I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Isekai Mahou wa Okureteru! ตอนที่ 46 เผชิญหน้ากับความมืด

| Isekai Mahou wa Okureteru! | 1124 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘ลิเลียน่า’ เดินนำไปอย่างรวดเร็วจน ‘ซุยเมย์’ ต้องเร่งฝีเท้าตามให้ทัน บางครั้งเธอก็หันมาถามคำถามเขาบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ดูจะไม่ระวังตัวเกินไป

“ยังไงฉันก็เป็นผู้ชายนา…..”

“เมื่อกี้พูดอะไรรึเปล่าน่ะ?”

“เปล่า ไม่มีอะไร ว่าแต่ลิเลียน่า เธอออกมาทำอะไรแถวนี้งั้นเหรอ?”

“……..ลาดตระเวนน่ะ”

ระหว่าง ‘ซุยเมย์’ ก้าวไปบนเส้นทางที่ถูกต้องในการไปหอสมุด และไม่ว่ารู้ว่า ‘ลิเลียน่า’ นั้นเต็มใจที่จะนำหรือไม่ เขาจึงถามขึ้นมาเบาๆ

“มันเป็นหน้าที่ของตำรวจไม่ใช่เหรอ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับทหาร?”

“รู้ด้วยเหรอค่ะ ก็ตามนั้นแหละ แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงไม่สงบนัก บุคลากรก็เลยไม่เพียงพอ”

“เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นเหรอ?”

“ค่ะ ทางที่ดีคุณไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียวนะ”

‘ลิเลียน่า’ ออกปากเตือน ‘ซุยเมย์’

“เรื่องที่ว่านั่นเกิดขึ้นแถวนี้งั้นเหรอ?”

“…….”

“ตอบไม่ได้?”

‘ลิเลียน่า’ ไม่ตอบ เธอมองอย่างนิ่งเงียบจนเขากลัวว่าเธอจะไม่ยอมพูดอะไรออกมากอีก บางที่มันอาจจะเป็นการละลาบละล้วงข้อมูลทางราชการเกินไปก็ได้ หลังจากเงียบไปชั่วครู่  ‘ลิเลียน่า’ ก็เอ่ยปากถาม

“…..ฉันอยากจะถาม”

“ถามอะไรล่ะ?”

“คุณไม่กลัวเหรอ?”

ใบหน้าเล็กๆนั้นเอียงอย่างสงสัย

“หือ จู่ๆก็ถามอะไรขึ้นมาน่ะ”

“ถ้าเป็นคนอื่นต้องตกใจกับคำขู่ของพวกนั้นแล้ว เป็นแบบนั้นตลอดเลย แต่ว่าทำไมถึงเดินเข้ามาช่วยล่ะ?”

“มันก็แค่คำขู่แบบเด็กๆเท่านั้นเอง ทำไมถึงจะต้องกลัว?”

ยิ่งกว่านั้นคือ เขามีเวทมนตร์ที่มีประสิทธิมากกว่านัก และเวทมนตร์ที่ส่งผมต่อสภาพจิตใจก็ยังเป็นหนึ่งในเวทมนตร์ถนัดของเขา และถึงเขาไม่ลงมืออะไรเลย พิษที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของ ‘ลิเลียน่า’  ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะเอาชนะอยู่ดี

“…….งั้นเหรอ? ขอบคุณนะ”

เขาชะงักก่อนจะหันมามองหน้าลิเลียน่า สิ่งที่มองเห็นคือเด็กสาวที่ดูเย็นชาสมกับที่ทำงานเกี่ยวกับการทหาร หรือว่าเขาจะฟังผิด?

“นี่ฉันฟังผิดรึเปล่า”

“ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ผู้บังคับบัญชาสอนฉันว่าทหารก็ไม่ควรประมาท แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความกลัวแค่ไหนก็ตาม”

เมื่อเห็นท่าทีของ ‘ลิเลียน่า’  ‘ซุยเมย์’ ถอนหายใจก่อนจะเงยหน้ามองฟ้า

“เธอกำลังโกหก”

“……..”

“ใช่มั้ยล่ะ ถึงเธอจะพูดว่าเธอวิตกต่อศัตรูเสมอ……แต่สิ่งที่ทำกลับไม่ใช่แบบนั้น”

“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”

“การรักษาระยะห่าง การตอบสนองอย่างรอบคอบ ลมหายใจ”

“……”

“สุดท้ายแล้วเธอก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังฟังเสียงสุนัขเห่า เธอไม่ได้กลัวจริงๆหรอกใช่มั้ย? เธอแทบจะไม่ได้มองว่าพวกนั้นเป็นศัตรูด้วยซ้ำ ถูกรึเปล่า?”

ระว่างที่เขากำลังพูด ‘ลิเลียน่า’ ก็หันไปมองทางร้านอาหารที่มีเด็กๆกำลังเล่นกันอยู่ เหมือนจะรับรู้โดยสัญชาตญาณ เด็กๆรีบแยกย้ายกันไปทันที  ‘ลิเลียน่า’ หันกลับมาอีกครั้ง

“…..ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พลเรือนควรจะรู้”

“อ่าๆ เข้าใจแล้วๆ ว่ามันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน”

‘ซุยเมย์’ กล่าวขอโทษอย่างเสแสร้งก่อนที่ ‘ลิเลียน่า’ จะพึมพำออกมา

“ชื่อล่ะ…….”

“อะไรนะ?”

“ชื่อของคุณไง ฉันยังไม่รู้ชื่อของคุณเลย มันไม่ยุติธรรมที่คุณจะรู้อยู่ฝ่ายเดียว เพราะงั้นรีบบอกมาเร็วๆ”

ในที่สุด ‘ซุยเมย์’ ก็รู้สึกตัวว่าเขายังไม่ได้แนะนำตัว

“ ซุยเมย์ ยาคางิ ”

“ชุยเมะ วาคากิ”

“…….”

“…….อะไร ‘ชุยเมะ’ ”

“ไม่ใช่  ‘ซุยเมย์ ยาคางิ’ ”

“ชุ…..สุ…. ‘ซุยเมย์ ยาคางิ’  แบบนี้เหรอ?”

ชายหนุ่มพยักหน้า หลังจากที่พยายามอย่างหนักในที่สุด ‘ลิเลียน่า’ ก็เลิกพูดชื่อของเขาแบบเพี้ยนๆสักที จากนั้นก็มีชายในเครื่องแบบคนหนึ่งเดินเข้ามา ผมสีเทาอย่างชายวัยกลางคน มีฝักดาบคาดอยู่ที่เอว  ‘ซุยเมย์’ จำชายคนนี้ได้ทันที เขาคือคนเดียวกับที่เดินออกมาจากโบสถ์ในวันนั้น คนที่เลฟิลเลียบอกว่าแข็งแกร่ง หลังจากเห็นพวกเขาชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วทันที

“ ‘ลิเลียน่า’  มาทำอะไรที่นี่?”

“พันเอก……”

‘ลิเลียน่า’ เอ่ยกลับด้วยความประหลาดใจ แต่ก็มีร่องรอยตึงเครียดแฝงอยู่ในน้ำเสียง

“คำตอบล่ะ ‘ลิเลียน่า’ ”

“ตรวจสอบพื้นที่ค่ะ”

“ตรวจสอบพื้นที่? นั่นมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอนี่”

“แต่ว่า-”

“ฟังและทำตาม กลับกองทัพเดี๋ยวนี้”

“……..เอ่อ เขาเป็นใครเหรอ?”

ชายหนุ่มสอดทะลุกลางป้องขึ้นมาหลังจากที่เห็น ‘ลิเลียน่า’ ถูกชายที่เรียกว่าพันเอกนั้นต่อว่าอย่างรุนแรง แต่ชายคนนั้นกลับถามเขาว่า

“คุณเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่กับ ‘ลิเลียน่า’ ”

“อ่า….ผมกำลังหลงทางเพราะไม่คุ้นเคยกับแถวนี้นะ เธอกำลังช่วยผมอยู่”

“อ่า…….”

“ไม่ได้คนจักรวรรดิงั้นเหรอ?”

“ใช่ครับ ไม่ใช่คนแถวนี้”

คำตอบสั้นๆของ ‘ซุยเมย์’  ทำให้พันเอกที่ว่ามองเขาอย่างจับผิด หลังจากตัดสินว่าไม่มีอะไรน่าสงสัย เขาถอนหายใจก่อนพูดเรียบๆ

“เข้าใจแล้ว แต่สถานการณ์ของเมืองหลวงตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก เพราะงั้นพยายามอย่าอยู่คนเดียวในตอนกลางคืนล่ะ”

“ขอบคุณที่เป็นห่วง”

“หอสมุดจักรพรรดิ เดินตรงไปบนถนนนี่ มันอยู่ทางซ้าย”

แปลว่าเขาต้องไปคนเดียวสินะ เขาโค้งศีรษะลงแทนคำของคุณ ก่อนจะถามลิเลียน่า

“……จะไปแล้วงั้นเหรอ”

“ค่ะ”

เมื่อ ‘ลิเลียน่า’ พูดจบชายที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังก็หันหลังกลับก่อนจะเดินออกไป ไม่นานนักร่างของทั้งสองก็หายไป ราวกับว่าไม่เคยมีอยู่มาก่อน

“สรุปว่าเธอไม่เอาขนมแล้วสินะ…….”

‘ซุยเมย์’ พึมพำ แต่ว่าถ้าหากยังอยู่ในจักรวรรดิ ไม่นานก็คงได้พบกันอีก สัญญาแต่ฝ่ายเดียวนั่น สักวันเขาคงได้มีโอกาสทำมันแน่ ……….

‘ลิเลียน่า’ ตอบกับพันเอกคนที่ว่าว่าออกมาลาดตระเวน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่ใช่ตำรวจ บางทีอาจจะมีอะไรลึกลับซับซ้อนกว่าที่คิดก็ได้

“เอาล่ะ…..ที่นี้ฉันคงต้องพึงพาตัวเองเท่านั้นแล้วสินะ?”

“เวลาขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”

‘ซุยเมย์’ ที่เสร็จธุระในหอสมุดแล้วบิดไหล่อย่างเมื่อยขบ หอสมุดจักรพรรดิสมแล้วที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น หนังสือที่มีปริมาณมหาศาล เพียงแค่ตามหาชั้นหนังสือที่ต้องการก็ใช้เวลาล่วงเลยมาถึงเย็นแล้ว

เขาเตือนตัวเองในใจว่าคราวหน้าจะต้องเตรียมตัวมาให้พร้อมกว่านี้ พลางเงยหน้ามองท้องฟ้า ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นคืนเดือนมืด ท้องฟ้าสีดำสนิทนั้นได้ดูดกลืนแสงของดวงจันทร์เข้าไปจนหมด เสียงประตูดังขึ้นจากด้านหลัง

“ขอโทษนะค่ะ?……โอ้  ‘ยาคางิซัง’ ”

“โอ้ คุณบรรณารักษ์”

คนที่ช่วยแนะนำเรื่องราวในหอสมุดในวันนี้ให้ ‘ซุยเมย์’ คือเอลฟ์ชายที่มีชือ ‘โรมิอง’  เขาสวมชุดเจ้าหน้าที่ของหอสมุดและแนะนำตัวเองว่าเป็นเอลฟ์

“วันนี้ขอบคุณมากนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงซะผมก็เป็นเจ้าหน้าที่ของหอสมุดนะ”

เขากล่าวอย่างถ่อมตัว  ‘ซุยเมย์’ ตอบกลับอย่างร่าเริง

“แปลว่ามันทำได้ง่ายมากเลยใช่มั้ยครับ?”

“เอลฟ์มีช่วงความทรงจำที่ยาวนานครับ”

นั่นคือตัวตนของเอลฟ์ในโลกนี้ ความสามารถที่มีคือความทรงจำที่ยาวนาน พวกเขาต่างจากมนุษย์ตรงที่ไร้พลังใดๆ แต่ก็สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวได้เป็นการแลกเปลี่ยนกับสิ่งนั้น

หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย  ‘โรมิอง’ ก็ผละจาก ‘ซุยเมย์’ ไป  ‘ซุยเมย์’ ตัดสินใจเดินไปในฝั่งตรงข้าม เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าถนนแต่ละสายนั้นทอดยาวไปไหน เขาจึงตัดสินใจว่าจะใช้เส้นทางเดียวกับขามา

“…….”

บนทางเดินที่ทอดยาวนั้น กลับมือสลัวราวกับว่าแสงส่องผ่านไปไม่ถึง เหมือนกับว่ามันถูกแยกออกจากตัวเมืองและดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศ มันมืดอย่างผิดธรรมชาติ ทั้งๆที่อยู่ห่างหอสมุดมาไม่มาก และไม่มีอะไรมาบดบังท้องฟ้าแท้ๆ

แต่กลังไม่มีแสงส่องลงมากระทบพื้นผิดใดๆเลย กลิ่นไอของเวทมนตร์ (กำแพงเวทงั้นเหรอ? นึกว่าในโลกนี้จะไม่มีซะอีก…..อืม ดูเหมือนว่าจะเป็นพื้นที่ที่ทำให้แสงจางลง เอาไว้ดูดซับแสงสินะ…..)

เขามองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง ผลจากเวทมนตร์ที่เห็นอยู่นี้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเวทแห่งความมืด ที่จะทำให้สถานที่นี้ตกอยู่ภายใต้ความมืดมิดไปจนกว่ารุ่งอรุณจะมาเยือน ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง

“ช่วยด้วย!!! ช่วยฉันด้วย…….”

“หือ?”

เขารับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังวิ่งออกมาจากเส้นทางนั้น-เกิดอะไรขึ้น?

“นี่ ขอร้องล่ะ! ช่วยฉันด้วย!”

“ก็ได้ๆ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น?”

‘ซุยเมย์’ ถามก่อจะเดินไปข้างหน้า ไม่นานคนที่ว่านั้นก็สะดุดล้มลง เขาจึงรีบเข้าไปถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า คนที่ว่าจับมือเขาไว้แน่น ก่อนจะชี้ไปทางความมืดนั้น

“นั่น! มันอยู่ตรงนั้น……”

“!!?”

‘ซุยเมย์’ พยายามถามคนคนที่ขอความช่วยเหลือว่าทำไมแถวนี้ถึงมีความมืดหนาแน่นนัก ชั่วครู่ความมืดแถวนี้ก็หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักก็มีร่างในชุดคลุมสีดำ ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเขา

“มันมาแล้ว!มันมาแล้ว!”

“……..”

เสื้อคลุมสีดำสนิทนั้นจองลงมาที่ชายผู้ซึ่งกำลังตัวสั่นและกรีดร้อง เมื่อ ‘ซุยเมย์’ มองขึ้นไปก็พบว่าดวงตาสีดำสนิทของคนที่ถูกเรียกว่าพันเอก (ผู้ชายคนนี้มัน…..)

คำตอบบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองของเขา หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่มีคนอาการสาหัสมากมายในเมืองหลวง สถานการณ์แบบนี้ บางทีอาจจะต้อง ระหว่างที่ความตึงเครีดของเขาพุ่งขึ้นในจุดสูงสุด เงานั้นก็หายไปในความมืด

“รอดแล้ว…….”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น……”

ชายผู้ถูกไล่ล่านั้น ‘ซุยเมย์’ จำได้ทันทีว่าเป็นคนที่ข่มขู่เขาก่อนหน้านี้ หากเป้าหมายของเงาคือชายคนนี้แล้วละก็ มันน่าจะต้องมีเหตุผลที่มากกว่าความขัดแย้งแน่ๆ แต่ว่าอะไรคือเหตุผลนั้นกัน

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments