I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 41 การต่อสู้ที่เกิดขึ้นราวกับสายฟ้าฟาด

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1269 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“ทุกคน…..”

‘เรอิจิ’  และคนอื่นๆกำลังต่อสู้กับ ‘ราจัส’ อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่อาจทำอะไรได้ คนคนนั้นคือ ‘มิซึกิ’  ไม่ว่าจะเป็น ‘เรอิจิ’   ‘ไทเทเนี’ ย หรือแม้แต่เจ้าหญิงของจักรวรรดิเองก็ยังทุ่มเทในการต่อสู้ครั้งนี้

‘ซุยเมย์’ ที่ถูกใช้เป็นเหยื่อล่อตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แต่เธอทำอะไรบ้าง เธอทำได้แค่หลบอยู่หลังอัศวินและรอดูเพียงเท่านั้น หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน เพื่อนของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย

แต่ความหวาดกลัวในใจของหญิงสาวก็ยังคงบาดลึกลงไปทุกที  ‘เรอิจิ’ รีบมาที่นี่เมื่อได้ยินว่า ‘ซุยเมย์’ มีอันตราย ถ้าฉันตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นบ้างเขาก็คงจะทำแบบเดียวกัน มโนธรรมในใจเขาทำให้เขาเป็นคนแบบนั้น

แต่เธอล่ะ… เธอกลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินว่า ‘ซุยเมย์’ กำลังตกอยู่ในอันตราย หยุดอยู่ตรงนั้นจนกระทั้ง ‘เรอิจิ’ วกม้ากลับมา ถ้าเธอยังคงทำตัวไร้ประโยชน์อยู่แบบนี้ เพื่อนและคนสำคัญของเธอ จะต้องหมดแรงไปก่อนแน่นอน

ในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับปีศาจอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอควรจะทำอะไรบ้างเพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วง (ฉัน…..ควรจะทำอะไรดี) ฉันนี่มันช่างไร้ประโยชน์จริงๆ ทำได้แค่เป็นตัวถ่วงต้องรอให้เรอิจิมาปกป้อง

แม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเจ้าหญิง ‘ไทเทเนีย’  ยังลงไปต่อสู้ในสนามรบได้เลย แต่เธอกลับทำได้แค่เฝ้ามองเท่านั้น (……มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้บ้างนะ?) ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่างในตอนนี้  แล้วเอาแต่คอยให้คนอื่นมาปกป้อง ไม่ช้าก็คงไม่มีใครต้องการฉันอีก

คิดสิ ว่าความสามารถของฉันในตอนนี้มันจะพอทำอะไรได้บ้าง สิ่งที่เธอพอจะทำได้ แม้ว่าเธอจะสามารถใช้เวทมนตร์ได้บ้างหลังจากที่ถูกมายังโลกนี้แล้ว มันก็คงไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้นี้นัก เพราะกราเซลลาที่ใช้เวทมนตร์ขั้นสูงก็ยังไม่สามารถเอาชนะขุนพลปีศาจได้ (เวทมนตร์งั้นเหรอ…..) ลมหายใจแห่งไป ที่สามารถละลายได้แม้กระทั่งนั้นแข็งในนรก

“อ่า….”

ทันทีที่สงบใจลงได้ ภาพบางอย่างก็ฉายชัดในสมองของเธอ สัญชาตญาณของเธอบอกว่า เวทมนตร์นี้มันจะได้ผล แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังคงจำเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ ‘เฟลเมเนีย’ และ ‘ไทเทเนีย’ ใช้เวทมนตร์มั้นก็ดังก้องอยู่ในหัวของเธอ หรือแม้แต่ตอนที่ ‘เรอิจิ’ ฝึกใช้เวทมนตร์ครั้งแรกเธอก็รับรู้ถึงมันได้เช่นกัน

ใช่แล้ว ในตอนนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้กล้า และมีมีพลังอย่างผู้กล้า แต่เธอก็สามารถทำอะไรก็ตามที่ผู้ทำได้เช่นกัน และเธอก็กระโดดลงจากหลังม้า

“ ‘มิซึกิโดโนะ’  มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”

“มิซึกิ!”

‘ลุค’ และ ‘เรอิจิ’ ตะโกนเพื่อหยุดเธอ แต่ว่า เธอจะไม่ทำแบบนั้นหรอก เธอไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกแล้ว เธออยากไปอยู่กับเขา กับเพื่อนๆทุกคน และก็มาถึง ยังใจกลางสนามรบ ด้านหลัง ‘ราจัส’  เผชิญหน้ากับทหาร แต่ก็ยังไม่สามารถใช้เวทมนตร์ไฟนั่นในตอนนี้ได้

“อะไร……..”

“……”

‘ราจัส’ หันกลับมา เพียงแค่ถูกสายตาเย็บเยียบนั่นจ้องมอง เธอก็ตัวแข็งทื่อแล้ว ก่อนหน้านี้ทุกคนกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ได้ยังไงนะ ต่อน่าสิ่งนี้ เธอจะสามารถสู้ได้จริงๆเหรอ

“ทำอะไรน่ะมิซึกิ กลับมานี่เลยนะ”

“โฮ้ เด็กผู้หญิงงั้นเหรอ ใจกล้าน่าดูเลยนี่”

เสียงของ ‘ไทเทเนีย’ และ ‘ราจัส’ ดังขึ้นในหัวของเธอ  ‘มิซึกกิ’ เหลือมมองแขนขนาดยักษ์ที่ใกล้เข้ามาอย่างหวาดกลัว แม้ว่าสมองจะสั่งให้หลบ แต่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตาม …..ฉันนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ ความคิดนั้นผุดขึ้นมา

ฉันไม่มีวันเป็นอย่างผู้กล้าได้จริงๆด้วย

“หลบไป”

เสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและโหดร้ายนั้นดังขึ้น

“ไม่….”

เสียงที่หลุดออกจากปากเธอแผ่วเบาราวกับเสียงของแมลง เธอรู้สึกแบบนั้น

“อั๊ค อ๊ากกกก”

‘มิซึกิ’ พึมพำบางอย่าง จากนั้น ‘ราจัส’ ก็ร้องโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมาน เหมือนกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้

มันคือความทุกข์ทรมานที่เอ่อล้นออกมาจากภายใน จากนั้นก็มีสายฟ้าสีขาวพรั่งพรูออกมาจากบาดแผลของ ‘ราจัส’

“อ๊ากกก แกทำอะไร แกทำอะไรกับข้ากันแน่”

เสียงสาปแช่งปนกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่กระนั้นสายฟ้ากระยังกระหน่ำออกมาจากตัวของ ‘ราจัส’ ไม่ขาดสาย หลังจากสายฟ้านั้นหยุดลง  ‘ราจัส’ ก็นอนอย่างหมดสภาพอยู่ที่พื้นแล้ว  ‘เรอิจิ’ เคลื่อนไหวทันที ครั้งนี้จะต้องไม่พลาดแน่ ถ้าครั้งนี้พลาดพวกเขาคงจะไม่รอดกันแล้ว  ‘เรอิจิ’ ผละออกจาก ‘ไทเทเนีย’

ก่อนจะเรียกใช้เวทเสริมพลังกาย และปักดาบลงไปยังกลางอกของ ‘ราจัส’ ทันที  ‘ราจัส’ ที่พยายามขยับจากผลของฟ้าผ่า เมือถูกดาบศักดิ์สิทธิ์เสียบเข้ายังกลางลำตัวทะลุไปถึงพื้นดินก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

“อั๊ค อ๊ากกกกกก”

‘เรอิจิ’ คำรามจนอากาศยังสั่นไหว พร้อมกับดันดาบศักดิ์สิทิ์ให้แทงทะลุ ‘ราจัส’ ลงไปอีก

“อั๊ค มนุษย์…..พวกเจ้านี่มันโง่เง่าจริงๆ”

แม้จะแปลกใจแต่ ‘เรอิจิ’ ก็ยังคงไม่ปล่อยมือออกจากดาบ มิหนำซ้ำยังกดแรงลงไปเพิ่มอีก  ‘ราจัส’ ที่ถูกทั้งสายฟ้าและดาบศักดิ์สิทธิ์เล่นงานก็นอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าและเจ็บปวด

“ถ้าเจ้านั่น เจ้าหมอนั่น อยู่ที่นี่ละก็……..”

“ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือมนุษย์งั้นเหรอ?”

“ใช่! เจ้าหมอนั่น เจ้าผู้ชายในชุดสีดำคนนั้นใช้เวทมนตร์แปลกๆ ถล่มกองทัพของข้าย่อยยับไปจนหมด เหลือแค่ข้าคนเดียว อั๊ค….”

แม้จะเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิต  ‘ราจัส’ ก็ยังไม่วายโอ้อวดตัวเองอยู่ดี ทันใดนั้นเอง  ‘เฟลเมเนีย’ ได้เดินออกมายังเบื้องหน้าของ ‘ราจัส’

“มีอะไร…..”

จอมเวทซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว ถอนหายใจก่อนจะถามราจัสออกมาช้าๆ

“ปีศาจ ฉันขอถามอะไรหน่อย”

“อะไร?”

“แกพูดว่าผู้ชายในชุดสีดำสินะ”

“มีอะไร … ?”

ใบหน้าของราจัสมีเหงื่อไหลซึมออกมาอย่างน่าสงสัย หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก  ‘เฟลเมเนีย’ ถามออกมาอย่างลังเล

“ผู้ชายชุดดำที่ว่า เขาพูดว่าเป็นผู้ใช้เวทใช่มั้ย?”

“กะ-แกเป็นใคร แกรู้จักเจ้านั่นงั้นเหรอ อั๊ค……”

เพียงแค่ได้ยินเช่นนั้น ‘ราจัส’ ก็เกิดอาการบ้าคลั่งทันที ขุนพลปีศาจกู่ร้องอย่างโกรธแค้น ก่อนที่ความเจ็บปวดจะเข้าเล่นงานจนต้องนอนนิ่งๆอีกครั้ง เมื่อ ‘เฟลเมเนีย’ นึกถึงดวงตาสีอำพันของชายคนนั้น ก็อดที่จะเห็นใจ ‘ราจัส’ ไม่ได้

“ทำไมต้องมองข้าด้วยสายตาสงสารแบบนั้น?”

“เพราะเขาคนที่ว่านั่นแหละ….”

“เจ้ารู้จักเจ้านั่นงั้นเรอะ งั้นข้าก็คงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว”

“อ่า ถ้าเป็นเขาคนนั้น แม้แต่ฉันเองก็เอาชนะไม่ได้เหมือนกัน….”

แน่นอนว่า ‘ราจัส’ เป็นศัตรูที่น่ากลัวมาก หากว่าเขาไม่ผ่านการต่อสู้ที่สาหัสมาก่อน แค่พลังกายหรือเวทมนตร์ของพวกเธอคงไม่อาจจะเอาชนะเขาได้

ไม่นานนักสายฟ้าก็เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของ ‘ราจัส’  ก่อนที่มันจะรวมตัวกันและระเบิดออกมาเป็นลำแสงขนาดใหญ่ ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่แทงทะลุราจัสเองก็ถูกเผาพลาญจากสายฟ้านี้ไปด้วยเช่นกัน ★

“มิซึกิ!”

หลังจากที่ ‘ราจัส’ หายไปพร้อมกับสายฟ้าแล้ว  ‘ไทเทเนีย’ รีบตะโกนหา ‘มิซึกิ’ ทันที  ‘มิซึกิ’ ซึ่งกำลังตกอยู่ในความสับสน จากการตายของ ‘ราจัส’ อยู่ ตัวของเธอแข็งทื่อและมือก็สั่น ความหวาดกลัวนั้นยังคงไม่หายไปไหน  ‘เรอิจิ’ เดินเข้ามาหาเธอด้วยความประหลาดใจ

“ ‘มิซึกิ’ เป็นอะไรรึเปล่า……”

“ฉันขอโทษ แต่ฉัน ฉันทนดูอยู่เฉยๆไม่ได้ ฉันต้องทำมัน”

หน้าของหญิงสาวเริ่มซีดลง ในขณะที่เธอพูดบางอย่างกับ ‘เรอิจิ’  เธอเห็นมือของเขาสั่น  ‘ไทเทเนีย’ รีบตรงเข้าไปจับมือของมิซึกิทันที

“เธอฆ่าขุนพลปีศาจราจัสได้ยังไงน่ะ”

“……มัน มีคาถาบางอย่างผุดขึ้นมาให้หัวของฉัน บางอย่างบอกกับฉันว่ามันสามารถใช้ฆ่าปีศาจได้ เพราะแบบนั้น…..”

เมื่อหญิงสาวขอโทษ  ‘เรอิจิ’ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ดีแล้วที่เธอไม่เป็นอะไร……..”

“……..อืม”

………หลังจากทุกอย่างสิ้นสุด  ‘ฮาเดียส’ ได้สั่งให้ทหารออกไปลาดตระเวนรอบๆ ก่อนที่ ‘ไทเทเนีย’ จะถาม ‘เฟลเมเนีย’ อีกครั้ง

“เปลวไฟสีขาว ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ?”

‘เฟลเมเนีย’ ขมวดคิ้วกับที่ทางของไทเทเนีย ก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้าให้

“เปลวไฟสีขาวตอนที่คุณคุยกับปีศาจ คุณรู้ใช้มั้ยค่ะว่าทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของใคร?”

‘เฟลเมเนีย’ ยังคงเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?ชื่ออะไร?”

‘กราเซลลา ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง และถามขึ้นอย่างไร้มารยาท ‘เฟลเมเนีย’ ตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ขอโทษด้วยค่ะ เรื่องนี้ฉันไม่สามารถตอบได้”

“……ทำไมล่ะ?”

“มันเป็นความลับค่ะ อีกอย่างองค์หญิง ‘กราเซลลา’ก็เป็นคนของประเทศอื่น”

“เรื่องของกองทัพปีศาจหรือขุนพลปีศาจราจัสถูกกำจัดโดยคนคนเดียวเป็นเรื่องใหญ่มากนะค่ะ? มันใหญ่เกินกว่าความลับอะไรนั่นของคุณ เพราะงั้นบอกฉันมาเถอะค่ะ”

คำตอบของ ‘เฟลเมเนีย’ ไม่ทำให้ ‘กราเซลลา’ รู้สึกอะไร เธอยังคงเดินหน้ากดดันเพื่อเอาคำตอบต่อไป คนที่มีพลังอำนาจมากพอที่จะกวาดล้างกองทัพปีศาจและทำให้สภาพแวดล้อมกลายเป็นแบบนี้ได้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าหากดึงตัวเข้ามาเป็นพวกได้คงจะเป็นประโยชน์มหาศาล แต่ ‘เฟลเมเนีย’ ก็ยังคงนิ่งเฉย

“ความลับก็คือความลับค่ะ ขนาดประเทศของคุณเองก็ยังไม่เผยแพร่ความลับของเผ่าเทพให้ประเทศพันธมิตรอย่างเราได้รับรู้เลย เพราะงั้นฉันคงตอบอะไรมากไม่ได้”

“………”

ใบหน้าของ ‘กราเซลลา’ กระตุก เธอไม่อาจโต้แย้งกับคำพูดของ ‘เฟลเมเนีย’ ได้ ความลับของอาณาจักร เธอไม่มีสิทธิบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนั้น อีกอย่าง ‘ไทเทเนีย’ และ ‘ฮาเดียส’ ก็อยู่ที่นี่ด้วย เธอยิ่งพูดออกไปไม่ได้เข้าไปอีก  ‘ไทเทเนีย’ เปลี่ยนท่าที

“แล้วฉันละคะ?”

“ขออภัยองค์หญิง”

‘เฟลเมเนีย’ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย และ ‘ฮาเดียส’ ก็พูดขึ้น

“สภาจอมเวทสติงเรย์ แม้แต่องค์หญิง ‘ไทเทเนีย’ พระธิดาของฝ่าบาทก็ตอบไม่ได้งั้นเหรอ?”

“ใช่ค่ะ แม้แต่องค์หญิงก็ไม่มีสิทธิที่จะรู้เรื่องนี้”

“……..”

หมายความว่ายังไง? ทำไมถึงรู้เรื่องนี้ไม่ได้  ‘เรอิจิ’ งงงัน ทั้งๆที่มีคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่ในแอสเทล แต่ ‘เฟลเมเนีย’ ทำไมถึงยืนกรานว่าแม้แต่ ‘ไทเทเนีย’ และ ‘ฮาเดียส’ ก็ไม่มีสิทธิรู้ว่าเขาเป็นใคร  ‘เรอิจิ’ จ้อมมอง ‘เฟลเมเนีย’ ด้วยความสงสัย ขณะที่ ‘เรอิจิ’ คิดเรื่องนั้นอยู่  ‘ฮาเดียส’ ก็พูดขึ้น

“งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน เราจะป่าวประกาศออกไปว่ากองทัพปีศาจทั้งหมดนี้ถูกกำจัดโดยท่านผู้กล้า”

“?!?”

‘เรอิจิ’ ทำหน้าประหลาดใจทันที เมือ ‘ฮาเดียส’ เห็นดังนั้นก็ถามขึ้น

“ตกใจอะไร?”

“เรื่องไร้ยางอายแบบนั้น ผมรับไม่ได้หรอก”

“แน่นอน ข้าเข้าใจ แต่ว่าถ้าทุกคนรู้ว่านี่เป็นฝีมือของผู้กล้ามันจะสร้างประโยชน์ให้เรามหาศาลนะรู้มั้น?”

“แต่ว่า…..”

คำพูดของ ‘ฮาเดียส’ ทำให้ ‘เรอิจิ’ ลังเลที่จะโต้แย้ง แต่ ‘กราเซลลา’ ได้แย้งขึ้นทันที

“ ‘ดยุคฮาเดียส’  คุณคงลืมไปแล้วใช่มั้ยค่ะ ว่าทางเราก็มีส่วนร่วมในการกำจัดปีศาจด้วย”

‘กราเซลลา’ โต้แย้งขึ้น เธอยอมไม่ได้ที่จะให้เรื่องทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของ ‘เรอิจิ’   ‘ฮาเดียส’ ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

“องค์หญิงกราเซลลา พระองค์คงลืมอะไรบางอย่างไป”

“อะไรคะ?”

“พระองค์พาทหารบุกรุกเข้ามาให้เขตแดนของเราโดยไม่ได้รับอนุญาติ”

“คุณ…!”

“ฝ่าบาท ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปมันจะไม่เป็นผลดีกับพระองค์แน่นอน”

“อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ”

หลังจากที่ ‘ฮาเดียส’ ข่มขู่ ‘กราเซลลา’ สำเร็จ เขาก็หันไปสั่งการทหารให้เริ่มกระจายข่าวลือนี้ออกไป  ‘ไทเทเนีย’ ได้แต่มองภาพนั้นอย่างหวาดกลัว

ปล. ไม่ทราบว่า เรื่องนี้ Jikuu Mahou de Isekai to Chikyuu wo Ittarikitari มีคนแปลรึยังครับ พอดีผมพึ่งไปอ่านมาแล้วติดลม เนื้อเรื่องเบาสมองน่าจะช่วยถ่วงน้ำหนักเรื่องนี้ได้พอดีเลย

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments