจอย่างรุนแรง พวกเขาหยุดม้า ก่อนจะขยี้ตาอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ  ‘มิซึกิ’ พูดขึ้นว่า

“…..นี่”

เสียงหอบหายใจของ ‘ฮาเดียส’ ดังขึ้น นายทหารแห่งกองพยัคฆ์ที่นำพวกเขามา มองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นและหันมาทางพวก ‘เรอิจิ’ ด้วยความสงสัย

“นี่มัน…….”

‘เรอิจิ’ มองสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะถอนหายใจอย่างรู้สึกกลัวเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาได้……

สิ่งที่พวกเขามองเห็นอยู่นั้นคือพื้นที่ราบขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยร้อยแตกและพื้นดินที่น่าจะเคยถูกหลอมเหลวมาก่อน แท่นน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นไปสูงลิบราวกับว่ามันทะลุไปถึงสรรค์ได้ และศพของปีศาจที่ยังสมบูรณ์และถูกเผาไปบางส่วนกระจัดกระจายไปทั่ว

มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน สภาพศพแบบนั้นมันไม่น่าจะเกิดจากอะไรก็ตามที่ปกติแน่ๆ จริงอยู่ตรงที่กองทัพปีศาจนั้นเป็นศัตรูของพวกเขา แต่ภาพการตายที่น่าสยดสยองเหล่านี้ก็ทำให้พวกเขาอดเห็นใจไม่ได้ จากที่พวกเข้ามองเห็นนี้ มันไม่ต่างอะไรจากนรกดีๆนี่เอง ในขณะที่กองพยัคฆ์ขี่ม้านำฮาเดียสอยู่  ‘เรอิจิ’ อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน….”

ตลอดเส้นทางด้านหน้านั้นชุ่มโชกไปด้วยชิ้นเนื้อและเลือด ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ล้วนแล้วแต่มีศพปีศาจทอดกายอยู่ทั่วทั้งภูเขา เมื่อเห็นดังนั้น  ‘มิซึกิ’ ที่ตามทุกคนมาด้านหลังก็พึมพำขึ้น

“…….เวทมนตร์”

“มิซึกิ?”

“ฉันแน่ใจว่ามันต้องเป็นผลมาจากเวทมนตร์แน่ๆ”

พวกเขาหันมามองหน้ามิซึกิที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ก่อนจะหันไปมองสภาพแวดล้อมดูอีกครั้ง คำพูดนั้นทำให้ ‘ไทเทเนีย’ ถามขึ้นมาอย่างสนใจ

“เธอรู้ได้ยังไงน่ะ?”

“น้ำแข็งน่ะ มันมีร่องรอยของเวทมนตร์อยู่”

“…..จริงด้วย”

ดวงตาของ ‘เรอิจิ’ ฉายแววสับสนเมื่อมอง

“ร่องรอยที่เหลืออยู่”

พวกเขาไม่สามารถจะเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้เลย เหลือแค่เพียงเถ้าถ่านและถูกขังอยู่ในน้ำแข็ง เวทมนตร์ของใครกันที่สามารถกำราบปีศาจได้อย่างอย่างสิ้นเชิงแบบนี้

“มิซึกิ”

“อืม อย่างที่เรารู้กันว่าพวกเราไม่สามารถใช้เวทมนตร์ในการกำจัดพวกมันได้”

“บางทีมันอาจต้องใช้พลังมากถึงจะทำได้ละมั้ง”

แต่นั่นมันก็ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร ที่สำคัญตอนนี้คือกองทัพปีศาจพ่ายแพ้ให้กับใครต่างหาก บางอย่างแวบเข้ามาใจใจของ ‘เรอิจิ’  ก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็วพอกัน ไม่มีทางที่พลังกายของเขาจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้

แต่ปีศาจตนเดียวก็เต็มกลืนแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะสามารถกำจัดได้ทั้งกองทัพหรอก คนที่สามารถใช้เวทมนตร์เพื่อทำเรื่องพวกนี้ได้ เขาอยากพบหน้าสักครั้งจริงๆ ในขณะที่ทุกคนกำลังขยับม้าอย่างตึงเครียดกันอยู่  ‘ไทเทเนีย’ ได้พูดขึ้น

“เอ๊ะ……!?”

เสียงของหญิงสาวทำให้ ‘ฮาเดียส’ หันมามองด้วงความสงสัย สิ่งที่ทำให้เธอร้องออกมาอย่างตกใจ คือร่างปีศาจขนาดยักษ์นั่นเอง

“ตัวใหญ่ชะมัด”

‘มิซึกิ’ ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ขนาดความยาวของร่างกายประมาณสองเมตรหรือมากกว่านั้น ผิวหนาซะยิ่งกว่ายางรถยนต์ แขนขาหนายิ่งกว่าลำต้นของต้นไม้ ดวงตาสีแดงก่ำเบิ่งกว้างอย่างหน้าหวาดผวา

แม้ว่าปีศาจตนนี้จะถูกฆ่าจากเวทมนตร์ไปแล้ว มิซึกิสามารถบอกได้จากร่างที่โผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

“เป็นไปได้ยังไงกัน ทำยังไงถึงถูกฝังลงไปขนาดนั้นได้น่ะ”

สภาพปีศาจที่ถูกฝังไว้ครึ่งตัว ทำให้ ‘ไทเทเนีย’ ถอนหายใจด้วยความตกตะลึง เมื่อมองเห็นสภาพของปีศาจเหล่านี้ แม้แต่นักรบอย่าง ‘เกรกอรี่’ และ ‘ฮาเดียส’ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน ก็มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามา หลังจากหยุดหายใจอย่างเหนื่อยล้า เขาได้รายงานบางอย่างที่น่าตกใจยิ่งกว่าออกมา

“ท่านครับ…..จำนวนปีศาจมัน…..”

ทั้งหมดเงียบเพื่อรอฟังสิ่งที่ทหารนายนี้กำลังจะบอก  ‘ฮาเดียส’ ตวาดถามออกมาอย่าเคร่งเครียด

“เท่าไหร่?”

“เหยียบหมื่นครับ”

ทุกคนอ้าปากค้าง จำนวนมากมายขนาดนั้นมันมากพอที่จะถล่มอาณาจักรหนึ่งให้หายไปได้เลย เมื่อตั้งสติได้  ‘ฮาเดียส’ ถามย้ำอีกครั้ง

“ว่ายังไงนะ….”

“ไม่ใช่แค่เท่าที่เห็นอยู่นี่งั้นเหรอ?”

“ด้วยความเคารพครับท่าน  แต่ดูเหมือนว่าจำนวนที่เราได้รับรายงานมาจะเป็นตัวเลขที่ไม่ถูกต้องครับ”

คำตอบของกองพยัคฆ์ทำให้ฮาเดียสหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที

“รายงานผิดพลาดงั้นเหรอ……”

เสียงพูดนั้นดูเหมือนจะมีความรู้สึกบางอย่างแฝงมาด้วย หากต้องต่อสู้กับจำนวนศัตรูที่ได้รับรายงานผิดพลาดมาละก็ แค่คิดถึงผลลัพท์ที่จะออกมา ระหว่างที่ ‘ฮาเดียส’ กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่  ‘ไทเทเนีย’ ก็มองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นเยียบ

“ ‘ดยุคฮาเดียส’  คุณคิดจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไงค่ะ ถ้าหากพวกมันเข้าโจมตีคูรันด์และเมเทอร์”

“ว่ายังไงคะ คุณคิดจะทำยังไง ‘ดยุคฮาเดียส’ ”

คำถามของ ‘ไทเทเนีย’  ทำให้ ‘ฮาเดียส’ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

“เมื่อเจ็ดวันก่อน มีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างรุนแรง บางที่กองทัพปีศาจอาจจะถูกกำจัดในวันนั้นก็ได้”

“สายฟ้าเหรอคะ?”

‘ฮาเดียส’ กล่าวต่อว่า

“บางทีมันอาจจะเป็นสายฟ้าแห่งการลงทัณฑ์ของเทพธิดาก็ได้”

แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่พลังของเทพธิดา ‘อาร์ชูน่า’ หรืออะไรหรอก ถ้าหากว่าเทพธิดามีพลังอำนาจขนาดนั้น พวกเขาคงไม่ต้องเรียกผู้กล้ามาช่วยต่อสู้ก็ได้ หลังจากนี้เขาจะต้องไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้  ‘มิซึกิ’ พูดขึ้นมาอย่างกังวล

“แล้วตอนนี้ ‘ซุยเมย์คุง’ จะเป็นยังไงบ้างน่ะ?”

“หืม?”

หยิงสาวมองไปที่ ‘เรอิจิ’ อย่ากังวล พวกเขารีบมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อหวังจะพบตัว ‘ซุยเมย์’ ก่อนที่เขาจะพบกับกองทัพปีศาจ แต่ว่าตอนนี้กองทัพปีศาจก็ถูกทำลายไปแล้ว

“ท่านครับ ยังมีปีศาจที่ยังไม่ตายอยู่ด้วย”

” ? ! ? “

ทหารที่สำรวจบริเวณรอบๆ ร้องตะโกนขึ้นเมื่อพบว่ายังมีปีศาจที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่ามกลางซากศพมากมาย ปีศาจตนที่ว่าค่อยๆกระพือปีกบินขึ้นมา ฮาเดียสตะโกนสั่งการอย่างรวดเร็ว

“ทุกคนเตรียมพร้อม!!”

เขาตะโกนสั่งการพลางดึงดาบออกมา เหล่าทหารเองก็ไม่น้อยหน้า รีบกระชับหอกในมือให้มั่น นักเวเองก็เอาคทาออกมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการร่ายเวท เมื่อได้ยินเสียง ‘ฮาเดียส’   ‘เรอิจิ’ รีบหันหน้าไปทันที

“ ‘ลุค’   ‘มิซึกิ’ ”

“เข้าใจแล้วครับ”

“เรอิจิ!?”

“ ‘ลุค’  อยู่กับ ‘มิซึกิ’ ที่นี่  ‘เทียร์’ ”

“ค่ะ  ‘เรอิจิซามะ’ ”

“เตรียมเวทมนตร์ไว้ให้พร้อม”

หลังจากสั่งกรเสร็จ เรอิจิก็ชักดาบออกมาบ้าง และควบม้าไปยังปีศาจตนนั้นโดยมี  ‘ไทเทเนีย’   ‘เกรกอรี่’  และ ‘รอฟเฟย์’ ตามมาด้านหลัง

ระหว่างนั้นทหารก็โจมตีเข้าไปตามคำสั่งของ ‘ฮาเดียส’   ‘เรอิจิ’ หยุดม้ามองดูการโจมตีเหล่านั้น เขาเห็นทหารและนักเวทโจมตีเข้าไปอย่างมีแบบแผน

แต่นั้นก็ไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้กับปีศาจตนนั้นได้เลย (นี่มัน……) ไม่ว่าจะโจมตีเข้าไปมากแค่ไหน เหล่าทหารก็ไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆได้เลย ความตายเป็นสิ่งพบเห็นได้ในสนามรบอยู่แล้ว แต่ตายยังไง ตายแบบไหนนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ใช่ มันยังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาควรจะตาย แต่ความตายได้มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเขาจะรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร หลังจากการต่อสู้ในครั้งแรก เขาก็ไม่อาจจะทนมองภาพการตายของเหล่าทหารได้อีก ถ้าเขาสามารถกำจัดปีศาจตนนี้ได้ละก็ พวกเขาก็จะรอด ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทหารเหล่านี้จะต้องมาเสี่ยง

“มันมาแล้ว”

‘ฮาเดียส’ ร้องตะโกนอยู่บนม้าสีดำตัวใหญ่ เหล่าทหารรีบวิ่งเข้าไปล้อมเพื่อปกป้องเขาไว้ ยังไงก็ตามมือปีศาจตนนั้นกวาดมือไปทางไหน มันก็ได้พัดพาชีวิตของเหล่าทหารไปด้วย และตอนนี้มันกำลังมุ่งหน้าไปหา ‘มิซึกิ’ และ ‘ลุค’

“อ๊ะ!”

สายเกินกว่าที่จะทำอะไรแล้ว การปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของปีศาจทำให้ ‘มิซึกิ’ และ ‘ลุค’ ไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้

“เกรกอรี่!”

‘ไทเทเนีย’ ร้องเรียก ‘เกรกอรี่’ ทันที แต่ว่า

“เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนว่าเป้าหมายจะไม่ได้อยู่ที่ ‘มิซึกิโดโนะนะ’ ขอรับ”

“จริงด้วย!”

‘ลุค’ ที่หมุนม้าเพื่อพยายามหนีการจู่โจมของปีศาจ ถูกปัดตกลงไปในโคลนและม้าก็ถูกชิงไปอย่างรวดเร็ว

“คุ…..จงลุกโชน!”

‘เรอิจิ’ ร่ายเวทโจมตีทันที ขณะที่ ‘ไทเทเนีย’ เองก็ร่ายคาถา แต่ว่าการโจมตีนั้นไม่อาจจะทำอันตรายปีศาจได้

(แย่ล่ะ…….)  ‘มิซึกิ’ ที่อยู่ใกล้ปีศาจตนนั้นที่สุดร่ายเวทมนตร์เพื่อโจมตีบ้าง แต่มันก็ไม่อาจทำร้ายปีศาจตนนั้นได้เลย จู่ๆบรรยากาศก็ดูเหมือนจะหนักขึ้นกะทันหัน พร้อมๆกับที่เปลวไฟสีขาวฉีกกระชากท้องฟ้าและร่วงหล่นลงมาโจมตีปีศาจที่ตั้งท่าจะจู่โจม ‘มิซึกิ’ ทันเวลาพอดี เปลวไฟสีขาวนั้นลุกโพลงไปถึงฟ้าสวรรค์

“…..”

“เวทมนตร์นี่มัน….”

‘เรอิจิ’ และ ‘ไทเทเนีย’ ร้องด้วยความประหลาดใจ ในเวลาเดียวกันนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังมาจากทางด้านหลัง ใครบางคนกำลังควบม้ามาทางนี้ มาเร็วมากอีกด้วย เมื่อบุคคลที่ว่าเข้ามาอยู่ในระยะสายตา  ‘ไทเทเนีย’ ก็ร้องออกมาทันที

“เปลวไฟสีขาวนี่….”

คนชุดขาวที่กำลังควบม้ามาทางนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือสภาจอมเวท  ‘เฟลเมเนีย สติงเรย์’ นั่นเอง  ‘เรอิจิ’ ตะโกนถาม ‘เฟลเมเนีย’ ทันที

“อาจารย์ มาทำอะไรที่นี่ครับ?”

“ผู้กล้า เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้กำจัดปีศาจก่อน”

“ครับ”

หลังจากได้ยินคำพูดของ ‘เฟลเมเนีย’   ‘เรอิจิ’ ควบม้าเข้าไปหาปีศาจทันที เสียงแหบพร่าของ ‘ฮาเดียส’ สั่งการอีกครั้ง

“นักเวทปล่อยเวทมนตร์ได้”

เหล่าทหารหาญหยุดจู่โจมปีศาจ และปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของเหล่าจอมเวทต่อไป การโจมตีด้วยเวทมนตร์หลากหลายชนิดทำให้เกิดระเบิดขนาดใหญ่ ฝุ่นฟุ้งไปทั่วบริเวณ

แม้แต่ปีศาจก็ไม่น่าจะรอดพ้นจากการโจมตีนี้ไปได้ จากนั้น ‘เฟลเมเนีย’ ก็เคลื่อนม้าเข้ามาใกล้พวกเขา

“องค์หญิง  ‘มิซึกิ’   ‘เรอิจิ’  ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”

‘ไทเทเนีย’ พยักหน้าให้กับคำทักทายของ ‘เฟลเมเนีย’   ‘เรอิจิ’ และ ‘มิซึกิ’ รีบทักทายผู้มาใหม่ทันที

“ไม่พบกันนานนะครับอาจารย์”

“ ‘เฟลเมเนียซัง’  ขอบคุณมากนะค่ะ”

“ไม่เป็นไร…”

‘เฟลเมเนีย’ ยิ้มก่อนจะตบไปเบาๆที่มือของ ‘มิซึกิ’  จากนั้น ‘เฟลเมเนีย’ หันไปพยักหน้าให้กับ ‘ฮาเดียส’ ราวกับคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยที่ไม่ได้สนใจ ‘ไทเทเนีย’ เลย ‘ไทเทเนีย’ พูดขอบคุณเธออีกครั้ง

“เปลวไฟสีขาว ขอบคุณที่มาช่วยนะค่ะ แต่ทำไมคุณถึงมาที่นี่กัน?”

“ความรับผิดชอบในฐานะสภาจอมเวทที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทค่ะ”

ระหว่างที่ ‘เฟลเมเนีย’ ตอบคำถาม  ‘ฮาเดียส’ ก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“ราชโองการจากฝ่าบาทงั้นเหรอ…”

คำว่า

“ราชโองการ…”

เป็นคำสั่งที่ ‘เรอิจิ’ ไม่คาดคิด ราชา ‘เอลมาเดียส’ คิดว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลืองั้นเหรอ

“มาเพื่อช่วยเราเหรอครับ?”

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก….”

“เปลวไฟสีขาว งั้นคุณมาทำไมคะ?”

“………”

‘เฟลเมเนีย’ ไม่สามารถที่จะตอบคำถามของ ‘ไทเทเนีย’ ได้ ราชาเองก็ไม่ต้องการให้เจ้าหญิงมารู้เรื่องนี้เช่นกัน ขณะนั้นเองได้มีทหารคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

“รายงานครับ!”

ปีศาจอีกแล้วงั้นเหรอ พวกเขาถึงกับสะดุ้ง แต่เมื่อมองดูให้ดี ทหารคนนี้ไม่ได้วิ่งมาจากทิศทางที่มีปีศาจอยู่  ‘ฮาเดียส’ รีบถามทันที

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

“จักรวรรดิส่งเจ้าหญิงลำดับที่สาม องค์หญิง ‘กราเซีย ลา ฟีรัส ไรเซน’  มาที่นี่ครับ”

รายงานฉุกเฉินนี้ทำให้สีหน้าของ ‘ไทเทเนีย’ เปลี่ยนไปทันที

“เจ้าหญิงกราเซียงั้นเหรอ!?”

“จักรพรรดิกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงส่งคนข้ามชายแดนแอสเทลมาที่คูรันด์โดยไม่แจ้งให้เราทราบก่อน”

“ทำไมงั้นเหรอ”

“ฉันมาด้วยตัวเองเองค่ะ”

“!?”

น้ำเสียงทรงอำนาจนั้นทำให้ ‘ไทเทเนีย’ ชะงักก่อนจะหันไปมองด้วยความประหลาดใจ ท่ามกลางฝุ่นควันที่เริ่มจางหาย ก็ปรากฏร่างหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น!

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments