I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 40 องค์หญิงแห่งจักรวรรดิ

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1257 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

” ‘เรอิจิคุง’ ! เราจะทำยังไงกันดี!”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ”

เมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติ มิซึกิหันมาถาม ‘เรอิจิ’ ด้วยสีหน้ากังวลในขณะที่ ‘เรอิจิ’ ตอบกลับอย่างใจเย็น

ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นคือผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่บนหลังม้า ร่างที่โผล่พ้นหมอกควันออกมานั้น สวมเครื่องแบบทหารเต็มยศ คือหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมีผมสีทองอร่าม สีหน้าแววตากล้าหาญสมกับที่เกิดในชนชั้นปกครอง รอบกายหญิงสาวคนนั้นคือกลุ่มคนที่สวมเครื่องแบบทหารเช่นเดียวกัน

แต่ว่า ปัญหาคือ (……..ทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นม้าก่อนหน้านี้เลย?) ทั้งๆที่คนพวกนี้ก็ขี่ม้าแบบเดียวกับพวกเขา แต่ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงเกือกม้ากระทบพื้นเลยสักครั้งตลอกเส้นทางที่ผ่านมา นี่มันเป็นไปได้ยังไง  ‘เรอิจิ’ พึมพำอย่างสงสัย

‘เฟลเมเนีย’ จึงอธิบายเรื่องนั้นให้ฟัง

” ‘เรอิจิ’  นั่นคือราชธิดาลำดับที่สามของจักรพรรดิแห่งเนลเฟเรียน องค์หญิง ‘กราเซลลา ฟีรัส ไอเซน’  เธอได้รับการศึกษาจากจอมเวทผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์เกี่ยวกับความมืดที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่แปลกอะไรที่จะสามารถลบเสียงฝีเท้าม้าไปได้”

“แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยครับ”

“ไม่รู้สิ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีนัก รอดูอยู่เงียบๆเถอะ….”

เมื่อเห็น ‘เรอิจิ’ กับ ‘เฟลเมเนีย’ กำลัง ‘ซุบซิบ’ กันอยู่  ‘กราเซีย’ ก็ทำหน้าบึ้งตึงทันที ขณะเดียวกับไทเทเนียเคลื่อนม้าเข้าไปหา ‘กราเซีย’ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ไม่ได้พบกันนานนะค่ะ องค์หญิง ‘กราเซลลา’ ”

“เช่นกันค่ะองค์หญิง ‘ไทเทเนีย’  ดูคุณจะยังแข็งแรงดีนี่คะ”

แม้ว่าจะสงสัยและไม่พอใจแต่ ‘ไทเทเนีย’ ก็ยังคงทักทาย ‘กราเซลลา’ อย่างมีมารยาท  ‘กราเซลลา’ ทักทายกลับอย่างแฝงความนัยบางอย่าง

“องค์หญิง อยากจะพูดอะไรกันแน่คะ?”

“ไม่รู้สิค่ะ คุณก็ลองไปเดาเอาเองแล้วกัน”

“แม้ว่าเราจะเป็นพันธมิตรกัน แต่การพาทหารข้ามชายแดนมาโดนที่ไม้แจ้งให้ทางเราทราบ คุณจะอธิบายเรื่องนี้ว่ายังไงคะ?”

คำถามของ ‘ไทเทเนีย’  ทำให้ ‘กราเซลลา’ ยิ้มออกมา

“เรื่องนั้นต้องขอโทษด้วยค่ะ ว่าแต่ คุณอยากให้ฉันบอกเหตุผลจริงๆหรือ?”

“……..หมายความว่ายังไงคะ?”

“ไม่รู้งั้นหรือคะ?”

สายตาของเจ้าหญิงทั้งสองปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายแล้วก็เป็น ‘กราเซลลา’ ที่พูดออกมาก่อน

“มีการปรากฏตัวของกองทัพปีศาจขึ้นในประเทศนี้ แต่พวกคุณกลับไม่ยอมรายงานเรื่องนี้ให้กับประเทศพันธมิตรได้รับรู้ อยากถามว่า คุณยังคิดว่าพวกเราเป็นพันธมิตรกันอยู่รึเปล่าคะ?”

“เพราะกองทัพปีศาจบุกมาอย่างกะทันหัน……เราจึงไม่ทันจะติดต่อไปค่ะ”

“เท่าที่เห็นนี่ ดูเหมือนจะมีผู้กล้าอยู่ที่นี่ด้วยนะค่ะ เท่าทีฉันทราบผู้กล้ากำลังเดินทางไปที่อื่นอยู่ไม่ใช่เหรอค่ะ คุณแจ้งผู้กล้าไปแต่แจ้งเราไม่ได้ คุณจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงค่ะเจ้าหญิงแห่งแอสเทล”

“อุ๊ก……”

ในขณะที่ ‘ไทเทเนีย’ เบือนหน้าหนีอย่างอับอาย  ‘กราเซลลา’ ก็หัวเราะขึ้นมา

“จะว่ายังไงคะ? หรือว่าพวกคุณไม่ต้องการร่วมมือกับเราในการปราบราชาปีศาจแล้ว”

“ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนค่ะ แต่ว่าเรื่องที่พวกคุณเข้ามาในประเทศของเราโดยไม่ได้รับอนุญาติมันก็เป็นเรื่องไม่สมควรเช่นกัน”

“ฉันรีบมาที่นี่เพราะได้ยินว่าประเทศพันธมิตรกำลังตกอยู่ในอันตรายค่ะ นั่นคงเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้ว หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไปคะ?”

‘กราเซลลา’ ยิ้มอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า เพื่อช่วยรับมือสถานการณ์การโจมตีของกองทัพปีศาจงั้นเหรอ  ‘ไทเทเนีย’ มองหน้า ‘กราเซลลา’ อย่างขมขื่น

“แต่ยังไงคุณก็ควรแจ้งให้ทางเราทราบก่อน”

“งั้นเหรอคะ แต่ว่าเรื่องที่กองทัพปีศาจบุกที่นี่อีกสักพักก็คงถูกส่งไปยังสาธารณรัฐซาเดียสแล้วล่ะ ฉันว่าฉันคงต้องรออยู่ที่นี่ในฐานะประเทศพันธมิตรถูกมั้ยคะ?”

สีหน้าของ ‘ไทเทเนีย’ ดำคล้ำมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของกราเซลลา องค์หญิงคนนั้นหันหน้าไปทาง ‘เรอิจิ’ และถามขึ้น

“คุณคือผู้กล้าที่ถูกเรียกมาโดยแอสเทลใช่มั้ยคะ”

“…..ครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“อ่า เช่นกันครับ”

‘เรอิจิ’ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย มารยาทที่เขาแสดงออกมาทำให้กราเซลลาหัวเราะเบาๆก่อนจะพิจารณา ‘เรอิจิ’ อย่างสนใจ

“คุณดูดีกว่าที่ฉันคิดไว้นะคะ”

“…..ทำไมละครับ”

“คุณไม่มีรอยแผลเป็นบนหน้า หรืออะไรก็ตามที่บ่งบอกว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้เลย”

จู่ๆเธอก็พูดแบบนี้กับผู้กล้าที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกงั้นเหรอ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เมื่อ ‘ไทเทเนีย’ ได้ยินอย่างหน้าก็ปรากฏใบหน้าขุ่นเคืองขึ้นมาทันที

“องค์หญิงกราเซีย คุณพูดแบบนั้นกับผู้กล้าที่มาช่วยโลกมันไม่เสียมารยาทเกินไปหน่อยหรือคะ?”

“เอาเถอะค่ะๆ ถึงฉันจะไม่เชื่อว่าเขาสามารถช่วยโลกได้จริงๆ แต่จะพูดดีๆด้วยหน่อยก็แล้วกัน”

พูดพลางสบตากับไทเทเนีย

“ว่าแต่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับกองทัพปีศาจกันคะ?”

“เรื่องนั้น พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

“ไม่รู้เหรอคะ?”

คำตอบของ ‘ไทเทเนีย’ ทำให้กราเซลลาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ บางที ‘ไทเทเนีย’ อาจจะกำลังโกหกเธออยู่ ตอนนี้เองที่ความสงสัยแล่นผ่านเข้ามาในใจของเรอิจิ ทำไม ‘ฮาเดียส’ ถึงไม่พูดอะไรออกมาเลยล่ะ? ทั้งๆที่เขาเป็นคนชอบพูดมากไม่ใช่เหรอ

ทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรกับ ‘กราเซียเล’  เขาเงียบอยู่อย่างนี้นับต้องแต่ ‘กราเซลลา’ ปรากฏตัวออกมาแล้ว เขาไม่สนใจทางนี้เลยสักนิด การแสดงออกของเขาแปลกเกินไป มันมีบางอย่างที่ผิดปกติ  ‘เรอิจิ’ รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ใจกลางของการโจมตี ทำไมเขาถึงมองไปที่นั่น  ‘เรอิจิ’ ขยับตัวอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเห็น ‘เฟลเมเนีย’ ที่กำลังมองขึ้นไปด้านบน

“อาจารย์…..”

เธอสามารถระบุทิศทางได้อย่างถูกต้อง เส้นผมยาวสีเงินโบกสะบัด ในขณะเดียวกับที่เสียงของ ‘ฮาเดียส’ ดังมาจากด้านข้าง

“มันยังอยู่สินะ……”

“ดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าปีศาจทุกตัวที่เราเคยเจอมา”

‘เรอิจิ’ อ้าปากค้างกับคำพูดของเขา สถานการณ์เริ่มอันตรายขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาสูดหายใจเข้าออกเพื่อเตรียมพร้อม เสียงกระพือปีกของปีศาจดังขั้น ที่ด้านบน ปีศาจโจมตีเข้ามาทันทีที่เห็นมนุษย์ พวกม้าเริ่มแตกตื่นกันทันที เพื่อจะต่อสู้ ‘เรอิจิ’ ได้ลงมาจากหลังม้าเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ไม่จำเป็นที่ใครจะต้องพูดอะไร

การโจมตีที่รวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าก็ได้เกิดขึ้นที่ด้านหน้าของ ‘เรอิจิ’  ฝุ่นควันกระจายคลุ้งอีกครั้ง ก่อนที่เวทลมจะพัดพามันออกไปพร้อมๆกับการโจมตีชุดใหม่ที่ประดังเข้าไป แต่ในที่สุดแล้วมันก็ไม่เป็นผล ปีศาจที่มีขนาดใหญ่กว่าสองเมตรได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง มันมีสีผิวแดงก่ำ และแขนขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามขนาดใหญ่

“กองทัพของพวกมนุษย์งั้นเรอะ”

“ใหญ่ชะมัด”

แทบจะทุกคนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเสียงนั้น

“ ‘เรอิจิซามะ’ ระวังค่ะ!”

“ผมรู้ครับ ‘เทียร์’  แต่ว่า……”

‘เรอิจิ’ ไม่ละสายตายในขณะที่ตอบ ‘ไทเทเนีย’  เขารับรู้ได้ถึงบางสิ่ง เมื่อมองไปที่ปีศาจที่กำลังบาดเจ็บ มองร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลนี้ มันคือความแน่วแน่ในจุดมุ่งหมายของตน แม้ว่าจะเอาชนะได้หรือไม่ได้ก็ตาม มันก็ยังคงต่อสู้อยู่ แต่ว่า ไม่ว่ามันจะดูอ่อนแอสักแค่ไหน เวทมนตร์ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอันตรายมันได้  ‘ฮาเดียส’ เอ่ยกับปีศาจตนนั้น

“แกเป็นใครเจ้าปีศาจ?”

“อ่า…..ชื่อของข้าคือ ‘ราจัส’  หนึ่งในขุนพลผู้บังคับบัญชากองทัพปีศาจ”

เมื่อได้ยิน ‘ราจัส’ แนะนำตัว ‘กราเซีย’ และ ‘ไทเทเนีย’ หันมองหน้ากันด้วยความตกใจ

“ขุนพลปีศาจ!!”

“ไม่ใช่ปีศาจธรรมดาจริงๆด้วย…..”

‘ฮาเดียส’ ยังคงตั้งคำถามต่อไป

“แกต่อสู้กับใคร และมันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

“ไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องตอบ”

‘ราจัส’ ปฏิเสธจะตอบคำถามของ ‘ฮาเดียส’  ความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดของบาดแผลยังน้อยกว่าความอัปยศที่เกิดจากการพ่ายแพ้ซะอีก  ‘ราจัส’ กล่าวตอบขณะที่เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าความภาคภูมิใจของ ‘ราจัส’ คือพละกำลังของแขน ยังไงก็ตามโอกาสพบขุนพลปีศาจนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย  ‘เรอิจิ’ จึงถือโอกาสนี้ถาม ‘ราจัส’ ทันที

“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย……”

“อะไร?”

“ทำไมถึงโจมตีมนุษย์ล่ะ?”

เหตุผลที่ทำไมปีศาจถึงโจมตีมนุษย์  ‘เรอิจิ’ ต้องการรู้เรื่องนี้เป็นอย่างมาก หลังจากทำหน้าบิดเบี้ยวอยู่สักพัก ก็มีเสียงตอบกลับมา

“เพราะมันคือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว มันคือคำสั่ง เพราะงั้นเลยต้องฆ่า”

“คำสั่งงั้นเหรอ ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ต่างคนต่างอยู่”

“ไม่ ไม่ได้ มนุษย์ทวีจำนวนขึ้นยังกับหนอน ไม่ช้ามันจะรุกรานพวกเรา เพราะงั้นเลยต้องชิงกำจัดทิ้งก่อน”

“มนุษย์กับปีศาจเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย”

“หมายความว่ายังไง?”

“อืม”

สิ่งที่ ‘เรอิจิ’ พูดนี้ใช่ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจ แต่ว่ามันก็เป็นแค่ภาพลวงตาของเดกน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นจริง เมื่อ ‘เรอิจิ’ เห็นทุกคนแสดงปฏิกิริยาเช่นนั้น มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะพูดต่อ  ‘ไทเทเนีย’ ทำท่าเหมือนกับประหลาดใจกับอะไรสักอย่าง  ‘กราเซีย’ ก็หันหน้าไปมองทางอื่นอย่างไม่สนใจ  ‘ราจัส’ จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ

“…..ผู้กล้างั้นเรอะ?”

“รู้ได้ยังไงน่ะ?”

“เหอะๆ…..หลงละเมออยู่กับความฝันโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง มีแต่พวกผู้กล้าเท่านั้นแหละที่คิดแบบนั้น”

แม้จะอยู่ในสภาพอ่อนแรง แต่ ‘ราจัส’ ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง สภาพการหัวเราะของ ‘ราจัส’ ทำให้ ‘กราเซีย’ มองด้วยความประหลาดใจ

“เกิดอะไรขึ้น แล้วนั่นไม่เจ็บรึไง”

“ใครมันจะไปสนใจเรื่องนั้นกันล่ะ เพื่อลบล้างความอัปยศของข้า ถ้าข้าสามารถตัดหัวของผู้กล้าได้ ข้าก็กลับไปได้แล้ว”

‘ราจัส’ แผดเสียงร้องพร้อมๆกับพลังเวทมนตร์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ‘เรอิจิ’ กระชับดาบในมือให้มั่น  ‘ฮาเดียส’ เองก็พาทหารเข้ามาใกล้พร้อมกับอาวุธในมือ  ‘มิซึกิ’  อยู่ด้านข้างของ ‘ไทเทเนีย’ และ ‘เฟลเมเนีย’ ที่เตรียมพร้อมร่ายเวท ขณะที่คนอื่นๆเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ กราเซียขยับถอยห่างออกไปจากสนามรบ

“ขอถามอะไรหน่อย”

“ข้าไม่คุยกับพวกผู้กล้าหรอก”

‘ราจัส’ คำราม ในขณะที่กระพือปีกที่กว้างกว่าสองเมตรนั้นอย่างรวดเร็วเพื่อไปหา ‘เรอิจิ’  เป็นความเร็วที่น่ากลัวมาก

“อ๊ะ…”

‘เรอิจิ’ ทะยานขึ้นด้วยพละกำลังทั้งหมดที่ได้รับมานับต้องแต่วันที่ถูกเรียกตัวมาที่โลกแห่งนี้เช่นกัน

“ย้ากกก”

เสียงดาบปะทะกับหมัดดังกังวานไปทั่ว แรง แรงปะทะนั้นทำให้ ‘เรอิจิ’  รีบจับดาบด้วยมือทั้งสอง ก่อนจะพุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้ง เมื่อ ‘ราจัส’ เหวี่ยงหมัดเพื่อโจมตีอีกครั้ง แรงปะทะของดาบและพลังหมัดนั้นก็เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไป แต่ ‘เรอิจิ’ ไม่มีเวลาสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น สัญชาตญาณบอกกับเขาว่า จะต้องมีบางอย่างที่ไม่ดีนักเกิดขึ้นแน่

นาทีต่อมามือที่อยู่บนพื้นของ ‘ราจัส’ ก็สาดโคลนเข้ามายังบริเวณใบหน้าของ ‘เรอิจิ’  เขารีบใช้ใบดาบเพื่อปิดป้องดวงตาทันที

“อ๊ะ…”

พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จากกระระเบิด  ‘เรอิจิ’ ที่เสียสมดุลก็ทรุดลงทันที เมื่อตระหนักได้ถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่การต่อสู้ก็ใช่จะจบลง  ‘เรอิจิ’ เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าเพื่อปัดป้องการโจมตีทันที แต่มันก็เป็นแค่ภาพลวงตา

การโจมตีที่แท้จริงนั้นมาทางพื้นดิน ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นมากมายเกินกว่าที่เขาจะทนได้ ในที่สุดการป้องกันก็ถูกทำลายไป ระหว่างการโจมตีระลอกต่อไปกำลังจะมาถึง เขาได้ยินเสียง ‘มิซึกิ’ กรีดร้อง

“ระวัง  ‘เรอิจิ’ !!”

“ไม่ต้องห่วง ‘มิซึกิ’ ……”

‘เรอิจิ’ ฟาดดาบไปที่ ‘ราจัส’ อีกครั้ง

“ผู้กล้าเอ๋ย พลังเพียงเท่านี้คิดจะหยุดความทะเยอทะยานของกองทัพปีศาจอย่างนั้นเหรอ ไร้สาระน่า”

เสียงของความผิดหวังดังก้องมาจากในใจของ ‘เรอิจิ’  มันไม่ต่างอะไรกับภาพลวงตาเลย ก่อนที่ ‘ราจัส’จะเข้าถึงตัวของ ‘เรอิจิ’ อีกครั้ง  ‘ฮาเดียส’ ได้เข้ามาขวางไว้ก่อน

“หลบไป!”

‘ฮาเดียส’ ตะโกนสั่งขณะที่เกร็งพลังเพื่อรับหมัดของ ‘ราจัส’  เขาหรี่ตาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเหวี่ยงดาบเข้าไปยังกลางลำตัวของขุนพลปีศาจ

“!”

“เอ่อ…….”

เกิดรอยถลอกแค่เล็กน้อยเท่านั้น ราจัสมอง ‘ฮาเดียส’ อย่างเหยียดหยาม เหมือนกับมองมดปลวก

“มนุษย์”

‘ราจัส’ เหวี่ยงแขงเหมือนกับปัดยุง ส่งผลให้ ‘ฮาเดียส’ ลอยหายไปทันที

“โอ้—”

เสียงผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น  ‘กราเซลลา’ นั้นเอง เมื่อโอกาสมาถึง เธอก็ร่ายเวทมนตร์ทันที

“ผืนดินเอ่ย โปรดรับฟังคำของข้า และแปรเปลี่ยนเป็นที่คุมขังอันเข้มแข็ง ผนึกคริสตัล”

หลังจากที่จบคำร่าย  ‘กราเซลลา’ ทุบลงไปยังพื้นดิน พื้นดินสั่นไหวเล็กน้อย และก้อนหินนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมา แต่ทว่า มันไม่ใช่หินธรรมดา มันมีความโปร่งใส่เหมือนกับผลึกจำพวกควอทซ์และยิปซั่ม หลังจากที่ ‘กราเซลลา’ สะบัดมืออีกครั้ง พวกมันก็พุ่งตรงเข้าไปหา ‘ราจัส’  กระสุนหินที่ดูท่าจะหนาหนักเข้าโอบล้อม ‘ราจัส’ ไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นที่ขุมขังอังแข็งแกร่ง ……..

ขุนพลปีศาจที่ถูกฝังอยู่ใต้ปราการหินระเบิดพลังออกมา หลังจากที่ฝุ่นควันจางหาย  ‘ราจัส’ ยังยืนอยู่ที่นั้นโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“เวทมนตร์ไม่ได้ผล”

‘ราจัส’ ที่มีม่านพลังสีดำสนิทโอบล้อมอยู่ ยังคงไม่ได้รับบาดแผลใดๆเพิ่มขึ้น แม้แต่เวทมนตร์ระดับกลางที่โจมตีเข้าไปก็ดูจะไม่มีผลอะไรกับปีศาจตนนี้เลย  ‘กราเซลลา’ รู้สึกประหลาดใจยิ่งนักที่การโจมตีของเธอไร้ผล ตอนนั้นเอง

“ย้ากกกกกก”

‘ราจัส’ แผดเสียงร้องดังสนั่น ราวกับว่ากำลังดึงพลังออกมาจากส่วนลึกที่สุดของตนอยู่ ในตอนนั้นเอง พลังงานสีดำก็ระเบิดขึ้นรอบๆ (ลางไม่ดีแล้ว……)  ‘เรอิจิ’ กลืนน้ำลายก่อนจะมองในระยะสิบเมตรรอบตัว ‘ราจัส’

ถ้าหากถอยช้าไปกว่านี้อีกเพียงแค่นาทีเดียวละก็ เขาคงไม่รอดแน่ๆ เหงื่อเย็นเยียบไหลลงมาตามแผนหลังพร้อมๆกับอาการปวดตุบๆที่แขน อย่างน้อยร่างกายของเขาก็ดูจะไม่เป็นอะไรมากนัก

“ ‘เรอิจิซามะ’  ปลอดภัยมั้ยคะ?”

“ผมไม่เป็นไร เทียร์ล่ะ?”

ภูมิทัศน์รอบๆดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย เหมือนพิจารณา ‘ไทเทเนีย’  ก็ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นอะไรมากนัก เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หลังจากที่ระเบิดที่คุมขังออกมาได้ ราจัสก็ตะโกนออกมาทันที

“บัดซบ….. แกจะทำอะไร จะใช้ฟ้าผ่าใส่ข้าใช่มั้ย”

ขุนพลปีศาจตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ก่อนจะถ่มน้ำลายปนเลือดออกมาจากปาก ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการโจมตีด้วยเวทมนตร์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ผลเลยซะทีเดียว หลังจากนั้นราจัสก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยการโจมตีทางเวทมนตร์ มีทั้งเปลวไฟและสายฟ้ากระหน่ำเข้าไปไม่หยุดหยุด แม้แต่ ‘กราเซลลา’ เองก็ยังหันมาร่ายเวทไฟโจมตีด้วย แต่ยังไงก็ตาม ‘ราจัส’ ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ เวทมนตร์ทั้งหมดไม่อาจกล้ำกรายเขาได้  ‘ไทเทเนีย’ ร้องอย่างตกใจ

“…….ปะ ปีศาจตนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว”

“……”

หลังจากนั้น ‘ฮาเดียส’ ก็เดินโซซัดโซเซเข้ามา ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ ‘ราจัส’ จะร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา แต่ก็ยังคงห่างไกลจากความตายนัก

“โจมตีด้วยเวทมนตร์เข้าไปอีก!”

เสียง ‘ฮาเดียส’ ตะโกนสั่งทหารดังก้องไปทั่ว

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments